สมุนไพรห้าชุดจ่ายไปหนึ่งตำลึงแปดเฉียน [1]
เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบถุงเงินออกมา เธอไม่รู้ว่าเงินหนึ่งตำลึงมากแค่ไหน เธอหยิบเงินปลีกชิ้นเล็กๆ ขึ้นมาสองชิ้นวางในฝ่ามือ แล้วกระซิบถามซีมู่เซียง "พอหรือยัง?"
ซีมู่เซียงตะลึงพรึงเพริด แม้แต่เงินหนึ่งตำลึงนางก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่ามากน้อยแค่ไหน
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นสีหน้าตกตะลึงของนาง ก็รู้สึกเก้อเขินอย่างบอกไม่พูด
เธอรู้จักเหรียญทองแดงกับแท่งเงินหยวนเป่า แต่เศษเงินเธอกลับไม่รู้จักเลย
ซีมู่เซียงอ้าปากค้างอยู่นาน ในที่สุดก็ชี้ไปที่เงินปลีกชิ้นเล็กๆ "แค่ชิ้นนี้ก็พอแล้ว"
"อ้อๆ" เซวียเสี่ยวหรั่นรีบส่งเงินให้ลุงเผย
ลุงเผยมองด้วยแววตาประหลาดใจ เขาได้ยินที่พวกนางคุยกัน สตรีแปลกหน้าผู้นี้ฟังจากสำเนียงก็รู้ว่าไม่ใช่คนในท้องถิ่น แม้แต่น้ำหนักของเงินยังไม่รู้ด้วยซ้ำ
เขาหันไปหยิบตาชั่งมาชั่งน้ำหนัก
เงินหนึ่งตำลึงแปดเฉียน ลุงเผยทอนเงินคืนให้สามร้อยอีแปะ
เซวียเสี่ยวหรั่นสอดเหรียญทองแดงหนักอึ้งไว้ในอกเสื้อ ก่อนเดินออกไปจากโรงหมอพร้อมซีมู่เซียง
"ต้าเหนียงจื่อ ตอนนี้ท่านจะซื้ออะไรบ้าง" ตรงนี้อยู่ไม่ไกลจากจุดตั้งแผงของซีต้าเฉียง ซีมู่เซียงจึงยังอุ่นใจอยู่
"อืม ต้องซื้อเนื้อ เครื่องปรุง ผ้า รองเท้า ใบชา น้ำส้ม น้ำตาล ซีอิ๊ว..." เซวียเสี่ยวหรั่นนับตามรายการ
ซีมู่เซียงหนังตากระตุก ต้าเหนียงจื่อสกุลเหลียนผู้นี้ซื้อของทีไรทำเหมือนไม่้าเงินทุกที
ของเหล่านี้สำหรับเซวียเสี่ยวหรั่นล้วนเป็ของใช้ในชีวิตประจำวัน ทุกครั้งล้วนไหว้วานให้ผู้อื่นช่วยซื้อ สิ่งของก็มักขาดตกได้ไม่ครบตาม้า
ครั้งนี้ออกมาเอง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องได้ของใช้ครบถ้วน
"ต้าเหนียงจื่อ รองเท้าทำเองก็ได้" ซีมู่เซียงเกลี้ยกล่อมอย่างอดไม่ได้
เซวียเสี่ยวหรั่นส่ายหน้า "แค่ตัดเสื้อผ้ายังเสียเวลาหลายวัน กว่าจะทำรองเท้าเสร็จ รองเท้าฟางของข้าก็คงพังไปแล้ว ซื้อมาใส่ก่อนสองคู่ ต่อไปข้ายังเรียนรู้การทำรองเท้าจากเ้าได้"
หากไม่ซื้อรองเท้า เธอคงต้องเดินเท้าเปล่าแล้ว
ซีมู่เซียงเหลือบมองต้าเหนียงจื่อสกุลเหลียน นางทั้งประหลาดใจและริษยา เมื่อก่อนต้าเหนียงจื่อคงไม่ต้องกังวลเื่งานเย็บปักถักร้อยของสตรี
ในความเห็นของนาง บ้านของต้าเหนียงจื่อคงจะมีหญิงปักผ้าส่วนตัว ถึงไม่รู้เื่เหล่านี้
ทั้งสองเริ่มจากไปซื้อผ้าที่ร้านขายผ้าก่อน
ร้านขายผ้าค่อนข้างใหญ่ มีผ้าหลากสีวางอยู่บนตู้ในห้องโถง
ในร้านมีคนไม่น้อย เถ้าแก่คนหนึ่งกับผู้ช่วยอีกสองคนต่างยุ่งจนหัวหมุน
เซวียเสี่ยวหรั่นเดินดูรอบหนึ่ง ก่อนซื้อผ้าฝ้ายเนื้อดีสีน้ำเงินอมเทากับสีงาช้างอย่างละผืน
เธอกับเหลียนเซวียนมีเสื้อผ้าสองชุดสำหรับเปลี่ยนสลับกัน รู้สึกว่าน้อยเกินไป ยิ่งกว่านั้นเซวียเสี่ยวหรั่นไม่ชอบสีแดงสดเท่าไร จึงอยากซื้อผ้ามาตัดชุดใหม่อีกชุด
เดิมทียังอยากซื้อรองเท้าจากร้านผ้า แต่ซีมู่เซียงกลับลอบดึงเธอออกมา ด้านนอกมีแผงขายรองเท้าราคาถูกกว่ามาก
เซวียเสี่ยวหรั่นเข้าใจความหมายของนาง ทั้งสองจึงเดินมายังร้านเล็กๆ ริมทาง
คนเยอะ ทั้งสองคนพยายามหลีกเลี่ยงจากฝูงชน เห็นแผงขายรองเท้าแห่งหนึ่ง ขณะกำลังจะเดินเข้าไป ก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนมาจากด้านหลัง
ทั้งสองสะดุ้งใ รีบหันไปมอง
เห็นหญิงสาวสวมกระโปรงสีเทาเก่าซอมซ่อ มือซ้ายหิ้วตะกร้าผัก มือขวาออกแรงบิดแขนของชายหนุ่มั์ตาหลุกหลิกดั่งมุสิก ชายผู้นั้นอายุยี่สิบกว่าถูกนางบิดมือก็ร้องลั่นด้วยความเ็ป
"หลันฮวา" ซีมู่เซียงร้องทักด้วยความยินดี "วันนี้เ้าก็มาเหมือนกันหรือ"
หลันฮวา? หรือจะเป็อูหลันฮวาที่ว่าลิ้นคับปาก มีกำลังวังชามากมายคนนั้น เซวียเสี่ยวหรั่นมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"ปล่อยนะ สตรีสมควรตาย รีบปล่อยเดี๋ยวนี้" ชายหนุ่มผู้ถูกบิดมือด่าสาดเสียเทเสีย "กล้ามาแส่เื่ของบิดา เบื่อชีวิตแล้วหรือไร โอ๊ยๆๆ"
พอคำสบถนี้หลุดออกมา อูหลันฮวาก็ยิ่งออกแรงหนักขึ้น เขาก็ร้องว้ากเสียงดังลั่น
"หลันฮวา นี่... เ้าทำอะไรน่ะ" ซีมู่เซียงเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็ตกตะลึง
"หะ... หัวขโมย" เสียงของอูหลันฮวาเบามาก แต่ก็ยังฟังรู้เื่
เซวียเสี่ยวหรั่นใ รีบวางกระบุงบนหลังลงมาตรวจสอบอย่างละเอียดถึงพบว่าผ้าที่พับเป็ระเบียบเรียบร้อยยามนี้ยุ่งเหยิง
บ้าฉิบ เธอมัวแต่สนใจด้านหน้า ลืมด้านหลังไปเสียสนิท สะเพร่าเกินไปแล้ว
"จริงด้วยสิ ตอนที่พวกเราออกมาจากร้าน เห็นอยู่ว่าผ้าพับมาเป็ระเบียบเรียบร้อย เป็ขโมยจริงๆ ด้วย" ซีมู่เซียงร้องอุทาน
ยามนี้ คนเริ่มเข้ามามุงดู ถึงพบว่าผู้ที่จับหัวขโมยเป็แม่นางน้อยคนหนึ่ง
"ผายลมเถอะ พวกเ้าใช้ดวงตาข้างไหนเห็นว่าข้าขโมยของ นี่มันใส่ร้ายกันชัดๆ" ชายผู้นั้นอยากดิ้นให้หลุดจากอูหลันฮวา แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร มือที่ถูกบิดก็ยังคงถูกควบคุมไว้อย่างแ่า
"ข้า... เห็น" อูหลันฮวาผิวสีน้ำผึ้ง คิ้วหนาตาโต ยามถลึงตายิ่งดูคล้ายบุรุษ
"จับเขาส่งทางการ" เซวียเสี่ยวหรั่นทำตาขึงใส่หัวขโมย มารดามันเถอะ พวกเธอแค่ออกจากร้านผ้าก็ถูกหมายตาเข้าแล้ว
พอหัวขโมยได้ยิน ก็ร้อนใจจนตาแดงก่ำ เขาขยิบตาไปทางฝูงชน
คนรูปร่างพ่วงพีคนหนึ่งวิ่งพรวดพราดออกมาจากกลุ่มคน เงื้อหมัดพุ่งเข้าใส่อูหลันฮวา "ปล่อยพี่น้องข้าเดี๋ยวนี้"
"ว้าย..."
ผู้คนต่างกรีดร้องพร้อมกัน
"รีบหลบเร็วเข้า" เซวียเสี่ยวหรั่นะโบอก วันนี้เธอออกมากับพวกซีต้าเฉียงจึงไม่ได้นำสเปรย์ป้องกันตัวออกมาด้วย
อูหลันฮวาเบี่ยงกายหลบ หลบหมัดของคนผู้นั้นอย่างไม่ยากเย็น
บุรุษยกเท้าเตะนางจากด้านข้าง อูหลันฮวาไม่ว่างทั้งสองมือ นางไม่คิดอะไรมาก ยกเท้าเตะออกไป
แรงของบุรุษกับสตรีใครแพ้ใครชนะย่อมกระจ่างชัด ขณะที่ทุกคนนึกว่าอูหลันฮวาจะต้องถูกเตะกระเด็น
"ผัวะ" หลังจากเสียงปะทะลั่นขึ้น ใบหน้าของบุรุษบิดเบี้ยวในขณะที่อูหลันฮวากลับยังสงบนิ่ง
"นังหญิงโสโครก" ชายคนนั้นทำสีหน้าเหี้ยมเกรียมปราดเข้าไปพร้อมกับเหวี่ยงหมัดอย่างรวดเร็ว
หัวขโมยที่ถูกอูหลันฮวาบิดมือฉวยโอกาสตอนนั้นดึงนางอย่างแรง สองฝ่ายลงมือพร้อมกัน อูหลันฮวาจำต้องปล่อยมือของหัวขโมย ถึงหลบพ้นจากหมัดของอีกฝ่าย
หัวขโมยทำตัวลื่นไหลราวกับปลาหนีชิว แทรกตัวหายเข้าไปในฝูงชน
"หัวขโมยหนีไปแล้ว" ผู้คนต่างร้องโวยวายอึงอล วุ่นวายโกลาหล ชายที่บุกเข้ามาฉวยโอกาส่ชุลมุนหนีไปไม่เห็นแม้แต่เงา
"โธ่เอ๊ย ทุกครั้งที่มีตลาดนัดต้องมีหัวขโมยโผล่มาทุกที"
"นั่นสิ เห็นผู้คนมารวมตัวกันมากหน่อย ก็ชอบออกมาสร้างปัญหาให้คนแปลกหน้า"
"แม่นาง เ้าต้องระวังหน่อย พวกนั้นน่ะคนเยอะ"
"ใช่แล้วๆ พวกมันมากันเป็กลุ่ม ทุกคนต้องระวังด้วย"
หัวขโมยหนีไปแล้ว เื่ครึกครื้นก็จบลง คนมามุงดูค่อยๆ แยกย้ายกันไป ในโลกนี้มีขโมยขโจรไปทั่วทุกหนแห่ง ทางการก็ไม่ทำอะไร ชาวประชาที่ถูกปล้นชิงก็ได้แต่เจ็บแค้นในความโชคร้าย
ทุกครั้งที่มีตลาดนั้นล้วนมีคนถูกขโมยของ ทุกคนต่างระอาใจและเคยชินกันแล้ว
"หลันฮวา เ้าไม่เป็อะไรนะ าเ็ตรงไหนรึเปล่า" ซีมู่เซียงใจนหน้าซีด เมื่อก่อนนางตามอยู่ข้างกายบิดากับพี่ชาย แต่ไรมาไม่เคยพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้
อูหลันฮวาส่ายหน้า สีหน้าขุ่นเคือง "หลุด... ไป... จน... ได้"
"คนไม่เป็ไรก็ดีแล้ว พวกเขาคนมาก ทั้งเป็พวกงูเ้าที่ [2] ไม่ใช่คนที่เ้าจะจัดการได้หรอกนะ" ซีมู่เซียงรีบพูด
"ขอบใจเ้านะ แม่นางอู" เซวียเสี่ยวหรั่นขว้างก้อนหินในมือทิ้งไป เมื่อครู่นางไปเก็บมาจากพื้น เดิมทีคิดว่าจะช่วยอูหลันฮวา ใครจะรู้... ไอ้หมอนั่นจะหนีไปเร็วขนาดนั้น
อูหลันฮวายังคงส่ายหน้า "ไม่ต้อง" หากไม่ได้หิ้วตะกร้าผักในมือ สองคนนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางแน่นอน
กว่าจะแอบเอาผักที่แอบปลูกไว้ออกมาขายได้ไม่ง่าย นางไม่อาจตัดใจทิ้งไป จำต้องปล่อยคนหนีไป
ยามสนทนารู้สึกได้ว่าเหมือนลิ้นจะคับปาก ออกเสียงไม่ชัด ต้องตั้งใจฟังถึงจะได้ยินชัดเจน
"ต้าเหนียงจื่อ พวกเรารีบไปหาท่านพ่อกันเถอะ" ซีมู่เซียงกลัวว่าคนเ่าั้จะหวนกลับมา
"ไม่... ต้อง... กลัว... พวก... เขา" อูหลันฮวากลับกวาดตามองไปที่ตลาด ราวกับบอกว่าถ้ากล้ามาจะอัดให้น่วม
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นแล้วก็รู้สึกว่าแม่นางผู้นี้ยามเกรี้ยวกราดยังน่าเอ็นดู
...
[1] เงิน 10 เฉียนมีค่าเท่ากับ หนึ่งตำลึง
[2] หมายถึงอันธพาลประจำท้องถิ่น
