เย่เฟิงเงยหน้ามองกลุ่มชายสามคนที่รุมทำร้ายชายหนุ่มเสื้อแขนสั้นคนนั้น เืสดๆ กระจายไปทั่ว ดูเหมือนจะเอาให้ถึงตายจริงๆ ซูเมิ่งหานไม่เคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้ เธอกระตุกแขนเสื้อคนข้างๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าพลางขอร้องให้เขาช่วย
“พอได้แล้วน่า” เย่เฟิงไม่สามารถต้านทานการขอร้องของเธอได้ ในที่สุดก็ส่ายหัวอย่างไม่เต็มใจแล้วก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หยุดก้อนอิฐในมือของพวกนักเลง
ซูเมิ่งหานอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นเย่เฟิงต่อสู้ เธอรู้ว่าเขาแข็งแกร่ง แม้แต่แก๊งอสรพิษ์ก็ทำอะไรเขาไม่ได้ นับประสาอะไรกับนักเลงที่อยู่ตรงหน้า
“ไอ้หนู แกเป็ใคร?” หนึ่งในนักเลงกลุ่มนั้นมองเย่เฟิงด้วยสีหน้าไม่พอใจ “อย่ายุ่ง ไม่ใช่เื่ของแก!”
“ฉันแค่ไม่ชอบความอยุติธรรม” เย่เฟิงตอบเสียงเบา ในสถานการณ์แบบนี้ถ้าไม่โชว์พลังให้ดูสักหน่อย พวกนั้นคงไม่ยอมกลับไปง่ายๆ แน่ แค่้าเงินคืน พวกเขาถึงกับต้องรุมทำร้ายกันขนาดนี้เลยหรือ เย่เฟิงรับการกระทำแบบนี้ไม่ได้
ป้าของซูเมิ่งหานใที่เห็นเย่เฟิงช่วยลูกชายของเธอ ในสถานการณ์เช่นนี้ หากเป็คนอื่นคงรีบวิ่งหนีไปให้ไกล มีใครคิดจะมาช่วยบ้าง
ทันใดนั้นเย่เฟิงก็ลงมือ เขาหมุนตัวและรวบรวมพลังชี่ลงไปในหมัดของเขา “เปรี้ยง” เพียงชั่วพริบตาหมัดก็ถึงตัวนักเลงคนหนึ่งทันที ร่างกายของเขากระเด็นไปอย่างไม่ทันตั้งตัว ศีรษะกระแทกผนังอย่างแรงแล้วทรุดตัวลงหมดสภาพ
อีกสองคนเพิ่งตอบสนองสิ่งที่เกิดขึ้นและ้าต่อยเย่เฟิง แต่ชายหนุ่มก็ซัดอีกสองหมัดติดๆ กันใส่พวกเขาทันที ใครบอกสองหมัดไม่สามารถสู้กับคนสองคนได้ ด้วยการชกสองครั้งนี้ เย่เฟิงทำให้ผู้ใหญ่สองคนกระเด็นไปในอากาศและล้มลงกองกับพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่น เสียงกรีดร้องดังขึ้น ไม่ใช่แค่นักเลงสามคนนั้น แต่ยังมีลูกพี่ลูกน้องของซูเมิ่งหานอีก
“เอาล่ะ รีบพาเขาไปโรงพยาบาลได้แล้ว” เย่เฟิงเหลือบมองพี่ชายของซูเมิ่งหานที่นอนร้องโหยหวนอยู่บนพื้น และหันกลับมาบอกป้าของเธอ
“ใช่แล้ว ไม่จำเป็ต้องขอบคุณผม ถ้าจะทำก็ไปขอบคุณเธอแล้วกัน” หลังจากพูดจบเขาก็ยิ้มให้ซูเมิ่งหานที่วิ่งมา
ไม่ต้องบอกเลยว่าซูเมิ่งหานมีความสุขขนาดไหน รอยยิ้มของเธอเหมือนดอกไม้บานสะพรั่ง เย่เฟิงเก่งจริงๆ จัดการพวกนักเลงได้อย่างง่ายด่าย คิดถูกจริงๆ ที่มากับเขา แต่ใครจะคิดว่าป้าของซูเมิ่งหานไม่เพียงไม่กล่าวขอบคุณเท่านั้น ยังด่ากลับมาเสียงดัง
“ขอบคุณงั้นเหรอ? รู้หรือเปล่าว่าพวกเธอกำลังสร้างปัญหาใหญ่แล้ว สามคนนี้เป็คนของแก๊งอสรพิษ์ พวกเธอไม่รู้หรอกว่ามันน่ากลัวขนาดไหน… ต้าเกิน พวกเรารีบไปโรงพยาบาลกันเถอะ พวกเราไม่เกี่ยวนะ พวกมันเป็คนลงมือ…” ขณะด่า เธอก็รีบหยิบมือถือขึ้นกดโทรออกทันที
เมื่อได้ยินที่เธอพูด ซูเมิ่งหานและเย่เฟิงถึงกับพูดไม่ออก ใครจะคิดว่าการช่วยเหลือของเขาจะถูกตอบแทนกลับมาแบบนี้ ว่าแต่ว่าแก๊งอสรพิษ์เหรอ? ไม่น่าเชื่อว่าอิทธิพลจะครอบคลุมมาถึงที่นี่ ดูเหมือนอิทธิพลของแก๊งอสรพิษ์จะใหญ่กว่าที่เย่เฟิงจินตนาการไว้มาก ในเมื่อเป็แก๊งอสรพิษ์ เย่เฟิงจึงไม่จำเป็ต้องเกรงกลัว
“ไอ้หนุ่ม… แกกล้าทำร้ายคนของแก๊งอสรพิษ์… เเกตายเเน่… แค่กๆ” นักเลงที่นอนอยู่บนพื้นพูดกับเย่เฟิงพร้อมหยิบมือถือขึ้นโทรขอความช่วยเหลือ
เย่เฟิงี้เีเกินกว่าจะต่อปากต่อคำ เขาหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาชายหน้าบาก “เตาปา ในเมืองหลางฝางก็มีแก๊งอสรพิษ์ด้วยงั้นหรือ?”
โทรศัพท์จากเย่เฟิงทำให้ชายหน้าบากใเล็กน้อย เขาหยุดทำธุระทันทีก่อนตอบ “พี่เย่ คุณไปเจอพวกเขาหรือครับ? ที่นั่นก็มีคนของเราแต่ไม่มาก พวกเขาเเค่…”
ขณะพูด ชายหน้าบากเริ่มลังเลว่าตนควรจะพูดต่อไปดีหรือไม่
“พูดต่อไปสิ” เย่เฟิงเอ่ย
“ครับ จริงๆ แล้วพวกเขากำลังทดสอบยาเสพติดตัวใหม่ เพื่อหาเงินเข้าแก๊ง” แม้ไม่อยากตอบคำถามของอีกฝ่ายนัก แต่เขาก็ตอบ
“ยาเสพชนิดใหม่เหรอ?” เย่เฟิงขมวดคิ้วหลังจากได้ยินคำตอบ “เราจะคุยเื่นี้กันหลังจากฉันกลับไป ตอนนี้ให้ถอนคนของคุณกลับไปก่อน อีกเื่คือั้แ่วันนี้เป็ต้นไปเเก๊งอสรพิษ์จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก”
“อะไรนะครับ? แต่ว่า…” เตาปาใกับคำสั่งของเย่เฟิง
ไม่ให้ทำธุรกิจค้ายา! แก๊งต้องสูญเสียครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมดเลยนะ
สิ่งสำคัญที่สุดคือผู้จัดหายาตัวใหม่นี้ ไม่ใช่คนที่จะคุยด้วยง่ายๆ หากแก๊งอสรพิษ์หยุดขายยา จะต้องยุ่งยากแน่นอน ต่อให้เย่เฟิงเป็ผู้ฝึกวรยุทธ์ก็อาจจะไม่รับมือกับพวกนั้นไม่ได้…
“เอาเป็ว่าตกลงตามนี้ ถ้าฉันรู้ว่าคุณยังทำธุรกิจนี้อยู่ คุณน่าจะรู้ผลที่ตามมา” เย่เฟิงไม่พูดไปมากกว่านี้ เขาย้ำเพียงครั้งเดียวแล้ววางสาย
ซูเมิ่งหานได้ยินทุกอย่างก็ใ เธอสงสัยว่าตัวตนที่แท้จริงของเย่เฟิงเป็ใครกันแน่ ถึงกับโทรสั่งให้แก๊งอสรพิษ์หยุดขายยาได้ ต่อให้เขาเป็หัวหน้าแก๊งก็เถอะ เเต่ผลประโยชน์โดยรวมของแก๊ง ไม่ใช่เย่เฟิงคนเดียวจะตัดสินได้ แต่เมื่อฟังน้ำเสียงของชายหนุ่มเเล้ว เขาดูมั่นใจมาก... อย่างไรก็ตามเย่เฟิงในสายตาของซูเมิ่งหานเริ่มเปลี่ยนไป ทุกคนล้วนรู้อันตรายของยาเสพติดดี และเย่เฟิง้าให้แก๊งอสรพิษ์หยุดขาย ความคิดนี้ไม่เลวแต่มันจะสำเร็จไหม เธอยังสงสัย
“เอาล่ะ เธอได้ยินแล้วสินะ” เย่เฟิงเหลือบมอง “ถ้าเธอกล้าเอาเื่ที่ฉันข้องเกี่ยวกับแก๊งอสรพิษ์ไปบอกใครล่ะก็ หึๆ…”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเธอถึงกับตกตะลึงจนเอามือปิดปาก หญิงสาวรู้สึกแย่มาก เพราะเธอไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแก๊งอสรพิษ์เลยแม้แต่น้อย
“พวกเเกยังไม่รีบไปอีกเหรอ เดี๋ยวพวกเราจะซวยไปด้วย” ป้าของซูเมิ่งหานโบกมือไล่แล้วรีบวิ่งเข้าไปหาลูกชาย เธอพยายามพยุงตัวเขาขึ้นมาและเดินกลับไปโดยไม่คิดอะไร แต่เด็กหนุ่มหมดสติไปตั้งนานเเล้ว
“ไปกันเถอะ” เย่เฟิงดึงแขนซูเมิ่งหาน ในเมื่อฝ่ายนั้นไม่ต้อนรับ พวกเขาก็ไม่มีความจำเป็ต้องอยู่ต่อ
“เดี๋ยวก่อน…” ซูเมิ่งหานลังเลเล็กน้อย เธอมองพี่ชายที่ยังหมดสติ และทนไม่ได้ ทันใดนั้นเองเสียงมอเตอร์ไซค์ดังขึ้นจากระยะไกลและกำลังใกล้เข้ามา เสียงหยาบกร้านของชายคนหนึ่งดังขึ้น “เกิดอะไรขึ้น ต้าเกินเป็อะไร?”
ป้าของซูเมิ่งหานซึ่งยืนอยู่หน้าประตูหันกลับไปมองชายคนนั้นพลางพยุงลูกชายของเธอ แล้วพูดทั้งน้ำตา “เขาถูกคนทำร้าย เร็วเข้า รีบพาเขาไปโรงพยาบาลเร็ว ไม่อย่างนั้น…”
“เกิดอะไรขึ้น ใครเป็คนทำ?” ชายที่ขับมอเตอร์ไซค์มีอายุราวสี่สิบปี เขารีบมองไปรอบๆ ด้วยความหวาดระแวง “ตอนนี้เราไม่มีเงินไปโรงพยาบาล ฉันพึ่งไปกู้เงินซื้อรถมา…”
หลังพูดจบ มอเตอร์ไซค์ก็หยุดหน้าประตู ชายคนนั้นรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายโดยไม่มองซูเมิ่งหานและเย่เฟิงเลย เขาเพิ่งกู้เงินเพื่อซื้อรถให้ลูกชายที่กำลังจะแต่งงานของตัวเองและไม่มีเงินติดตัวเลย
แน่นอน เขายังมีพี่น้องอีกสองคน
“ครับพี่ใหญ่ อะไรนะ เอาเงินไปปรับปรุงบ้านใหม่หมดแล้วเหรอ โอเคครับๆ…”
“ครับพี่รอง อะไรนะ เอาเงินไปลงทุนโครงการหมดแล้วเหรอ”
ไม่นานชายคนนั้นวางโทรศัพท์อย่างเศร้าสลด เขาไม่คิดเลยว่าในเวลาฉุกเฉินแบบนี้ แม้กระทั่งพี่น้องตัวเองยังไม่ช่วยกันเลย โลกนี้ช่างน่าผิดหวังจริงๆ
“ไม่ว่ายังไง รีบพาลูกไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ เื่เงินค่อยว่ากันทีหลัง” ชายคนนั้นตัดสินใจขี่มอเตอร์ไซค์พาต้าเกินไปโรงพยาบาล
“เย่เฟิง…” ซูเมิ่งหานที่ยืนอยู่ด้านข้างดึงแขนเสื้อของเขาอีกครั้ง สายตาที่มองมาของเธอดูน่าสงสาร
“…” เย่เฟิงรู้ว่าเธอคิดว่าเขามีเงินสองแสน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้