ถึงแม้ซูเต๋อเหยียนจะรังเกียจนางแซ่หลี่ แต่กลับยังคงมีความหวังในซูจิ้งเถียน เมื่อฟังซูเฟยซื่อกล่าวเช่นนี้ ก็โบกมือน้อยๆ “บ่าวไพร่ ไปเชิญคุณหนูสี่มา”
นางแซ่หลี่คาดไม่ถึงว่าซูเฟยซื่อจะช่วยพูด ทว่าก็ไม่ได้คิดมาก เพื่อบรรลุเป้าหมายของนางแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ล้วนเป็สิ่งที่ดี
รอจนนางช่วยซูจิ้งเถียนออกมาได้ ซูเฟยซื่อก็ควรรู้ว่าจะตายอย่างไรแล้ว
เมื่อซูจิ้งเถียนได้ยินว่าซูเต๋อเหยียนเรียกหา ก็วิ่งอ้าวเข้าไปในห้องโถงด้านหน้าทันที ถลาเข้าไปซบอกของซูเต๋อเหยียนร้องไห้ “ท่านพ่อ”
ซูเต๋อเหยียนเห็นซูจิ้งเถียนร้องไห้น้ำตานองราวกับผลหลี[1]ต้องน้ำฝนก็ขมวดคิ้วฉับ “นี่เื่อะไรกัน? ใครรังแกเ้า?”
“เป็นังแม่มดเฒ่าที่ซูเฟยซื่อเชิญมา ท่านพ่อ ท่านต้องใช้กฎครอบครัวจัดการซูเฟยซื่อนังสารเลวคนนี้ให้เด็ดขาดนะเ้าคะ นางคิดทำร้ายฆ่าลูกเ้าค่ะ” กว่าจะได้รับการปล่อยตัวมาก็ไม่ง่าย ตอนนี้ซูจิ้งเถียนตื่นเต้นจนไม่อาจระงับสติได้อีก
นังแม่มดเฒ่า นังสารเลว อ้าปากหุบปากล้วนเป็คำหยาบคายเหล่านี้ ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็ไม่มีเศษเสี้ยวของอิสตรีเรือนผู้ดีคนหนึ่งสักนิด
ชั่วพริบตาหน้าของซูเต๋อเหยียนก็หมองลง “บังอาจ เฟยซื่อเป็พี่สาวของเ้า กุ้ยมามาเป็คนที่ข้าใช้เงินจ่ายหนักเพื่อมาสอนกฎระเบียบแก่เ้าเป็พิเศษ ไม่คิดว่าเ้าจะกล้าด่าพวกนางว่าเป็นังสารเลว นังแม่มดเฒ่า อีกไม่กี่วันเ้าคงเรียกบิดาของเ้าว่าเป็ไอ้แก่ตายยากไปแล้วหรือ?”
ซูจิ้งเถียนถูกซูเต๋อเหยียนตวาดแบบนี้ กลับกลายเป็ใจเย็นลงมา แล้วยังตระหนักว่าตนพูดผิดไป ละล่ำละลักอธิบาย “ไม่ใช่นะ ท่านพ่อ พวกนาง...”
“ท่านพ่อ เป็ลูกจัดการได้ไม่ดี ทั้งนี้กุ้ยมามาเป็มามาที่ดีที่สุดในเมืองหลวง หญิงสาวที่นางสอนออกมา ไม่มีคนใดถึงกับต้องวางเดิมพันเป็เงินพันตำลึงทอง แต่หญิงสาวเ่าั้ล้วนมีกำเพิดเป็นางโลมหอคณิกา ดีร้ายอย่างไรน้องสี่เป็ถึงทองพันชั่งของจวนอัครมหาเสนาบดีที่ถูกเลี้ยงดูตามใจจนนิสัยเสีย ชั่วขณะยากที่จะคุ้นเคยก็เป็เื่ที่สามารถเข้าใจได้เ้าค่ะ” ไม่รอซูจิ้งเถียนกล่าวจบ ซูเฟยซื่อรีบขัดจังหวะโดยเร็ว
ซูเต๋อเหยียนที่คาดหวังในซูจิ้งเถียน เมื่อเห็นนางร้องไห้ดูน่าสงสาร ก็อดใจอ่อนลงไม่ได้
แต่ซูเฟยซื่อทราบดีว่าสิ่งที่ซูเต๋อเหยียนใส่ใจมากที่สุดคืออะไร จึงจงใจเน้นคุณค่าของกุ้ยมามา
สำหรับซูเต๋อเหยียนแล้ว บุตรสาวกับหญิงสาวหอนางโลม มีตรงไหนที่แตกต่าง?
เพียงต่างกันแค่ปรนนิบัติเป็แขกผู้มีพระคุณ มาเป็ปรนนิบัติเป็ฮ่องเต้เท่านั้น!
หากซูจิ้งเถียนสามารถปรนนิบัติได้ดี ทำให้ซ่งหลิงซิวพอใจได้ นั่นคือผลลัพธ์ที่ซูเต๋อเหยียนถูกใจที่สุด
แต่สภาพของซูจิ้งเถียนตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่เต็มใจให้ความร่วมมือ คิดถึงตรงนี้ ใบหน้าของซูเต๋อเหยียนยิ่งจมดิ่ง “ไม่ เื่นี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเ้า เถียนเอ๋อร์ ในฐานะที่เป็น้องสาว คาดไม่ถึงว่าเ้ากล้าด่าพี่สาวเป็นังสารเลว ล่วงเกินเบื้องสูงแบบนี้ เ้ารู้ความผิดไหม”
“ลูก...” ซูจิ้งเถียนไม่คิดว่าสถานการณ์จะกลับกลายเป็แบบนี้ กว่าตนจะออกมาได้ก็ช่างยากเย็น ร้อนใจจนรีบหันศีรษะไปขอความช่วยเหลือทางนางแซ่หลี่ “ท่านแม่!”
สิ้นเสียงเรียกของนาง ความโกรธของซูเต๋อเหยียนถึงกับย้ายมาลงที่นางแซ่หลี่ เขาถลึงตาใส่นางแซ่หลี่อย่างดุเดือด “เ้าดูไว้เถิด นี่เป็ลูกสาวตัวดีที่เ้าสอนมา”
นางแซ่หลี่ถูกด่าต่อหน้าแม่น้ารองกับซูเฟยซื่อ แล้วยังมีกลุ่มคนรับใช้กลุ่มหนึ่ง ทั้งอับอายทั้งกรุ่นโกรธใบสีหน้าเดี๋ยวดำเดี๋ยวเขียว แทบอยากหาสักหลุมหนึ่งมุดหัวลงไปทันที
แต่เพื่อซูจิ้งเถียนแล้ว นางได้แต่ต้องฝืนดาหน้าเข้าไป “เป็ข้าสอนสั่งไร้วินัย ในอนาคตข้าต้องเข้มงวดต่อเถียนเอ๋อร์ นายท่านอย่าได้ขุ่นเคืองไปเลย ทั้งครอบครัวได้กินข้าวด้วยกันเป็เื่ยาก อย่าได้ทำลายบรรยากาศเลยเ้าค่ะ”
กล่าวจบ ยังไม่ลืมหันไปส่งสายตาให้ซูจิ้งเถียนคราหนึ่ง เป็สัญญาณให้นางหยุดก่อกวน
ซูจิ้งเถียนไม่ได้โง่ เพียงแต่เมื่อครู่ะเิความคับข้องใจที่ได้รับจากการบีบคั้นมากเกินไปออกมาตูมเดียวจึงเสียสติไป เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็รู้ว่าควรจัดการอย่างไร รีบก้มศีรษะลง “เป็ความผิดพลาดของเถียนเอ๋อร์ เถียรเอ๋อร์เพียงใจร้อนไปชั่ววูบ ยังขอท่านพ่อกับคุณหนูสามอย่าได้ถือสาเถียนเอ๋อร์เลยเ้าค่ะ”
เมื่อซูเต๋อเหยียนได้ยินวาจานี้ ในที่สุดสีหน้าก็ดีขึ้นเล็กน้อย “นั่งลงเถิด”
นางแซ่หลี่รีบพยุงซูจิ้งเถียนนั่งลงข้างๆ เขา แล้วส่งสายตาให้สาวรับใช้ “ยกอาหารมาเถิด”
อาหารวันนี้ล้วนเป็นางแซ่หลี่ลงมือทำเอง เพื่อที่จะได้รับความโปรดปรานจากซูเต๋อเหยียน แต่ละจานล้วนประณีตน่ารับประทาน
สำรับสุดท้ายเป็น้ำแกงถ้วยเล็กคนละหนึ่งถ้วย กลิ่นยาหอมกรุ่นเตะจมูก
“นายท่าน นี่เป็สิ่งที่ข้าเตรียมไว้เป็พิเศษ เมื่อเร็วๆ นี้ในบ้านเกิดเื่หลายอย่าง ทุกคนดื่มน้ำแกงเพื่อล้างไฟดับร้อนเถิด” นางแซ่หลี่ยกชามน้ำแกงมาตรงหน้าทุกคนด้วยท่าทีเปี่ยมคุณธรรม
ในขณะที่นางยกถ้วยน้ำแกงมาถึงหน้าซูเฟยซื่อ ซูเฟยซื่อเห็นถึงความคาดหวังและความสุขที่ลึกซึ้งซึ่งพยายามปกปิดในสายตาอย่างชัดเจน
อืม รู้อยู่แล้วว่าคนอย่างนางแซ่หลี่ไม่มีทางประพฤติดี ก็ลงมือแล้วตามคาด
“เฟยซื่อ น้ำแกงถ้วยนี้เป็แม่ใหญ่เตรียมให้เ้าเป็พิเศษ เมื่อเร็วๆ นี้เ้าทำงานหนักมาก มาเถิด ดื่มให้มากหน่อย บำรุงสุขภาพ” นางแซ่หลี่กล่าวเสียงนุ่มนวล
ซูเฟยซื่อไม่ได้ปฏิเสธความตั้งใจของนาง ยกถ้วยน้ำแกงขึ้นแตะริมฝีปาก เป่าๆ
เห็นการเคลื่อนไหวของนางแบบนี้ แววเร้าใจในดวงตาของนางแซ่หลี่ยิ่งฉายชัดจนปิดไม่มิด
รีบดื่ม รีบดื่มเข้า ขอเพียงซูเฟยซื่อดื่มน้ำแกงชามนี้หมด นางก็วางใจแล้ว
ทว่าจู่ๆ ซูเฟยซื่อก็ยกถ้วยน้ำแกงในมือมาตรงหน้าซูเต๋อเหยียน “ท่านพ่อ ไม่กี่วันมานี้ ท่านทำงานหนักมาก ในเมื่อน้ำแกงถ้วยนี้มีฤทธิ์ฟื้นฟูร่างกาย เช่นนั้นลูกก็ขอยืมดอกไม้ถวายพระให้ท่านแล้ว ขออวยพรให้ท่านยิ่งมายิ่งมีสุขภาพดี ตำแหน่งในราชสำนักยิ่งมายิ่งสูงด้วยเ้าค่ะ”
จะดื่มน้ำแกงหรือไม่ นั่นย่อมเป็เื่รอง ประโยคสุดท้ายของซูเฟยซื่อนั้น แทบได้ใจของซูเต๋อเหยียนมาก
เขาทำเื่มากมายแบบนั้นเพื่ออะไร? ไม่ใช่เพื่อตำแหน่งในราชสำนักที่ยิ่งมั่นคงหรือ!
ซูเต๋อเหยียนสุขใจจนตาหยี รับถ้วยน้ำแกงมา ในวาจายังไม่ลืมทำทีบิดพลิ้ว “พ่อได้เป็อัครมหาเสนาบดีแล้ว ยังจะสูงส่งกว่านี้ได้อย่างไร เพียงแสดงความจงรักภักดีเพื่อฮ่องเต้ให้มากขึ้นอีกส่วนอย่างสุดใจในวันเวลาที่มีชีวิตอยู่ พ่อก็พอใจแล้ว แต่ในเมื่อถ้วยน้ำแกงนี้เป็หนึ่งในความปรารถนาดีของเฟยซื่อ เช่นนั้นพ่อก็รับด้วยความยินดี”
น้ำแกงที่นางแซ่หลี่ลงมือตุ๋นอย่างเหน็ดเหนื่อย ก็เปลี่ยนจากมือของนางไป กลายเป็ผลงานของซูเฟยซื่อไปแล้ว นางแซ่หลี่โกรธจนเส้นเอ็นเขียวจะะเิอยู่รอมร่อ
แต่นางไม่ทันได้สนใจความโกรธก็รีบปรามถ้วยน้ำแกงที่ส่งถึงริมฝีปากซูเต๋อเหยียนไว้ น้ำเสียงลนลานไปบ้าง “นายท่าน นี่เป็น้ำแกงที่ข้าเตรียมให้เฟยซื่อเป็พิเศษ ท่านดื่มไม่ได้เด็ดขาด”
“อ้อ? ทำไมน้ำแกงที่เตรียมให้ข้าเป็พิเศษ ท่านพ่อจะดื่มไม่ได้ล่ะเ้าคะ? หรือว่าน้ำแกงถ้วยนี้มีปัญหาอะไร? แม่ใหญ่คงไม่คิดทำร้ายข้าหรอกนะ?” ซูเฟยซื่อแกล้งทำเป็ประหลาดใจ
นางแซ่หลี่ใลนลานรีบโต้แย้ง “ที่เ้าพูดนี้เป็วาจาอะไรกัน ข้าอุตส่าห์ใจกว้างเตรียมน้ำแกงให้เ้า ทำไมถึงบอกว่าข้าคิดทำร้ายเ้าได้?”
"ในเมื่อเป็เช่นนี้ เช่นนั้นข้าเอาน้ำแกงถ้วยนี้ให้ท่านพ่อดื่มยังมีข้อควรระวังอะไรอีก ท่านพ่อทำงานหนักทุกวันในราชสำนัก บำรุงเพิ่มให้มากย่อมเป็สิ่งที่ดี” ซูเฟยซื่อกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา
นางแซ่หลี่ถูกบีบคั้นจนเป็ใบ้พูดไม่ออก หลังจากอึกอักไปแล้วครึ่งวันก็มิอาจพูดอะไรอีก ซูเต๋อเหยียนเห็นเช่นนี้ยังคิดว่านางไม่ยินยอมให้เขาบำรุง ในใจอดไม่ได้ที่จะรังเกียจไปหลายส่วน “พอแล้ว ยากนักที่จะได้รับความกตัญญูในส่วนนี้ของเฟยซื่อ เ้าก็หุบปากกินข้าวอย่างสงบเสงี่ยมเถิด”
“เ้าค่ะ” นางแซ่หลี่ถูกตำหนิอีก พลันละอายจนกระทั่งศีรษะก็ไม่กล้ายกขึ้น
ซูเฟยซื่อมองซูเต๋อเหยียนที่ดื่มน้ำแกงจนหมดถ้วยในคราเดียว คิ้วตาเลิกขึ้นด้วยความสุข
ในใจนางแซ่หลี่ะโก้องไม่ดีแน่ น้ำแกงชามนี้ดื่มลงไป เกรงว่าจวนอัครมหาเสนาบดีจะเปลี่ยนฟ้าดินแล้ว
……
[1] ผลหลี หมายถึงลูกแพร์