บทที่ 4 ข้าวหนึ่งเม็ด คุณธรรมพันลี้
แสงอรุณแรกของวันสาดส่องลอดผ่านรอยแยกของกระโจม ปลุกมู่หลันจากการหลับใหลที่ไม่สนิทนัก ความหนาวเย็นของอากาศยามเช้าที่ชายแดนกรีดลึกเข้าสู่กระดูก เป็เครื่องย้ำเตือนอันโหดร้ายว่านี่ไม่ใช่ฝันร้าย แต่คือความจริงที่เธอต้องเผชิญ
ภายนอกกระโจม ค่ายทหารที่เคยเงียบสงัดได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เสียงเป่าเขาสัตว์ดังกังวานเป็สัญญาณปลุก เสียงฝีเท้าหนักๆ ของเหล่าทหารที่ออกไปฝึกซ้อม เสียงะโสั่งการที่ห้าวหาญและทรงพลัง ทุกอย่างผสมปนเปกันเป็บทเพลงแห่งาและความอยู่รอดที่มู่หลันไม่เคยได้ยินมาก่อน
ไม่นานนัก ทหารยามหน้าเดิมก็มาปรากฏตัวที่หน้ากระโจมของเธอ “ได้เวลาทำงานแล้ว” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่ได้แสดงความเป็มิตรหรือศัตรู
มู่หลันพยักหน้ารับ เดินตามแผ่นหลังกว้างของเขาไปอย่างเงียบๆ เธอสวมเสื้อผ้าชุดเดิมที่แห้งแล้วแต่ยังคงมีกลิ่นอับชื้นจางๆ มันทำให้เธอดูแปลกแยกและแตกต่างจากทุกคนในที่แห่งนี้ราวกับภาพวาดผิดยุคสมัย
‘นางดูบอบบางเกินกว่าจะทำงานหนักได้ ท่านแม่ทัพคิดอะไรอยู่กันแน่? แต่แววตาของนาง ไม่เหมือนคุณหนูในห้องหอเลยสักนิด มันดู นิ่งเกินไป’ ทหารยามมองอย่างสงสัย
จุดหมายแรกของเธอคือโรงครัว ซึ่งเป็พื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ที่มีเตาไฟก่อขึ้นจากดินเหนียวเรียงรายกันหลายสิบเตา ควันไฟลอยคลุ้งจนแสบตา กลิ่นข้าวไหม้ กลิ่นผักดอง และกลิ่นเนื้อสัตว์ที่เริ่มส่งกลิ่นผสมปนเปกันจนชวนเวียนหัว พ่อครัวและลูกมือหลายสิบคนกำลังทำงานกันอย่างโกลาหล เสียงสับผัก เสียงตะหลิวกระทบกระทะดังประสานกันอย่างไม่หยุดหย่อน
“หัวหน้าหวัง! นี่คือคนที่ท่านแม่ทัพส่งมาให้ช่วยงาน!” ทหารยามะโแข่งกับเสียงอึกทึก
ชายร่างใหญ่พุงพลุ้ย สวมผ้ากันเปื้อนที่เต็มไปด้วยคราบไขมัน หันขวับมามอง เขาคือหัวหน้าพ่อครัวหวัง หรือที่ทุกคนเรียกกันว่า พ่อครัวหวังหน้าั์ ใบหน้าของเขาแดงก่ำเพราะความร้อนจากเตาไฟตลอดทั้งวัน คิ้วหนาขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็ปม
“หา? สตรีรึ?” เขาจ้องมู่หลันั้แ่หัวจรดเท้าด้วยสายตาประเมิน “ดูมือนางสิ ขาวสะอาดเรียวสวยปานนั้น จะทำงานอะไรได้? อย่าหาว่าข้าดูถูกเลยนะ แต่หยกดีไม่เอามาทำกระเบื้อง คนดีไม่ส่งมาเป็ทหาร แล้วสตรีดีๆ ที่ไหนจะถูกส่งมาทำงานในครัวของกองทัพกันเล่า!”
คำพูดของเขาหยาบกระด้างและตรงไปตรงมา ทำให้ลูกมือคนอื่นๆ ที่ได้ยินแอบหัวเราะคิกคัก
‘สมแล้วที่เป็หัวหน้าหวัง ปากจัดเหมือนเคย’
‘ดูท่าแม่นางคนใหม่จะอยู่ได้ไม่นานแน่’ ลูกมือในครัวคนหนึ่งมองแล้วยิ้มหยัน
มู่หลันไม่ได้แสดงท่าทีโกรธเคืองหรือน้อยใจ เธอกลับยิ้มบางๆ ที่มุมปาก “ท่านหัวหน้าหวัง ท่านพูดถูกเ้าค่ะ แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่ใช่ทั้งหยกดีและคนดี ข้าเป็แค่คนที่อยากจะมีข้าวกินเพื่อประทังชีวิตไปวันๆ เท่านั้นเอง”
เธอโค้งตัวลงเล็กน้อย “ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็งานหนักแค่ไหน ขอเพียงแค่มีข้าวให้กิน ข้ายินดีทำทุกอย่างเ้าค่ะ”
ความนอบน้อมแต่ไม่ประจบของเธอ ทำให้พ่อครัวหวังชะงักไปเล็กน้อย เขาคาดว่านางจะร้องไห้หรือโกรธจนหน้าเขียว แต่กลับผิดคาด
“เหอะ! ปากดีนักนะ!” เขากระแทกเสียง “ได้! ในเมื่ออยากทำงานนัก ก็ไปล้างหม้อพวกนั้นให้หมด!”
เขาชี้ไปยังกองหม้อเหล็กใบั์ที่ซ้อนกันจนสูงท่วมหัว แต่ละใบดำเมี่ยมและเคลือบไปด้วยคราบไขมันหนาเตอะที่ล้างออกได้ยากยิ่ง มันคืองานที่หนักและสกปรกที่สุดในโรงครัวที่ไม่มีใครอยากทำ
มู่หลันมองกองหม้อนั้นแล้วพยักหน้าโดยไม่ลังเล “ได้เ้าค่ะ”
คำตอบรับที่หนักแน่นและไร้ซึ่งความอิดหนาระอาใจของเธอ ทำให้เสียงหัวเราะเยาะเย้ยรอบข้างค่อยๆ เงียบลง พ่อครัวหวังเองก็ขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ เขาคิดว่าอย่างน้อยนางก็คงจะแสดงสีหน้าลำบากใจออกมาบ้าง แต่นี่นางกลับเดินตรงไปยังกองหม้อราวกับเป็งานที่คุ้นเคย
‘นางไม่รู้ความลำบากของโลก หรือแสร้งทำเป็เข้มแข็งกันแน่? หม้อพวกนั้น แม้แต่ผู้ชายอกสามศอกยังต้องใช้เวลาล้างค่อนวัน แล้วเรี่ยวแรงอย่างนางจะไปทำอะไรได้’ พ่อครัวหวังมองนางแบบไม่ค่อยเชื่อมั่น
มู่หลันไม่ได้เริ่มลงมือล้างในทันที แต่กลับเดินวนรอบกองหม้ออย่างพินิจพิจารณา สายตาของเธอไม่ได้มองแค่คราบสกปรก แต่กำลังวิเคราะห์ปัญหาอย่างเป็ระบบเหมือนที่เคยทำตอนวางแผนธุรกิจ ‘ปัญหาคือคราบไขมันฝังแน่น วัสดุทำความสะอาดมีจำกัด แรงงานมีแค่คนเดียว เป้าหมายคือต้องล้างให้เสร็จและใช้แรงให้น้อยที่สุด’
ในยุคของเธอ การขจัดคราบไขมันเป็เื่ง่ายดายด้วยน้ำยาล้างจานที่มีสารเคมีลดแรงตึงผิว แต่ที่นี่ สิ่งที่เธอเห็นมีเพียงฟางหยาบๆ ทราย และน้ำเย็นๆ ซึ่งแทบจะไม่มีประสิทธิภาพในการสลายไขมันเลย
แต่แล้วสายตาของเธอก็พลันเหลือบไปเห็นกองเถ้าถ่านสีขาวเทาจำนวนมหาศาลที่ถูกโกยออกมาจากใต้เตาไฟ แสงแห่งความหวังพลันสว่างวาบขึ้นในความคิด!
‘เถ้าถ่าน ใช่แล้ว! ด่างในเถ้าถ่าน!’ ในยุคปัจจุบัน ความรู้นี้อาจเป็แค่เื่พื้นฐานทางเคมีที่ถูกลืมเลือนไปแล้ว แต่ในยุคนี้ มันคือปัญญาที่ล้ำค่า! เถ้าถ่านจากพืช เมื่อผสมกับน้ำจะเกิดเป็สารละลายที่มีฤทธิ์เป็ด่างอ่อนๆ ซึ่งสามารถทำปฏิกิริยากับไขมัน กลายเป็สารคล้ายสบู่ได้!
มู่หลันไม่รอช้า เธอเดินไปหาลูกมือคนหนึ่งที่กำลังนั่งพักอยู่ “พี่ชาย พอจะขอแรงช่วยข้ายกน้ำร้อนสักถังใหญ่ๆ ได้หรือไม่เ้าคะ?”
ลูกมือหนุ่มมองเธออย่างงงๆ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มที่เป็มิตรและแววตาจริงจังของเธอ เขาก็พยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้
เมื่อได้น้ำร้อนมา มู่หลันก็ตักเถ้าถ่านจากกองเทลงไปในหม้อใบที่ใหญ่ที่สุด เติมน้ำร้อนลงไปแล้วใช้ท่อนไม้คนให้เข้ากัน จากนั้นเธอก็นำหม้อใบเล็กๆ ที่สกปรกมาแช่ทิ้งไว้ในน้ำด่างร้อนๆ นั้นทีละใบสองใบ
เหล่าลูกมือที่เฝ้ามองอยู่ต่างพากันส่ายหน้าด้วยความสมเพช
‘นางทำอะไรของนาง? เอาของสกปรกไปใส่ในของสกปรก มันจะสะอาดได้อย่างไร?’
‘สงสัยจะทำงานหนักจนเพี้ยนไปแล้ว น่าสงสารนัก’ มู่หลันไม่สนใจสายตาเ่าั้ เธอปล่อยหม้อแช่ทิ้งไว้ครู่หนึ่ง แล้วหันไปทำงานอื่นที่ไม่ต้องใช้แรงมากนักแทน เช่น การช่วยคัดแยกผักที่เน่าเสียออกจากกองผักดี เป็การแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้คิดจะอู้งาน ท่วงท่าของเธอดูคล่องแคล่วและเป็ธรรมชาติ ไม่ได้มีทีท่าของสตรีสูงศักดิ์ที่รังเกียจของสกปรกแม้แต่น้อย
เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม...
มู่หลันเดินกลับไปที่หม้อใบใหญ่ที่เธอใช้แช่หม้อใบเล็กๆ ไว้ เธอม้วนแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นท่อนแขนขาวเนียนที่ตัดกับสภาพแวดล้อมอันหยาบกร้านของโรงครัวอย่างสิ้นเชิง แล้วจุ่มมือลงไปในน้ำด่างอุ่นๆ คว้าฟางกำหนึ่งขึ้นมา
จากนั้น... ปาฏิหาริย์ในสายตาของคนยุคโบราณก็บังเกิดขึ้น!
เธอเริ่มขัดหม้อใบแรกที่แช่ไว้ คราบไขมันสีดำที่เคยเกาะติดแน่นราวกับเป็เนื้อเดียวกับเหล็ก บัดนี้กลับอ่อนตัวลงและหลุดร่อนออกอย่างง่ายดาย! มู่หลันใช้แรงเพียงเล็กน้อยขัดถูไปทั่วทั้งใบ จากนั้นจึงนำไปล้างในน้ำสะอาดอีกครั้ง
“์!” ลูกมือคนหนึ่งที่เฝ้าดูอยู่ตลอดเผลออุทานออกมาเสียงดัง
หม้อเหล็กที่เคยดำเมี่ยม บัดนี้กลับปรากฏเนื้อเหล็กสีเทาเงินที่สะอาดเอี่ยมอ่องขึ้นมาแทนที่! แม้จะไม่เงาวับเหมือนของใหม่ แต่ก็สะอาดกว่าที่พวกเขาเคยล้างด้วยทรายและแรงถูทั้งหมดที่มีเสียอีก!
ภาพที่เห็นทำให้ทุกคนในโรงครัวต้องหยุดมือจากงานที่ทำอยู่แล้วหันมามองเป็ตาเดียว พ่อครัวหวังหน้าั์ถึงกับเดินเข้ามาดูใกล้ๆ ด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ เขาหยิบหม้อที่ล้างเสร็จแล้วขึ้นมาพิจารณา นิ้วอ้วนป้อมของเขาลูบไปตามผิวหม้อ ไม่มีความมันหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย!
“เ้า... เ้าทำได้อย่างไร?” เขาถามเสียงสั่นเล็กน้อย
มู่หลันยิ้มบางๆ “ความรู้มิได้อยู่แค่ในตำรา แต่อยู่รอบตัวเรานี่เองเ้าค่ะ” เธอกล่าวเป็ปริศนา ก่อนจะอธิบายอย่างเรียบง่าย “เถ้าถ่านจากไม้มีคุณสมบัติพิเศษ เมื่อผสมกับน้ำร้อน มันจะช่วยสลายคราบไขมันที่ฝังแน่นได้ดีเ้าค่ะ เป็เคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่เรียนรู้มาจากคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านของข้า”
เธอไม่ได้อธิบายหลักการทางเคมีที่ซับซ้อน แต่ใช้คำพูดที่คนยุคนี้สามารถเข้าใจและยอมรับได้ง่ายที่สุด
คำอธิบายของเธอทำให้ทุกคนถึงกับบางอ้อ! มันเป็สิ่งที่เรียบง่ายจนไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อน เถ้าถ่านที่พวกเขาเห็นว่าเป็เพียงขยะที่ต้องโกยทิ้งทุกวัน กลับกลายเป็ของวิเศษไปได้
พ่อครัวหวังมองหน้ามู่หลันสลับกับกองหม้อที่เหลือด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จากความดูแคลนกลายเป็ความทึ่ง จากความไม่ไว้ใจกลายเป็ความยอมรับ
“ดี... ดีมาก!” เขากล่าวเสียงดังฟังชัด “พวกเ้าทุกคนดูไว้เป็ตัวอย่าง! เห็นหรือไม่! แม้แต่สตรีนางหนึ่งยังมีปัญญามากกว่าพวกเ้าที่เอาแต่ใช้แรงทึ่มๆ! ต่อไปนี้ เวลาล้างหม้อให้ใช้วิธีของแม่นาง... เอ่อ... แม่นางชื่ออะไรนะ?”
“มู่หลันเ้าค่ะ”
“เออ! ใช้วิธีของแม่นางมู่หลัน! ใครไม่ทำตาม ข้าจะหักเบี้ยหวัดมันผู้นั้น!” พ่อครัวหวังประกาศก้อง
เพียงชั่วข้ามคืน สถานะของมู่หลันในโรงครัวก็เปลี่ยนจากผู้ต้องสงสัยที่ถูกดูแคลน กลายเป็แม่นางมู่หลัน ผู้มีปัญญาที่ทุกคนให้ความนับถือในทันที เหล่าลูกมือที่เคยหัวเราะเยาะเธอ บัดนี้ต่างเข้ามาช่วยเธอยกน้ำ ตักเถ้าถ่าน และล้างหม้อด้วยวิธีใหม่อย่างแข็งขัน งานที่ควรจะใช้เวลาทั้งวัน บัดนี้เสร็จสิ้นลงในเวลาไม่ถึงสองชั่วยาม