คำพูดของฮ่องเต้ทำให้กงเจวี๋ยรู้สึกโล่งใจทันที เขาแทบหมดสติแล้วทว่าเขาอยากกลับไปอยู่ข้างกายกงอี่โม่ ในขณะเดียวกันก็อยากให้คนเหล่านี้เคลื่อนตัวโดยเร็วเพราะเขาไม่สามารถล่วงหน้ากลับไปก่อนได้
ครั้งนี้เป็อีกครั้งที่ทำให้กงเจวี๋ยรู้ซึ้งถึงอำนาจบารมีและความเ็าของฮ่องเต้เขามองชนชั้นสูงเ่าั้ต้องฝืนใจขึ้นเกี้ยวด้วยสีหน้าไม่พอใจ เขารู้สึกงุนงงเพราะเหตุใดจึงต้องพาคนเหล่านี้ไปด้วยล่ะ?
โชคดีที่ฉางสี่จัดการได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งผู้ที่ยกเกี้ยวล้วนเป็ราชองครักษ์ในพระองค์พวกเขาใช้วิชาตัวเบาเดินนำหน้าไป ทำให้พระสนมชายาบางส่วนต่างอุทานออกมา
สายฝนเทกระหน่ำอย่างกะทันหัน แม่นมสวี่ในตำหนักเย็นแทบตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา เพราะเหตุใดจึงมีชนชั้นสูงมากมายเดินทางมาที่ตำหนักเย็นโดยไม่มีการบอกกล่าวได้ล่ะ?เพราะเหตุใดจึงไม่มีใครมาแจ้งนาง?!
เวลานี้ฝนกลับหยุดตกหนักเสียแล้วเสียงฝนเปาะแปะทำให้ตำหนักเย็นดูอึมครึมอับชื้น แต่ละจุดแต่ละมุมดูทรุดโทรมขึ้นรา ส่งกลิ่นเหม็นยิ่งนัก
แม่นมสวี่คลานเข่าเข้าหาฮ่องเต้ด้วยสภาพสั่นเทานางไม่สนใจว่าน้ำที่ขังอยู่บนพื้นจะซึมเปื้อนชุดของนางมากเพียงใดทว่าฮ่องเต้กลับไม่เหลือบมองนางแม้แต่น้อย เขาปล่อยให้คนนำทางพาไปที่เรือนเหลิ่งชิวโดยตรง
โลหิตเริ่มแข็งตัวแล้ว เมื่อผู้คนทั้งหลายก้าวตามแสงโคมไฟถึงบริเวณเรือนเสียงกดดันต่างๆ นานาดังระงมขึ้นรอบด้าน สีหน้าของผู้คนจำนวนไม่น้อยดูแย่มากทันที
เวลานี้ภายในเรือนที่มีขนาดไม่ใหญ่นักมีบุรุษในชุดดำนอนอยู่เจ็ดแปดคนกลิ่นคาวตลบอบอวล หยาดโลหิตปะปนไปกับหยาดน้ำฝนเมื่อมองพื้นดินท่ามกลางความมืดจึงเกิดเป็ภาพราวกับทะเลสาบโลหิตเลยทีเดียวทว่ากลางเรือนแห่งนี้มีเด็กหญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนแท่นหินด้านหนึ่งความสว่างที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันทำให้นางขยับร่างเล็กน้อยส่วนปลายเท้าของนางมีหลิ่วโม่ที่ใกล้สิ้นใจเต็มที
เมื่อสักครู่เขาได้ยินเสียงฮ่องเต้เสด็จมาด้วยพระองค์เองดังลอยมาแต่ไกลสีหน้าของหลิ่วโม่พลันเปลี่ยนไปทันที ในที่สุดเขาก็เริ่มร้อนรนแล้ว
เขาคาดไม่ถึงว่าฮ่องเต้จะเสด็จมาที่นี่อีกทั้งยังเสด็จมารวดเร็วถึงเพียงนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องปล่อยให้คนของตนรีบถอยกลับออกไปก่อน ทั้งที่รู้สึกเจ็บใจยิ่งนักส่วนเขาต้องคอยสกัดกั้นอยู่ด้านหลัง สุดท้ายสายตาที่เขามองกงอี่โม่จึงเต็มไปด้วยความโกรธแค้นเป็ความรู้สึกที่ควบคุมไม่ไหวอีกต่อไป
โอกาสเช่นนี้ เขากลับสังหารนางไม่สำเร็จ
ในขณะที่รู้สึกไม่ยอมแพ้เช่นนี้เขาจึงใช้กระบี่แทงเข้าที่หัวไหล่ของกงอี่โม่เดิมทีเขาจะถือโอกาสตอนที่นางหลบกระบี่รีบผละหนีออกไปจากที่นี่แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อกงอี่โม่ได้ยินเสียงฝีเท้าจากทางด้านหลังแล้วทั้งที่นางาเ็สาหัส นางกลับไม่ยอมหลบแม้แต่น้อยอีกทั้งไม่รู้ว่านางมีเรี่ยวแรงเหลือมาจากที่ไหน นางทิ้งกระบี่ลงปล่อยให้อีกฝ่ายแทงมาที่หัวไหล่ของตนโดยไม่มีการส่งเสียงใดๆ นางคว้ากระบี่ของอีกฝ่ายที่แทงเข้ากระดูกหัวไหล่ของนางส่วนมืออีกข้างล้วงเข้าไปในหน้าท้องของหลิ่วโม่เพื่อเป็การดึงตัวอีกฝ่ายไว้
ถึงแม้อาจดูเหมือนเป็เื่ง่ายดายทว่าความจริงแล้วกลับเป็ความโเี้จนถึงที่สุดขอเพียงกงเจวี๋ยมาถึงช้าเพียงนิดเดียว ผู้ที่รอดชีวิตในตอนนี้คงไม่ใช่นาง เมื่อเห็นหลิ่วโม่ล้มลงมือที่เต็มไปด้วยโลหิตของนางกลับหันมาดึงกระบี่ที่แทงอยู่ตรงหัวไหล่ของตนร่างของนางโงนเงนทรุดอยู่บนแท่นหิน ภาพที่ทุกคนเห็นเมื่อสักครู่ก็คือภาพเช่นนี้
เวลานี้หลิ่วเสียนเฟยพลันกรีดร้องออกมาั์ตาโตคู่นั้นมีน้ำตาเอ่อขึ้น นางมองกงอี่โม่ด้วยสายตาเคียดแค้นอยู่ชั่วครู่ ั์ตาแฝงไปด้วยความอาฆาตทว่าในชั่วพริบตานี้กงอี่โม่จับสังเกตอีกฝ่ายได้อย่างทันควันนางหัวเราะเสียงต่ำออกมาเบาๆ
“เสด็จพี่”
กงเจวี๋ยคิดก้าวขึ้นไปด้านหน้าทว่ากลับถูกฉางสี่ขวางไว้ ภายใต้โคมไฟพระราชวังส่องสว่าง ผมยาวของกงอี่โม่ทิ้งตัวปกคลุมนางก้มหน้าลง ใบหน้าด้านข้างเย็นเฉียบราวกับหิมะ ร่างกายอาบไปด้วยโลหิตท่ามกลางบรรยากาศอึมครึม มีศพอยู่เต็มพื้น นางพลันเงยหน้าขึ้นยิ้มภาพเช่นนี้กลับทำให้ผู้คนในที่แห่งนี้ต่างรู้สึกตัวสั่นอย่างสยดสยอง
เวลานี้นางเตะคนที่อยู่ปลายเท้าของนาง “ดูสิ มากันหมดแล้ว แล้วเ้านายของเ้าอยู่ในกลุ่มนี้ด้วยหรือเปล่า?”
หลิ่วโม่เงยหน้าเหลือบมองกลุ่มผู้คนอย่างอ่อนแรงแม้จะเ็ปมากเพียงใด เขาก็ไม่ยอมปริปากพูดออกมา
“บุคคลผู้นี้เป็นักฆ่าหรือ? องค์หญิงรีบส่งตัวเขาให้กับข้า ข้าจะต้องคืนความยุติธรรมให้กับเ้า” แต่ไหนแต่ไรฮองเฮามีหน้าที่ดูแลวังหลังนางเพียงเหลือบมองก็พบความผิดปกติบนสีหน้าของหลิ่วเสียนเฟยแล้ว นางกล่าวอย่างเป็ธรรมทว่าในใจกลับวางแผนบางอย่าง หรือนางจะใช้มือสังหารผู้นี้เล่นงานหลิ่วเสียนเฟย?
ทว่าเมื่อสิ้นเสียง หลิ่วเสียนเฟยจึงร้อนใจทันที นางทรุดตัวล้มอยู่ในอ้อมกอดของฮ่องเต้ พร้อมกล่าวออดอ้อน“ฝ่าาเพคะ องค์หญิงพระองค์เดียวกลับสังหารนักฆ่ามากมายขนาดนี้นางคงไม่ได้เป็ปีศาจใช่ไหมเพคะ? ฝ่าา หม่อมฉันกลัวเพคะ”
หากเป็สมัยก่อนฮ่องเต้จะต้องปลอบใจพร้อมประคองนางไว้อย่างแน่นอนทว่าวันนี้เขาก็ตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้าเช่นกัน เด็กน้อยเบื้องหน้าผู้นี้นั่งอยู่บนกองโลหิตอย่างโดดเดี่ยวนางเป็บุตรสาวของเสวี่ยเหลียนจริงๆ หรือ?
“ฝ่าาอยู่ที่นี่แล้ว เ้ายังไม่คิดจะกล่าวอะไรอีกหรือ?” กงอี่โม่เงยหน้าสบตากับเขามุมปากของนางยกยิ้มอย่างไม่แยแสยิ่งกว่าฮ่องเต้ นางยกขาเตะหลิ่วโม่อีกครั้ง
เวลานี้หลิ่วโม่อาเจียนเป็เือีกครั้ง “เ้ารีบสังหารข้าเสียมิฉะนั้นเ้าจะต้องเสียใจในภายหลัง”
เมื่อฮองเฮาได้ยินเช่นนี้จึงร้อนใจยิ่งนัก“องค์หญิงส่งตัวคนร้ายมาให้ข้า ข้าจะต้องสอบถามจนได้คำตอบว่าใครเป็ผู้บงการอยู่เื้ั”
หลิ่วโม่ได้ยินเช่นนี้จึงส่งยิ้มอย่างเ็าส่วนหลิ่วเสียนเฟยกล่าวด้วยท่าทางอ่อนแรง “พระมเหสีช่างพระทัยร้อนเหลือเกินนะเพคะ หม่อมฉันกลับคิดว่า องค์หญิงมีวรยุทธ์อย่างฉับพลันเช่นนี้นางน่าสงสัยยิ่งกว่านักฆ่าอีกเพคะ”
เวลานี้ฮ่องเต้พลันได้สติกลับคืนมาเขากล่าวอย่างช้าๆ “ทหาร จับตัวนักโทษไว้ นำไปสอบสวนอย่างเข้มงวด”
เวลานี้มือเล็กๆของกงอี่โม่ยกขึ้นเล็กน้อย “ไม่ต้องลำบากหรอกเพคะ”
ขณะที่กล่าวนั้นกระบี่ยาวในมือของนางเกิดเสียงเบาๆ นางแทงกระบี่ลงไปหยาดโลหิตกระเซ็นโดนใบหน้าของนาง นางเช็ดใบหน้าอย่างไม่ใส่ใจเงยหน้าขึ้นมองผู้คนทั้งหลายด้วยสภาพด้านชา
การเหลือบมองครั้งนี้ทำให้พระสนมชายาจำนวนไม่น้อยต่างกรีดร้องออกมามีบางคนถึงกับเป็ลมหมดสติไป
นางไม่สนใจว่าฮองเฮาและพระสนมชายาทั้งหลายมีสีหน้าแย่มากเพียงใดนางทำเพียงกะพริบตามองฮ่องเต้ น้ำเสียงที่เอ่ยขึ้นเป็การกล่าวประจบอีกฝ่าย“เสด็จพ่อเพคะ บุคคลผู้นี้้าสังหารข้า การที่ข้าสังหารเขาด้วยตัวเองคงไม่เกินไปใช่ไหมเพคะ?”
ผู้คนรอบๆต่างสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อายุน้อยเพียงนี้ยังสังหารคนตาไม่กะพริบ สายตาที่ผู้คนใช้มององค์หญิงจึงเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและความหวาดกลัว
แม้กระทั่งฮ่องเต้ก็ยังนิ่งเงียบอยู่เป็นาน ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าเด็กน้อยเบื้องหน้าไม่มีเค้าโครงของเสวี่ยเฟยแม้แต่น้อยแต่นางกลับคล้ายตัวเองมากกว่า
เวลานี้สายตาของแต่ละคนมีความรู้สึกหลากหลายบ้างก็โกรธแค้น บ้างก็สงสัย บ้างก็หวาดกลัว ต่างคนต่างมองปลายกระบี่ที่อาบย้อมไปด้วยโลหิตอยู่บนตัวกงอี่โม่เมื่อกงอี่โม่ััความรู้สึกเหล่านี้แล้ว นางจึงเงยหน้าเชิดปลายคางถลึงตากลับใส่แต่ละคนบางทีสภาพของนางในเวลานี้อาจดูโเี้น่ากลัวมากเกินไป ขณะที่นางจ้องมองกลับไป กลับไม่มีใครกล้าสบตานางโดยตรงตอนนี้นางจึงคลี่ยิ้มให้กับกงเจวี๋ยโดยไม่สนใจคนอื่น เพียงแต่ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยโลหิตรอยยิ้มของนางจึงดูดุร้าย สิ่งนี้จึงกลายเป็ภาพความทรงจำที่ไม่อาจลบเลือนในความคิดของทุกคน
ไม่มีใครรู้ว่าเพราะเหตุใดนางจึงทำเช่นนี้มีเพียงกงเจวี๋ยเท่านั้นที่มองเจตนาของนางได้อย่างชัดเจนเขารู้สึกเ็ปตรงหน้าอกราวกับปริแตก เป็ความเ็ปราวกับมีเปลวเพลิงแผดเผา
ในที่สุดเขาก็หลุดจากการจับกุมของฉางสี่เขาก้าวเท้ายาวๆ ออกมาจากกลุ่มผู้คน ขวางไว้ที่เบื้องหน้าของกงอี่โม่ กงอี่โม่ขมวดคิ้วนางกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันอย่างไม่เคยเป็มาก่อน
“ถอยกลับไป”
“ข้าไม่ไป” กงเจวี๋ยกลับตีหน้าขรึมพร้อมส่ายศีรษะ
เขาจดจำสายตาที่จ้องมองมาทางตนอย่างครบถ้วน เขาทราบดีเหตุการณ์ในคืนนี้ไม่อาจปกปิดได้อีกแล้ว ดังนั้นเสด็จพี่จึงจงใจทำเช่นนี้นาง้าดึงความสนใจทั้งหมดไว้ที่ตัวของนาง จึงทำตัวเหิมเกริมไม่สนใจผู้ใดหรือแม้กระทั่งกล้าสังหารคนต่อหน้าพระพักตร์
กงเจวี๋ยเห็นมือของเสด็จพี่สั่นเทาไร้เรี่ยวแรง ไม่ได้ดูผ่อนคลายเหมือนท่าทีที่นางแสดงออกร่างของนางอาบย้อมไปด้วยโลหิต บางทีโลหิตส่วนใหญ่อาจเป็โลหิตจากตัวนางเองแต่ถึงแม้จะเป็เช่นนี้ นางยังคงวางแผนเพื่อเขาอย่างเต็มที่
ความคิดเช่นนี้ทำให้เขาเ็ปยิ่งนัก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้