การสอบเข้ามหาวิทยาลัย...พังแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลันนี่ฉันสอบได้คะแนนต่ำเป็ประวัติศาสตร์หน้าใหม่เลย ฉันล่ะอยากจะ…
พวกคุณบอกว่าไอคิวของฉันไม่ได้ต่ำไปกว่าคนอื่นแต่ทำไมถึงเรียนหนังสือไม่เข้าหัวซักที? แต่ฉันทำข้อสอบได้ทุกข้อนะ แต่ว่า…ทุกข้อนั้น…ทุกข้อมันผิดอยู่แค่นิดเดียวเท่านั้นเอง…
นิดเดียว เพิ่มเข้าไปนิดเดียวเพิ่มเข้าไปแค่นิดเดียว…ฉันก็กลายเป็คนที่สอบได้คะแนนต่ำที่สุด
ถึงแม้ว่าพ่อของฉันจะไม่เคยดุด่าว่าฉันแต่ว่า แบบนี้มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกแย่ รู้สึกผิด และยิ่งทำให้ฉันรู้สึกละอายใจ
ฉันอยากจะให้พ่อด่าฉันสักครั้งตีฉันสักที หลังจากนั้นก็จับฉันม้วนใส่ผ้าห่มโยนฉันออกนอกบ้านไปเลย
เอ่อ... ดูเหมือนว่าฉันจะไม่มีความสามารถอะไรที่จะมีชีวิตอยู่รอดได้เลยนะเนี่ย
"ติ๊งต่องติ๊งต่อง" เสียงออดที่หน้าประตูดังขึ้นฉันรีบะโออกไป "หนูไปเปิดเองค่ะ"
สอบก็สอบได้ไม่ดีอยู่ที่บ้านก็ต้องทำตัวดีดีหน่อยก็แล้วกัน
่นี้สิ่งที่น่ารำคาญมากที่สุดก็คือพวกมนุษย์ป้านี่แหละเจอพ่อฉันทีไรก็ชอบถามประจำว่าลูกสาวคุณสอบเป็ยังไงบ้าง
ลูกชายฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยชิงฮวาได้แล้วละ
ลูกสาวฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งได้แล้วละ
รำคาญจะตายอยู่แล้ว
อวดกันเข้าไป
ฉันเห็นพ่อได้แต่ยิ้มรับฉันก็รู้สึกแย่ ฉันก็อยากจะให้พ่อกอดอกเชิดหน้าพูดอย่างภาคภูมิใจว่าลูกพวกคุณทำได้แค่นี้เองหรือ ลูกสาวผมนี่สอบเข้ามหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดได้เชียวนะ
เฮ้อ…ฉันเข้าออกซฟอร์ดไม่ได้น่ะสิ ถ้าซินตงฟางก็ยังจะพอไปได้บ้าง
ฉันวิ่งไปที่ประตูอย่างกระฉับกระเฉงหวังว่าจะใช้สองมือที่ขยันหมั่นเพียรคู่นี้สร้างความดีความชอบเพื่อชดเชยความผิดในวันหยุดหน้าร้อนนี้
พอเปิดประตู ฉันก็ถึงกับใ
"ซวย!"
นี่ฉันเห็นอะไรเนี่ย คนชุดดำสองคนงั้นหรือ
สูทดำ แว่นตาดำบนนิ้วกลางยังมีแหวนเพชรสีดำอีก บนแหวนเพชรมีของแปลกๆเหมือนกับลายสัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่คล้ายกับยันต์แปดทิศที่หูของพวกเขายังใส่หูฟังอย่างกับบอดี้การ์ดอีกต่างหาก
คุณลุงร่างกายสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำสองคนยืนอยู่ตรงหน้าฉันด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่งไม่บ่งบอกอะไรอย่างกับเทพเ้าประจำประตู ไม่สิ อย่างกับพวกทวงหนี้นอกระบบที่เห็นในทีวีมากกว่า
"เคยบอกหลายครั้งแล้วนะว่าเป็ผู้หญิงอย่าพูดคำว่าซวย" พ่อฉันเดินออกมาจากในครัวพร้อมกับเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนไปด้วยและฉันก็ได้ยินเสียงพ่อดังขึ้นมา "ซวย"
ถึงแม้ว่าท่านจะพูดเบาๆแต่ฉันก็ยังได้ยินอยู่ดีนั่นแหละ
ฉันเหลือบตาขึ้นมองพ่อ เห็นรึยังล่ะขนาดพ่อยังต้องพูดคำนี้ออกมาเลย
แต่ว่าฉันกลับเห็นสีหน้าของพ่อเปลี่ยนเป็หวาดระแวงขึ้นในทันทีใบหน้าที่กำลังครุ่นคิดอย่างหนักนั้นมองไปที่ชายชุดดำที่ยืนอยู่หน้าประตูชายชุดดำก็หันหน้ามามองพ่อฉันเช่นกัน "ถึงเวลาแล้วครับคุณเซี่ย"
เวลา? อะไร?
ฉันมองพ่ออย่างลนลาน พ่อนี่พ่อไม่ได้ไปทำอะไรผิดมาใช่ไหมเนี่ย
"ถึงเวลาแล้วหรือ" พ่อฉันถามกลับ
ชายชุดดำพยักหน้า
ฉันหันกลับมามองพ่อ พ่อพ่ออย่ามาทำให้หนูในะ
พ่อมองมาที่ฉันอย่างจริงจัง "เซี่ยเสี่ยวหลัน เข้าห้องไปถ้าพ่อไม่เรียกก็ไม่ต้องออกมา"
สีหน้าของพ่อจริงจังมากและห้ามขัดคำสั่งตอนนี้พ่อฉันเหมือนกับาาผู้น่าเกรงขามไปเลย
ฉันมองใบหน้าที่จริงจังของพ่อ "พ่อคะ...ไม่เป็ไรนะ"
"เข้าห้องไป!" พ่อตะคอกใส่ฉัน ฉันใรีบหันหลังวิ่งกลับเข้าห้องตัวเองตอนที่กำลังจะปิดประตูก็เห็นชายชุดดำท่าทางลึกลับกับพ่อเดินเข้าไปในห้องรับแขก
ตื่นเต้นชะมัดเลยใจฉันเต้นตึกตักตึกตักอย่างกับมีคนกำลังตีกลองอยู่ในอกฉันยังไงยังงั้นแหละแต่ว่าฉันกังวลใจมากกว่า
จู่ๆก็มีชายชุดดำสองคนท่าทางลึกลับโผล่มาที่บ้านแบบนี้ จะไม่ให้ให้ฉันคิดมากได้งั้นเหรอ
แต่ว่านะ พ่อก็ปฏิบัติตามกฎหมายมาตลอดไม่เคยทำเื่ผิดกฎหมาย น่าจะไม่ได้มาทวงหนี้หรอกน่าถึงแม้ว่าแม่ฉันจะเสียเร็วเกินไปหน่อยที่ผ่านมาพ่อก็เลยทำหน้าที่เป็ทั้งพ่อทั้งแม่เลี้ยงดูฉันมาอย่างยากลำบาก แต่เงินเดือนของพ่อก็ค่อนข้างโอเคนะ
หรือว่า
แก๊งทวงหนี้นอกระบบสองคนนั้นจะเป็พวกคนใหญ่คนโตในประเทศ
แย่แล้วนี่พ่อฉันคงไม่ได้ไปแอบทำเื่อะไรแปลกๆคนเดียวหรอกนะ
เป็ไปไม่ได้เป็ไปไม่ได้
เซี่ยเสี่ยวหลันนี่เธอเพี้ยนไปแล้วรึไง คุณพ่อเคารพกฎหมายมาตลอด จะไปทำเื่ไม่ดีได้ยังไงกัน
"เพียะ เพียะ" ฉันตบหน้าตัวเองแรงๆ นี่ฉันโง่จริงๆ นั่นแหละมิน่าล่ะถึงสอบออกมาได้แย่ขนาดนี้
ฉันนั่งกระวนกระวายใจอยู่ภายในห้องหลังจากนั้นจึงสูดลมหายใจลึกๆ ครั้งหนึ่งก่อนจะค่อยๆ แอบเปิดประตูส่องดูและตอนนั้นเองที่ฉันเห็นชายชุดดำสองคนนั้นยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้กับพ่อ
จดหมาย
แบบนี้มันยิ่งทำให้ฉันมโนไปไกลมากกว่าเดิมอีกนะเนี่ย
หลังจากนั้นชายชุดดำสองคนนั้นก็กลับไปพ่อเดินไปส่งพวกเขาที่หน้าประตู สีหน้ายังคงเรียบนิ่งเหมือนเดิมทำให้บรรยากาศภายในบ้านเย็นะเืขึ้นมาในทันที
สิ่งที่ชายชุดดำสองคนนั้นพูดว่า "ถึงเวลาแล้ว" ตกลงมันหมายความว่ายังไงกันแน่
ฉันเดินออกมาจากห้องด้วยความกังวลซึ่งพ่อก็ยกกับข้าวมาวางบนโต๊ะกินข้าวพอดี ฉันนั่งลงกินข้าวเหมือนอย่างทุกวันพ่อก็ยังคงนั่งเงียบไม่พูดอะไรแถมไม่ขยับตะเกียบในมืออีก
หลังจากนั้นพ่อก็คีบเนื้อไก่มาวางในจานข้าวของฉัน "กินข้าวเถอะ นี่เป็อาหารมื้อสุดท้ายที่พ่อจะได้ทำให้ลูกกินแล้ว..."
"พ่อคะพ่อไม่ได้ไปทำอะไรผิดมาจริงๆใช่ไหม ทำไมพ่อไม่นึกถึงชีวิตครึ่งหลังของตัวเองเลยคะ พวกเราเอาของคืนเขาเถอะนะอย่างน้อยก็มียังโอกาสลดโทษนะคะ"
"ปึง!" คุณพ่อโกรธฉันแล้ว ตะเกียบข้างหนึ่งหล่นลงจากมือ หางคิ้วกระตุก
"ถ้าลูกหัดใช้สมองในเื่เรียนบ้างทำไมมันถึงจะสอบให้ดีไม่ได้ แต่ละวันมัวแต่จินตนาการเพ้อเจ้อ งั้นก็ดีพ่อจะให้โอกาสลูกได้เป็อิสระ"
"แปะ!" พ่อโยนจดหมายฉบับหนึ่งลงบนโต๊ะฉันจำได้ว่ามันคือจดหมายที่ชายชุดดำสองคนนั้นยื่นให้กับพ่อ แต่ตอนนั้นฉันยืนอยู่ไกลเลยมองเห็นแค่ว่ามันเป็สีขาวตอนนี้ฉันเห็นชัดแล้วว่าบนซองจดหมายมีลายสีเงินเหมือนกับรูปร่างของก้อนเมฆที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่และที่ผนึกซองก็ยังมีตราสัญลักษณ์โบราณสีส้มอยู่อีกด้วย ฉันจำสัญลักษณ์นั่นได้มันคือแหวนเพชรของชายชุดดำสองคนนั้น
อะฮ้า นี่ฉันควรไปเป็นักสืบนะเนี่ย
“นี่เป็มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเย็นนี้ลูกก็เก็บของให้เรียบร้อย พรุ่งนี้พวกเขาก็จะมารับเอง” พ่อพูดอย่างกลุ้มใจทำอย่างกับว่าไม่อยากให้ฉันไปที่นี่ยังงั้นแหละ
“มหาวิทยาลัย” ฉันมองพ่ออย่างประหลาดใจ "ก็ในเมื่อเป็มหาวิทยาลัยแล้วทำไมพ่อถึงดูไม่ดีใจเลยล่ะคะ"
“ก็เพราะว่าพ่อไม่อยากให้ลูกไปน่ะสิ” จู่ๆ พ่อก็ดูเศร้าขึ้นมา
ฉันยู่ปาก “ถ้างั้น…ก็หมายความว่าพ่ออยากให้หนูไปเรียนขับรถขุดดินที่ซินตงฟางงั้นเหรอคะ”
“เพราะงั้นถึงต้องให้ลูกไปไงล่ะ” พ่อดูสับสนอย่างเห็นได้ชัดเลย ฉันเห็นพ่อเป็แบบนั้นก็รู้สึกผิด “หนูขอโทษนะคะพ่อ พ่ออย่าเสียใจเลยนะคะหนูรู้นะคะว่าพ่ออดเสียใจไม่ได้ที่ต้องห่างหนู แต่ว่ามีลูกบ้านไหนบ้างที่ไปเรียนมหาลัยแล้วไม่ต้องอยู่ห่างพ่อแม่ล่ะคะหนูจะโทรศัพท์มาหาพ่อทุกวันเลย โอเคไหมคะ” ฉันยิ้มส่งไปให้พ่อเจ๋งไปเลย ในที่สุดฉันก็ไม่ต้องไปซินตงฟางแล้วก็ไม่ต้องไปหลันเซียงแล้ว
แต่ว่านะแล้วมหาลัยนี้มันสอบเข้ายังไงกันล่ะเนี่ย ทำไมพ่อถึงพูดว่าจะมีคนมารับฉันล่ะ
พ่อมองฉันทั้งเป็ห่วงทั้งกังวล “ลูกยังไม่เข้าใจอะไร แต่เอาเถอะในเมื่อลูกจะไปที่นั่น ก็ระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน”
คำพูดของพ่อยิ่งทำให้ฉันรู้สึกแปลกใจเข้าไปใหญ่ฉันแทบอยากจะร้องเป็เพลง อ้า~~~ อ๋อ~~~ ในใจแล้วเนี่ย
ปกติแล้วเวลาที่พ่อแม่ส่งลูกๆไปเรียนมหาลัย จะต้องบอกว่าให้ตั้งใจเรียน กินข้าวเยอะๆหรือไม่ก็ต้องพูดว่าอย่าเพิ่งรีบมีความรักนะ อย่าไปอยู่กินกับแฟนนะอะไรแบบนี้แล้วทำไมพ่อฉันถึงบอกให้ฉันระวังตัวกันล่ะ
“เดี๋ยวนะคะพ่อแล้วมหาลัยนี้มันอยู่ที่ไหนเหรอคะ ทำไมถึงจะมีคนมารับหนูล่ะแล้วทำไมถึงเป็พรุ่งนี้ มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอตอนนี้มันยังปิดเทอมหน้าร้อนอยู่เลยนะคะ หนูว่ามันเร็วเกินไปที่จะไปเรียนอ่า” ฉันถามวนไปมา
“เพราะว่าต้องสอบ” สายตาของพ่อเปลี่ยนเป็จริงจังขึ้นมาในทันที
“การรับสมัครเข้าเรียนที่นี่มันพิเศษมากๆเพราะงั้นลูกต้องไปก่อนล่วงหน้า เข้าร่วมทดสอบการเข้าเรียน นอกจากนั้น เสี่ยวหลันมหาลัยนี้...” ทันใดนั้นเสียงพ่อก็เงียบลงในดวงตาคู่นั้นฉายแววแห่งความคิดถึง พ่อมองไปที่รูปภาพที่ติดอยู่บนผนังบ้าน
“คือมหาลัยที่แม่ลูกเรียน”
"มหาลัยที่แม่เรียน!" ฉันทั้งแปลกใจและดีใจจนะโโลดเต้นแต่ว่าสายตาของพ่อกลับยิ่งคิดหนักมากกว่าเดิม...
ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมพ่อถึงดูเป็กังวลขนาดนั้นทั้งๆที่มีมหาลัยรับฉันเข้าเรียนแล้วแท้ๆ แต่ยังไงฉันก็จะคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ได้จะไม่ทำให้คุณพ่อสุดหล่อของฉันคนนี้ต้องผิดหวังอีกแล้ว
ฉันถือจดหมายฉบับนั้นกลับเข้ามาในห้องอยากจะเปิดจดหมายออกดู แต่แปลกชะมัด ไม่รู้จดหมายฉบับนี้ใช้อะไรเขียนขึ้นทำยังไงก็เปิดไม่ได้ มองดูมันก็เหมือนกระดาษปกติ แต่ไม่ว่าจะฉีกหรือใช้กรรไกรก็แกะจดหมายฉบับนี้ไม่ได้
ประหลาดเกินไปแล้ว
ช่างมันเถอะ นอนก่อนดีกว่าเก็บแรงไว้ทำให้อาจารย์ประทับใจในวันพรุ่งนี้คือเื่ที่สำคัญที่สุด
วันรุ่งขึ้น ฉันตื่นั้แ่เช้าสะพายกระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นหลังและก้าวเท้าออกจากห้อง
พ่อมองดูฉันอย่างแปลกใจ “มีของแค่นี้หรือ”
ฉันยิ้ม “อื้ม มีแค่นี้แหละค่ะครั้งนี้ลูกสาวของพ่อจะตั้งใจเรียนอย่างแน่นอนค่ะ หนูจะไม่ทำให้พ่อผิดหวังเด็ดขาด”
ในสายตาของพ่อมีความสับสนอีกแล้วท่านจับที่ไหล่ของฉันพร้อมมองหน้าฉันและเอ่ยคำพูดที่แฝงไว้ด้วยความหมายบางอย่างฉันคิดว่าพ่อจะต้องพูดว่า "ตั้งใจเรียนนะ..."
“ครั้งนี้ไม่ต้องพยายามให้มากเกินไปนักหรอก...”
อะไรเนี่ยยยยยย
คุณพ่อหยิบของชิ้นเล็กๆ ออกมาจากถุงด้วยแววตาที่หลากหลายความรู้สึกมันเป็กล่องใส่เครื่องประดับสีดำ และบนกล่องก็ยังมีตราสัญลักษณ์ยันต์แปดทิศแปลกๆนั้นด้วย
นี่มันเื่อะไรกันแน่ทำไมคุณพ่อถึงได้มีของที่มีตราสัญลักษณ์นี้กันนะ
“เสี่ยวหลันพยายามอย่าให้ถูกเลือก ถ้าหากลูกถูกเลือก ให้สวมสิ่งนี้ นี่เป็ของของแม่ลูก” พ่อเปิดกล่องสีดำนั้นต่อหน้าฉัน ในกล่องนั้นคือสร้อยเส้นหนึ่งจี้ของสร้อยคือคริสตัล ดูแล้วคล้ายไม้กางเขน และก็คล้ายจี้รูปดาบด้วย
จี้นี่มีบางอย่างแปลกๆในคริสตัลดูเหมือนกับมีอะไรกำลังเคลื่อนไหวไปมาอยู่ ในตอนที่ฉันกำลังจะดูให้ชัดๆนั้น ก็มีเสียงออดประตูดังขึ้น
"ติ๊งต่อง" พ่อรีบนำกล่องนั้นยัดใส่มือฉันอย่างรีบร้อนพร้อมกำชับอย่างจริงจัง
“เก็บรักษาให้ดีอีกอย่าง ห้ามให้คนอื่นรู้ว่าแม่ของลูกเป็ใคร” พูดจบพ่อก็เปิดประตูด้านนอกประตูคือชายชุดดำสองคนนั้นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด
“พวกคุณพาแกไปเถอะ” พ่อพูดบอกลาเหมือนอย่างปกติ พร้อมกับออกแรงดันหลังฉันออกไปที่ประตูตอนที่ฉันเดินเซออกมาจากประตู "ปัง!" พ่อของฉันก็ปิดประตูลงทันที
วินาทีนั้น ฉันก็เกิดความรู้สึกแปลกๆขึ้นมา มีความรู้สึกเหมือนกับว่าจะต้องจากไปตลอดกาล
เื่ทั้งหมดนี้มันแปลกประหลาดมากจริงๆ
ทำไมพ่อถึงบอกว่าห้ามให้คนอื่นรู้ว่าแม่เป็ใคร
ในตอนที่ฉันกำลังเดินลงมาอย่างสงสัยนั้นฉันก็ใกับภาพที่เห็นตรงหน้า จะบอกว่าฉันช็อกไปเลยก็ยังได้
แต่ไหนแต่ไรมาฉันรู้แค่ว่าคนที่สอบเข้ามหาลัยได้อันดับหนึ่ง โรงเรียนก็จะยกย่องแต่ฉันไม่เคยได้ยินว่าจะมีรถส่วนตัวคอยมารับมาส่งเลยนะ
แต่ว่า ฉันมี
รถเป็สีดำเหมือนเดิม เห็นได้ชัดเลยว่าหรูมากคือรถจอดอยู่ตรงหน้าฉัน และยี่ห้อของรถหรูคันนี้ก็ยังเป็ตราสัญลักษณ์ลึกลับนั้น
นี่มันเป็รถที่ผลิตขึ้นจากองค์กรตัวเองรึไงเนี่ย
ชายชุดดำให้ฉันขึ้นรถฉันนั่งอยู่ในรถโดยที่ไม่กล้าพูดอะไร ก็เพราะชายชุดดำสองคนนั้นน่ะสิเล่นนั่งจ้องมองมาที่ฉันอย่างกับฉันไปฆ่าใครตายมางั้นแหละฉันถือกล่องใส่เครื่องประดับของแม่ไว้แน่นด้วยความตื่นใ
รถขับมาถึงสนามบินแต่ไม่ได้จอดแต่กลับขับเข้าไปในช่องทางผ่านพิเศษ ขับผ่านด่านตรวจและขับไปจอดที่ห้องพักผู้โดยสารพิเศษ
ชายชุดดำเปิดประตูรถให้ฉันฉันเดินออกมาจากรถ ในตอนที่เงยหน้าขึ้นฉันก็มองเห็นเครื่องบินสีดำลำหนึ่งที่มีตราสัญลักษณ์ยันต์แปดทิศนั้นอีกแล้ว
ตัวเครื่องสีดำรอยสัญลักษณ์รูปก้อนเมฆสีเงิน แล้วยังมีภาพสัญลักษณ์ลึกลับบนปีกเครื่องบินนั้นอีก
แม่เ้าโว้ยยยยยย
นี่คุณพ่อคุณแม่คงไม่ใช่พวกคนที่ปิดบังฐานะตัวเองหรอกใช่ไหม
มหาลัยอะไรเนี่ยอะไรจะเวอร์วังอลังการขนาดนี้
มีทั้งรถส่วนตัว
มีทั้งคนติดตามส่วนตัว
แล้วยังมีเครื่องบินส่วนตัวอีกหรือเนี่ย