ถึงแม้โลกทุกวันนี้จะก้าวหน้าไปไกลเพียงใด แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยพัฒนาไปพร้อมกับมันเลยก็คือ จิตใจของมนุษย์ ยิ่งกาลเวลาผ่านไปมากเท่าไร จิตใจของผู้คนก็ยิ่งดำดิ่งลึกลงสู่ความมืด และเธอเอง…ก็เป็หนึ่งในเงามืดเ่าั้ด้วยเช่นกัน
ไม่ใช่เพราะเธออยากเป็ แต่โชคชะตาต่างหากที่บังคับให้เป็เช่นนี้
ั้แ่จำความได้ ชีวิตของเธอก็เริ่มต้นในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเถื่อน พวกมันไม่เคยอุ้มชูด้วยความรัก มีเพียงการหล่อหลอมด้านมืดใส่ลงไปทีละน้อย เพื่อปั้นเธอขึ้นมาเป็ มือสังหารในสายตาของพวกมันนางเป็เพียงเครื่องมือชิ้นหนึ่งเท่านั้นไม่สมควรได้รับแม้กระทั่ง ชื่อ
"ขอบคุณที่เหนื่อยยากมาหลายปีนะ…แต่ตอนนี้แกมันหมดประโยชน์แล้ว"เสียงทุ้มพร่าของชายวัยกลางคนดังขึ้นในความเงียบ ราบเรียบจนชวนหนาวยิ่งกว่าสายลมกลางคืนยังไม่ทันที่นางจะได้ขยับตัว เสียงปืนก็ดังขึ้นอย่างไร้ความปรานี รวดเร็วและเ็าในแบบที่เธอคุ้นเคยมาตลอดชีวิต
แรงะุผลักร่างของเธอให้ทรุดลงสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วง ดวงตาที่เคยนิ่งสงบเริ่มพร่าเลือน แสงสุดท้ายสั่นไหวราวกับจะดับไปทุกขณะ แก้มของเธอแนบลงบนพื้นเย็นชื้นที่เปื้อนเื กลิ่นคาวอ่อนๆ ลอยแตะปลายจมูก แต่เธอกลับรู้สึกสงบอย่างประหลาด
“แบบนี้…ก็คงสมควรแล้วสินะ”
ความคิดนั้นผุดขึ้นอย่างช้าๆ ในความเงามืดภายในใจ เธอไม่โกรธ ไม่คับแค้น ไม่รู้สึกแม้เศษเสี้ยวของการต่อต้าน ชีวิตของเธอถูกใช้งานจนหมดค่า และถูกเขี่ยทิ้งราวกับขยะ เหมือนที่เธอรู้อยู่แล้วว่าสักวันมันจะต้องเกิดขึ้นแต่ในเสี้ยววินาทีสุดท้ายเธอกลับรู้สึกเหมือนถูกปลดพันธนาการบางอย่างอย่างเงียบงันความเ็ปค่อยๆ ถอยห่างออกไป พร้อมกับความรู้สึกอิสระที่เธอไม่เคยลิ้มรสมาก่อนในชีวิตเป็ครั้งแรก…ที่เธอไม่ต้องเป็เครื่องมือของใครอีกต่อไป
สติของเธอยังคงล่องลอยอยู่ในห้วงมืดมิด ไม่อาจรับรู้ได้เลยว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด ความเงียบงันยาวนานจนไม่รู้ว่าตนเองยังมีชีวิตหรือไม่ จนกระทั่ง…ในที่สุด เปลือกตาที่หนักอึ้งก็เริ่มขยับทีละน้อย ก่อนเปิดออกอย่างช้าๆ ราวกับพยายามฝืนแรงของความฝันอันมืดดำที่กักเธอไว้
“เสวียนหนิง…เ้าเป็อย่างไรบ้าง”
เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นใกล้ใบหู น้ำเสียงอ่อนโยน ทว่าฝืนกลั้นความอ่อนล้าไว้อย่างชัดเจน
เสวียนหนิง? เขากำลังเรียกใครกัน…เราเคยมีชื่อกับเขาด้วยงั้นหรือ?เธอถามตัวเอง ทั้งที่สติยังพร่าเลือนเหมือนม่านควัน
เมื่อสติเริ่มย้อนกลับเข้าร่าง เธอจึงค่อยๆ ลืมตากว้างขึ้น โลกภายนอกที่ปรากฏตรงหน้าทำให้เธอต้องนิ่งงันไปชั่วครู่ ทุกอย่างที่เห็นล้วนไม่คุ้นตาเพดานไม้เก่า โต๊ะเครื่องใช้ที่ดูโบราณ เครื่องเรือนทุกชิ้นล้วนเป็ของยุคสมัยที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ราวกับหลุดออกมาจากตำราประวัติศาสตร์และชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ…แม้ใบหน้าของเขาจะหล่อเหลาดั่งภาพวาด แต่ชุดที่เขาสวมกลับเป็ชุดในสมัยโบราณที่เธอไม่อาจเทียบกับยุคที่จากมาได้เลย
“ท่านเป็ใคร…” เธอเอ่ยถามด้วยเสียงอ่อนแรง ทั้งสงสัยและสับสน
คำถามนั้นทำให้ชายผู้นั้นสะท้านอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาแดงก่ำก่อนน้ำตาจะหยดลงบนหลังมือของเธอที่เขากุมไว้แน่น
“เป็ข้าเอง…ม่อหราน” เสียงเขาสั่นอยู่ในลำคอ “ข้าคือม่อหราน…ชายคนรักของเ้า”
เขาโผเข้ากอดเธอราวกับหวาดกลัวว่าเธอจะสลายหายไปอีกครั้ง น้ำตาที่กลั้นไว้นานไหลอาบแก้มอย่างไม่อาจควบคุมได้เธอไม่ผลัก ไม่ขัดขืน ไม่แม้แต่จะยกมือขึ้นป้องกันตัวภาพความทรงจำที่ไม่ใช่ของเธอ…ความรู้สึกของเ้าของร่างเดิม…ชื่อ เสวียนหนิง ที่ไม่ใช่ชื่อของเธอ…ทุกอย่างค่อยๆ ไหลทะลักเข้ามาในหัวราวกับประตูที่ถูกเปิดออกในคราวเดียวและเธอทำได้เพียงปล่อยให้ความทรงจำอันแปลกประหลาดนั้นไหลผ่านตัวเองไปอย่างช้าๆ
เ้าของร่างเดิมนั้น เป็เพียงสาวใช้ธรรมดาภายในจวนตระกูลม่อ ไม่มีชาติกำเนิดสูงส่ง ไม่มีผู้ใดเหลียวแล แต่โชคชะตากลับพาให้ได้พบกับท่านแม่ทัพม่อหรานบุรุษหนุ่มผู้มีอนาคตไกล และเป็ความหวังของตระกูลทั้งตระกูล
ทั้งคู่ตกหลุมรักกันโดยไม่สนฐานะ ความผูกพันค่อยๆ ผลิบานและนำไปสู่การแต่งงานท่ามกลางเสียงคัดค้านของทุกคน เพราะสำหรับเหล่าผู้ดีในตระกูลม่อแล้ว การที่แม่ทัพผู้โดดเด่นยอมสมรสกับสาวใช้ต่ำต้อยนั้น ถือเป็เื่เหลวไหลอย่างที่สุด
แต่ม่อหรานยังคงยืนยันเลือกนางและความรักที่ยืนข้างเขา…เพียงคนเดียว
ทว่าไม่นานความสุขนั้นก็ถูกทำลายลงอย่างโหดร้าย แม่ทัพผู้เกรียงไกรเริ่มป่วยด้วยอาการประหลาด แขนขาอ่อนแรงไร้เรี่ยวแรงราวกับถูกดึงพลังชีวิตออกไปทีละน้อย และราวกับยังไม่พอ เขายังถูกขุนนางในราชสำนักกลั่นแกล้ง ใส่ร้ายว่าฉ้อราชบังหลวง ถูกริบยศ ถอดตำแหน่งทุกอย่างที่เคยภาคภูมิใจที่เ็ปยิ่งกว่านั้นคือถูกบิดาแท้ๆ ขับไล่เขาออกจากตระกูลอย่างไร้เยื่อใย“เสวียนหนิง…มันเป็ข้าที่ไม่ดี ข้ามันไร้ความสามารถ ต้องทำให้เ้าลำบากแล้ว”
ทั้งสองต้องไปอาศัยในบ้านเช่าเก่าๆ ที่ทรุดโทรม สภาพไม่ต่างจากเพิงผุที่พร้อมจะพังได้ทุกเมื่อ เพื่อประคับประคองชีวิตคู่ให้ผ่านพ้นไป เ้าของร่างเดิมทำงานสารพัดอย่างจนร่างสึกกร่อน เพื่อหาเงินมาดูแลสามีที่เริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ
จนในที่สุด…ร่างกายอันอ่อนล้าของนางก็ทนไม่ไหวและดับสิ้นลงด้วยความเหนื่อยยาก
ความทรงจำทั้งหมดนี้ทั้งความรัก ความผูกพัน ความอบอุ่นที่เ้าของร่างเดิมเคยมอบให้และได้รับหลั่งไหลเข้าสู่ตัวเธออย่างช้าๆ เหมือนกระแสน้ำที่ไหลเข้าท่วมใจ
แม้เธอจะเป็คนเดิมที่มาจากโลกอันมืดมิดแต่หัวใจกลับอบอุ่นขึ้นอย่างที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเธอยกแขนอันอ่อนแรงขึ้นโอบกอดม่อหรานอย่างเป็ธรรมชาติ ราวกับกอดนั้นเป็ของเธอมานานแสนนาน ทั้งที่แท้จริงแล้ว…เธอไม่เคยได้รับความรัก แบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต
“ท่านพี่…” เธอเอ่ยเสียงแ่ “ตัวท่านนั้นทำดีที่สุดแล้ว”
ถ้อยคำนั้นเปลี่ยนบรรยากาศทั้งห้องให้สงบนุ่มนวลแตกต่างจากชีวิตอันมืดดำที่เธอเคยรู้จักอย่างสิ้นเชิง
