เ่ิูโกรธนัก
เขาไม่รู้ว่าตอนไป๋หย่วนสิงไปฝ่ายพลาธิการนั้นเกิดเื่อะไรขึ้น แต่ด้วยนิสัยของเขาแล้ว ทั้งหงอและขี้ขลาด ทำเื่อะไรก็ตามแต่ต้องถอยไปตั้งหลักเป็อย่างแรก ดังนั้นถึงเขาจะทำผิด ก็คงไม่วายเป็เพราะไม่ได้ตั้งใจ กลับได้รับบทลงโทษหนักขนาดนี้เสียอย่างนั้น
และหากว่ากันตามจริง เด็กหนุ่มมิได้อยากรู้ว่าเกิดเื่อะไรขึ้น
เพราะไม่มีประโยชน์
เหมือนสุภาษิตที่ว่าถ้าตีหมาย่อมต้องมองเ้าของ
ไป๋หย่วนสิงเป็ทาสกระบี่อาชาขาว เป็คนของหอคอยอาชาขาว คนของเ่ิู คนของฝ่ายพลาธิการทำเช่นนี้ เท่ากับต่อยหน้าเ่ิู
แม้จะเพิ่งมาถึงด่านโยวเยี่ยนได้ไม่ถึงครึ่งวัน ไม่ว่ามองกี่มุมเขาก็หัวเดียวกระเทียมลีบ แต่เ่ิูจะไม่คิดถึงเื่นี้แล้วประนีประนอมเป็อันขาด
อย่างแรกเพราะเวินหว่านเคยบอกเขาแล้ว ว่าหาก้าจะรุ่งโรจน์ในด่านโยวเยี่ยนต้องวางท่าแข็งกร้าวและหาญกล้า เหล่าทหารเืร้อนกันทั้งนั้น บารมีคือสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ว่าเจอเื่อะไรก็ตามแต่ต้องโหดไว้ก่อน ถึงจะได้การยอมรับและความเคารพจากเหล่าทหาร
สองอย่างนี้เองคือสาเหตุหลัก
เ่ิูโกรธมาก
เขาโกรธมากจริงๆ
ยามมองคนหนุ่มที่ใกล้จะกลายเป็น้ำแข็ง ใบหน้าซีดขาวราวพอกแป้งนับชั้นไม่ถ้วน โทสะของเ่ิูยากจะยับยั้งเอาไว้ได้ แม้ว่าจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ในความไม่รู้สึกตัว กลับมองไป๋หย่วนสิงเป็เพื่อนคนสำคัญคนหนึ่งไปแล้ว
“ในเมื่อจะเหยียบข้า เช่นนั้นข้าก็เตรียมตัวเตรียมใจโดนข้าเหยียบให้ดีล่ะ...เป็โอกาสงามๆ ก่ออำนาจดีแท้”
เ่ิูตัดสินใจแน่วแน่แล้ว
ในหอคอยอาชาขาว
เขาส่งกำลังภายในเข้าร่างไป๋หย่วนสิงไม่ได้ขาด
“พร์เขาสามัญนัก ร่างกายอ่อนแอแต่กำเนิด สูญเสียเวลาและโอกาสที่เหมาะที่สุดในการฝึก ชีวิตนี้ถ้าดวงชะตาไม่ดีจริง คงยากจะเป็ยอดฝีมือวรยุทธ์ที่แท้จริงได้”
ตอนที่กำลังภายในแผ่เข้าร่างกายไป๋หย่วนสิงนั้นเอง เ่ิูสามารถรู้สึกถึงความเร็วที่ลมปราณเคลื่อนที่ สำหรับสภาพร่างกายของทาสกระบี่อาชาขาวผู้นี้แล้ว เด็กหนุ่มมีความเข้าใจในขั้นเริ่มต้น
รักษาอาการอยู่นานหนึ่งคืนเต็ม
เ่ิูเสียกำลังภายในไปมาก
ดีที่เมื่อยามอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า เ่ิูก็ได้ขับไล่เอาความหนาวเหน็บในกายไป๋หย่วนสิงออกไปจนสิ้น ชีพจรของไป๋หย่วนสิงค่อยๆ แข็งแรงขึ้นมาทีละน้อย มีแนวโน้มในทางที่ดี ร่างกายเริ่มอุ่นเป็ระลอก
จัดแจงไป๋หย่วนสิงที่ยังคงสลบไสลไว้เรียบร้อยแล้ว เ่ิูถึงได้ถอนใจออกมาคราหนึ่ง
ช่วยคนสำเร็จแล้ว
ทว่าคงต้องรักษาอีกพักหนึ่งกระมัง ถึงจะฟื้นฟูพลังชีพขึ้นมาได้
เ่ิูออกจากหอคอยอาชาขาว หาข้าวเช้ากินตามแผงเล็กๆ ข้างถนน เด็กหนุ่มคิดไปพลาง ออกเงินจ้างทาสรับใช้หญิงมาคนหนึ่ง ซื้อของจำพวกพืชและเนื้อที่เติมพลังได้กลับหอคอยอาชาขาว ให้ทาสหญิงไปคอยดูแลไป๋หย่วนสิง
วันทั้งวันผ่านไป ฝ่ายพลาธิการก็ไม่ส่งใครมาอธิบายเื่นี้เลยสักคน
กลับกลายเป็มีทหารปฏิบัติการคนหนึ่งมาถึงตรงหน้าสำนักของเ่ิู คืนตราประทับนายทัพและผู้แทนให้แก่เขาในยามเย็นย่ำ...ตราประทับผู้แทนคือสิ่งที่เ่ิูส่งให้หัวหน้าทหารเข้าเวรนายนั้นไปเมื่อคืน และตราประทับผู้แทนนั้นตอนอยู่กับไป๋หย่วนสิงได้ถูกยึดไป เ้าตัวถูกจับตัวทั้งที่มาขอเบิกเบี้ยหวัด
เ่ิูมองทหารสามัญที่มาคืนตราประทับผู้แทน รู้ดีว่าซักไซ้เขาไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาจึงเก็บตราประทับนายทัพลงไปโดยไม่พูดอะไร
เมื่อเห็นทหารนายนั้นหันหลังเดินจากไป เ่ิูจึงทอดตามองแสงตะวันยามอัสดงสาดส่อง แววเนตรมีความเย็นะเืแวบวาบ
“สงสัยจะไม่ให้ความสำคัญกับทูตถือดาบตรวจการณ์คนใหม่เยี่ยงข้าสินะ”
เขาหัวเราะ
เวินหว่านพูดไม่ผิดจริงแท้
สถานการณ์ที่กองทัพตรงไปตรงมากว่าที่สำนักหรือที่อื่นๆ เยอะนัก มีบางครั้งบางคราที่พึ่งตำแหน่งทหารอย่างเดียวก็คุมคนมิได้ แม้แต่ลู่เฉาเกอที่ถูกเคารพราวกับเป็เทพก็ใช่จะมาเหนือเมฆแต่เริ่มต้น แต่กลับใช้เวลาหลายสิบปีเพื่อสั่งสมบารมีราวกับทวยเทพได้ในรั้วด่านโยวเยี่ยนแห่งนี้
เ่ิูก็ไม่นึกตัวเองเลยว่า เพิ่งมาถึงด่านโยวเยี่ยนแล้วจะเจอเื่น่ารำคาญเข้ามาต้อนรับ
แต่บางทีนี่อาจเป็โอกาสก็ได้นะ?
เขากลับไปยังชั้นสี่ ทำการฝึกวิชาต่ออย่างเสมอต้นเสมอปลาย
...
หลังจากที่นายทหารกลับมาถึงฝ่ายพลาธิการเรียบร้อยแล้ว เขาก็เล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ชายหนุ่มชุดดำจ้าวหรูอวิ๋นฟังโดยละเอียด ไม่มีปิดบังแม้สักกระผีก
จ้าวหรูอวิ๋นปัดมือ ให้นายทหารออกไปได้
เขานั่งเงียบงันบนเก้าอี้ กำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่อย่างจริงจัง
พักต่อมา
เขาปรบมือแ่เบา
ทหารคู่ใจเขาเดินเข้ามาจากนอกโถงใหญ่
“ช่วยข้าส่งสาส์นนี้ไป เชิญใต้เท้าหลินหลางแม่ทัพรบกองโจร ใต้เท้าผู้ช่วยสำนักเ้าด่าน แล้วก็...” จ้าวหรูอวิ๋นเอ่ยนามคนอีกเจ็ดแปดนามแล้วเสริม “ให้พวกเขามาหารือกันที่ฝ่ายพลาธิการนี้ในอีกสามวัน”
“ตามที่ท่านรับสั่ง”
นายทหารหมุนตัวไปทำตามบัญชา
จ้าวหรูอวิ๋นเผยสีหน้าชั่วร้ายเพียงชั่วแวบ
...
หนึ่งวันต่อมา
หอคอยอาชาขาว
ไป๋หย่วนสิงยังคงสลบไม่ได้สติ
ทว่าชีพจรกับเืลมของเขาแข็งแรงกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก
มีทาสหญิงคอยดูแลไม่ได้ห่าง อาการาเ็ของไป๋หย่วนสิงจึงทุเลาขึ้นเป็ลำดับ เ่ิูจะมากดจุดให้เขาสามครั้งต่อวัน ไม่นึกเสียดายว่าจะต้องสูญเสียกำลังภายในไปเท่าไรเพื่อรักษาอาการาเ็ ตามการคาดการณ์ของเขา หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกสองวันทาสกระบี่อาชาขาวผู้นี้ก็จะฟื้นขึ้นมาแล้ว
และเวินหว่านเ้าคนนั้น จนบัดนี้ก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา
เ่ิูทึกทักเอาว่า ในค่ายน่าจะเกิดเหตุอะไรกันขึ้นจนเวินหว่านสลัดภาระไม่พ้นตัว เด็กหนุ่มจึงไม่คิดรีบไปหาเขา
นอกจากช่วยรักษาไป๋หย่วนสิงแล้ว เ่ิูก็ไม่ได้ไปเดินเตร่ในเมืองเลย เด็กหนุ่มใช้เวลาทั้งหมดไปทุ่มเทกับการฝึกวิชา
เขาบรรลุพลังของอาณาน้ำพุิญญาตาที่สิบห้าอย่างสมบูรณ์ในเวลาอันรวดเร็ว นำมาใช้เพื่อตนเองได้อย่างแท้จริง ขณะเดียวกัน เ่ิูก็มีเวลานั่งนิ่งๆ เพื่อพินิจท่วงทำนองยุคเทพมารในส่วนที่ถูกเปิดผนึกออกแล้ว
เขานั่งอยู่ในห้องสงบของชั้นสี่ในหอคอยอาชาขาว เรียกเอาท่วงทำนองยุคเทพมารออกมา
เพราะหลังเกิดเื่ของาายาหงส์ฟ้าเิ่ิ๋ไปคราวก่อน เ่ิูก็รู้ว่าคนอื่นไร้หนทางจะรู้สึกถึงการมีอยู่ของคัมภีร์ทองแดง ดังนั้นจึงไม่จำเป็ต้องปิดบังอีกแล้ว เด็กหนุ่มอาบน้ำชำระร่างกาย สวมอาภรณ์อะไรต่อมิอะไรเสร็จสรรพแล้วก็นั่งอยู่บนเบาะนั่งข้างหน้าต่าง หยิบคัมภีร์โบราณมาแล้วเริ่มอ่าน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
“ที่แท้สิบหน้าที่คัมภีร์ทองแดงให้ข้าอ่านได้มิใช่เป็กระบวนยุทธ์วิชาสิบท่า แต่มีท่าเดียวนามว่าเทพเ้าไร้ขีดสุด น่าใจริงเลยนะ เนื้อหาสิบหน้าบรรยายเคล็ดวิชาเดียวเนี่ย...”
เมื่ออ่านเนื้อหาทั้งหมดจบ เ่ิูยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่
เดิมทีนึกว่าจะเหมือนกับตอนแรกที่เขาฝึกเฮือกเดียวเปิดน้ำพุิญญาได้ถึงตาที่สิบเอ็ด แต่นอกจากอักขระดั้งเดิมเช่นล่องหนแล้ว ควรจะมีจากสิบหน้านี้สักสิบส่วน ได้ของวิเศษอย่างผู้พิทักษ์ทะลุปรุโปร่งหรือวิชาลับสักสิบวิชาเช่นสี่กระบวนท่าเทพราชันเกราะทอง
แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงกลับเป็สิบหน้านี้อธิบายกระบวนท่าเพียงวิชาเดียวนี่แหละ
เทพเ้าไร้ขีดสุด
“ใช้สิบหน้าบรรยายเคล็ดวิชาเต็มสูบ เห็นท่าว่าวิชาเทพเ้าไร้ขีดสุดนี่จะไม่ธรรมดาซะแล้ว”
เ่ิูสั่นไปทั้งประสาท ในใจเริ่มมีความหวัง เขาเริ่มศึกษาความลึกซึ้งของมันอย่างละเอียด
ที่สุดก็ค่อยๆ เข้าใจความลึกซึ้งขึ้นมาได้บ้าง
“วิชาที่เรียกว่าเทพเ้าไร้ขีดสุด มิใช่กระบวนยุทธ์ท่าโจมตี แต่เป็สภาวะต่อสู้ความเร็วสูง เมื่อเข้าสู่สภาวะนี้แล้ว ไม่เพียงแต่พลังจะเพิ่มขึ้นรวดเร็วเท่านั้น ประสาทััทั้งห้าและความเร็วในการตอบสนอง รวมทั้งความเร็วในการกระตุ้นกำลังภายในก็จะเพิ่มเป็ทวีคูณตามกันเป็ลำดับ...์ช่วย ชักเกินคำว่าน่ากลัวแล้ว...”
เ่ิูอ่านจบแล้วอึ้งจนเปล่งเสียงออกมาไม่ได้
บนโลกนี้ มีเคล็ดวิชามหัศจรรย์และเบ็ดเสร็จเพียงนี้อยู่ด้วยหรือ?
ขอแค่เข้าสู่สภาวะเทพเ้าไร้ขีดสุด เท่ากับพลังทั้งตัวจะเพิ่มพูนหลายเท่าตัว สามารถสังหารคู่ต่อสู้ระดับเดียวกันได้ในพริบตา
เ่ิูเป็จอมยุทธ์อาณาน้ำพุิญญาตาที่สิบห้าแล้ว พลังเพิ่มขึ้นเท่าตัวหนึ่งเท่ากับเป็น้ำพุิญญาสามสิบตา สองเท่าตัวคือสี่สิบห้าตา หากเพิ่มเจ็ดเท่าตัวล่ะก็ มิใช่ว่าจะกลายเป็ผู้แข็งแกร่งอาณาทะเลระทมไร้ผู้ใดต่อกรหรอกหรือ?
นี่...
ต่อให้เป็วิชาโบราณล้ำค่าในตำนานเล่าปากต่อปาก ก็กลายเป็ของธรรมดาได้งั้นหรือ?
เ่ิูไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง วิชาเช่นนี้ไม่ควรเป็สิ่งที่ภพมนุษย์ควรมีอยู่เลย
เขาข่มใจไม่ให้ร้องออกมาดังๆ อย่างตื้นตัน เด็กหนุ่มอ่านต่อไปอย่างจดจ่อ
ที่สุดแล้ว เขาก็ค้นพบเนื้อหาบางส่วน
“ศิลปะการเพิ่มพลังของเทพเ้าไร้ขีดสุดนั้น สูงสุดคือเพิ่มสิบเท่า เรียกว่าสิบขีดสุด และก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถใช้พลังสิบขีดสุดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ต้องมีกายเนื้อที่แข็งแกร่งไร้มลทิน ถึงจะรับการะเิเพิ่มของสิ่งที่เหนือเรี่ยวแรงของร่างกาย ไม่เช่นนั้นแล้ว เมื่อะเิพลังเพิ่มเป็เท่าตัว ไม่เพียงกำจัดศัตรูไม่ได้เท่านั้น ร่างกายผู้ใช้จะรับไม่ได้จนะเิออก อาจมีอันตรายถึงชีวิต”
เ่ิูพยักหน้า
เป็เช่นนี้สิถึงค่อยสมเหตุสมผล
จากที่คัมภีร์ทองแดงบันทึกไว้ คนธรรมดาแม้จะฝึกฝนเทพเ้าไร้ขีดสุดก็ตาม อย่างมากก็ทำได้แค่เพิ่มสองเท่าจากพลังของตัวเอง มีเพียงร่างกายในแบบของยุคเทพมาร กายเนื้อแกร่งกล้าสามารถรองรับได้มากกว่า แต่ร่างกายนี้เองที่เป็อุปสรรคในการฝึกฝนปราณ ดังนั้นหลายปีดีดักที่ผ่านมา จึงยังมีคนเพียงหยิบมือที่จับทางมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ น้อยคนที่สามารถพอจะปลดปล่อยพลานุภาพแท้จริงแห่งเทพเ้าไร้ขีดสุด แม้วิชานี้จะแกร่งกล้าถึงขั้นไหนก็ตาม
ขณะเดียวกัน แม้จะเข้าถึงสภาวะเพิ่มพูนของการทวีคูณพลัง ก็รับไหวเพียงชั่วระยะสั้นๆ เท่านั้น
คัมภีร์กล่าวว่า ตอนที่อัจฉริยะบุคคลผู้คิดค้นวิชานี้ขึ้นมาฝึกฝน เขาก็รับได้ถึงแปดเท่าเท่านั้น ทนต่อไม่ถึงสิบห้านาที และวิชาเทพเ้าไร้ขีดสุดนี้ก็เป็เหมือนเครื่องทดสอบขีดจำกัดของเหล่าอัจฉริยะ
เทพเ้าไร้ขีดสุด คือวิชาไร้ศัตรูตามทฤษฎี
แต่ขีดจำกัดเดียวของมัน มีเพียงปัจจัยเดียวเท่านั้น
นั่นก็คือระดับความแข็งแกร่งของร่างกาย
“ร่างกายข้าแข็งแกร่งกว่าจอมยุทธ์อาณาเดียวกันเยอะนัก หรือบางทีวรยุทธ์ไร้ศัตรูนี้จะเหมาะกับข้ากันนะ?”
เ่ิูหัวเราะ
เขาไม่นึกถึงสิ่งอื่นอีก ทำเพียงเริ่มจ่อมจมอยู่กับการฝึกเทพเ้าไร้ขีดสุด
เวลาไหลผ่านไปทุกวินาที
เ่ิูลองวิธีของเทพเ้าไร้ขีดสุด โคจรปราณ กระตุ้นศักยภาพ เข้าสู่สภาวะเพิ่มพูน ทว่าไม่สำเร็จ
“หาก้าเข้าสู่เทพเ้าไร้ขีดสุด ต้องปรับิญญา เนื้อ โลหิต ประสาท ความคิด ปณิธานและจิตใจให้เข้าถึงสภาวะสูงสุด เข้าสู่สภาวะสอดคล้อง เมื่อนั้นจึงจะกระตุ้นมันได้...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้