“อืม ของพวกนี้ ต่อไปยังต้องพัฒนาแก้ไขให้ดีขึ้น ความทรงจำของข้าค่อนข้างเลือนลาง อาจจะทำออกมาได้ไม่ครบ แต่ลองดูผลก่อนก็แล้วกัน” เฉินเนี้ยนหรานทำหน้าเคร่งขรึม ไม่ได้ผ่อนคลายลงมาเลยสักนิด
มองนาฬิกาทรายที่อยู่ด้านข้าง เวลาผ่านมาได้พอสมควรแล้ว อีกทั้งตอนนี้เป็เวลากลางคืนด้วย หากทำสำเร็จเกรงว่าคืนนี้คงต้องทำงานหนักกันต่อไปอีกสักหน่อย เมื่อคิดถึงจุดนี้ นางกลับรู้สึกว่าเวลาไม่พอจริงๆ
“เอาล่ะ เวลาพอสมควรแล้ว เปิดฝาหม้อเถิด พวกเราจะเริ่มทำขั้นตอนต่อไป ตั้งกระทะ ใส่พริกแกงลงไป พริกไทยป่น น้ำจิ้มซาฉา พริกแดงสับ ใส่น้ำแกงที่ต้มกับเครื่องเทศเรียบร้อยแล้วลงไปผัด ก่อนจะเติมน้ำปรุงรสถั่วลงไป น้ำ น้ำมะนาว น้ำแกงใส เกลือ สุดท้ายจึงใส่ถั่วตำละเอียด แล้วคนเข้าด้วยกัน!”
ไม่พูดไม่ได้เลยว่า ความว่องไวของจ้าวซื่อไม่เลวเลยจริงๆ สามารถทำตามขั้นตอนของนางได้ทั้งหมดอย่างชำนาญ
หลังจากนางสั่งให้ยกหม้อออก จ้าวซื่อก็ยกกระบวยในมือขึ้น
ตักเครื่องแกงใส่ไว้ในกะละมัง
ภายในเรือนยังคงมีกลิ่นหอมคละคลุ้มเต็มไปหมด แม้แต่หนิวซื่อที่กำลังอยู่ไฟก็ได้กลิ่นหอมนี้แต่ไกล
“์ นายหญิงน้อยทำอะไรอีกแล้วหรือ? กลิ่นหอมเช่นนี้ ยั่วน้ำลายคนมากจริงเชียว!”
ด้านนอกเรือน คนที่สัญจรผ่านไปมา หลังจากได้กลิ่นหอมนี้ดวงตาล้วนเบิกกว้าง แล้วคอยดมกลิ่นนี้ไม่หยุด รอจนกระทั่งกลิ่นจางลง คนคนนั้นจึงคิดได้ว่าต้องหาทิศทางของกลิ่นนี้ให้เจอ
“ไม่ได้การ กลิ่นนี้หอมเกินไป ข้าทานอาหารมาทั่วแผ่นดิน ยังไม่เคยได้กลิ่นที่หอมมากเช่นนี้มาก่อน” คนที่เดินมาถึงด้านนอกเรือนของเฉินเนี้ยนหรานคือคนชราคนหนึ่ง ซึ่งงานอดิเรกใหญ่ของเขาคือการกิน
ในวันนี้ กว่าจะได้กลิ่นที่ทำให้เขาชอบได้ มีหรือจะปล่อยไปง่ายๆ หลังจากมั่นใจแล้วว่ากลิ่นมาจากทิศทางใด จึงวิ่งมาทางเรือนของเฉินเนี้ยนหราน
ภายในเรือน เฉินเนี้ยนหรานกำลังยกนิ้วจิ้มลงไปลองชิมรสชาติ หลังจากชิมแล้วนางยิ้มออกมาด้วยความพอใจ “ดีล่ะ ตอนนี้พวกเราเริ่มทำการตุ๋นแบบน้ำแกงเหลืองได้แล้ว ข้ากล้ารับประกัน แม้จะไม่สามารถส่งต่อรสชาติที่ข้าพอใจอย่างเมื่อก่อนได้ แต่รสชาติคล้ายเจ็ดในสิบส่วนก็เพียงพอแล้ว”
เฉินจื่อิมองนางด้วยความตื่นเต้น ถามสิ่งที่สงสัยภายในใจออกไป “แม่หนู เหตุใด...เ้าถึงได้รู้เื่มากมายเช่นนี้? หรือ เคยเห็นในเรือนของเขา?”
เฉินเนี้ยนหรานนิ่งไป หัวเราะแห้ง “ใช่เ้าค่ะ ข้าเคยเห็นในเรือนของเขา ดังนั้นการงานอื่นๆ ล้วนแต่เป็ของระดับล่าง มีเพียงการเรียนเท่านั้นที่สูงส่ง อ่านหนังสือมากก็จะรู้เื่มาก ข้าจะบอกท่านลุงให้นะเ้าคะ หนังสือเล่มนี้ข้าเปิดเจอโดยไม่ได้ตั้งใจ จากที่ข้าเข้าใจ คนในจวนของพวกเขา ไม่มีทางมีคนตั้งใจอ่านหนังสือเล่มนี้ ข้าเคยถามเขามาก่อน เขาเองก็ไม่เคยอ่านเช่นกัน ฮ่าๆ ท่านว่า นี่คือสิ่งที่ทำให้พวกเราร่ำรวยหรือไม่? หากไม่ใช่เช่นนี้ เหตุใดเขาไม่รู้ว่าควรทำขนมไหว้พระจันทร์อย่างไร แต่ข้ากลับทำได้? ของพวกนี้ ความจริงแล้วล้วนอยู่ในหนังสือในเรือนของเขาเอง ฮ่าๆ เป็เขาเองที่ไม่ชอบอ่าน จะโกรธข้าไม่ได้หรอกนะ ฮุๆ...”
เฉินจื่อิไม่ได้สงสัย เขาพยักหน้า “ใช่ ใช่ แม่หนูของพวกเราเป็คนโชคดี ตอนนี้พวกเรามาเริ่มทำวัตถุดิบอาหารตุ๋นน้ำแกงเหลืองชุดแรกกันเถิด ตุ๋นน้ำแดงที่เ้าพูดถึงนั่น พวกเราคงจะทำไม่ได้แล้ว”
มองเวลาก็ดึกมากแล้ว แค่ทำวัตถุดิบทั้งหมดนี้พรุ่งนี้ไม่แน่ว่าจะทำได้หรือไม่ จะมีเวลาทำของตุ๋นอีกชนิดได้อย่างไร
“อืม ตอนนี้ยังไม่ทำหรอก ที่ข้าคิดอาหารตุ๋นน้ำแดงออกมา ความจริงแล้วเพียงเตรียมเอาไว้เผื่อเท่านั้น ทำอาหารตุ๋นน้ำแกงเหลืองให้ดีเสียก่อน ต่อไปค่อยพูดเื่ทำอาหารตุ๋นน้ำแดง อย่างไรก็ลงทุนกับวัตถุดิบสำหรับการตุ๋นไปไม่น้อย ลำพังแค่เงินซื้อเครื่องปรุงของพวกเราในวันนี้ ก็ใช้ไปยี่สิบตำลึงแล้ว เฮ้อ หากไม่ประสบความสำเร็จ ข้าถือว่าทำบาปมากพอแล้ว”
พูดกันตามจริง ค่าเครื่องปรุงเหล่านี้ ทำเฉินเนี้ยนหรานรู้สึกเ็ปไปครู่หนึ่ง แต่ขอแค่ทำน้ำตุ๋นชุดแรกออกมาได้ ต่อไปจะประหยัดขึ้นมากแล้ว เพราะน้ำตุ๋นนั้นสามารถใช้ซ้ำได้ตลอด ระหว่างที่ใช้ เพียงแค่เติมวัตถุดิบที่ควรเติมใน่ที่เหมาะสมก็พอ
ที่คนยุคปัจจุบันหลายคนทำธุรกิจอาหารตุ๋น แล้วหาเงินได้เยอะ
ก็เพราะว่าใช้วัตถุดิบน้อยอย่างไรล่ะ!
“ปังๆ...ปังๆ...” ขณะที่นำน้ำแกงใสใส่ลงไปในหม้อ เตรียมตัวจะใส่วัตถุดิบน้ำแกงเหลือง ด้านนอกพลันมีเสียงเคาะประตูดังสนั่น
เฉินเนี้ยนหรานขมวดคิ้ว “พวกเ้าอยู่ที่นี่ ข้าไปดูเอง”
เฉินจื่อิวางวัตถุดิบในมือลง “เ้าที่กำลังตั้งครรภ์ไปเปิดประตูเพื่ออะไร ข้าไปเอง ดูสิว่าผู้ใด หากเป็คนที่ไม่รู้จักปฏิเสธไปก็พอ”
เฉินเนี้ยนหรานพยักหน้ารับ ไม่ได้รั้นจะไป
ยกมือลูบท้องแล้วค่อยๆ เดินตามไปด้านนอกช้าๆ
“เ้ามาหาผู้ใด?” ตอนที่เฉินจื่อิเปิดประตูก็เจอชายชราผมขาวยืนอยู่ด้านนอกเรือน
คนคนนี้ดูอายุราวหกสิบปี แม้ผมจะขาวโพลน แต่สดใสมีเรี่ยวแรง ที่สำคัญที่สุดคือดวงตาทั้งสองข้างดูสดใสเป็พิเศษ ไม่เหมือนคนชราแก่หงำไร้เรี่ยวแรง ส่วนสูงของชายชราเพียงเจ็ดฉื่อ[1]เท่านั้น ความสูงเช่นนี้ เฉินจื่อิแทบไม่เคยเห็นเลย
เสื้อผ้าที่ชายชราคนนี้สวมดูแล้วไม่ธรรมดา แค่มองก็ดูออกว่าเป็ชายชราที่ร่ำรวยมาก คนเช่นนี้เหตุใดจึงมาอยู่ด้านนอกเรือนของแม่หนูได้?
ชายชราเห็นเขาจึงส่งรอยยิ้มประจบมาให้ “หอม หอมมากเลย ข้าเดินผ่านมาได้กลิ่นหอมลอยมาจากเรือนของพวกเ้า คนแก่อย่างข้าไม่มีงานอดิเรกอะไร จะมีเพียงการกินดื่มนี่แหละ หากอาหารของพวกเ้าทำให้ข้าพอใจได้ข้ายอมทุ่มเงินมากมายให้พวกเ้า”
เฉินจื่อิชะงักไป ไม่คาดคิดเลยว่าเพียงแค่น้ำแกงนี้จะทำให้คนอยากทานได้ โดยที่กลิ่นหอมของมันดึงดูดชายชราคนหนึ่งให้มาที่นี่
เฉินเนี้ยนหรานยืนพิจารณาชายชราที่มีที่มาที่ไปไม่ชัดเจนคนนี้เงียบๆ อยู่ด้านหลัง เมื่อเห็นหยกที่ห้อยอยู่ตรงเอวของเขา สีหน้าจึงเปลี่ยนไป หากนางจำไม่ผิด คงจะเป็ของที่ราคาสูงมาก เคยเห็นที่ใดกันนะ?
ที่ใดกัน?
นางขมวดคิ้วครุ่นคิด
“ท่านตาเ้าคะ ที่ท่านได้กลิ่นเมื่อครู่เป็น้ำแกงชนิดหนึ่ง อาหารของพวกเรายังทำไม่เสร็จเลยเ้าค่ะ อีกอย่างอาหารชนิดนี้ แม้พวกเราทำออกมาแต่ไม่ได้ขายออกไปข้างนอก เ้าสิ่งนี้เตรียมไว้เพื่อขายในโรงเตี๊ยม เชิญท่านกลับไปเถิดเ้าค่ะ”
ชายชราเมื่อได้ยินก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่กลิ่นหอมที่ลอยออกมาจากในเรือนยั่วยวนจนเขาไม่คิดจะสนใจอีก ตาของชายชราเบิกขึ้น “เหตุใดพวกคนหนุ่มสาวเช่นเ้าถึงได้ยุ่งยากเช่นนั้น? เ้าขายให้โรงเตี๊ยมก็ขายไป คนแก่เช่นข้าคือมาชิมอาหาร ไม่เกี่ยวข้องกัน ทำการค้านี่จะต้องเฉลียวฉลาดสักหน่อย อีกอย่างนะ ข้าจะบอกให้เ้าฟัง หากวันนี้เ้าไม่นำอาหารมาให้ข้า ข้าก็จะไม่ไปที่ใดทั้งนั้น”
“เฮ้อ เหตุใดคนแก่เช่นเ้าถึงได้ไร้เหตุผลเช่นนี้เล่า?” เฉินจื่อิฉุนขึ้นมา อยากจะถกเื่เหตุผลกับชายชรา
กลับเป็เฉินเนี้ยนหรานที่อยู่ด้านข้างดึงเขาจากด้านหลังแล้วส่ายหน้า ก่อนจะมองไปทางชายชราคนนั้น “ท่านตาเ้าคะ ท่านอยากจะชิมอาหารนี่ นับเป็ความภาคภูมิใจของพวกข้า แต่อาหารนี่เพิ่งจะทำออกมาเป็ครั้งแรก ดังนั้นจึงไม่รู้ว่ารสชาติจะเป็เช่นไร อีกเดี๋ยวหากรสชาติไม่เป็อย่างที่ท่านคิด อย่าโกรธกันเป็พอ”
ชายชราเมื่อได้ยินประโยคนี้จึงพอใจมาก “ดีๆ แม่หนูรู้จักพูด”
กวาดตามองท้องกลมๆ ของนาง ก่อนที่ชายชราจะสาวเท้ายาวๆ เดินเข้าไปในเรือนด้วยท่าทีราวกับว่าตนเป็เ้าของเรือนอย่างไรอย่างนั้น ไม่ได้รู้สึกเลยสักนิดว่าตนเองต่างหากที่เป็แขกบุกเข้าไปในเรือน
เฉินจื่อิส่ายหน้าอีกครั้ง เขาจะคิดเสียว่าเจอคนตะกละแล้วกัน
หลังจากเข้าเรือนไปแล้ว เฉินจื่อิกับหลิวซื่อจึงเริ่มทำการตุ๋นแบบใหม่นี้ การทำในครั้งนี้ได้ทำตามวิธีก่อนหน้านี้ เพิ่มวัตถุดิบจำนวนมากและค่อยลงมือทำ
วัตถุดิบก่อนหน้านี้เป็การทำเพียงเล็กน้อยเพื่อลองชิม แต่ครั้งนี้เป็วัตถุดิบสำหรับทำให้สำเร็จสมบูรณ์
ทุกคนต่างยุ่งกันมาก ชายชรายืดคอมองอยู่ด้านข้าง
“ท่านตาเ้าคะ เชิญท่านไปรออยู่ด้านนั้นก่อนเถิดนะเ้าคะ ไม่ต้องเข้ามาในโรงครัว มาเ้าค่ะข้าจะดื่มชาเป็เพื่อนท่าน” ตอนที่ชายชราใกล้จะเข้าโรงครัวมา เฉินเนี้ยนหรานยิ้มพร้อมวางถ้วยชาบนโต๊ะนอกโรงครัว
ไม่ใช่ว่านางต้องทำถึงเพียงนี้ แต่วิธีการทำไม่สามารถให้คนนอกรู้ได้
จะอย่างไร สิ่งนี้ถือเป็สิ่งที่พวกนางเพิ่งจะคิดค้นขึ้นมา หากให้คนนอกมาเอาไป แล้วกิจการของครอบครัวนางจะทำเช่นไร
แม้ชายชราคนนี้จะแต่งตัวดี แฝงไปด้วยความรวยล้นฟ้า แต่รู้หน้าไม่รู้ใจ ฉลาดไว้สักหน่อยมักไม่ใช่เื่แย่
ชายชราเมื่อเห็นดังนั้นจึงหันกลับมามองเฉินเนี้ยนหราน “แม่หนูจอมเ้าเล่ห์ เมื่อครู่ข้าเพิ่งชมเ้าว่าเป็คนดีอยู่เลย ตอนนี้มาขวางคนแก่เสียแล้ว ช่างเถิด ช่างเถิด เคล็ดลับวิธีการของพวกเ้าข้าไม่แอบเรียนไปจริงๆ หรอก มานั่งดื่มชาให้สบายใจดีกว่า หืม นี่ชาอะไรหรือ?”
ชายชราดื่มชาดอกเก๊กฮวยกับโกวจี่ รู้สึกว่ารสชาติแปลกๆ ชานี้เฉินเนี้ยนหรานเป็คนชงมันขึ้นมา
แน่นอนว่าดอกเก๊กฮวยนางไปเก็บมาจากป่าและเอามาทำให้แห้ง แต่ชานี้ถูกนางเติมโกวจี่ลงไปเล็กน้อย ยังมีพุทราเม็ดใหญ่ และใบชาอีกเล็กน้อย เติมด้วยน้ำตาลก้อนอีกหนึ่งช้อน
วิธีการทำเช่นนี้ เป็วิธีของยุคปัจจุบัน
แต่สำหรับชายชราที่ไม่เคยดื่มชาที่ชงด้วยวิธีนี้มาก่อน ชานี้จึงมีความพิเศษอยู่มากจริงๆ
“เป็ชาที่ข้าคิดค้นขึ้นมาเองเ้าค่ะ รสชาติดีหรือไม่เ้าคะ?” เฉินเนี้ยนหรานถามพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะรินน้ำชาให้เขาจนเต็มถ้วย
“พอได้ พอได้ รสชาติดีกว่าใส่แค่ดอกเก๊กฮวยมากนัก ดอกเก๊กฮวยนี่ก็เป็ดอกไม้ป่า สามารถชงออกมาได้หอมเช่นนี้ แม่หนูเ้านี่เก่งจริงๆ สามารถคิดวิธีการชงเช่นนี้ได้ ดูเหมือนจะเป็คนฉลาด”
เมื่อถูกชมเช่นนี้ เฉินเนี้ยนหรานทำเพียงแค่ยิ้มบาง
ตอนนี้เองที่ชายชราได้พิจารณาเฉินเนี้ยนหรานอย่างละเอียด พบว่าสตรีคนนี้ท่าทีงดงามราวดอกไม้ นางเพียงนั่งเฉยๆอยู่ตรงนั้น กลับให้ความรู้สึกเหมือนไทเฮาของทุกคน แค่คุณลักษณะท่าทางเพียงอย่างเดียวก็ไม่ใช่คนธรรมดาจะสร้างขึ้นมาได้
“แม่หนู เ้านี่ไม่เลวจริงๆ นะ เฮ้อ หลายชายของข้าแต่งงานแล้ว เ้าเองก็แต่งงานแล้ว ไม่เช่นนั้น หากพวกเ้ามาคู่กันจะต้องเป็คู่ที่ไม่เลวแน่ๆ ”
เฉินเนี้ยนหรานหัวเราะแห้ง คำพูดนี้ นางไม่สามารถต่อประโยคได้
ชาถูกดื่มหมดไปแล้วถ้วยหนึ่ง อาหารตุ๋นถึงได้ตักออกจากหม้อ
รอจนกระทั่งจ้าวซื่อเอาท้องหมู หัวใจหมู ไส้หมู หัวหมู พวกเต้าหู้แห้งมาหั่นเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะใช้ดอกไม้ที่เฉินจื่อิใช้มีดแกะสลักออกมาตกแต่งแล้วจึงยกออกมา เพียงชายชราเห็นอาหารในจานใหญ่นี้ เขาถึงกับต้องกลืนน้ำลาย
เชิงอรรถ
[1] ฉื่อ หมายถึง หน่วยวัดความยาว 1 ฉื่อยาวประมาณ 1 ฟุต
