ตอนที่ 120 วิกฤต
หลังจากทั้งสองฝ่ายพูดคุยพอเป็มารยาทและหยั่งเชิงกันไปมาหลายรอบ อู๋อวี่ก็ไม่ได้คำตอบที่้าจึงลุกขึ้นกล่าวลา
ทันทีที่อู๋อวี่ก้าวออกไป รอยยิ้มบนใบหน้าของอวิ๋นโส่วจงก็หายไป ไม่เพียงเท่านั้น ดวงตาของเขายังค่อยๆ เ็าลง ปล่อยไอสังหารออกมา อวิ๋นโส่วจงคิดฆ่าอู๋อวี่!
ฝ่ายอู๋อวี่ที่เพิ่งออกมาจากกระโจมของอวิ๋นโส่วจงก็ไม่มีรอยยิ้มเช่นกัน เขากลับไปที่กระโจมของตนเอง เขียนจดหมายลับอย่างรวดเร็ว ผนึกด้วยขี้ผึ้ง จากนั้นก็เรียกทหารคนสนิทมา สั่งการเป็การส่วนตัว
หลังจากทหารคนสนิทคนนั้นออกจากกระโจมไปแล้ว เขาก็ควบม้าออกไปทันที ภาพทั้งหมดนี้ตกอยู่ในสายตาของจางหลิงที่คอยจับตาดูเขาอยู่ตลอดเวลา จางหลิงยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากแล้วเป่าปากเสียงแหลม จากนั้นก็รีบเข้าไปในกระโจมของฉู่อี้
“... ข้าน้อยรู้สึกแปลกใจ เหตุใดอู๋อวี่ถึงได้ไปหานายท่านรองอวิ๋นโดยไม่มีสาเหตุเช่นนี้ จึงจับตาดูเขาไว้ ใครจะไปรู้ว่าหลังจากที่เขาออกมาจากกระโจมของนายท่านรองอวิ๋น เขาก็ส่งทหารคนหนึ่งออกไปทันที”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่อี้ก็ขมวดคิ้ว “อืม สกัดจับคนผู้นั้นมาเค้นถามดู”
“ขอรับ!” จางหลิงรับคำสั่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ก่อนจะออกไป
อวิ๋นโส่วจงเองก็จับตาดูความเคลื่อนไหวของอู๋อวี่เช่นกัน เมื่อเห็นว่ามีคนออกมาจากกระโจมของอู๋อวี่และออกจากค่ายไป หัวใจของเขาก็พลันหนักอึ้ง
หากคนผู้นั้นออกไปส่งข่าว เช่นนั้นแล้วต่อให้ตอนนี้เขาฆ่าอู๋อวี่อย่างลับๆ มันก็ยิ่งทำให้เขาดูมีพิรุธ เหงื่อเย็น ๆ ไหลท่วมตัวอวิ๋นโส่วจง
เมื่อรู้ว่าอู๋อวี่จากไปแล้ว อวิ๋นเจียวที่มากับฟางซื่อ เห็นสีหน้าของอวิ๋นโส่วจงไม่สู้ดีจึงเอ่ยถาม “ท่านพ่อ เกิดเื่อันใดขึ้นหรือเ้าคะ?”
อวิ๋นโส่วจงตอบ “ไม่มีอะไรหรอก พอดีเลย เจียวเอ๋อร์ เ้าไปถามท่านโหวหน่อยสิว่ามื้อเที่ยงนี้ อยากจะกินอะไร?”
นี่ท่านพ่อกำลังพยายามไล่นางหรือ? แม้อวิ๋นเจียวจะรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของอวิ๋นโส่วจง แต่ก็ยังคงมุ่งหน้าไปหาฉู่อี้อย่างเชื่อฟัง ท่านพ่อคงมีเื่อยากจะคุยกับท่านแม่เป็การส่วนตัว ไม่อยากให้นางเข้าไปยุ่ง
หลังจากอวิ๋นเจียวออกไปหาฉู่อี้ อวิ๋นโส่วจงก็ดึงฟางซื่อเข้าไปในกระโจม ฟางซื่อเอ่ยถามด้วยความกังวล “เกิดเื่อันใดขึ้นหรือเ้าคะ?”
อวิ๋นโส่วจงพูดด้วยน้ำเสียงแ่เบา “ตอนนั้นที่ชายแดน นายท่านนำทัพบุกไปติดกับดักของพวกต๋าจื่อ... ต่อมาเหล่าสหายต่างก็ตายกันหมด ข้าพยายามอย่างยิ่งกว่าจะพานายท่านออกมาจากกองซากศพได้ เื่นี้เ้ายังจำได้หรือไม่”
ฟางซื่อรีบพูดขึ้น “ข้าจะลืมเื่นี้ได้อย่างไรเล่า ร่างกายท่านโหวก็ได้รับาเ็สาหัสเพราะเื่นี้ กลับเมืองหลวงได้ไม่กี่ปีก็สิ้นใจ ส่วนท่าน... ก็ถือว่าโชคดีที่รอดชีวิตมาได้... เหตุใดจู่ๆ ถึงพูดถึงเื่นี้ขึ้นมาเล่าเ้าคะ?”
อวิ๋นโส่วจงหลับตาลงสูดหายใจเข้าลึก เมื่อลืมตาขึ้นดวงตาก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง “อู๋อวี่... เขาคือก่งซั่ว!”
ฟางซื่อตกตะลึง สีหน้าซีดเผือดในทันที “อะไรนะ? เขาคือก่งซั่วหรือ?”
อวิ๋นโส่วจงพยักหน้า “ใช่ เขาคือก่งซั่ว!” ต่อให้คนผู้นี้กลายเป็เถ้าธุลี เขาก็จำได้ เช่นเดียวกัน ก่งซั่วก็ไม่มีทางลืมเขาเช่นกัน
“เส้นทางการเดินทัพในวันนั้นเป็ความลับ นอกจากท่านโหวแล้ว ก็มีเพียงข้ากับก่งซั่วเท่านั้นที่รู้ หลังจากที่พวกเราถูกล้อม ก่งซั่วก็หายตัวไป... ท่านโหวกับข้าคิดว่าเขาคงตายในสนามรบ พวกเรายังช่วยกันสร้างสุสานเสื้อผ้าให้เขา และมอบเงินชดเชยจำนวนมากให้กับครอบครัวของเขา แต่ไม่คิดเลยว่า... เขาจะเปลี่ยนชื่อแซ่มาซ่อนตัวเป็นายกองอยู่ในกองทหารรักษาการณ์เล็กๆ ที่ห่างไกลแห่งนี้”
วันนี้ได้พบกับก่งซั่ว เขาจึงเข้าใจทุกอย่าง เื่ที่เขาไม่เข้าใจมาหลายปี วันนี้หลังจากที่ก่งซั่วมาลองเชิง เขาก็ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว
“เช่นนั้นก็ฆ่าเขาเสีย ที่นี่เป็เขตโรคระบาด เขาจะติดโรคระบาดตายก็ไม่ใช่เื่แปลก” ฟางซื่อกล่าว ดวงตาแดงก่ำ หากทำได้ นางอยากจะลงมือฆ่าก่งซั่วด้วยตัวเอง
อวิ๋นโส่วจงส่ายศีรษะถอนหายใจ “สายไปเสียแล้ว เขาส่งคนไปส่งข่าวแล้ว”
ฟางซื่อได้ยินก็ถึงกับทรุดตัวลงจนยืนไม่อยู่ อวิ๋นโส่วจงรีบประคองนางให้นั่งลง
“ไม่ต้องกังวล ไม่เป็ไรหรอก ตอนนั้นนายท่านรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล จึงจัดเตรียมตัวตนใหม่ให้พวกเรา ให้เราใช้ชื่อจริงใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวง ด้วยความสามารถของนายท่าน ไม่มีใครสืบหาได้หรอก หากมีคนมาสอบถาม พวกเราก็ปฏิเสธอย่างหนักแน่นไปก็พอ”
“หากไม่ได้ผลจริงๆ พวกเราก็หนีไปแคว้นสู่ ราชสำนักยังไม่สามารถยึดครองแคว้นสู่ได้อย่างสมบูรณ์ แต่หากพวกเราหนีไป ก็จะทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านไหวซู่เดือดร้อนไปด้วย หากไม่ถึงที่สุดจริงๆ...”
ฟางซื่อกล่าว “ถ้าเช่นนั้น พวกเราก็ส่งเจียวเอ๋อร์หนีไปเถิด”
อวิ๋นโส่วจงทำหน้าลำบากใจ “ส่งหนีไปหรือ แล้วจะฝากนางไว้กับใคร? เ้าจะวางใจได้หรือ?”
ฟางซื่อเงียบไป ภายในกระโจมเต็มไปด้วยความกังวล
ในที่สุดอวิ๋นโส่วจงก็เอ่ยขึ้นด้วยความเ็ป “ถึงแม้จะต้องผิดต่อใต้หล้า แต่ข้าจะไม่ยอมให้เจียวเอ๋อร์เป็อันตราย หากจะต้องตกนรก ข้าจะเป็คนรับกรรมเอง”
ฟางซื่อจับมือเขา มองเขาด้วยแววตามุ่งมั่น “หากต้องลงนรก ข้าจะไปพร้อมกับท่าน!”
อวิ๋นโส่วจงดึงฟางซื่อเข้ามากอดแน่น สองสามีภรรยาต่างเงียบไปชั่วขณะ แต่ในใจก็ตัดสินใจได้แล้ว ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด จู่ๆ ก็มีบางอย่างถูกโยนเข้ามา ม่านผ้าของกระโจมไหวไปมา
“นั่นใคร?” อวิ๋นโส่วจงรีบออกไปดู แต่กลับไม่พบใคร
“เป็จดหมาย!”
จดหมายฉบับนี้ถูกมัดด้วยก้อนหินโยนเข้ามา บนจดหมายมีตราประทับขี้ผึ้งปิดผนึกอยู่ ฟางซื่อเปิดจดหมายออกมาอ่าน สีหน้าที่ซีดเซียวอยู่แล้วก็ยิ่งดูแย่ลง
“พบเบาะแสของพวกคนตระกูลไฉที่อำเภอไคอัน ชื่ออวิ๋นโส่วจง อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านไหวซู่ อำเภอจิ่วจิ้น เมืองจิ้งอัน... คนผู้นี้สนิทสนมกับเจิ้นหย่วนโหวเป็อย่างยิ่ง...”
อวิ๋นโส่วจงรับจดหมายมาจากมือของฟางซื่อ พอเห็นลายมือบนนั้น ดวงตาทั้งสองข้างก็แทบลุกเป็ไฟ “เป็ลายมือของเขา เป็เขาแน่ๆ!”
“นายท่านอวิ๋น ท่านโหวมีรับสั่งให้ข้ามาเชิญท่านไปช่วยงานเล็กน้อยขอรับ” ขณะนั้นเสียงของจางหลิงดังมาจากนอกกระโจม อวิ๋นโส่วจงส่งสายตาให้ฟางซื่อเป็เชิงปลอบ จากนั้นก็ออกไป
“ไม่ทราบว่าท่านโหวมีรับสั่งให้ข้าทำอะไรหรือขอรับใต้เท้าจาง?”
จางหลิงกล่าวว่า “ท่านโหวมีของขวัญจะมอบให้นายท่านอวิ๋น เชิญท่านไปกับข้าด้วยขอรับ!”
จางหลิงจูงม้ามาสองตัว เขายื่นบังเหียนของม้าตัวหนึ่งให้อวิ๋นโส่วจง ทั้งสองคนขึ้นม้าพร้อมกัน อวิ๋นโส่วจงควบม้าตามจางหลิงไป
อวิ๋นโส่วจงขี่ม้าตามจางหลิงไปประมาณสองลี้ พวกเขาก็พบกับเนินเขาเตี้ยๆ บนเนินเขามีต้นไม้เขียวชอุ่มปกคลุมอยู่
จางหลิงลงจากหลังม้า แล้วพูดกับอวิ๋นโส่วจงว่า “นายท่านอวิ๋น ของขวัญที่ท่านโหวมอบให้ท่านอยู่ในป่า บริเวณโดยรอบมีทหารของพวกเราเฝ้าอยู่ ไม่มีใครสามารถรบกวนท่านได้อย่างแน่นอน”
“ท่านโหวบอกว่าชีวิตของเขาเป็ท่านที่ช่วยชีวิตเอาไว้ และหากเขาจะยืนหยัดต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ได้ ก็ยังต้องพึ่งพาครอบครัวของท่านช่วยเหลือ ดังนั้นขอให้ท่านอย่าได้เกรงใจ อีกอย่างท่านโหวบอกว่าเขารับผิดชอบเพียงแค่มอบของขวัญให้ ส่วนของขวัญนั้นท่านจะเปิดอย่างไร จะจัดการอย่างไรล้วนเป็สิทธิ์ของท่าน เื่หลังจากนั้นท่านไม่ต้องกังวล ปล่อยให้ข้าจัดการเองขอรับ”
อวิ๋นโส่วจงเข้าใจดีว่าฉู่อี้กำลังพยายามทำให้เขาคลายความกังวลและตายใจ “ข้าไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ใต้เท้าจางพูดสักเท่าไร ท่านโหวจะยืนหยัดอยู่หน้าพระพักตร์ฮ่องเต้อย่างไร ไยต้อง... ให้ข้าช่วยเหลือด้วยเล่า?”
จางหลิงโค้งคำนับ “ข้าจะไม่ปิดบังท่าน ของที่ร้านฝูหรงเซวียนรับซื้อจากบ้านของท่าน ของดีๆ เ่าั้ ล้วนถูกส่งเข้าวังหลวงทั้งสิ้น...”
พูดเพียงเท่านี้ก็พอแล้ว อวิ๋นโส่วจงรู้เื่ที่ฉู่อี้เป็เ้าของร้านฝูหรงเซวียนมานานแล้ว เื่นี้เด็กคนนั้นไม่ได้ปิดบังอวิ๋นเจียว
เขาประสานมือคำนับจางหลิง “เช่นนั้นก็ขอบคุณเจิ้นหย่วนโหวเป็อย่างยิ่ง ไว้ข้าจะกลับไปขอบคุณด้วยตัวเอง” กล่าวจบเขาก็ไม่ถามว่าของขวัญคืออะไร แต่เดินตรงเข้าไปในป่าทันที