ภายใต้การเร่งเร้าของหลิวเต้าเซียง หลิวชิวเซียงไม่มีเวลาคิดเื่เอาศีรษะไปกระแทกเสา จึงไปขอสุรากับหลิวต้าฟู่มาหนึ่งกา
เมื่อหลิวเต้าเซียงรับมา ก็รินลงไปในตะกร้าอย่างสบายใจ
ซ่า! ควันสีขาวลอยคลุ้ง กลิ่นหอมเย้ายวน โชยเข้ารูจมูกสองข้าง แล้วก็เข้าไปสู่ปอด
ซู้ด เอื๊อกๆ เสียงกลืนน้ำลายของทั้งสองดังขึ้น
สองพี่น้องสบตากันแล้วหัวเราะ หลิวชิวเซียงชี้ไปที่ไก่ในกระทะ “หอมจริง”
“รอสุกแล้ว เ้าแอบกินในห้องครัวก่อนสักสองชิ้น”
หลิวเต้าเซียงหัวใจอบอุ่น พี่สาวผู้แสนดีคนนี้ไม่ว่าจะทำอะไร ก็จะคิดหน้าคิดหลังเพื่อน้องสาวเสมอ
“พี่ใหญ่ อีกเดี๋ยวพี่ก็ลองชิมก่อนสักสองชิ้นนะ”
กลิ่นหอมโชยออกมาจากในห้องครัว แล้วลอยออกไปด้านนอกอย่างช้าๆ จนไปถึงห้องปีกทิศตะวันตก มีเสียงกลืนน้ำลายจากในนั้น กลิ่นหอมที่ทนความเดียวดายไม่ไหว ล่องลอยไปยังห้องทิศตะวันตกเพื่อยั่วยวนซูจื่อเยี่ยที่กำลังหน้าดำคร่ำเครียด
สําหรับเขาที่รู้ความจริงทั้งหมด ไม่ได้คิดจะเปิดโปงหลิวเสี่ยวหลันทันที เพียงแต่ยืนพินิจอย่างลึกซึ้งอยู่ตรงหน้าต่าง ส่วนสิ่งที่หลิวเสี่ยวหลันกำลังพูดออกมานั้น เขาไม่ได้ตอบแม้แต่คำเดียว
จนกระทั่งกลิ่นหอมเข้ามายั่วยวน ดวงตาที่ไร้ความรู้สึกของซูจื่อเยี่ยถึงเผยความอ่อนโยนออกมาเพียงเศษเสี้ยว
“นี่ ข้าจะบอกเ้านะ เมื่อก่อนแม่ข้าอยู่ในจวนตระกูลหวง นางมีชื่อเสียงด้านการเย็บปักถักร้อย แม่ข้าถ่ายทอดฝีมือให้กับข้า คนรอบข้าง...”
หลิวเสี่ยวหลันเอาแต่เอ่ยถึงเื่ที่แม่ของนางติดตามคนใหญ่คนโตเช่นใด แต่กลับไม่คาดคิดว่า เพียงแค่คนตรงหน้าเคลื่อนไหวนิดเดียว ตรงหน้าต่างก็เหลือเพียงความว่างเปล่า
“คนรอบข้างอยากเรียนรู้การเย็บปักถักร้อยจากแม่ข้า ช่างยากเย็นแสนเข็ญ” นางกล่าวคำพูดต่อจากนั้นจบอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ จนได้สติ ตนเองเพียงแค่พูดจาเรื่อยเปื่อย ชายในดวงใจก็หายไปเสียแล้ว
หลิวเสี่ยวหลันรู้สึกแย่เล็กน้อย นางไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นจึงได้แต่กระทืบเท้าแล้ววิ่งตามออกมา
หลิวเต้าเซียงไม่ทราบว่าได้ดึงดูดความอยากอาหารของปีศาจบางตัว และกำลังนั่งรออยู่ในห้องโถงเพื่อรอทาน
หลิวต้าฟู่ทั้งใและประหม่ายิ่งนัก เขาได้แต่ยืนอย่างระมัดระวังอยู่ตรงนั้น แล้วรอคอยให้หลิวฉีซื่อกลับมาโดยเร็ว
ไม่รู้เพราะเขาเฝ้านึกถึงหรืออย่างไร ในที่สุดร่างของหลิวฉีซื่อก็ปรากฏตัวตรงประตูลานบ้านตามที่เขาปรารถนา
“หลันเอ๋อร์ แม่ของเ้ากลับมาแล้ว รีบเรียกนางให้มาเป็เพื่อนพูดคุยกับคุณชายน้อยเร็วเข้า”
หลิวต้าฟู่ที่เดิมทีไม่ค่อยพูดจา ครั้งนี้กลับพูดได้อย่างไหลลื่น หลิวเสี่ยวหลันที่ไม่อยากไป มองดูซูจื่อเยี่ยที่สีหน้าไร้ความรู้สึก แล้วมองดูพ่อของตนที่กำลังเร่ง ช่างไม่รู้จังหวะเวลาเสียเลย
หลิวฉีซื่อก้าวเข้ามาในประตูบ้าน สายตาของนางคมกริบ มองจากที่ไกลๆ ก็เห็นซูจื่อเยี่ยที่โดดเด่นเป็สง่า
ขณะที่ตัวยังอยู่ตรงลานบ้าน ปากก็ส่งเสียงเอ่ยไม่หยุด “โอ๊ย คุณชายน้อย ท่านกลับมาแล้วหรือ”
ราวกับว่าซูจื่อเยี่ยคือคนที่นางสนิทชิดเชื้อที่สุด นางรีบวิ่งเข้าไปและไม่ได้สนใจว่าปิ่นปักผมกำลังเบี้ยว จากนั้นจับกระโปรงแล้วเดินขึ้นบันได รีบตรงไปทางซูจื่อเยี่ย
“คุณชายน้อย ร่างกายหายดีหรือไม่? ้าให้เรียกหมอท้องถิ่นมาดูหรือเปล่า ไม่รู้ว่าเด็กสาวที่บ้านทำอาหารได้ดีหรือไม่ คุณชายน้อยโปรดอย่าถือสา ชีวิตของเด็กในบ้านคนยากจนคงไม่เคยเห็นเนื้อลามาก่อน”
เมื่อพูดถึงเื่นี้ นางก็รู้สึกว่าคำพูดนี้เหมือนกำลังตบหน้าตนเอง ถึงอย่างไรบ้านตนเองก็นับว่าร่ำรวยในหมู่บ้าน กระนั้นจึงเอ่ยเสริม “ในบ้านมีปากท้องมากมาย ค่าใช้จ่ายก็สูง แต่ก่อนยามที่บ้านยังมีคนไม่มาก ก็มักจะซื้อกลับมากินบ้าง หลันเอ๋อร์ของข้ามีบุญ โชคดีตอนที่ตั้งครรภ์นาง ได้กินเนื้อลาไปไม่น้อย”
ซูจื่อเยี่ยยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างไม่แสดงออก มือข้างหนึ่งวางอยู่บนที่พักแขนของเก้าอี้ นิ้วมือขาวและทรงพลังเคาะจังหวะบนที่พักแขนราวกับเคาะไปที่หัวใจคน
หลิวฉีซื่อไม่รู้สึกว่าตนเองขายหน้าแต่อย่างใด รู้สึกเพียงว่านี่สิคือผู้สูงศักดิ์ของจริง เป็คุณชายที่สูงส่ง
นิ้วมือของซูจื่อเยี่ยชะงักเล็กน้อย แล้วเคาะต่อไป แต่หากเป็คนที่คุ้นเคยกับเขา ย่อมรู้ว่าขณะนี้เขากำลังหงุดหงิด เพียงแต่ได้รับการสั่งสอนมาแต่เกิด เขาจึงไม่เสียมารยาทต่อหน้าผู้อื่น
หลิวฉีซื่อมีไหวพริบ แล้วเปลี่ยนคำพูด “คุณชายน้อย วันนี้ไปหลังูเามีความสุขหรือไม่?”
คงเพราะนึกถึงแม่สาวน้อยที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังชีวิต ซูจื่อเยี่ยดูเหมือนจะอ่อนโยนไปชั่วขณะ หลังจากนั้นเพียงชั่วครู่ ขณะที่หลิวฉีซื่อคิดว่าเขาจะไม่ตอบ ก็ได้ยินเสียงอืมดังขึ้น
มีความสุขก็ดีแล้ว หลิวฉีซื่อกำลังกังวลว่าจะหาเื่คุยไม่ได้ คุณชายน้อยผู้นี้อายุยังไม่มากนัก แต่กลับปิดปากสนิทยิ่งกว่าหอยแมลงภู่ คิดอยู่ว่าคงเกิดมาในตระกูลใหญ่ เมื่อคิดเช่นนี้ ยิ่งรู้สึกว่าตนเองนั้นโชคดีไม่น้อย
แล้วนึกถามตนเอง บ้านใดช่างมีบุญเช่นนี้ เก็บคุณชายผู้สูงศักดิ์ได้โดยไม่ต้องลงแรง
“หิว!”
ขณะที่นางกําลังคิดว่าจะเข้าถึงคุณชายน้อยผู้นี้อย่างไรดี ก็ได้ยินเสียงเ็าดังขึ้น
“หือ?” หลิวฉีซื่อตอบสนองไม่ทัน
หลิวเสี่ยวหลันจําได้ว่าเขาไม่ได้กลับมาทานอาหารกลางวัน กลัวว่าเขาจะหิว แล้วเกิดความไม่ชื่นชอบในตนเอง จึงรีบดึงกระโปรงของหลิวฉีซื่อ แล้วเตือนนางเบาๆ
หลิวฉีซื่อเผยใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วเอ่ย “ต้องโทษข้าที่แก่เฒ่าเกินไป คิดเพียงว่าคุณชายน้อยไปเพลิดเพลินอยู่บนหลังเขา จนลืมไปว่ายังไม่ได้ทานอาหารกลางวัน”
ซูจื่อเยี่ยรู้สึกเพียงว่ามีแมลงวันในห้องส่งเสียงอื้ออึงไม่หยุด รบกวนโสตประสาทยิ่งนัก คิ้วคู่นั้นจึงขมวดเข้าหากัน
“หลันเอ๋อร์ ไปดูในห้องครัวสิ อาหารทำเสร็จแล้วหรือไม่ อย่าทำให้คุณชายน้อยต้องหิว” หลิวฉีซื่อได้ยินดังนั้นก็ดีใจเหลือล้น รีบสั่งให้หลิวเสี่ยวหลันไปดูว่าอาหารทำเสร็จหรือยัง
แม้ว่าหลิวเสี่ยวหลันจะไม่เต็มใจที่จะปลีกตัวจากซูจื่อเยี่ย แต่ก็รู้ว่าผู้เป็แม่ย่อมคิดเพื่อตนเอง จึงตอบรับเสียงหวาน หันหลังแล้วเดินเข้าครัว
ทว่าเพียงแค่ระยะทางที่ห้องอยู่ข้างกัน เมื่อเข้าไปในห้องครัว ก็เปลี่ยนท่าทีสูงส่งทันใด
จับกระโปรงจีบพับสีขาวลายกิ่งดอกบ๊วยที่นับว่าสวยงาม ยืนอยู่ที่ประตูห้องครัวอย่างระมัดระวัง แล้วใช้ดวงตารังเกียจคู่นั้นมองไปยังสองพี่น้อง เอ่ยปากถาม “อาหารทำเสร็จแล้วหรือไม่?”
“ใกล้แล้ว อีกเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ” หลิวเต้าเซียงยืนอยู่ข้างเตา ใบหน้าเล็กแดงระเรื่อเพราะไอร้อนจากกระทะ ทำให้แก้มสองข้างนั้นดูเปล่งปลั่ง ขับกับดวงตาดุจอัลมอนด์ของนางให้ยิ่งดูกลมโต
หลิวเสี่ยวหลันเขย่งเท้าสูดดมกลิ่น เอ่ยถาม “ปลามาจากไหน? ใช่สิ เ้าบอกว่าไปเก็บฟืนไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงอยู่กับคุณชายน้อย? รีบบอกมาเดี๋ยวนี้ เ้าบังอาจมีความคิดสกปรกน่าไม่อายใช่หรือไม่?”
หลิวเต้าเซียงอดไม่ได้ที่บ่นในใจ น้องเ้าสิ เ้าน่ะสิสกปรก บ้านเ้าสกปรกทั้งบ้าน หนุ่มหล่อเช่นนั้นไม่ได้ทำให้มีข้าวกิน เข้าใจหรือยัง?
หลิวชิวเซียงเห็นว่าน้องรองของตนไม่สนใจ แต่ก็กังวลว่าหลิวเสี่ยวหลันจะรังแกนาง จึงหยิบที่คีบฟืนยืนขึ้นมาข้างเตา แล้วเอ่ยถามเสียงชัดแจ๋ว “อาเล็ก น้องรองไปเจอคุณชายน้อยบนหลังเขาไม่ผิด แต่คุณชายน้อยบอกว่าขาดแคลนคนปรนนิบัติรับใช้ จึงบอกให้น้องรองตามเขาไปล่าสัตว์ นี่ปะไร คืนนี้จึงมีไก่ตุ๋นเห็ด แล้วยังมีไก่ผัดพริก ส่วนปลา…”
หลิวชิวเซียงเอ่ยได้ครึ่งเดียว นางลืมถามไป ว่าปลานี่มาได้อย่างไร
“ปลานี่คุณชายน้อยให้ข้าไปซื้อมาจากตำบล” หลิวเต้าเซียงตอบอย่างไม่ใส่ใจ
สายตาเ็าของหลิวเสี่ยวหลันวนเวียนอยู่รอบตัวนาง ราวกับกำลังอยากแน่ใจอะไรบางอย่าง
ต่อมาก็ได้ยินหลิวเต้าเซียงเอ่ย “เดิมทีข้าไม่้าไป คุณชายผู้นั้นบอกว่าไม่คุ้นเคยเส้นทาง แล้วบอกว่าหลายวันมานี้ปากจืดชืด เนื่องจากไม่มีอะไรกิน จึงกล่าวว่า้าล่าไก่ฟ้าสองตัวกลับมากิน อาเล็ก เ้าไม่ลองคิดดู รูปร่างเช่นข้า นอกจากมองไปแล้วจะใช้แรงงานได้ ยังทำอะไรได้อีก?”
หลิวเสี่ยวหลันเชื่อเช่นนี้ คุณชายผู้สูงศักดิ์ไม่ใช่คนธรรมดา แม่ของนางกล่าวว่าต้องมาจากตระกูลผู้ดีที่เพียบพร้อมทั้งอาหารการกินและที่อยู่ หลิวเต้าเซียงที่รูปร่างผอมแห้งอย่างกับถั่วงอก คงไม่เข้าตาคนผู้นั้นเป็แน่
และเมื่อคิดกลับกัน หากรังเกียจอาหารที่บ้านของนาง เื่เหล่านี้ก็พอมีเหตุผล แม่นางเคยกล่าวว่า อาหารบ้านนอกเช่นนี้คงเป็ครั้งแรกที่คุณชายท่านนั้นได้ลิ้มรส
หัวใจของหลิวเสี่ยวหลันเริ่มคลายกังวล ที่แท้คุณชายก็ไม่ได้คิดจะจากบ้านนางไป เพียงแค่้ากินอาหารป่า
“เอาเถิด รีบยกกับข้าวไปได้แล้ว” นางไม่อยากหาเื่หลิวเต้าเซียงอีก
หลิวเสี่ยวหลันยืนอยู่ที่ประตู คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ย “เ้าทั้งสองกับจูเอ๋อร์กินในห้องครัว ใช่แล้ว ไปเรียกแม่ของพวกเ้าด้วย ในเมื่อคุณชายน้อง้ากินข้าวในห้องโถง พวกเ้าคนบ้านนอกที่ไม่สมควรออกหน้าออกตาก็ไม่ต้องไปห้องโถง จะได้ไม่ต้องขายขี้หน้าบ้านตระกูลหลิวของข้า”
“อาเล็ก เ้าว่าอย่างไรนะ? เื่อะไรข้าต้องมานั่งเบียดกินข้าวกับพวกนางด้วย?” หลิวจูเอ๋อร์ซึ่งกำลังเดินมาจากห้องปีกตะวันตกหลังจากไปดูหลิวซุนซื่อ ได้ยินคำพูดของหลิวเสี่ยวหลันก็ไม่พอใจ นางน่ะสิคนบ้านนอก
หลิวเสี่ยวหลันเหลือบมองนางและเงยหน้าขึ้นอย่างไม่มีความสุข “อะไรกัน เ้ายังคิดจะไปนั่งกินข้าวกับข้าในห้องโถงหรือ?”
หลิวจู่เอ๋อร์ตระหนักว่านางได้พูดผิด เมื่อเห็นสองพี่น้องหลิวเต้าเซียงไม่ส่งเสียง จึงเปลี่ยนความคิดทันใด “เต้าเซียง เต้าเซียง ไปตักกับข้าวให้ข้าด้วย ข้าจะไปกินกับแม่ข้าในห้อง”
หลิวชิวเซียงที่กำลังจะก้าวเท้าก็หยุดลง เมื่อเห็นว่าน้องรองของตนหาได้สนใจเทพทั้งสององค์ตรงหน้าประตู
“พี่ใหญ่ เพิ่มฟืนลงไปแล้วต้มน้ำให้เดือด เอาเนื้อปลาใส่ลงไปเคี่ยวสักเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” หลิวเต้าเซียงเห็นน้ำในหม้อเดือด คิดถึงน้ำแกงเนื้อปลาที่สดใหม่คืนนี้ โอ๊ย! ท้องไส้ก็ร้องโครกครากว่า ้าเนื้อปลา!
“เต้าเซียง ไม่ได้ยินหรือ?” หลิวจูเอ๋อร์เสียหน้า จึงไม่พอใจอย่างยิ่ง
หลิวเต้าเซียงไม่สนใจนางและถามหลิวเสี่ยวหลันพร้อมกับใบหน้าที่มีรอยยิ้มอ่อนหวาน “อาเล็ก ต้องลงมือยกน้ำแกงปลานี้ไปด้วยนะ เพียงแต่อาจจะร้อนมือสักหน่อย”
หลิวเสี่ยวหลันเข้าใจทันที หลิวฉีซื่อเรียกนางให้มา ก็เพราะ้าให้นางแสดงความขยันไม่ใช่หรือ?
“โอ้ เด็กคนนี้นับวันยิ่งใช้ได้แล้วนะ ก็ได้ ใครใช้ให้ข้าเป็อาเล็กของเ้าล่ะ หน้าที่นี้ข้าไม่เป็คนทำแล้วใครจะทำ”
หลิวเต้าเซียงแอบเบะปาก ชอบเหลือเกินเื่ออกหน้าออกตา
หลิวจูเอ๋อร์เห็นว่าหลิวเต้าเซียงตักเนื้อปลากว่าครึ่งให้หลิวเสี่ยวหลันยกไป จึงรีบตวาด “เต้าเซียง เ้าหูหนวกหรือเป็ใบ้กันแน่ ข้าสั่งให้เ้าตักให้ข้ากับท่านแม่”
หลิวเต้าเซียงโบกมือที่ถือตะหลิวไว้ แล้วด่า “พี่จูเอ๋อร์ เ้าพิการแขนหรือว่าขา อยากกินก็คิดหาทางเอง นี่คือของที่คุณชายท่านนั้นให้ข้าเป็รางวัล เื่อะไรที่เด็กอย่างข้าต้องหาให้คนที่โตกว่าอย่างเ้ากิน ช่างหน้าไม่อายจริงๆ”
“เ้า...” หลิวจูเอ๋อร์ไม่คิดว่าหลิวเต้าเซียงที่ใสซื่อตลอดมาจะกล้าต่อล้อต่อเถียง
-----
