“ลั่วอี้ข้าทำอาหารเอาไว้ให้ท่านแล้วรวมไปถึงยาสำหรับลั่วซาน ท่านช่วยป้อนลั่วซานแทนข้าด้วย แล้วก็นี่” เยว่ฉียื่นขวดหยกให้สามี ในนี้บรรจุน้ำแห่งชีวิตผสมเจือจางเอาไว้
ตอนแรกนางตัดสินใจจะผสมเข้ากับน้ำที่ใช้ในการทำอาหาร แต่คิดไปคิดมาอาจจะเห็นผลไม่ดีเท่าที่ควร จึงได้ผสมเจือจางในปริมาณหนึ่งชามเล็กต่อน้ำแห่งชีวิตหนึ่งหยดแล้วบรรจุใส่ขวดให้ทานด้วย
“ต่อจากนี้ท่านต้องดื่มวันละขวด ข้าจะเตรียมให้ท่านทุกเช้า” หานลั่วอี้มองขวดหยก ยื่นมือออกไปจับมาถือไว้ในมือ ก้มมองอย่างสงสัย
“ท่านเชื่อใจข้าหรือไม่?” นางรู้ว่าเขาสงสัยแต่ก็ยังไม่พร้อมจะบอกความจริงตอนนี้ หวังเพียงว่าเขาจะเชื่อใจนางและไม่เอ่ยถามสิ่งใด หานลั่วอี้เงยหน้ามองภรรยา มองั์ตาดอกท้อที่สะท้อนความจริงใจออกมา
ถึงจะยังสงสัยว่าสิ่งใดกันที่ถูกบรรจุอยู่ในขวดหยก ทว่าเพราะดวงตาที่มองมาและความกังวลบนใบหน้าช่วยให้เขาคลายความสงสัยลงไปหลายส่วน ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกอยากจะลองเสี่ยงดู
ลองเสี่ยงดูว่านางจะทำร้ายเขาหรือไม่
“ข้าเชื่อใจเ้า” น้ำเสียงตอบกลับช่างหนักแน่นในความรู้สึก เยว่ฉีย่อตัวลงตรงหน้าชายหนุ่ม วางมือลงบนหลังมือเขา จ้องหน้าเขม็ง
“ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง” แม้จะไม่รู้ว่าประโยคดังกล่าวหมายถึงสิ่งใด ถึงกระนั้นใบหน้าหานลั่วอี้ก็พยักขึ้นลง มุมปากหยักโค้งขึ้นยากจะสังเกตเห็น
“เช่นนั้นข้าไปก่อน อย่าลืมป้อนยาลั่วซาน” กล่าวย้ำอีกครั้ง
หานลั่วอี้พยักหน้า “ระวังอันตรายด้วย”
“ข้าจะระวัง”
เยว่ฉีออกไปแล้ว หานลั่วอี้มองตามจนแผ่นหลังลับตาไป ก่อนจะถอนสายตากลับมามองของในมือ เปิดจุกออก กลิ่นหอมบริสุทธิ์กำจายออกมาจากปากขวดให้ความรู้สึกสดชื่นอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน เขาสูดดมอีกครั้ง หัวคิ้วพลันขมวดเข้าหากัน ของเหลวที่บรรจุอยู่ด้านในคล้ายััได้ถึงพลังชีวิต ร่างกายก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
ในตอนที่ตัดสินใจดื่มลงไป ยามของเหลวไหลลงสู่ลำคอกระจายไปทั่วร่างกายแล้วนั้น เขาพลันััได้ถึงบางอย่างที่ถูกแช่แข็งมาอย่างยาวนานถูกกระตุ้น
เส้นลมปราณซึ่งเคยเสียหายกำลังถูกซ่อมแซม พลังสายหนึ่งแผ่ขยายไปทั่วเส้นประสาท แม้จะเพียงเล็กน้อยแต่ก็ััได้ ตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงหยดน้ำบางเบากำลังเข้าไปเติมเต็มสายน้ำแห้งคอดให้ชุ่มฉ่ำขึ้นมา
ร่างกายพลันอบอุ่นขึ้นอย่างน่าประหลาด
หลังััความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ความประหลาดใจพลันปรากฏขึ้นในดวงตา หานลั่วอี้ก้มลงมองขวดหยกในมือเขม็ง
เ้าสิ่งนี้คือของดี แม้จะไม่รู้ว่าคืออะไรกันแน่ แต่ทว่ากลับเป็สิ่งที่เขา้ามากที่สุดตอนนี้ ไม่รู้ว่าเยว่ฉีไปได้น้ำวิเศษเช่นนี้มาได้ยังไง
“หรือว่าจะเกี่ยวกับการหายตัวไปเมื่อวาน?” บุรุษหนุ่มได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ ในเมื่อเ้าสิ่งนี้ไม่ใช่ของอันตรายแถมนางยังหยิบยื่นมาให้ด้วยความเต็มใจ เช่นนั้นเขาก็จะไม่ซักถาม เชื่อมั่นในตัวนางและรอคอยวันที่เยว่ฉีพร้อมจะบอกทุกเื่ให้เขาได้รู้
และเพราะของเหลวในขวดนี้ทำให้หานลั่วอี้ปลดระวางความกังวลระคนหวาดระแวงที่ว่า เยว่ฉี อาจจะเป็คนของสตรีผู้นั้นลงไปหลายส่วน ความเชื่อมั่นและไว้ใจที่มีให้เพิ่มพูนขึ้นเท่าตัว จากแต่เดิมที่มีอยู่มากให้มากขึ้นไปอีก
สตรีผู้นั้นไม่มีทางหยิบยื่นความช่วยเหลือให้เขา นางผู้หวังให้เขาพินาศมากที่สุดมีหรือจะมอบโอกาสในการฟื้นคืนให้เขา
ระหว่างที่ความจริงใจต่อเยว่ฉีของหานลั่วอี้กำลังเพิ่มพูน หญิงสาวก็กำลังยืนพิงกำแพงรอเพื่อนบ้าน
ไม่นานคนทั้งคู่ก็แบกตะกร้าเดินมาหา บนหลังเยว่ฉีมีตะกร้าแบกหลังใบน้อยอยู่หนึ่งใบ ซึ่งได้มาจากครอบครัวเฟิงให้หยิบยืม
ของที่ได้มาจากบ้านเดิมส่วนมากมีเพียงเสื้อผ้าไม่กี่ชุด ของสำหรับทำครัวหรือใช้งานในชีวิตประจำวันล้วนไม่มี ยังดีที่บ้านหลังใหม่ยังพอมีของที่ใช้ได้อยู่บ้าง หากต้องซื้อของใหม่ทั้งหมดเกรงว่าเงินหนึ่งตำลึงของพวกเขาคงหมดภายในไม่กี่วัน
“พี่หลัว พี่เฟิงพวกท่านมาแล้ว!!” เสียงทักทายสดใสของเด็กสาวตัวน้อยเรียกรอยยิ้มจากคนอายุมากกว่าทั้งสอง พอได้ทำความรู้จักทำให้ได้รู้ว่าเด็กคนนี้เต็มไปด้วยความสดใสร่าเริงเป็กันเอง ไม่มีมาดความหยิ่งผยองเลยแม้แต่น้อย
ทั้งสองคนไม่ได้โง่ที่จะมองไม่ออกว่าเพื่อนบ้านที่พึ่งย้ายเข้ามาใหม่ ก่อนจะมาอยู่อาศัยที่หมู่บ้านชวีซานจะต้องเป็คนมีฐานะไม่น้อย ดูได้จากเสื้อผ้าที่ทั้งคู่สวมใส่ รวมไปถึงท่าทางการวางตัวของหานลั่วอี้ ล้วนแล้วแต่ดูสูงส่งสง่างาม แม้ร่างกายเขาจะไม่สมบูรณ์แต่ก็ไม่สามารถกลบความสูงส่งรอบกายได้
ในเมื่อหานลั่วอี้เป็คนมีฐานะเช่นนั้นภรรยาของเขาก็คงไม่ต่างกัน ทว่าเด็กสาวตัวน้อยคนนี้กับเป็กันเอง พูดจาเก่ง ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ
“น้องเยว่เคยขึ้นเขามาก่อนหรือไม่”
คนถูกถามยิ้มแหย ๆ ยกมือขึ้นเกาท้ายทอย
“ขอบอกอย่างไม่ปิดบัง ข้าไม่เคยขึ้นเขาเลยสักครั้ง”
“เช่นนั้นคงต้องพยายามแล้ว แมู้เาบริเวณหมู่บ้านจะไม่สูงชันมากนัก แต่ก็ไม่ง่ายสำหรับมือใหม่”
“พี่หลัววางใจได้ ถึงข้าจะไม่เคยขึ้นเขาแต่ก็ไม่ใช่คนหนักไม่เอาเบาไม่สู้” น้ำเสียงมั่นใจของเด็กสาวยังคงทำให้ทั้งสองคนเอ็นดู
จากนั้นคนทั้งสามก็เดินไปพูดคุยกันไปตลอดทาง ใบหน้าประดับรอยยิ้มอยู่ตลอด จนกระทั่งเกือบจะเดินออกนอกเขตของหมู่บ้านก็มีหญิงชราท่าทางใจดีคนหนึ่งเอ่ยทักทาย
“เ้าบ้านเฟิง สะใภ้เฟิงวันนี้ก็ขึ้นเขาอีกหรือ” ชาวบ้านหมู่บ้านชวีซานส่วนมากทำอาชีพปลูกข้าว หรือปลูกพืชผักไปขาย มีเพียงชาวบ้านบางส่วนที่จะทำอาชีพเก็บพืชิญญา เพราะการขึ้นเขาไปหาพืชิญญานั้นมีความเสี่ยงอยู่เล็กน้อย
หากมีโชควาสนาพบเจอพืชิญญาระดับสูงอันตรายที่จะตามมาย่อมมากมายตามเงินที่ได้รับ เพราะพืชิญญาระดับสูงมักจะมีสัตว์อสูรเฝ้าอยู่ไม่ไกล แต่หากโชคดีมากก็จะพบเพียงพืชิญญาไร้กลิ่นอายสัตว์อสูร
ที่หลัวหรูไม่ได้บอกเยว่ฉีถึงอันตรายเกี่ยวกับการเก็บพืชิญญาเพราะปกติแล้วเื่นี้เป็ความรู้พื้นฐานของทุกคนในดินแดนเฟยฮ่าว
“ขอรับท่านยาย” หญิงชราพยักหน้ายิ้ม ๆ เหลือบสายตาหันมองเยว่ฉีอย่างสำรวจ
ขอถอนคำพูดที่บอกว่าท่าทางใจดี หญิงชราคนนี้แค่ทำท่าทางใจดีเท่านั้นเอง
“ขึ้นเขาก็ระวัง ๆ ด้วยล่ะ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจจะไว้ใจมากเกินไปย่อมไม่ดี หากเกิดเื่ขึ้นมาก็คงมีแต่์ที่รู้”
เอ้า!!! สักหมัดไหมยาย
เยว่ฉีอยากจะเอ่ยขึ้นทว่าก็ถูกหลัวหรูห้ามเอาไว้ก่อน นางมองหญิงชรายิ้ม ๆ เอ่ยเสียงอ่อนโยน
“ขอบคุณในความห่วงใยของท่าน ข้ากับพี่เฟิงล้วนจำใส่ใจ ส่วนเื่คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจนั้น ข้ากับพี่เฟิงก็หาใช่คนใสซื่อที่จะมองคนไม่ออก ใครดีไม่ดีข้านั้นล้วนรับรู้ได้ ท่านยายไม่ต้องกังวล”
หญิงชราโดนคำพูดหวานระคายหูของหลัวหรูสีหน้าพลันมืดลงไม่เหลือแล้วซึ่งรอยยิ้มอ่อนโยน
“ข้าเพียงเป็ห่วงพวกเ้า เหตุใดต้องกล่าวหนักถึงเพียงนี้ หากเกิดอันใดขึ้นมาก็อย่าได้มานึกเสียใจทีหลัง!!” หญิงชราส่งเสียงฮึดฮัดก่อนจะสะบัดหน้าหันหลังกลับเข้าบ้านไป
“ขอบคุณในความเป็ห่วงของท่าน เดินดี ๆ นะเ้าคะ” หลัวหรูกล่าวตามหลังก่อนจะหันมาหาเยว่ฉี
“อย่าได้ใส่ใจคำพูดแกเลย ยายซวงก็เป็เช่นนี้” เยว่ฉียิ้มกว้าง
ไม่นึกว่าหญิงผู้นี้จะออกตัวปกป้องนาง ถึงขั้นทำให้คนในหมู่บ้านเดียวกันขุ่นเคือง
“พี่หลัวข้าไม่เป็อันใด จะห่วงก็แต่พวกท่านทำให้คนหมู่บ้านเดียวกันขุ่นเคืองเช่นนี้จะดีหรือ? ตัวข้าพึ่งย้ายมาใหม่ไม่เท่าใดแต่พวกท่านทั้งสองคนเลา”
ทั้งสองมองหน้ากันยิ้ม ๆ เด็กคนนี้ทั้งที่ตนถูกคนพูดไม่ดีใส่ ยังจะเป็ห่วงผู้อื่นอีก
“เ้าอย่าได้ใส่ใจ ความจริงข้ากับพี่เฟิงก็หาใช่คนหมู่บ้าน ชวีซานั้แ่ต้น เป็คนย้ายเข้ามาเช่นเดียวกับพวกเ้า เพียงแต่ดีกว่าหน่อยที่ตอนย้ายเข้ามาไม่ถูกตั้งแง่ใส่ั้แ่วันแรก”
“มีเื่เช่นนี้ด้วย!?”
“ใช่ พูดแล้วก็อย่าขำไป ข้ากับพี่เฟิงย้ายออกจากหมู่บ้านเดิม เพราะครอบครัวข้าไม่ยอมให้แต่งงานกับพี่เฟิง หลังหนีออกมาด้วยกันก็มาอยู่ที่หมู่บ้านนี้”
“ข้าจะหัวเราะได้เช่นไร พวกท่านชั่งมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อกันยิ่งนัก ได้ยินแล้วข้ายังอดรู้สึกชื่นชมและอิจฉาไม่ได้”
“ไม่ต้องกล่าวประจบประแจงข้าเ้าเด็กน้อย” หลัวหรูส่ายหัวยิ้ม ๆ ก่อนทั้งสองคนจะสบตากันแล้วหัวเราะออกมา บรรยากาศกลมกลืนยิ่ง เฟิงซิ่วผู้เงียบอยู่ตลอดเอาแต่ยิ้มมองภรรยาทีมองเด็กสาวตรงหน้าที ได้เห็นภรรยายิ้มมีความสุขเช่นนี้ สามีอย่างเขาพึงพอใจไม่น้อย
ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความสุขของคนในครอบครัว ถึงแม้อาจจะกลายเป็ศัตรูกับคนทั้งหมู่บ้านก็ไม่เป็อันใด เพราะปกติแล้วก็ใช่ว่าพวกเขาจะไปมาหาสู่กันบ่อย ๆ คนในหมู่บ้านเดิมมักจะมองคนย้ายเข้ามาใหม่เป็คนนอก ถึงพวกเขาจะไม่ได้ถูกกีดกันแต่ก็ไม่ถึงขั้นสนิทสนม
ใช้เวลาเดินทางเกือบสองเค่อพวกเขาก็มาถึงตีนเขากันแล้ว เยว่ฉีมองูเาสูงตรงหน้า ในดวงตาฉายประกายความตื่นเต้น
เคยมีคนพูดว่าขุมทรัพย์มักซ่อนอยู่ในธรรมชาติ
นางหวังเป็อย่างยิ่งว่าูเาตรงหน้าจะสร้างปาฏิหาริย์ให้กับนาง
“พร้อมแล้วใช่หรือไม่” หลัวหรู
“พี่หลัวข้าพร้อมแล้ว!!”
“เช่นนั้นก็ไปกัน”
