“ส่องกระจกชะโงกดูเงาตัวเองหน่อยสิซูหรงหรงนอกเหนือจากความบริสุทธิ์ของเธอแล้วเธอคิดว่าเธอมีค่าอะไรที่จะมายืนเคียงข้างกู้แหยนเจ๋ออย่างนั้นเหรอ”
เฉินหย่าถิงถอยกลับมาหากู้แหยนเจ๋อก่อนจะบรรจงจับไปที่แขนข้างที่มีรอยฟันกัดจนม่วงช้ำ
“ดูสิว่าเธอทำอะไรลงไป”
ผู้หญิงก็ร้ายผู้ชายก็เลว...ซูหรงหรงไม่ได้รับเอาคำพูดเ่าั้เข้ามาในหัวสมองเธอปล่อยให้เสียงเ่าั้ทะลุเข้ามาและทะลุออกไป
เดือนเดียว...แค่เดือนเดียว!
คุณค่าของความรักสี่ปีมันเทียบอะไรกับความมักมากทางกายไม่ได้เลยหรือแค่เดือนเดียวพวกเขาก็มีอะไรกันแล้ว
มีอะไรกันแล้วก็ชั่งหัวพวกเขาสิมันไม่ใช่ความผิดของฉันสักหน่อย จะมานั่งโทษตัวเองทำไมกัน
การมองเห็นคุณค่าของตนเองเปรียบดั่งการเห็นคุณค่าของอัญมณีนี่แหละที่เขาเรียกว่าการรักตัวเองไม่ใช่เหรอ
แถมตอนนี้เธอก็ยังได้เห็นธาตุแท้ของผู้ชายทรยศที่เธอรักอีกด้วย เธอควรจะขอบใจการรักตัวเองของเธอไม่ใช่หรืออย่างไร?
“พอแล้ว!”
ซูหรงหรงยันตัวลุกขึ้นมาตัวของเธอเล็กและเตี้ยกว่าเฉินย่าถิงมาก แต่ถึงกระนั้นแววตาของเธอก็วาวโรจน์ไปด้วยความโกรธแค้นที่พร้อมจะะเิอารมณ์ออกมาได้ทุกเมื่อ
“อะไร? เธอคิดจะทำอะไรไม่ทราบ....หรือเธอคิดจะแย่งเขา?ผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอาย หน้าตาก็ไม่สวย หน้าอกหน้าใจก็ไม่มี ผู้หญิงอย่างเธอ...”
เพียะ!
เสียงตบดังลั่นลูกตาดำของเฉินหย่าถิงแทบจะหลุดออกมาตามแรงมือเธอเอามือจับบนหน้าที่ตอนนี้กลายเป็สีแดงไปแล้วครึ่งหนึ่งสายตาของเธอจับจ้องไปที่ซูหรงหรงที่กำลังโกรธเกรี้ยวราวกับเสือดาวตัวน้อย
“เธอทำอะไรของเธอ!”
กู้แหยนเจ๋อผลักซูหรงหรงออกแล้วปรี่เข้ามากอดตัวของเฉินหย่าถิงแววตาของเขาแสดงท่าทีโกรธและรังเกียจอย่างชัดเจน
ซูหรงหรงถูกแรงผลักจนเซตุปัดตุเป๋เอามือจับโต๊ะตัวที่ใกล้ที่สุดเพื่อพยุงร่างกายไม่ให้ล้มลงเท้าของเธอที่ใส่เพียงรองเท้าแตะบางๆ เหยียบเข้ากับเศษนาฬิกาทรายที่แตกละเอียดเืสีแดงฉานค่อยๆ ซึมออกมาจากเศษแก้วที่ทิ่มแทงเข้าไปภายในเท้าคู่น้อยนั้น
“เป็แค่ชู้แล้วยังทำท่าหยิ่งยโสได้เหรอ! การตบครั้งนี้ถือว่าฉันเป็ตัวแทนของเมียหลวงทุกคนที่ได้สั่งสอนเมียน้อยอย่างเธอ”
ซูหรงหรงอดกลั้นต่อความเ็ปที่เท้าแล้วฉุดตัวเองให้ลุกขึ้นก่อนจะเอ่ย
เมื่อซูหรงหรงพูดจบเธอก็เชิดหน้าขึ้นอย่างมั่นใจก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินออกไป แผ่นหลังของเธอที่ผอมบางกลับดูแข็งแกร่งเธอก้าวขายาวๆ เพื่อเดินผ่านเศษแก้วที่กระจายเกลื่อนอยู่บนพื้น
เื่ราวทั้งหมดนี้...ก็คงจะเหมือนกับแก้วที่แตกไปแล้วไม่มีหนทางที่จะซ่อมให้มันกลับคืนมาเหมือนเดิมได้
ถ้าหมดรักกันแล้ว...ก็แยกทางกันเถอะ
เธอจะอ่อนแอต่อหน้าพวกเขาไม่ได้เธอจะไม่ยอมให้พวกเขาดูถูกเธอ !
ถึงแม้ตัวจะก้าวผ่านประตูมาแล้วแต่ก็ยังได้ยินเสียงอันน่ารังเกียจของเฉินหย่าถิงะโด่าไล่หลัง
“เธอคิดว่าตัวเองเป็เมียหลวงอย่างนั้นเหรอ เธอพิสูจน์ได้มั้ยล่ะว่าเธอเป็!”
ซูหรงหรงรีบจ้วงเดินเข้าไปในลิฟต์ ทันทีที่ประตูปิดลงน้ำตามากมายก็พรั่งพรูออกมาพร้อมกับเสียงสะอื้นอย่างน่าสงสาร
เมื่อก่อนเวลาเห็นเพื่อนอกหักร้องไห้อย่างบ้าคลั่งเธอมักจะคิดเสมอว่าเพื่อนของเธอมันโง่ เธอมักจะเตือนสติเพื่อนเธอตลอดว่าไม่ควรจะเสียน้ำตาให้กับผู้ชายห่วยๆแต่แล้วเมื่อถึงคราวของตัวเธอเอง เธอเพิ่งจะรู้ว่าเธอไม่สามารถบังคับน้ำตาให้หยุดไหลได้เลย
ตึง!
ในขณะที่ซูหรงหรงกำลังร้องไห้อยู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงลิฟต์ดังขึ้น
ซูหรงหรงที่หน้าซีดเผือดเงยหน้าขึ้นด้วยความตื่นตระหนก...
ทันทีที่เงยหน้าขึ้นสายตาของเธอก็สบเข้ากับดวงตาคมเข้มของชายหนุ่มคนหนึ่งผู้ชายที่ดูท่าทางหล่อเหลาคนนั้นเอามือทั้งสองข้างใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงสายตาที่ดูเฉียบคมของเขาที่มองมาเหมือนกำลังพินิจพิจารณาเธออยู่ก็แน่ล่ะสิ...สภาพเธอตอนนี้ร้องไห้อย่างกับคนบ้าไม่ว่าใครก็คงจะเห็นเธอเป็ตัวประหลาด
ซูหรงหรงรู้สึกทั้งเศร้าทั้งเซ็งอย่างบอกไม่ถูกเธออาศัยเวลา่อึดใจใช้มือปาดน้ำตาแล้วเดินออกมาจากลิฟต์
ขายหน้าจริงๆลืมได้ยังไงกันว่าต้องมีคนขึ้นลิฟต์
เมื่อกลับถึงบ้านซูหรงหรงที่อาการเริ่มดีขึ้นแล้วยกมือขึ้นมาทำท่าสาบานก่อนจะพูดว่า
“นายมันไม่ได้วิเศษมาจากไหนหรอกกู้แหยนเจ๋อคอยดูนะ...ฉันจะหาผู้ชายที่ดีกว่านายร้อยเท่าพันเท่าให้ได้!”
...
หลังจากเก็บตัวอยู่ที่บ้านมาครึ่งเดือนซูหรงหรงอยู่ๆ ก็วิ่งเข้าไปในห้องครัวแล้วะโเสียงดัง
“แม่คะ หาสามีให้หนูหน่อย!”
ไม่มีเหตุผลที่ต้องมานั่งร้องไห้เสียใจอีกต่อไปแม่คลอดเธอออกมาไม่ใช่เพื่อให้เธอมานั่งร้องไห้ให้กับผู้ชายเสียหน่อย