มู่อี้หานดึงเธอขึ้นมือทั้งสองจับเข้าที่ไหล่ของเธอ และบีบไหล่ของเธออย่างแรง “ร้องไห้ทำไม?”
เพียงเธอน้ำตาร่วงความรู้สึกของเขาก็เ็ปขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
ั้แ่เล็กจนโตเขาไม่เคยเห็นเธอต้องเสียน้ำตา ทว่าก็น้อยครั้งที่จะได้เห็นรอยยิ้มของเธอเช่นกันเธอเป็คนเงียบๆ ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก ถ้าไม่ได้สนใจเธอ เธอก็มักจะไปซ่อนตัวอยู่ตามซอกมุมปลอดสายตาคนนั่นแหละคือสิ่งที่เธอชอบทำ
“คุณไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ฉันไม่อยากรบกวนเวลาของคุณกับผู้หญิงคนอื่น” หยิ่นยวี๋โม่มองเขา อาจจะเป็เพราะเธอดื่มมากเกินไป เธอจึงโพล่งความไม่สบายใจทั้งหมดใส่เขา
“คุณทำแบบนี้ทำไม? คุณทั้งไม่กลับบ้านทั้งไม่สนใจฉัน ยังไม่พอ ยังไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่นอีก ถ้าคุณไม่้าฉันก็อย่ามาให้ความหวังฉันสิ คุณไม่จำเป็ต้องแต่งงานกับฉันก็ได้ แต่นี่อะไรคุณก็ยังแต่ง แต่งแล้วยังไงคุณก็ไปกับผู้หญิงคนอื่น คุณทำร้ายจิตใจฉันจนฉันเจ็บไปหมดฉันเคยบอกคุณไปแล้วไง ว่าฉันไม่ได้อยากเปลี่ยนตัว ถ้าคุณรักยวี๋ซินคุณก็ไปตามเธอกลับมา!” หยิ่นยวี๋โม่พูดใส่เขาเป็ชุดในขณะที่มือเธอจับเสื้อของเขาเอาไว้แน่น และน้ำตายังคงไหลรินเป็ทาง
“ผมบอกคุณไปแล้ว ว่าผมไม่ได้้าให้คุณเปลี่ยนตัว” มู่อี้หานขมวดคิ้วแน่น ผู้หญิงคนนี้คิดอะไรอยู่กันแน่? เธอคงไม่ได้คิดว่าเขาชอบหยิ่นยวี๋ซินใช่ไหม?
สำหรับเขาขอแค่เป็คุณหนูตระกูลหยิ่น แค่ให้เขามีอำนาจในหยิ่นซื่อกรุ๊ปเขาไม่สนว่าสุดท้ายเขาจะได้แต่งงานกับใคร แต่ว่าความรู้สึกที่หยิ่นยวี๋โม่มีให้ต่อมู่อี้หานมันลึกซึ้งกว่าที่มู่อี้หานคาดไว้เหลือเกิน
“คุณโกหก คุณไม่้าฉัน! ถ้าฉันไม่ใช่คุณหนูตระกูลหยิ่น คุณคงไม่แต่งงานกับฉันใช่ไหมล่ะ?” ลึกข้างในใจของหยิ่นยวี๋โม่รู้เื่นี้ดี
เธอเก็บความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้เป็เวลานานลึกๆ ในใจของเธอ เพียงปรารถนาที่จะรักษาสถานภาพแต่งงานนี้เอาไว้ แต่เธอก็รู้สถานะตัวเองมู่อี้หานได้แต่นิ่งเงียบ เขาทำเพียงแค่เช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเธอออกไป “ผมไม่เคยรู้เลยนะ ว่าเวลาคุณเมา คุณจะพูดไม่หยุดขนาดนี้”ถ้าหยิ่นยวี๋โม่ไม่เมา เธอคงไม่มีทางพูดกับเขาด้วยถ้อยคำเหล่านี้แล้วเขาล่ะ? ฟังบ้างไม่ฟังบ้างเขาไม่ควรว่อกแว่ก เพราะอย่างไรเสียภายในใจของเขาก็เต็มไปด้วยความแค้นมากกว่าความรัก ด้วยความเกลียดชังในใจ หัวใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยความแค้นความแค้นต่อคนตระกูลหยิ่น เขาไม่มีวันรักหยิ่นยวี๋โม่ที่อยู่ตรงหน้าได้ เขาเพียง้าให้ทั้งชีวิตของเธอมีแต่เขามู่อี้หาน
ทั้งหมดนี่คือสิ่งที่ตระกูลหยิ่นต้องชดใช้ให้เขา! เขาต้องระหกระเหินใช้ชีวิตอยู่ในบ้านคนอื่นเป็สิบสิบปีเป้าหมายของเขาคือการทำลายตระกูลหยิ่นให้พินาศ
หยิ่นยวี๋โม่มองเขาเธอกัดปากตัวเอง “โอ๊ะ! เจ็บ”
มู่อี้หานปล่อยมือจากเธอพลางโน้มตัวลงจูบเธอ เขาค่อยๆ ดันลิ้นเข้าไปตักตวงความหวานในปากยังมีรสชาติเหล้าคละเคล้าอย่างเบาบาง และทำเอาเขาย้งตัวเองไม่อยู่ มือทั้งสองข้างโอบเอวเธอไว้กักขังเธอไว้ในอ้อมกอดของเขา
หยิ่นยวี๋โม่เคลิบเคลิ้มเพราะความเมาจนไม่ได้สติเธอตอบรับจูบของเขา แม้ไม่ใช่ความรักที่อบอุ่นและอ่อนโยน แต่มันเกือบทำให้เธอถลำลึกลงไป
เขาขับรถมาส่งเธอที่คฤหาสน์แต่เธอยังคงนั่งอยู่เบาะข้างคนขับ มู่อี้หานอุ้มเธอลงจากรถและพาเธอไปที่ห้องรับแขก แม่บ้านโจวที่เห็นทั้งคู่เข้ามาพร้อมกัน หล่อนก็โล่งใจทันที “ที่แท้คุณผู้ชายกับคุณหนูก็อยู่ด้วยกันนี่เองฉันโทรหาคุณหนูตั้งหลายสายแต่ไม่มีคนรับ”
“ไม่เป็ไรแล้วล่ะ เธอแค่เมา เดี๋ยวไปชงน้ำผึ้งมาให้หน่อยนะ” มู่อี้หานมองผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดตัวเอง เขาทำเพื่อเธอ เพื่อผู้หญิงคนนี้เขาถึงกับยกเลิกงานสังสรรค์เมื่อคืนเพื่อเธอ
หยิ่นยวี๋โม่ล้มตัวลงบนเตียงเธอยังเวียนหัวอยู่บ้าง จนเห็นเงาเลือนรางของใครคนหนึ่งยืนอยู่ในห้อง แต่มันกลับทำให้เธอสบายใจเสียอย่างนั้นแม่บ้านโจวนำน้ำผึ้งขึ้นมา้า “คุณผู้ชาย น้ำผึ้งได้แล้วค่ะ”
“วางไว้บนโต๊ะ เดี๋ยวฉันป้อนเอง แล้วช่วยไปเตรียมโจ๊กให้ที” มู่อี้หานพูดด้วยนำเสียงราบเรียบ เขาถอดสูทโยนไปที่โซฟาเขาเดินไปข้างเตียง แล้วประคองเธอขึ้น “ดื่มน้ำผึ้งสักหน่อยนะ”
“ไม่ต้อง” หยิ่นยวี๋โม่ทำหน้าบึ้งตึงใส่เธอเวียนหัวเสียจนอยากนอนพักมากกว่า
มู่อี้หานจับแก้วเข้าใกล้ริมฝีปากของเธอเพื่อบังคับให้เธอดื่มหยิ่นยวี๋โม่ดื่มเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้เธอทั้งไอและสำลักออกมาไม่หยุด
หยิ่นยวี๋โม่ล้มตัวลงบนเตียงทั้งที่ไม่ได้สติ คิ้วของเธอยังคงขมวดอยู่ ขณะที่เธอหลับ เธอยังคงนอนกระสับกระส่ายมู่อี้หานซึ่งยืนอยู่ข้างเตียง เขาไม่เคยพิจารณาเธออย่างละเอียดมาก่อน แม้จะอยู่ใต้ชายคาเดียวกันมาสิบกว่าปีแต่เขาก็ยังคงเป็คนแปลกหน้าสำหรับเธอ หยิ่นยวี๋โม่นอนหลับไม่สนิททั้งคืนเธอยังคงฝันร้ายวนเวียนไปมา ฝันว่าตัวเองได้สูญเสียมู่อี้หานไป ทว่าในความเป็จริงไม่ว่าจะโลกแห่งฝันหรือโลกแห่งความเป็จริง เธอกลับไม่เคยได้เขาเลยแม้เพียงสักครั้ง
มู่อี้หานกอดเธอไว้แนบกายไม่พูดอะไรออกมาแม้ประโยคเดียว และเขาก็ไม่ได้นอนตลอดคืนเธอก็แค่เมาจนพูดอะไรออกมามากมาย และเธอยังต้องนอนฝันร้ายไปทั้งคืน
เฉินจื่อโม่นั่งดื่มกาแฟที่โซฟาดื่มกาแฟไปด้วยสีหน้าสบายอกสบายใจ ทันใดนั้น มู่อี้หานผลักประตูเข้ามาในห้องทำงานและพบเฉินจื่อโม่เข้าพอดี
“แกนี่มันว่างจริงๆ ต้องมารายงานตัวกับฉันทุกวัน หมู่นี้แกคงว่างมากสินะ?” มู่อี้หานมองเขา แล้วตรงไปนั่งที่โต๊ะทำงาน
“ไม่ว่าง แต่ผมเป็ห่วงเื่ของพี่มากกว่า!” เมื่อคืนเฉินจื่อโม่รู้สึกแปลกๆ มู่อี้หานไม่เคยเป็แบบนี้แต่เพื่อหยิ่นยวี๋โม่ เขาถึงกับยอมทิ้งงานเลี้ยงเมื่อคืน เพื่อพาเธอกลับบ้าน
“ฉันยังอยู่ดี มีอะไรให้แกต้องเป็ห่วง” มู่อี้หานดื่มกาแฟที่เลขานำมาให้ เพราะอดหลับอดนอนมาทั้งคืน ตอนนี้เขารู้สึกหนักหัวไปหมด
“เป็ไปได้ไง? เมื่อคืนคงเล่นปูไต่กับพี่สะใภ้ทั้งคืนจนไม่ได้นอนสิท่า?” เฉินจื่อโม่มองเขาด้วยท่าทีแฝงเลศนัย
“ฉันไม่สนใจผู้หญิงขี้เมาแบบนั้นหรอกนะ” แท้จริงแล้วมู่อี้หานเพียงไม่อยากให้ตัวเองถลำลึกไปมากกว่านี้แววตาดำขลับของเธอที่กำลังเฝ้ารอ มันทำให้เธอยิ่งน่าถลำลึกเข้าหาเหลือเกิน
สิ่งที่เขาไม่้าที่สุดคืออารมณ์และสิ่งที่เขาต้องเป็คือการมีจิตใจที่ด้านชา เพื่อที่การแก้แค้นคนคนนั้น
เฉินจื่อโม่ยักคิ้วใส่เขา “อ้อ เหรอ? แต่ผมรู้สึกว่าพี่สะใภ้ช่างเป็คนมีเสน่ห์จริงๆขนาดเมื่อคืนยังมีคนมาจีบ แถมไม่ใช่แค่คนเดียวด้วยนะ”
“พูดมากไปแล้ว” มู่อี้หานดื่มกาแฟต่อเขายอมรับ ว่าเธอเป็ผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากคนหนึ่ง แต่ว่า เขาไม่อาจรักเธอได้
“พี่มู่ ผมหวังดีกับพี่นะ พี่สะใภ้เป็ผู้หญิงที่ดีถ้าพี่ไม่เห็นคุณค่าของเธอ ผมกลัวว่าสักวันพี่จะต้องมานั่งเสียใจทีหลัง!” คำพูดของเฉินจื่อโม่เต็มไปด้วยความจริงใจ ทว่ามู่อี้หานไม่เหมือนเขามู่อี้หานอาจดูไม่ใช่คนที่จริงจังนัก แต่หากเขาคิดจะจริงจังขึ้นมาเมื่อไร เขาจะทุ่มเทกับสิ่งนั้นอย่างถึงที่สุด
มู่อี้หานวางแก้วกาแฟลงสายตาของเขานิ่ง “มีเื่อะไรที่ฉันต้องเสียใจทีหลังด้วยหรือไง?” หลายปีมานี้ เขาอาศัยอยู่บ้านตระกูลหยิ่นมาโดยตลอดแม้ว่าเขาจะไม่อยากอยู่ แต่เขาก็เป็ผู้ช่วยที่ดีที่สุดของเ้าสัวหยิ่นจนกระทั่งตอนนี้เขาได้กลายเป็ลูกเขยที่ดีที่สุดของเ้าสัว แล้วดูสิ่งที่เขาได้รับตอนนี้สิไม่มีอะไรที่เขาต้องเสียใจอีก