เฉินจื่อโม่ส่ายหน้า “หวังว่าจะเป็แบบนั้นนะ!” เื่ความรู้สึก ใครจะไปรู้ หากได้แทรกซึมเข้าไปในจิตใจจะมีวิธีไหนลบล้างไปได้
มู่อี้หานมองออกไปนอกหน้าต่างเขาต้องไม่เสียใจในภายหลัง แค่หยิ่นยวี๋โม่คนเดียว ไม่ควรส่งผลต่อความรู้สึกของเขาเขา้าเพียงแค่หยิ่นซื่อกรุ๊ป และทำให้เ้าสัวหยิ่นไม่เหลืออะไรเลย
“พี่มู่ เอาจริงๆ เลยนะ ถ้าเทียบโจวลี่ฉี แล้วก็พวกสาวๆ คนอื่นของพี่ผมว่าพี่สะใภ้นี่แหละ เหมาะสมกับพี่ที่สุดแล้ว” เฉินจื่อโม่มองเขา โจวลี่ฉีเป็คนที่มีความทะเยอทะยานสูงมากคนหนึ่งไม่ว่าเ้าสัวหยิ่นก็ดี มู่อี้หานก็ดี เธอก็เพียง้าให้ได้มาในสิ่งที่เธอปรารถนาเท่านั้น
มู่อี้หานหันกลับมามองเขา “แกนี่มีความเห็นเกี่ยวกับโจวลี่ฉีตลอดเลยนะ เธอเป็คนยังไงฉันรู้ดีอยู่แล้ว ฉันคิดเองได้น่า” ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตาม เขาล้วนคิดมาอย่างดีแล้ว
“พี่รู้ก็ดีแล้ว งั้นผมไปก่อนละกัน ถ้าคืนนี้ไม่มีอะไรพวกเราไปดื่มกัน!” เฉินจื่อโม่หัวเราะแล้วตบหลังเขาเบาๆ “แต่ถ้าพี่ต้องกลับไปอยู่กับพี่สะใภ้ ก็ไม่เป็ไรนะ”มู่อี้หานไม่ได้พูดอะไร แค่มองเฉินจื่อโม่จากไปอย่างเงียบๆ
หยิ่นยวี๋โม่นั่งอยู่กับเหอหย่าฉิงในสวนดอกไม้ที่คฤหาสน์ “เธอโอเคไหมเนี่ย? เมื่อคืนจัดไปซะเยอะ”
“ไม่เป็ไรหรอกน่า ฉันก็แค่ดื่มเยอะไปหน่อย เลยเวียนหัว” หยิ่นยวี่โม่ยิ้มเรียบๆ เมื่อคืนเธอเมามากจนพูดจาไร้สาระออกมามากมาย
“งั้นก็ดีแล้ว เมื่อคืนเธอถูกผู้ชายคนหนึ่งมารุ่มร่าม ดีนะที่สามีของเธออยู่ตรงนั้นพอดีถ้าเกิดเื่ขึ้นล่ะก็ ฉันไม่รู้จะทำยังไงเลยจริงๆ” เหอหย่าฉิงยังใกับเหตุการณ์เมื่อคืนไม่หาย หยิ่นยวี๋โม่มองเธอ “ไม่เป็ไรหรอกนะ เพราะฉันดื่มเหล้านั่นเองเลยทำให้เื่เป็แบบนี้”
“ฉันเห็นเขาดีกับเธอมากเลยนะ” เหอหย่าฉิงไม่เคยคิดว่ามู่อี้หานจะทำแบบนั้นกับหยิ่นยวี๋โม่ความจริงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูค่อนข้างผิวเผิน แต่ในตอนนี้เธอไม่รู้สึกแบบนั้นอีกต่อไปเหอหย่าฉิงเพิ่งกลับจากต่างประเทศ หล่อนแค่้าพักผ่อนสักระยะ หลังจากนั้นค่อยหางานทำดังนั้นในบางวัน หล่อนจึงมาหาหยิ่นยวี๋โม่เพื่อพูดคุยตามประสาเพื่อนเท่านั้น
มู่อี้หานและเฉินจื่อโม่นั่งอยู่ในผับ “พี่มู่ โครงการความร่วมมือโครงการใหม่นี้ พี่วางแผนไว้ยังไงบ้าง?”
“เื่นี้ฉันส่งให้เ้าคนดังทำไปแล้ว อีกไม่กี่วันเขาก็กลับ” ตอนนี้มู่อี้หานคิดแต่จะวางแผนบริการหยิ่นซื่อกรุ๊ป
“เขาจะกลับมาแล้ว?” เฉินจื่อโม่ถามด้วยความแปลกใจ
“เป็อะไร? ถ้าเขากลับมาแล้วทำไมแกต้องตื่นเต้นขนาดนั้นพวกแกสองคนมีอะไรกันหรือเปล่า?” มู่อี้หานดื่มเหล้าในมือและจ้องไปยังเฉินจื่อโม่จนเ้าตัวถึงกับลำลักเหล้าออกมา อีกมือก็โอบหญิงสาวเอาไว้แนบกาย “พี่มู่ อย่าล้อเล่นแบบนี้สิ ดูสิ ทำสาวน้อยของผมใหมดแล้วเนี่ยคืนนี้ผมคงต้องอยู่กับพี่อีกยาว!”
มู่อี้หานขยิบตาแล้วยิ้มมุมปาก พลางทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง
“เ้าคนดังคนนั้น กลับมาครั้งนี้ คงไม่ได้พาเมียกลับมาด้วยหรอกมั้ง?” เฉินจื่อโม่รู้ว่าคนดังอย่างเฉินฮ่าวออกนอกประเทศไปนานเพื่อไปเจอภรรยาของเขาไม่สิ น่าจะต้องพูดว่า ภรรยาเก่าเสียมากกว่า
“ฉันว่าไม่นะ” มู่อี้หานส่ายหน้าเฉินฮ่าวหย่ามาสามปีแล้ว และครั้งนี้เขาก็อาสากลับมาเอง เขาคงจะมีเหตุผลบางอย่างนอกจากนี้ เขายังอาสารับ่ต่องานโครงการร่วมมือโครงการใหม่นี้ด้วย เขายิ่งไม่น่าพาภรรยากลับมาด้วยเพราะเขาจะต้องกลับมาทำงานของตัวเอง
เฉินจื่อโม่พยักหน้าเห็นด้วย.“คิดไปคิดมาก็คงใช่ ถ้าคนดังคนนั้นคิดจะพาเมียกลับมาด้วยคงไม่มารับ่ต่อโครงการร่วมมือโครงการใหม่ให้มันยุ่งยาก”
มู่อี้หานยังคงดื่มเหล้าต่อเขานิ่งเงียบ มีบางเื่ที่เขาไม่อาจลงมือด้วยตัวเองได้ มีแต่เื่หยิ่นยวี๋โม่ หยิ่นยวี๋โม่คนที่เขาทำให้เธอต้องเ็ปครั้งแล้วครั้งเล่า
จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ในมือเขาก็ดังขึ้นมู่อี้หานเหลือบมองเบอร์โทรศัพท์ที่แสดงบนหน้าจอ
“พี่มู่ พี่สะใภ้โทรมาตามแล้วใช่ไหมพี่? ความจริง พี่สะใภ้ก็เป็ห่วงพี่เหมือนกันนะ” เฉินจื่อโม่คิดว่าเป็หยิ่นยวี๋โม่โทรมา แต่ในความเป็จริงหยิ่นยวี๋โม่คงไม่โทรศัพท์หาเขาเพียงมู่อี้หานเห็นเบอร์โทรศัพท์ก็หน้านิ่วคิ้วขมวด แต่ก็รีบรับโทรศัพท์ในทันที “มีอะไร?”
“คุณชายมู่คะ จู่ๆ คุณหนูซูก็ปวดท้องขึ้นมาคุณรีบกลับมาดูเธอเถอะค่ะ!” น้ำเสียงของคนที่อยู่ปลายสายฟังดูร้อนใจไม่เบา
“เข้าใจแล้ว ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้” สีหน้าของมู่อี้หานเปลี่ยนไป เขารีบลุกจากโซฟา
“พี่มู่ เกิดอะไรขึ้น?” เฉินจื่อโม่ไม่ค่อยได้เห็นสีหน้าของมู่อี้หานเปลี่ยนไปแบบนี้สักเท่าไรนัก
มู่อี้หานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “ซูเหยาไม่สบาย ฉันจะไปดูเธอสักหน่อย”
เฉินจื่อโม่อยากพูดอะไรบางอย่างแต่เพียงได้ยินชื่อซูเหยา เขาก็ปิดปากเงียบ
ที่คฤหาสน์ย่านชานเมืองมู่อี้หานรีบขับรถด้วยความเร็วสูงเพื่อไปที่นั่น เขาลงจากรถ รีบร้อนเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“ซูเหยาล่ะ เธอเป็ยังไงบ้าง?” มู่อี้หานมุ่งไปยังชั้นสองทันที
ซูเหยานอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่บนเตียงหมอประจำบ้านกำลังช่วยตรวจร่างกายเธออยู่ “คุณชายมู่”
“เธอเป็ยังไงบ้าง?” มู่อี้หานเดินไปข้างเตียง กุมมือที่เย็นเฉียบของซูเหยาเอาไว้และมองเธอด้วยความเป็ห่วง
“คุณชายมู่ ผมคิดว่าพาคุณซูเหยาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลดีกว่า” มู่อี้หานนั่งลงข้างเตียง หมอวัยกลางคนพูดกับมู่อี้หาน
“ผมทราบแล้ว ยังไงผมขอคุยกับเหยาเหยาก่อนแล้วกันเชิญหมอกลับก่อนได้เลย! ”ซูเหยาไม่เคยยอมไปโรงพยาบาลแม้ร่างกายของเธอจะอ่อนแอจนกระทั่งขยับตัวไม่ได้หรือเป็ลมหมดสติไปก็ตาม
เมื่อซูเหยาลืมตาขึ้นเธอเห็นมู่อี้หานหลับอยู่ข้างเตียง เธอยื่นมือไปจับมือของเขามือใหญ่นี้ทั้งอบอุ่นทั้งทำให้สบายใจเหลอกเกิน ทว่าเขากลับไม่ใช่ของเธอ
แต่เพราะเธอรักเขาเพื่อเขาแล้ว แม้แต่ชีวิตของตัวเองเธอก็ยอมให้เขาได้
มู่อี้หานตื่นขึ้นและมองไปที่เธอ “ตื่นแล้วเหรอ?” ซูเหยาพยักหน้า “อื้อ ฉันทำให้คุณเป็ห่วงอีกแล้ว ฉันไม่เป็อะไรจริงๆ” ซูเหยารู้ดีว่าร่างกายเธอเป็อย่างไร
“เหยาเหยา ไปโรงพยาบาลกัน ผมไม่อยากเห็นคุณเป็อะไรอีก” มู่อี้หานไม่ได้มาหาเธอบ่อย แต่เธอก็ไม่เคยตามเขา แต่ในทุกๆครั้งที่มีเื่ คนรับใช้จะโทรหาเขา แล้วเขาก็จะมาในทันที ซูเหยาดันตัวขึ้นมือของเธอลูบไปที่ท้องน้อยเบาๆ และส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากไปโรงพยาบาล”
ทุกครั้งที่พูดถึงเื่โรงพยาบาลสีหน้าของเธอจะซีดเผือด เธอเกลียดและกลัวโรงพยาบาลมาก มู่อี้หานรู้ดีว่าเธอปฏิเสธการไปโรงพยาบาลมาโดยตลอด “ถ้าคุณยังเป็แบบนี้ ร่างกายของคุณจะไม่ไหวเอานะ” ความจริง เขาไม่อยากที่จะเห็นเหตุการณ์แบบนี้ที่สุดเขาไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ เขาไม่อยากให้เธอต้องเป็อะไรเพราะเขา “ร่างกายของฉัน ฉันรู้ดีน่า นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณไปนอนพักที่ห้องรับแขกแล้วกันยังไงพรุ่งนี้คุณก็ต้องไปทำงานอีก” ซูเหยายิ้มให้กับเขา รอยยิ้มของเธอดูซีดเซียวและอ่อนแรงแต่เธอก็ไม่อยากให้เขาเป็ห่วง
มู่อี้หานมองเธอ “ผมไม่เป็ไร ผมจะอยู่ที่นี่กับคุณ” สิ่งที่เขาพอจะทำให้เธอได้ก็มีเพียงเท่านี้