เสร็จสิ้นมื้ออาหารก็ต่างคนต่างแยกย้าย ซูเฟยซื่อเพิ่งกลับเรือนได้ไม่นาน ในเรือนของแม่น้ารองก็ส่งข่าวมา เกิดเื่ขึ้นกับซูเต๋อเหยียนแล้ว!
ในใจซูเฟยซื่อกลายเป็ตื่นตระหนก แม่น้ารอง? หรือว่าซูเต๋อเหยียนกินข้าวเสร็จก็ไปหาแม่น้ารอง? พิษกำเริบที่เรือนแม่น้ารองงั้นหรือ?
ถ้าเป็แบบนี้ เื่นี้ก็หาคำอธิบายได้ยากแล้ว
“คุณหนู จะทำอย่างไรดี? ช่วยแม่น้ารองหรือไม่ช่วยเ้าคะ?” เห็นได้ชัดว่าซางจื่อตระหนักถึงปัญหานี้ด้วย
ซูเฟยซื่อขมวดคิ้วครุ่นคิดสักครู่ “ช่วย แต่ต้องไปดูเหตุการณ์ก่อน”
แม้ว่าพิษนี้เป็นางแซ่หลี่วาง ทั้งซูเต๋อเหยียนกับแม่น้ารองกลับเป็ผู้บริสุทธิ์ที่โดนกับดัก ทว่าทั้งนี้เป็พิษที่้าทำร้ายนาง จึงยากที่จะดิ้นหลุดจากข้อกล่าวหา
เมื่อซูเฟยซื่อมาถึงเรือนของแม่น้ารอง เหตุการณ์ก็ยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว
เหล่าบ่าวไพร่วิ่งเข้าออก แม่น้ารองกับนางแซ่หลี่ยิ่งร้อนใจจนเหงื่อแตกพลั่ก
แม่น้ารองรู้สึกว่าซูเต๋อเหยียนเกิดเหตุในเรือนนาง ถ้าเขาเป็อะไรไป นางคงไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้อีก แต่นางแซ่หลี่ยิ่งกลัวว่าเื่ที่นางวางยาพิษจะถูกจับได้
“ท่านแม่ ทำอย่างไรดี? ท่านพ่อคงไม่...” คำพูดใน่หลัง ซูจิ้งเถียนกระทั่งยังไม่กล้าคิด
นางแซ่หลี่ถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจ ในฝ่ามือชื้นเหงื่อ “อย่าพูดเป็รางเช่นนั้น พ่อเ้าต้องไม่เป็ไร รีบไปดูว่าหลินมามากลับมาหรือยัง”
หลังกินอาหารเย็นเสร็จ นางก็รีบส่งหลินมามาไปเชิญหมอ
ถึงแม้พิษที่นางวางจะร้ายแรงมาก แต่ถ้าช่วยแต่เนิ่นๆ ก็ยังสามารถช่วยกลับมาได้
ตอนนี้ยังหวังว่าหมอจะรีบมาเร็วๆ ซูเต๋อเหยียนเป็เสาหลักของจวนอัครมหาเสนาบดี เกียรติกับความมั่งคั่งที่พวกนางมีในวันนี้ ล้วนเป็เพราะคำว่าจวนอัครมหาเสนาบดี ถ้าซูเต๋อเหยียนล้มลง อัครมหาเสนาบดีก็ไม่มีแล้ว ถ้าเช่นนั้นครึ่งชีวิตหลังของพวกนางจะทำอย่างไร
“มาแล้วๆ หมอมาแล้ว” หลินมามาวิ่งนำหมอกระหืดกระหอบเข้ามา นางแซ่หลี่ส่งสายตาให้หมอแล้ว หมอจึงเข้าไปในห้องตรวจซูเต๋อเหยียน
จัดเตรียมหมอด้านนี้เสร็จเรียบร้อย ในใจนางแซ่หลี่อดไม่ได้ที่จะโล่งใจบ้าง หันศีรษะไปก็เตรียมเล่นงานแม่น้ารอง “บ่าวไพร่ ลากแม่น้ารองลงไปขัง”
ไม่ต้องพูดถึงว่า ตลอดที่ผ่านมาจวนอัครมหาเสนาบดีเป็นางที่ยิ่งใหญ่แต่เพียงผู้เดียว ถ้าตอนนี้ความโปรดปรานของซูเต๋อเหยียนถูกแม่น้ารอง ผู้เป็มารดาของซูจิ้งเซียงปล้นไปหมด จุดนี้ก็เพียงพอที่จะให้นางแค้นแล้ว
ถ้าไม่ใช่ซูจิ้งเซียงวางยาปลุกกำหนัดแก่นาง ไหนเลยจะสามารถทำเื่ขายหน้าแบบนั้นได้ ไม่เพียงทำให้ซูเต๋อเหยียนรังเกียจนางถึงที่สุด ยังทำให้ซูจิ้งโหยวถูกขุนนางในราชสำนักตำหนิด้วยเหตุนี้ ความคับแค้นใจขนาดนี้ไหนเลยที่นางจะทน
ตอนนี้มีโอกาสดีให้แก้แค้น จะพลาดไปได้อย่างไร
แม่น้ารองใทันทีเมื่อเห็นประกายอำมหิตปรากฏในสายตาของนางแซ่หลี่ “นายท่านไม่ได้พูดอะไร เ้าอาศัยอะไรจับข้าไว้? นี่เป็การแก้แค้นส่วนตัวของเ้า”
เื่นั้นก็เป็ส่วนที่เ็ปของนางแซ่หลี่ ถูกแม่น้ารองเปิดโปงอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้ ยิ่งโกรธจนไฟลุกสามจ้าง “อาศัยอะไร? ก็อาศัยข้าเป็นายหญิงของจวนอัครมหาเสนาบดี ก็อาศัยที่ข้าปรนนิบัตินายท่านจนแคล้วคลาดปลอดภัยมายี่สิบกว่าปี ตอนนี้พอมาถึงในเรือนของเ้าก็เกิดเื่ เ้าว่าไม่จับเ้า แล้วควรจับใครเล่า?”
“ข้า...” แม่น้ารองถูกปิดปากจนเป็ใบ้ไร้วาจา
ทั้งนี้นางแซ่หลี่พูดถูก ซูเต๋อเหยียนพิษกำเริบในเรือนนางจริงๆ
เห็นนางแบบนี้ นางแซ่หลี่อดไม่ได้ที่จะแอบยินดี แม้ว่าน้ำแกงชามนั้นไม่ได้ถูกซูเฟยซื่อดื่มไป แต่ผลแบบนี้ดูเหมือนไม่เป็ผลร้ายต่อนาง
อย่างน้อยก็ให้นางผยองต่อหน้าแม่น้ารองคราหนึ่ง ทั้งให้เหล่าบ่าวไพร่ดูด้วยว่าที่แท้จวนอัครมหาเสนาบดีใครเป็ผู้ดูแลจัดการ
“ช้าก่อน หมอยังไม่ได้วินิจฉัยว่าที่แท้เกิดอะไรขึ้น เป็ไปได้อย่างไรที่แม่ใหญ่จะเอาเื่ทั้งหมดครอบไว้บนศีรษะของแม่น้ารอง? นี่ค่อนข้างมักง่ายเกินไปแล้ว” ไม่รอให้มือของคนรับใช้ััแม่น้ารอง ซูเฟยซื่อได้เอ่ยปากอย่างเ็าออกมา
ได้ยินอย่างนี้ เหล่าบ่าวไพร่ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่รู้ควรทำอย่างไร
ด้านหนึ่งเป็นางแซ่หลี่ ด้านหนึ่งเป็ซูเฟยซื่อ
ถ้าเปลี่ยนเป็เมื่อก่อน พวกเขาต้องไม่ลังเลสักนิดที่จะลากแม่น้ารองออกไปแน่ๆ ทว่าตอนนี้...
ตำแหน่งของซูเฟยซื่อในจวนอัครมหาเสนาบดีทะยานสูงอย่างรวดเร็ว กระทั่งนางแซ่หลี่ยังเสียเปรียบในมือนางหลายครั้ง
พวกเขาเป็เพียงคนรับใช้เล็กๆ ไหนเลยจะกล้าขัดใจ
คิดถึงตรงนี้ เหล่าบ่าวไพร่อดไม่ได้ที่จะพากันซุกมือกลับ คิดสังเกตการเปลี่ยนแปลงกันเงียบๆ
นางแซ่หลี่เห็นเช่นนี้โกรธจนแทบลมจับ บุตรสาวอนุเล็กๆ คนหนึ่งกล้าต่อกรกับนาง
สิ่งที่ทำให้นางโมโหโทโส คงเพราะปฏิกิริยาของคนรับใช้เหล่านี้กำลังบอกนางว่า บารมีนางในจวนอัครมหาเสนาบดีใกล้จะไม่สามารถเทียบกับซูเฟยซื่อแล้ว
ให้ตายสิ หากซูเฟยซื่อไม่ตาย นางย่อมต้องเป็ตัวหายนะแน่นอน
ในเวลานี้ จู่ๆ หมอก็เดินออกมาจากห้อง นางแซ่หลี่รีบเข้าไปรับ นับว่าให้ตัวเองมีขั้นที่จะลงได้ “ท่านหมอ นายท่านของเราที่แท้เป็อะไรไป?”
“ตอบนายหญิง เห็นได้ชัดว่าอัครมหาเสนาบดีถูกวางยา แต่โชคดีที่ช่วยทัน มิฉะนั้น...” วาจาหลังไม่ต้องพูดทุกคนย่อมเข้าใจ
เมื่อซูเต๋อเหยียนที่เพิ่งฟื้นจากอาการหมดสติได้ยินคำพูดนี้ พลันเพลิงโทสะเผาไหม้ “คาดไม่ถึงว่าในจวนอัครมหาเสนาบดีมีคนอยากเอาชีวิตข้า”
“นายท่าน ท่านเพิ่งฟื้นมา อย่าได้ตื่นเต้นไป ท่านวางใจเถิด ข้าต้องจับคนที่วางยาพิษมาได้แน่นอน” นางแซ่หลี่ปาดเช็ดน้ำตา แล้วมองไปทางแม่น้ารอง “ท่านหมอ ท่านสามารถตรวจได้ไหมว่าเป็ฝีมือของผู้ใด?”
ซูเต๋อเหยียนเห็นทุกการเคลื่อนไหวของนางแซ่หลี่ หวนนึกได้ว่าตนเองพิษกำเริบในเรือนของแม่น้ารอง อดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมา
“จะตรวจสอบว่าใครเป็คนวางยาพิษนี้ไม่ยาก ่เวลาที่พิษกำเริบคือราวๆ หนึ่งเค่อ เพียงสืบหาว่าก่อนอัครมหาเสนาบดีจะหมดสติไป ได้กินอะไรมาก่อน ความจริงก็ประจักษ์แล้ว” หมอได้รับเงินของนางแซ่หลี่มาก่อนหน้านี้ ในปากย่อมเต็มไปด้วยเื่ไร้สาระ
พิษนี้ั้แ่ซูเต๋อเหยียนดื่มน้ำแกงจนซูเฟยซื่อได้รับข่าว อย่างน้อยก็มีสามเค่อ แต่เขากลับบอกว่าเหตุเกิดใน่เวลาน้อยกว่าหนึ่งเค่อ เห็นได้ชัดว่าคิดใส่ร้ายแม่น้ารอง
ซูเฟยซื่อใจไหววูบทันที รีบขยิบตาให้ซางซื่อคราหนึ่ง ซางจื่อเข้าใจทันทีก็เดินออกไปเงียบๆ
“น้อยกว่าหนึ่งเค่อ? นี่...” นางแซ่หลี่แสร้งทำเป็ใลนลานมองถ้วยชาบนโต๊ะแวบหนึ่ง “ไม่ทราบว่าเมื่อครู่นายท่านได้กินหรือดื่มอะไรมาก่อนไหม?”
น้ำในถ้วยน้ำชายังไม่แห้งดี หากไม่ใช่แม่น้ารองดื่มก็เป็ซูเต๋อเหยียนดื่ม ดังนั้นนางแซ่หลี่ตัดสินใจจะเดิมพันสักตั้ง
ซูเต๋อเหยียนได้ยินวาจานี้ ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้างราวกับจะพ่นไฟ แต่ไม่รอให้เขาเอ่ยปาก แม่น้ารองก็คุกเข่าลงกับพื้นดังโครม “นายท่าน ข้าถูกปรักปรำ ชากานั้นเป็คนรับใช้ที่ยกขึ้นมา ข้าไม่รู้ว่าในนั้นมีพิษเลยสักนิด ข้า...”
นางแซ่หลี่ไม่ได้ให้โอกาสนางอธิบาย รีบขัดจังหวะอย่างรวดเร็ว “แม่น้ารอง ทั้งนี้ในจวนอัครมหาเสนาบดีมีที่ใดทำผิดต่อพวกเ้าแม่ลูก ก็ต่อให้ข้ากับนายท่านมีส่วนที่ทำได้ไม่ดี ขอเพียงพวกเ้าพูดออกมาก็ย่อมได้ ทำไมต้องใช้วิธีการวางพิษแบบนี้ หรือว่าครั้งที่แล้วเซียงเอ๋อร์ทำร้ายข้ายังไม่สาแก่ใจ ครั้งนี้กระทั่งนายท่าน เ้าคิดทำร้ายให้ตายเชียวหรือ?”
ประโยคเดียว ไม่เพียงแต่โยนข้อกล่าวหาวางยาไปทางแม่น้ารองอย่างแนบสนิท ยิ่งเอาตนกับซูเต๋อเหยียนลากเข้าไปเป็เหยื่อด้วยกัน