“เ้าคนต่ำช้า รนหาที่ตายยิ่งนัก!”
ถังจิ้นอวี่เบิกตากว้างและจ้องมองหนิงเทียนด้วยความโกรธ
“เด็กนั่นไม่รอดแน่ ถังจิ้นอวี่เป็ถึงอันดับสามในบรรดาศิษย์ฝ่ายนอกของสำนักกระบี่ทองคำ เขาคงส่งอีกฝ่ายกลับบ้านเก่าด้วยกระบี่เดียวเป็แน่”
“คนยิ่งน้อยก็ยิ่งดีไม่ใช่หรือ? เราย่อมได้ส่วนแบ่งมากกว่าเก่า”
หนิงเทียนประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกัน
สำนักกระบี่ทองคำ? ชายผู้นี้เป็หยวนซิวหรือ?
เมื่อมองถังจิ้นอวี่ที่กำลังเดือดดาล พลังิญญาในร่างของหนิงเทียนก็พุ่งสูงขึ้นและไหลมารวมที่ดวงตา ทันใดนั้นเขาก็พบว่าถังจิ้นอวี่ไม่มีรากบ่มเพาะอยู่ในกาย
คนผู้นี้เป็หยวนซิวจริงด้วย ฮ่าๆ! น่าสนใจยิ่งนัก
หนิงเทียนในขณะนี้ไร้ซึ่งความหวาดกลัว ทั้งยังเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“คุกเข่าแล้วไปตายเสีย!” ถังจิ้นอวี่สำแดงพลังอย่างโเี้ ปราณกระบี่ลอยสุมอก ร่างของเขาแหลมคมราวกระบี่ไร้ฝัก ซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถหยุดยั้งได้
เื้ัถังจิ้นอวี่มีจิติญญากระบี่แผ่ออกมา กระบี่นั้นส่องแสงเย็นเยียบราวเคียวมรณะ
แววตาของหนิงเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะถามว่า “เ้าไม่ได้อยู่ในขอบเขตรวบรวมหรอกหรือ?”
เยี่ยอวิ่นเองก็ส่งเสียงผสานมา “ที่แท้เ้าก็เข้าสู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแรกแล้วถึงสามารถปลดปล่อยจิติญญาออกมาได้”
“นี่ไม่ดีแล้ว คนผู้นี้เข้าสู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกแล้ว ในวันหน้าเขาย่อมเป็ภัยต่อพวกเรา!”
คนทั้งเจ็ดบนยอดเขาจับจ้องถังจิ้นอวี่ด้วยปฏิกิริยาที่แตกต่างกัน บ้างก็ประหลาดใจ บ้างก็หวาดหวั่น
ถังจิ้นอวี่แสดงท่าทีหยิ่งผยอง เขามองหนิงเทียนอย่างเ็าพร้อมกล่าวเหยียดหยาม “ผู้บำเพ็ญจื๋อซิวขอบเขตรวบรวมขั้นเก้า กล้าดีอย่างไรมาะโโลดเต้นต่อหน้าข้า? วันนี้ข้าจะมอบความตายให้เ้าเอง”
“มอบความตายให้ข้า? ฟังดูบ้าบออะไรเช่นนี้” หนิงเทียนหัวเราะกลบเกลื่อนความโกรธสุดขีด ทักษะยุทธศาสตร์ครอง์สั่นะเืด้วยความเร็วสูง กล้ามเนื้อทุกส่วนราวถูกเปลวเพลิงแผดเผา พลังอันรุนแรงไหลบ่าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ถังจิ้นอวี่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของหนิงเทียนได้ทันที “เหอะ! มีความสามารถเพียงน้อยนิดทว่าอยากต่อต้านหรือ? ช่างน่าขันเสียจริง”
“เป็เพียงจื๋อซิวในขอบเขตรวบรวมขั้นเก้ากลับกล้าท้าทายหยวนซิวขอบเขตจิตหยั่งลึก เ้าหนูผู้นี้เสียสติไปแล้ว”
“การต่อสู้กับขอบเขตเดียวกัน อัตราการชนะของหยวนซิวมีมากกว่าเก้าส่วน หากถังจิ้นอวี่อยากทรมานและสังหารเ้าหนูผู้นี้คงง่ายยิ่งกว่าเหยียบมดให้ตายเสียอีก”
ผู้คนโดยรอบไม่ได้สนใจหนิงเทียน เนื่องจากคิดว่าเขาเป็เพียงคนโง่ผู้หนึ่ง
“ได้ยินหรือไม่? ด้วยความสามารถของเ้า ตัวเ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะสู้กับข้าด้วยซ้ำ เหตุใดยังไม่คุกเข่าลงอย่างเชื่อฟังอีก?” ถังจิ้นอวี่หัวเราะอย่างภาคภูมิใจ ประกายกระบี่สะท้อนอยู่ในดวงตา หวังสร้างแรงกดดันให้หนิงเทียน
“จริงหรือนี่? หากเ้าอยากได้ถึงเพียงนั้น เหตุใดไม่แบกยอดเขาิเฟิงกลับไปด้วยเลยเล่า? ช่างโง่เขลาเสียจริง!”
รอยยิ้มกระหยิ่มของถังจิ้นอวี่แข็งค้างในทันที เ้าเด็กแสบนี่ล้อเลียนเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เ้าคงเบื่อที่จะมีชีวิตแล้วจริงๆ
“หากไม่คุกเข่า เช่นนั้นก็จงตายเสียเถิด!”
ถังจิ้นอวี่ไม่อยากพูดไร้สาระกับหนิงเทียนอีก จิติญญากระบี่ด้านหลังเริ่มควบแน่นเป็ประกายสายฟ้าผสานด้วยปราณกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวพร้อมเสียงกระชากอากาศ พลังงานอันคมกริบนั้นยากจะหยุดยั้งจนผู้อยู่ในเหตุการณ์ต้องกล่าวขวัญ
“เมื่อปลดปล่อยจิติญญา ความเร็วในการซึมซับพลังจะมากกว่าขอบเขตรวบรวมถึงสิบเท่า แม้จะเป็เพียงกระบี่มายา แต่ปราณกระบี่ก็แข็งแกร่งและเร็วมากจนขอบเขตรวบรวมไม่อาจต้านทานได้”
“เด็กนั่นคงตายแล้ว”
“เขาไม่สามารถรับกระบี่นี้ได้หรอก แม้กระทั่งจื๋อซิวในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแรกก็ยังต้านได้ไม่ถึงสามส่วน และนี่เขาอยู่เพียงขอบเขตรวบรวม ดังนั้นเขาย่อมไม่รอด”
คนทั้งเจ็ดล้วนมองกระบี่ของถังจิ้นอวี่อย่างตกตะลึง สีหน้าของพวกเขามีเพียงความมืดมน
ทุกคนไม่ได้กังวลเื่ชีวิตหรือความตายของหนิงเทียน แต่พวกเขากำลังคิดว่าในภายภาคหน้าเมื่อเผชิญหน้ากับถังจิ้นอวี่ ตนจะจัดการกับเขาได้อย่างไร
ปลดปล่อยจิติญญา นี่คือสิ่งที่เหล่าหยวนซิวกำลังกล่าวถึง
สำหรับจื๋อซิว หลังจากเข้าสู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกแล้ว จะสามารถเรียกิญญาของรากบ่มเพาะออกมานอกร่างได้ และด้วยความช่วยเหลือจากรากบ่มเพาะ การดูดซับพลังิญญาของฟ้าดินก็จะเร็วกว่าขอบเขตรวบรวมถึงสิบเท่า
หนิงเทียนยังบำเพ็ญไม่ถึงจุดนั้น แต่ก็สามารถััได้ว่ากระบี่ของถังจิ้นอวี่มีพลังมากกว่ากระบี่ของผู้บำเพ็ญจื๋อซิวในขอบเขตรวบรวมที่เขาเคยพบอยู่หลายเท่า เขาจึงไม่กล้าประมาทและะโเสียงดัง ก่อนจะบิดหมุนมือขวาไปมา
พลังิญญาค่อยๆ ผลิบานออกมาจากปลายนิ้ว ดอกไม้บินพุ่งเข้าต่อต้านปราณกระบี่ทันที
แสงและเงาปะทะกันกลางอากาศอย่างรุนแรง แม้จะเป็เพียงจิติญญากระบี่จากการควบแน่นพลัง แต่ก็ทรงอานุภาพอย่างยิ่ง
แสงกระบี่แตกกระจายจนเกิดเสียงสนั่นหวั่นไหว ปราณกระบี่กลายเป็หายนะ
หนิงเทียนตาเป็ประกาย เขายืนหยัดก้าวไปข้างหน้า แสงพร่างพรายบนปลายนิ้วยังคงบานสะพรั่งสวยงาม
ถังจิ้นอวี่พยายามทุ่มสุดแรง ทว่าปราณกระบี่กลับไม่อาจสร้างรอยขีดข่วนให้กับหนิงเทียนได้ ซึ่งทำให้เขาประหลาดใจเป็อย่างมาก
“เอ๊ะ! เด็กนั่นยังอยู่ นี่เป็ไปได้อย่างไร?”
ผู้ที่เฝ้ามองการต่อสู้ต่างตกตะลึง น้ำเสียงแปลกใจนั่นทำให้ถังจิ้นอวี่ไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม นี่ไม่ใช่การตบหน้าตนหรอกหรือ?
“ไม่แปลกที่เ้าจะกล้าขัดคำสั่งข้า ที่แท้ก็พอมีความสามารถอยู่บ้าง” ถังจิ้นอวี่พูดด้วยความโกรธ กระบี่มายาด้านหลังควบแน่นพลังอีกครั้ง แสงกระบี่ส่องสว่างขึ้น ทั้งยังมีลำแสงราวสายฟ้าพุ่งตรงไปยังหัวใจของหนิงเทียน
กระบี่นี้ได้เปล่งประกายเป็ครั้งสุดท้าย ก่อนที่ปราณกระบี่จะถูกทำลายสิ้น
หนิงเทียนใช้ทักษะยุทธศาสตร์ครอง์ร่วมกับวิชาทะยานหลงเงาตัดผกานำหน้าอีกฝ่ายหนึ่งก้าว จึงสามารถทำลายปราณกระบี่ของถังจิ้นอวี่ได้อีกครา และสร้างความแตกตื่นให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์
“บ้าเอ๊ย! ถังจิ้นอวี่จงใจอ่อนให้หรือ?”
“มะ...เหมือนจะไม่ใช่นะ”
ถังจิ้นอวี่โกรธจนแทบบ้า ทว่าในใจกลับมีเพียงความเคลือบแคลง เนื่องจากปราณกระบี่ของหนิงเทียนนั้นหนักราวภูผา แม้ความแข็งแกร่งของตนจะอยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแรกก็ยังรู้สึกราวกับถูกคุกคาม
“ศิษย์สำนักกระบี่ทองคำอ่อนด้อยเพียงนี้เลยหรือ? เป็ถึงหยวนซิวขอบเขตจิตหยั่งลึก กลับไม่สามารถเอาชนะจื๋อซิวขอบเขตรวบรวมได้ เหตุใดเ้าไม่ลองหาชิ้นเต้าหู้มาสังหารคนดูหน่อยเล่า?” คำพูดของหนิงเทียนรุนแรงอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่ถังจิ้นอวี่เท่านั้นที่โกรธจนแทบกระอักเื พวกที่เคยดูถูกเขาก็ล้วนหน้าชาราวกับถูกตบอย่างแรง
“หุบปากเสีย!” ถังจิ้นอวี่เดือดดาล เขาละทิ้งความคิดดูแคลนแล้วเริ่มควบแน่นพลังกระบี่มายาอีกครา การเคลื่อนไหวของเขาขณะนี้ไม่ได้มุ่งโจมตีหนิงเทียนโดยตรง แต่เปลี่ยนไปใช้ทักษะกระบี่อันประณีตแทน
ดวงตาของหนิงเทียนเปรียบเสมือนคบไฟ เมื่อเขาใช้ทักษะยุทธศาสตร์ครอง์ กระแสโลหิตทั่วร่างล้วนเดือดพล่าน กล้ามเนื้อและกระดูกก็ส่งเสียงคำราม ทั้งยังรู้สึกหิวโหยจนอยากจะกลืนกินทั้งแผ่นดินเข้าไป
ประสาทััทั้งหกของเขาก็เฉียบคมยิ่งนัก แม้ถังจิ้นอวี่จะชักกระบี่ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าการรับรู้ของขอบเขตรวบรวมหลายเท่า ทว่าหนิงเทียนกลับเห็นมันอย่างชัดเจน
“ทะยานหลงเงาตัดผกา!”
ดอกไม้เบ่งบานบนปลายนิ้วของหนิงเทียนอีกครา ปราณกระบี่เปรียบเสมือนกงล้อ แสงกระบี่เกี่ยวพันกันอย่างมีเสน่ห์ชวนหลงใหล จนคนทั่วไปยากที่จะแยกแยะได้
ในตอนแรก บนปลายนิ้วของหนิงเทียนมีดอกไม้บินเพียงห้าดอก ทว่าหลังผ่านไปสามกระบวนท่าก็พัฒนาเป็เจ็ดดอก และเมื่อผ่านไปสิบกระบวนท่าก็เพิ่มเป็เก้าดอก ความก้าวหน้าเช่นนี้แม้แต่ถังจิ้นอวี่เองก็ยังเริ่มหวาดกลัว
ขณะที่จำนวนดอกไม้บินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความเชี่ยวชาญในการควบคุมวิชาทะยานหลงเงาตัดผกาของหนิงเทียนก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
จุดประสงค์ของเงาลวง คือ การสร้างความสับสนให้กับศัตรู แต่หากดอกไม้บินทุกดอกเป็ของจริง ทุกกลีบก็คือคมกระบี่ และเมื่อดอกไม้ทั้งเก้าผลิบาน คมกระบี่หลายสิบหลายร้อยเล่มย่อมเข้าปกคลุมท้องนภา ทักษะพลังนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่นั้นค่อนข้างเปลืองพลัง และจำเป็ต้องมีความแข็งแกร่งอย่างมาก หากพลังิญญาไม่เพียงพอ ทางเลือกที่ดีที่สุดของวิชาทะยานหลงเงาตัดผกาก็คือ การโจมตีเป้าหมายด้วยการลงมือเพียงครั้งเดียว
ภายใต้ราตรีแสนมืดมิด ถังจิ้นอวี่และหนิงเทียนต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ระหว่างการฟาดฟัน ถังจิ้นอวี่เริ่มหวาดหวั่นมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนิงเทียนก็โเี้มากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
หลังจากปลุกทักษะพิเศษแล้ว หนิงเทียนก็ยังไม่ได้ประลองฝีมือกับศัตรูที่แข็งแกร่งเลย
เขาได้รับผลประโยชน์มากมายจากการต่อสู้ครั้งนี้ และในที่สุดหนิงเทียนก็สามารถสยบถังจิ้นอวี่ลงได้โดยใช้พลังไปเพียงสามส่วน ซึ่งนี่คือความน่าเกรงขามของเส้นลมปราณฟ้าประทานทั้งเก้า
“ฝีมือแย่ถึงเพียงนี้ ยังกล้าหาเื่ให้ตนเองต้องอับอายอีก ไปให้พ้น!”
คมกระบี่เฉือนห้วงอากาศ กระบี่มายาของถังจิ้นอวี่แตกสลายและกระแทกเข้าที่หน้าอก เขาาเ็สาหัสจนกระอักเื ก่อนจะกรีดร้องคำรามก้อง
สีหน้าของผู้รับชมการต่อสู้เปลี่ยนไปมาก ไม่มีใครคาดคิดว่าผลลัพธ์จะเป็เช่นนี้
“ชิ! ไม่ปรบมือเลยสักนิด พวกเ้าเคยดูสิ่งใดที่สนุกกว่านี้อีกหรือ?”
หนิงเทียนเหลือบมองทุกคนด้วยแววตาดูแคลน แล้วก้าวเข้ามาหาถังจิ้นอวี่
“สู้กันนานจนข้าเหงื่อออกแล้ว ดูสิว่าเ้าจะชดเชยให้ข้าเท่าไร?”
“เ้าจะทำอะไร? เฮ้ย! คืนถุงมิติข้ามานะ”
“โอ้! มีหินิญญาเยอะเลย มีรากบ่มเพาะด้วย แต่เท่านี้ยังไม่เพียงพอหรอก”
ผู้คนรอบตัวล้วนแสดงสีหน้าประหลาดใจ เ้าทำร้ายผู้อื่น ทั้งยังปล้นหินิญญาของเขา แค่นี้ยังไม่พออีกหรือ?
ถังจิ้นอวี่คำรามด้วยความโกรธและอยากลุกขึ้นสู้ ทว่ากลับโดนหนิงเทียนเตะจนกลิ้งลงจากเขา
“พวกเ้า! พวกเ้าหัวเราะเยาะข้าและเมื่อครู่ยังรับชมเื่สนุกโดยไม่คิดปรบมือ จงมอบหินิญญาและรากบ่มเพาะมาเสียดีๆ” หนิงเทียนหันกลับมามองคนทั้งเจ็ด เขากำลังคิดจะชิงทรัพย์ผู้อื่นอีกครา
สีหน้าของเยี่ยอวิ่นแสดงความรังเกียจ คนผู้นี้ป่วยทางจิตหรือเปล่า? เขาช่างหาเื่ใส่ตัวเก่งเสียจริง
เลี่ยชิงอีจากสำนักั์พฤกษาคำรามลั่น “เ้าคนต่ำช้า เ้าเบื่อที่จะมีชีวิตแล้วใช่ไหม? กล้าดีอย่างไรถึงมา...”
“ไม่ยอมมอบหินิญญา ทั้งยังกล้าด่าข้า ข้าจะทุบเ้าให้จมดิน!” หนิงเทียนกล่าวอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะยกมือคุมกระบี่โจมตีเลี่ยชิงอี
“ข้าต้องกลัวเ้าระ...อั๊ก!”
เลี่ยชิงอีออกแรงชก รากบ่มเพาะในกายของเขาสั่นะเืเนื่องจากปลดปล่อยพลังอันแข็งแกร่ง ทว่ากลับถูกกระบี่ฟาดหมดสติ จนล้มลงกับพื้นโดยไม่คาดคิด
เยี่ยอวิ่นและคนอื่นๆ ล้วนมีสีหน้าจริงจัง คนผู้นี้ทำให้เลี่ยชิงอีหมดสติได้ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว ความแข็งแกร่งของเขาช่างน่าใ
หลังจากปล้นเลี่ยชิงอีเสร็จ เขาก็เดินไปทางหานคุน “เ้าจะมอบเองหรือให้ข้าลงมือ?”
“เ้าหนู ข้าจะสู้กับเ้า...อ๊า!”
หนิงเทียนเฉือนกระบี่ทีละเล่ม โดยเริ่มโจมตีจากผู้ที่อยู่ขอบเขตรวบรวมก่อน ในไม่ช้าก็เหลือเพียงเยี่ยอวิ่นและผู้บำเพ็ญอีกสองคน
เขามองทั้งสามคนและกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ดีกว่าเ้าขยะถังจิ้นอวี่ หรือจะเป็ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสอง?”
“เ้าเป็ใคร?” เด็กหนุ่มชุดสีเงินถามขึ้น
เขาคือลัวเซวียนจากสำนักรวมดารา ผู้บำเพ็ญซิงซิววัยสิบเก้าปี บนใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มแห่งความมั่นใจ
“หนิงเทียนจากสำนักวั่นจื๋อ แล้วเ้าเล่า?”
“สำนักวั่นจื๋อ?” เยี่ยอวิ่นเย้ยหยัน นึกคร้านเกินกว่าจะโต้แย้ง
“ข้าลัวเซวียนจากสำนักรวมดารา”
“จางเหว่ยจากสำนักหานเทียน”
หนิงเทียนไม่มีความรู้สึกใดต่อลัวเซวียนมากนัก ทว่าเยี่ยอวิ่นกลับมีท่าทีแปลกไป
ผู้ที่ดึงดูดความสนใจของหนิงเทียนก็คือจางเหว่ย คำว่า “สำนักหานเทียน” เป็คำที่เขาจำได้ขึ้นใจ เพราะท่านพ่อหนิงหยางของเขาเสียชีวิตด้วยน้ำมือของจางเฟิงหยางจากสำนักหานเทียน
นี่คือสิ่งที่เขาจะไม่มีวันลืมอย่างเด็ดขาด!
จางเหว่ยอยู่ในวัยยี่สิบต้นๆ เขาทั้งเ็า เย่อหยิ่ง และไม่เห็นหนิงเทียนอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ถึงผลงานก่อนหน้านี้ของหนิงเทียนจะเป็ที่ประจักษ์แต่เขาก็ไม่คิดใส่ใจ ความสนใจของเขามุ่งไปที่ลัวเซวียนเป็ส่วนใหญ่
หนิงเทียนไม่พอใจอย่างมากและไม่เคยลืมความแค้นของบิดา แม้เื่นี้จะไม่เกี่ยวกับจางเหว่ยโดยตรง แต่เขาก็เป็ศิษย์ของสำนักหานเทียน เหตุผลแค่นี้ก็มากพอที่จะทำให้หนิงเทียนไม่ชอบเขาแล้ว
“จางเหว่ย? เหว่ยจากคำว่าหยางเหว่ย[1]หรือ?” หนิงเทียนเยาะเย้ย ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย
เยี่ยอวิ่นและลัวเซวียนประหลาดใจยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่าเ้าหนูนี่ไม่รู้จักจางเหว่ย แล้วอีกฝ่ายจะเป็ศัตรูกับเขาได้อย่างไร?
จางเหว่ยเลิกคิ้วพร้อมจ้องไปยังหนิงเทียน “เ้ากำลังหาเื่หรือ?”
“หากแซ่ของเ้าคืออึ ข้าควรมองหาอึด้วยหรือไม่?” หนิงเทียนหัวเราะเยาะด้วยแววตาแสนเ็า
จางเหว่ยโกรธจัดและกำลังจะลงมือ ทว่าทันใดนั้นก็มีคลื่นพลังอันแข็งแกร่งเข้าปกคลุมหัวใจ
เสาหินสามต้นที่ตัดกันด้วยแสงบนยอดเขาค่อยๆ ก่อตัวเป็คลื่นกระแทก ก่อนจะควบแน่นม่านโปร่งแสงจนกลายเป็ประตูมิติ
ลัวเซวียนและเยี่ยอวิ่นต่างก็ร้องอุทานแล้วรีบพุ่งเข้าหาประตูบานนั้น ส่วนจางเหว่ยก็หันหลังทะยานตามไปและทิ้งหนิงเทียนไว้เพียงผู้เดียว
---------------------------------------
[1] หยางเหว่ย (阳痿) แปลว่า เสื่อมหรือไร้สมรรถภาพทางเพศ เป็การล้อเลียนคำว่า “เหว่ย” ที่ออกเสียงเหมือนชื่อของจางเหว่ย (张伟)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้