สามกระบวนท่าของซือถูคง!
วรยุทธ์ของซือถูคงอยู่ในระดับใดนั้น เขาก็คือยอดฝีมือระดับหนิงกังขั้นเก้า และอีกเพียงแค่ก้าวเดียวเขาก็จะทะลวงขึ้นสู่ระดับหยวนตานแล้ว
แล้วมู่เฟิงเล่า? วรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ขั้นเก้า วรยุทธ์ของพวกเขาต่างกันไปไกลลิบ หากจะอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆ ก็คงต้องกล่าวต่างกันราวฟ้ากับดินเลยทีเดียว
มู่เฟิงขมวดคิ้วพลางหรี่ตาลงโดยไม่ได้กล่าวอะไรออกมา ในใจมีเพียงร่องรอยของความโกรธที่เริ่มปะทุขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่าซือถูคงตั้งใจจะสร้างความวุ่นวายให้เขา
“รับมือท่านสามกระบวนท่า ศิษย์พี่ซือถูล้อเล่นแล้ว หากว่าข้ามู่เฟิงท้าประลองกับบัณฑิตระดับทงม่ายขั้นเก้า ท่านคิดว่าคนผู้นั้นจะตอบรับหรือไม่?”
มู่เฟิงตอบกลับอย่างเ็า เขาไม่ได้โง่เขลาขนาดจะปล่อยให้ตนถูกทำร้ายจนตาย
“เ้าวางใจเถอะ ข้าจะไม่ใช้ทักษะพลังปราณ เป็เพียงการโจมตีทั่วไปเท่านั้น หากว่าเ้าสามารถรับมือข้าได้ครบทั้งสามกระบวนท่า เื่ราวทั้งหมดระหว่างเราก็จะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
ซือถูคงกล่าวอย่างเ็าเช่นกัน
ส่วนข่งเซวียนเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างก็ยืนอย่างสงบโดยไม่ได้ทำอะไร ไม่รู้ว่าตอนนี้นางกำลังคิดอะไรอยู่
สีหน้าของมู่เฟิงพลันมืดครึ้มลงจนไม่น่ามอง หากว่าซือถูคงยังยืนกรานที่จะสร้างปัญหาให้กับเขา เกรงว่าต่อไปชีวิตในสำนักศึกษาของเขาคงไม่ง่ายแล้ว
ภายในใจของเด็กหนุ่มรับรู้ได้ถึงความอัปยศที่กำลังก่อขึ้น แน่นอนว่านิสัยของเขาไม่ใช่คนที่จะยอมเมื่อถูกข่มเหง
“มู่เฟิง เ้ายอมขอโทษข้าเสียเถอะ ขอเพียงเ้ายอมขอโทษ ข้าก็จะยกโทษให้เ้า”
ทันใดนั้นข่งเซวียนเอ๋อร์ก็หันมากล่าวกับมู่เฟิง แววตาของนางราวกับว่ามีร่องรอยของความสงสารเห็นใจอยู่ในนั้น
“ขอโทษ? ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด เหตุใดข้าต้องขอโทษ ตกลง ข้าจะยอมรับสามกระบวนท่าของท่าน”
มู่เฟิงเหลือบตามองไปทางข่งเซวียนเอ๋อร์อย่างไม่แยแส ั์ตาสีโลหิตของเขาดูเย็นะเืขึ้นมาฉับพลัน จากนั้นเขาก็หันไปกล่าวกับซือถูคง
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดสายตาอันเ็าเมื่อครู่ถึงทำให้ข่งเซวียนเอ๋อร์รู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย
“นึกไม่ถึงว่าจะยอมตกลง”
เหล่าบัณฑิตที่อยู่โดยรอบต่างก็รู้สึกตกตะลึง
หลังจากมู่เฟิงตอบรับ เขาก็หันหลังกลับและเดินลงไปด้านล่างหอคอยทันที ตามมาด้วยซือถูคงและพรรคพวกของเขา
บัณฑิตที่อยู่บนชั้นสี่ต่างก็ล้มเลิกการฝึกฝนและตามลงไปดูสถานการณ์ด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน
ภายในลานโล่งกว้างใกล้กับหอคอยเทียนอวิ่น คนกลุ่มใหญ่กำลังมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ โดยสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่เงาร่างของคนสองคนที่อยู่กลางจัตุรัส
“เฮ้ นั่นมันซือถูคงไม่ใช่หรือ เกิดอะไรขึ้นกัน? ว่าแต่คนที่อยู่ตรงข้ามเขาคือใครกัน”
“เด็กหนุ่มผู้นั้นคือมู่เฟิง อันดับหนึ่งของการประเมินบัณฑิตใหม่รุ่นนี้อย่างไรเล่า ได้ยินมาว่าเขาทำให้ซือถูคงขุ่นเคือง ซือถูคงจึงท้าเขาให้รับมือสามกระบวนท่า”
“ไม่มีทางหรอก หากบัณฑิตใหม่ต้องรับมือกับซือถูคงถึงสามกระบวนท่า นั่นไม่ใช่การรนหาที่ตายหรอกหรือ”
“ถูกต้องแล้ว วรยุทธ์ของซือถูคงนั้นแข็งแกร่งระดับใด เขาคือยอดฝีมืออันดับสามของสำนักศึกษาเชียวนะ บัณฑิตใหม่ผู้นั้นกล้ามายั่วยุเขา ช่างรนหาที่ตายโดยแท้ แต่ก็ดีจะได้เป็บทเรียนให้แก่เขา”
ผู้คนจำนวนมากที่กำลังเข้าออกหอคอยเทียนอวิ่นต่างก็ให้ความสนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ผ่านไปไม่นานก็มีคนกลุ่มใหญ่เข้ามาล้อมวงเพื่อดูสถานการณ์
ในเวลานี้ มู่เฟิงกับซือถูคงกำลังจ้องหน้ากันตาไม่กะพริบ ระหว่างพวกเขามีระยะห่างราวๆ สิบเมตร ซือถูคงเป็ฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนอย่างเ็าว่า “มู่เฟิง ตอนนี้ยังมีเวลาให้เ้ายอมรับความผิดและกล่าวขอโทษนะ”
“ศิษย์พี่ เรามาเริ่มกันเลยเถอะ”
มู่เฟิงตอบกลับอย่างเฉยเมยเช่นกัน
ซือถูคงหรี่ตาลงเล็กน้อย พลางคิดในใจว่ามู่เฟิงไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเอาเสียเลย
ทันใดนั้นร่างกายของชายหนุ่มพลันปรากฏพลังกังชี่สีครามห่อหุ้มเอาไว้ ชุดคลุมที่สวมใส่อยู่บนร่างปลิวสะบัดโดยไม่มีคลื่นลม ก่อนที่เขาจะส่งคลื่นพลังสะกดข่มออกไปกดทับร่างของมู่เฟิง
พลังกังชี่ของซือถูคงไม่ใช่พลังธรรมดาทั่วไป แต่เป็พลังกังชี่ธาตุลม และเมื่อมันหลอมรวมเข้ากับพลังกังชี่ธรรมดาแล้ว มันก็ยิ่งทรงพลังมากขึ้นไปอีก
เมื่อคลื่นพลังสะกดข่มกดทับลงมา มู่เฟิงก็เริ่มโคจรเคล็ดวิชาชูร่าแห่งาทันที สายเืาภายในร่างของเด็กหนุ่มเดือดพล่าน มันต้านทานพลังสะกดข่มเ่าั้ทันที
เส้นผมสีขาวยาวปลิวไสว ใบหน้าของมู่เฟิงยังคงเด็ดเดี่ยวและมั่นคง ั์ตาสีโลหิตทอประกาย จากนั้นตราสัญลักษณ์สีโลหิตก็ปรากฏขึ้นตรงหว่างคิ้วของเขา พร้อมกับกลิ่นอายของความดุร้ายและกระหายเืที่เริ่มแผ่ออกมาจากร่างกายของมู่เฟิง
ซือถูคงยกฝ่ามือขึ้นด้วยท่าทางสงบนิ่ง ฉับพลันนั้นพลังกังหยวนธาตุลมก็ควบแน่นขึ้นที่กลางฝ่ามือของเขา จากนั้นฝ่ามือก็เปล่งแสงสีครามออกมา
ท่าทางเช่นนี้ดูราวกับว่าเขาเพียงแค่เลือกการโจมตีออกมาส่งๆ โดยไม่ได้ใส่ใจมากนัก พรึ่บ! ปรากฏคมดาบขึ้นกลางฝ่ามือและตวัดออกไปทางมู่เฟิงทันที เสียงคมดาบพุ่งแหวกอากาศดังหวีดหวิว คลื่นพลังอันรุนแรงที่แผ่ออกมานั้นก็เหมือนกับว่าปราณดาบนี้้าจะผ่าร่างของมู่เฟิงออกเป็สองท่อน
ลำพังแค่การโจมตีแบบไม่ได้ตั้งใจของเขายังทรงพลังมากจนสามารถตัดโลหะหรือผ่าศิลาได้เลยทีเดียว
วินาทีถัดมามู่เฟิงก็ะเิพลังปราณภายในร่างกาย พลังปราณถูกรวบรวมไปไว้ที่ดรรชนีนิ้วทั้งสองในทันที
ฉึก! ฉึก!
ลำแสงสีทองของดรรชนีนิ้วทั้งสองสายพุ่งทะลวงผ่านอากาศไปทางปราณดาบสีคราม
ปัง!
ลำแสงสีทองของดรรชนีนิ้วปะทะเข้ากับปราณดาบ ผลลัพธ์คือลำแสงดรรชนีนิ้วถูกทำลายลงโดสิ้นเชิง ส่วนปราณดาบยังคงกวาดออกไปข้างหน้า ทว่าอานุภาพพลังของมันก็ลดลงไปมากเช่นกัน
“หมัดทะลวงลมปราณ!”
มู่เฟิงแผดเสียงคำรามออกมาอย่างดุดันพร้อมกับปล่อยพลังหมัดออกไป เสียงกระดูกลั่นดังขึ้นติดต่อกันสิบสองครั้ง ก่อนที่พลังหมัดจะพุ่งทะลวงเข้าไปปะทะกับคมดาบและทำลายมันทิ้งไปในทันที แต่พลังกังหยวนธาตุลมที่ถูกบรรจุอยู่ในปราณดาบนั้นยังคงสาดซัดเข้าใส่มู่เฟิงอย่างแรง คลื่นพลังนี้ฉีกกระชากเสื้อผ้าของเขา ทั้งยังทิ้งรอยเืเอาไว้ไม่น้อย
มู่เฟิงถอยหลังออกไปสองก้าว ก่อนจะหยัดยืนได้อย่างมั่นคง
“หนึ่งกระบวนท่า”
มู่เฟิงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“คิดไม่ถึงว่าเขาจะรับมือได้!”
“ลำแสงดรรชนีนิ้วเมื่อครู่ของเขาก็นับว่าไม่ธรรมดาเลย พิจารณาจากอานุภาพพลังของมัน คาดว่าคงเป็วิชาที่อยู่ในระดับธาตุทองขั้นสูง อีกทั้งเขายังฝึกจนบรรลุระดับสมบูรณ์แล้ว”
ฝูงชนที่รับชมอยู่รอบๆ ต่างก็คาดไม่ถึงว่าจะมีผลลัพธ์เช่นนี้
ซือถูคงหรี่ตาลง ส่วนข่งเซวียนเอ๋อร์ก็จ้องมองมู่เฟิงที่ได้รับาเ็จากการโจมตีเมื่อครู่เพียงเล็กน้อย แน่นอนว่าภายในใจของนางไม่พอใจกับผลลัพธ์นี้
“นับว่าไม่เลว ต่อไปกระบวนท่าที่สอง!”
บนฝ่ามือของซือถูคงพลันมีพลังกังหยวนธาตุลมสีครามควบแน่นขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้มันก่อตัวขึ้นเป็บอลแสงสีครามลูกหนึ่ง
แม้ว่าบอลแสงลูกนี้จะไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจากทักษะพลังปราณ แต่มันก็ได้รวบรวมพลังกังหยวนธาตุลมอันทรงพลังเอาไว้
บอลแสงลูกรวบรวมพลังกังหยวนธาตุลมเอาไว้จนมีขนาดเท่ากับลูกบาส คลื่นพลังที่แผ่ออกมาจากมันทำให้สามารถคาดเดาได้ว่าอานุภาพของบอลแสงลูกนี้จะทรงพลังมากเพียงใด และเพียงแค่ซือถูคงขยับฝ่ามือเล็กน้อย บอลแสงลูกนั้นก็พุ่งทะลวงเข้าหามู่เฟิงในทันที เสียงทะลวงผ่านอากาศของมันดังเสียดหู
การโจมตีครั้งนี้ของเขามากพอที่จะทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ที่เพิ่งจะก้าวเข้าสู่ระดับหนิงกังได้รับาเ็สาหัส
“จบแล้ว เ้าเด็กนั่นจบเห่แน่”
เมื่อหลายคนััได้ถึงพลังอันรุนแรงของการโจมตีในครั้งนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตระหนก
“ะเิหมัดเก้าเพลิงสุริยา หมัดเพลิง!”
มู่เฟิงแผดเสียงคำรามออกมาอย่างดุดัน พลังปราณภายในร่างของเขาถูกเผาผลาญให้กลายเป็พลังปราณเพลิงและถูกส่งไปยังกำปั้นของเขาโดยตรง
เด็กหนุ่มะเิพลังหมัดออกมา หมัดนี้ของเขาลุกโชนด้วยเปลวเพลิงสีแดงเข้ม มันพุ่งทะลวงผ่านอากาศเข้าไปปะทะกับบอลแสงสีครามลูกนั้นทันที
ปัง…!
เมื่อพลังทั้งสองสายพุ่งเข้าปะทะกัน คลื่นพลังก็ะเิสาดซัดออกไปรอบๆ ทันใด โดยเฉพาะคลื่นพลังกังหยวนธาตุลมที่กำลังปกคลุมไปทั่วบริเวณ
พรึ่บ...!
มู่เฟิงถูกคลื่นพลังกังหยวนธาตุลมจู่โจมจนต้องถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังกระอักเืออกมา เขาก้าวถอยไปเจ็ดถึงแปดก้าวกว่าจะสามารถหยัดยืนได้อย่างมั่นคง
มู่เฟิงเช็ดเืตรงมุมปาก ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “กระบวนท่าที่สอง!”
“เ้าหนุ่มนี่...”
ซือถูคงรู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาเล็กน้อย เวลานี้สายตาของคนอื่นๆ ที่กำลังมองมู่เฟิงเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว ไม่มีร่องรอยของการดูถูกเหยียดหยามอีกต่อไป การโจมตีเมื่อครู่ หากเปลี่ยนเป็พวกเขาก็ยังไม่แน่ว่าจะสามารถรับมือได้ แต่มู่เฟิงซึ่งมีวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่กลับสามารถรับมือได้!
คลื่นพลังที่ลอยออกมาจากร่างของซือถูคงเริ่มเดือดพล่านยิ่งขึ้น ราวกับว่าคลื่นพลังที่ปล่อยออกมานี้จะมีความผันผวนและความรุนแรงที่เข้มข้นกว่าเดิม พลังกังชี่ของเขาดุจกำลังแผดเสียงร้องคำรามออกมาสู่ภายนอก
“มู่เฟิง เ้ารีบยอมรับความผิดของเ้าเสีย!”
ข่งเซวียนเอ๋อร์ะโออกมาจากข้างจัตุรัสด้วยความเป็กังวลเล็กน้อย ในการโจมตีสองครั้งนั้น ซือถูคงยังไม่ได้แสดงพลังออกมาเต็มที่เลยดัวยซ้ำ
“ศิษย์ตระกูลมู่ ยอมหักแต่ไม่ยอมงอ”
มู่เฟิงกล่าวอย่างไม่แยแส ั์ตาสีโลหิตของเขาทอประกายแปลกประหลาดออกมา
“มู่เฟิง เป็เ้าที่รนหาเื่เอง”
เพียงแค่ซือถูคงเริ่มก้าวเท้า ชั่วพริบตานั้นร่างของเขาก็พุ่งทะยานเข้าหามู่เฟิงทันที พร้อมกับปล่อยหมัดที่อัดแน่นไว้ด้วยพลังกังหยวนธาตุลมออกไปด้วย หมัดนี้ทะลวงผ่านอากาศพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
‘อัสนีบาตย่ำแปดทิศ!’
มู่เฟิงคำรามขึ้นมาในใจ ทันใดนั้นสายฟ้าอันทรงพลังก็หลั่งไหลเข้าสู่เส้นลมปราณของเขาอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มก้าวเท้าออกมาสี่ก้าวอย่างต่อเนื่อง จากนั้นพลังในร่างของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็สี่เท่าทันที!
มู่เฟิงปล่อยหมัดสีแดงที่อัดแน่นไว้ด้วยพลังสายฟ้าออกมาปะทะเข้ากับหมัดของซือถูคงโดยตรง
ปัง...!
ปรากฏเสียงปะทะกันดังสนั่น สีหน้าของซือถูคงพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย อานุภาพพลังของมู่เฟิงที่ะเิออกมาเพิ่มขึ้นหลายเท่าจนทำให้เขารู้สึกคาดไม่ถึง นอกจากนี้เขายังถูกบีบให้ต้องก้าวถอยออกไปสองก้าวอีกด้วย
ส่วนมู่เฟิงนั้นล้มลงกองไปกับพื้นแล้ว ทั้งยังทิ้งร่องรอยเอาไว้บนพื้นอีกด้วย
แต่ไม่นานเด็กหนุ่มก็หยัดกายลุกขึ้น ก่อนจะยืนตัวตรงได้อย่างมั่นคง เขาปรายตามองซือถูคงและกล่าวอย่างเ็าว่า
“กระบวนท่าที่สาม!”