อู๋อี้ขมวดคิ้วกับคำพูดเมื่อครู่ของจ้าวเหิง
จ้าวเหิงในเวลานี้ต้องสวมผ้าปิดตาเอาไว้ข้างหนึ่ง การที่เขาต้องสูญเสียงดวงตาไปเช่นนี้ก็ล้วนมีสาเหตุมาจากมู่เฟิงทั้งสิ้น ฉะนั้นแล้วความแค้นที่มีต่ออีกฝ่ายจึงฝังรากลึกลงไปในใจของเขา
“เอ๊ะ ผู้าุโจ้าว ่นี้ข้าไม่ได้เจอท่านเลย ว่าแต่ดวงตาข้างนั้นของท่านเป็อะไรไปหรือ?”
ผู้าุโอีกคนหันไปมองทางจ้าวเหิงก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
แต่หลังจากจ้าวเหิงได้ยินคำถามนี้ สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนเป็น่าเกลียดและไม่คิดที่จะตอบคำถามของอีกฝ่าย ทันใดนั้นอู๋อี้ที่อยู่ด้านข้างก็กล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มประหลาดว่า “ผู้าุโจ้าววางเดิมพันกับคนผู้หนึ่งเอาไว้ ผลสุดท้ายเขาแพ้เดิมพันจึงต้องสูญเสียดวงตาไปข้างหนึ่ง”
“หึ เป็พวกต่ำทรามจากตระกูลมู่”
จ้าวเหิงกล่าวขึ้นด้วยความเคียดแค้น
“จะต่ำทรามหรือไม่ หากว่าท่านไม่รนหาเื่ใส่ตัวเอง แล้วเื่แบบนี้จะวิ่งเข้ามาหาท่านหรืออย่างไร?”
อู๋อี้เหยียดยิ้มขณะที่เอ่ยถ้อยคำเสียดสีออกมา
“ผู้าุโอู๋ ท่านกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรหรือ?”
สีหน้าของจ้าวเหิงมืดครึ้มลงทันใด
“ข้าหมายความว่าอย่างไร สหายจ้าวก็ถามตัวเองเอาเถอะ”
อู๋อี้กล่าวเพียงเท่านั้นก็ไม่พูดอะไรออกมาอีก
“มู่เฟิงผู้นั้น ข้าเองก็เคยเฝ้ามองมาก่อน กล่าวได้ว่าเขาไม่ธรรมดาเลย สามารถเอาชนะได้แม้กระทั่งบัณฑิตสายใน หากจะกล่าวถึงความแข็งแกร่ง เกรงว่าในการประเมินครั้งนี้เขาก็คงจะติดหนึ่งในสามอันดับแรกเป็แน่”
ผู้อำนวยการเฉินเฟิงพลันกล่าวแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“สามารถเอาชนะบัณฑิตสายในได้อย่างนั้นรึ!”
หลังจากได้ยินดังนั้น ผู้าุโคนอื่นต่างก็แสดงท่าทีประหลาดใจออกมา แต่ภายในดวงตาของจ้าวเหิงกลับมีเพียงร่องรอยของความอำมหิตเท่านั้น
ภายในเทือกเขาเทียนอวิ่น หลังจากเหล่าบัณฑิตนับพันคนเดินทางเข้าสู่อาณาเขตของูเาแล้ว พวกเขาต่างก็แยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง บางคนก็เกาะกลุ่มไปกับสหาย บางคนก็ไปกับกองกำลังของตระกูล
มู่เฟิง ไป๋จื่อเยว่และมู่ขวงเดินนำศิษย์ในตระกูลมู่จำนวนสิบกว่าคนมุ่งหน้าไปด้วยกัน
ศิษย์ตระกูลมู่ทุกคนต่างก็ยึดมู่เฟิงเป็หลัก แน่นอนว่าพวกเขาจะพยายามช่วยให้เด็กหนุ่มคว้าอันดับหนึ่งมาให้ได้อย่างเต็มที่
หลังจากกลุ่มเด็กหนุ่มสาวของตระกูลมู่ได้เดินสำรวจป่าในรัศมีกว่าสิบลี้ก็พบว่านอกจากสัตว์ป่าธรรมดาแล้ว ก็ไม่มีสัตว์อสูรอื่นๆ อยู่เลย พวกเขาจึงกระจายตัวกันออกไป โดยแต่ละคนจะทิ้งระยะห่างไม่ไกลกันมากนัก ในการสำรวจป่าครั้งนี้นอกจากจะต้องมองหาอสูรร้ายแล้ว พวกเขายังต้องพยายามมองหาสมุนไพรด้วย
“เฮ้ พี่เฟิง ท่านมาดูนี่สิ”
เมื่อไป๋จื่อเยว่พบเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง เขาก็หันไปเรียกมู่เฟิงด้วยเสียงแ่เบาทันที
มู่เฟิงที่อยู่ไม่ไกลรีบเดินเข้ามาหาเด็กหนุ่ม
“พี่เฟิง ท่านดูสิ”
ไป๋จื่อเยว่ชี้นิ้วไปที่พื้นหญ้าซึ่งมีหยดเืเปรอะเปื้อนอยู่บนใบไม้
มู่เฟิงย่อตัวลงก่อนจะยื่นนิ้วออกไปััหยดเืนั้น กระแสพลังเืพลันหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว
ดวงตาสีโลหิตของมู่เฟิงวาวโรจน์ขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “เป็เืของสัตว์อสูรขั้นเก้า เหมือนว่ามันจะเพิ่งผ่านทางนี้ไปได้ไม่นาน”
เพียงได้ดูดซับพลังจากหยดเืเข้าไป มู่เฟิงก็สามารถรับรู้ข้อมูลผ่านทางหยดเืได้ในทันที และนี่ก็เป็ทักษะพิเศษอย่างหนึ่งของเผ่าชูร่า
“ทุกคนระวังตัวด้วย แถวนี้มีอสูรร้ายอยู่”
มู่เฟิงะโเตือนทุกคนด้วยเสียงที่ไม่ได้ดังมากนัก หลังจากได้ยินคำพูดนั้น ของเขาแล้วบรรดาศิษย์ตระกูลมู่ต่างก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที
มู่เฟิงและไป๋จื่อเยว่พยายามเดินตามหยดเืเ่าั้ไป แต่เพียงไม่นานพวกเขาก็พบว่าหยดเืที่สะกดรอยตามมานั้นได้หายไปแล้ว และกลายเป็แอ่งเืขนาดย่อมที่อยู่บนพื้นแทน
“โฮก…!”
เสียงประหลาดเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น พร้อมกับร่างที่พุ่งกระโจนเข้าใส่มู่เฟิงกับไป๋จื่อเยว่จาก้า
“หลบเร็ว!”
เด็กหนุ่มทั้งสองถอยกรูออกไปทันที ในระหว่างนั้นเองก็มีประกายแสงอันเย็นะเืแล่นผ่านไปหลายครั้ง พร้อมกับที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งถูกผ่าออกจากกัน
เงาร่างของสิ่งมีชีวิตหนึ่งพุ่งตัวผ่านต้นไม้ที่ล้อมอยู่รอบตัวของเด็กหนุ่มทั้งสองอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวของมันทั้งคล่องแคล่วและยืดหยุ่น ที่สำคัญคือว่องไวเป็อย่างมาก
พรึ่บ!
ลำแสงอันเย็นเยือกพวยพุ่งออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้มู่เฟิงได้ตวัดดาบในมือออกไปเพื่อตั้งรับทำให้เกิดเสียงปะทะกันดังขึ้นสายหนึ่ง และเพียงไม่นานทุกคนก็ได้เห็นเ้าของร่างที่กำลังเคลื่อนไหวเต็มตา เงาร่างหนึ่งที่กำลังเขย่าแขนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ และกำลังจ้องมองพวกมู่เฟิงด้วยสายตาดุร้าย
ร่างของมันมีขนาดใหญ่กว่ามนุษย์ที่โตเต็มวัยแล้วเสียอีก บนตัวของมันมีขนสีดำเข้มปกคลุมทั่วทั้งร่าง กรงเล็บของมันแหลมคมยิ่งกว่าอสูรร้ายทั่วไป โดยเล็บของมันมีความยาวราวๆ สองฟุตและคมกริบราวกับใบมีด อีกทั้งดูเหมือนว่าจะยังมีคราบเืติดอยู่ที่กรงเล็บของมันอีกด้วย ยามนี้มันกำลังใช้หางห้อยอยู่บนต้นไม้ โดยที่ดวงตาสีน้ำตาลของมันก็กำลังเพ่งมองพวกมู่เฟิงด้วยสายตาเย็นะเื
“เป็วานรกรงเล็บมีด!”
มู่เฟิงหรี่ตาลง เขาพลันจดจำลักษณะของอสูรร้ายตัวนี้ได้ในทันที
วานรกรงเล็บมีดนั้นว่องไวเป็อย่างมาก นิสัยก็ดุร้ายและเหี้ยมโหด ทั้งยังก้าวร้าวอยู่ไม่น้อย กรงเล็บทั้งสิบนิ้วของวานรตัวนี้ก็คมราวกับใบมีด
วานรกรงเล็บมีดที่อยู่ตรงหน้าของเขาตัวนี้เป็สัตว์อสูรที่อยู่ในระดับจื่อฝู่ขั้นเจ็ด
“พี่เฟิง”
เหล่าศิษย์ตระกูลมู่ต่างก็รีบเข้ามารวมตัวกัน และชี้นิ้วไปยังวานรกรงเล็บมีดทันที
“มันคือวานรกรงเล็บมีด ทุกคนระวังตัวด้วย ห้ามโดนกรงเล็บของมันแทงเป็อันขาด ไม่อย่างนั้นอาจจะถึงตายได้”
มู่เฟิงมองไปที่อสูรร้ายตัวนั้นขณะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
พรึ่บ!
แต่ทันทีที่เขากล่าวจบ ร่างของวานรกรงเล็บมีดก็พลันกลายเป็ลำแสงสีดำพุ่งเข้ามาโจมตีศิษย์ผู้หนึ่งของตระกูลมู่อย่างรวดเร็ว และความเร็วนี้ก็เร็วมากเสียจนเด็กหนุ่มผู้นั้นไม่ทันได้ตั้งตัว
“โฮก…”
กรงเล็บอันแหลมคมขนาดสองฟุตของมันเตรียมฉีกกระชากร่างของศิษย์ผู้นั้น ก่อนที่เด็กหนุ่มผู้นั้นจะทันได้ตอบโต้ทันที และในขณะที่กรงเล็บทั้งห้ากำลังจะคว้าเข้าที่ลำคอของเขานั่นเอง
แกร๊ง…!
กระบี่ยาวสีขาวเล่มหนึ่งก็เข้ามาสกัดกั้นเอาไว้ได้อย่างทันท่วงทีเสียก่อน
่เวลาสำคัญเช่นนี้ ไป๋จื่อเยว่ที่อยู่ใกล้ที่สุดเป็คนนำกระบี่ออกมาช่วยเหลือศิษย์ตระกูลมู่ผู้นั้นเอาไว้
ฉึก! ฉึก!
จากนั้นลำแสงสีทองของดรรชนีนิ้วสองสายก็พลันพุ่งทะลวงแหวกอากาศ ก่อนจะเจาะเข้าที่ร่างของวานรกรงเล็บมีดทันที
“โฮก..!”
วานรกรงเล็บมีดกรีดร้องโหยหวนออกมาอย่างเ็ป ร่างกายของมันถูกลำแสงดรรชนีเจาะทะลวงจนกลายเป็รูโหว่สองรู เมื่อโดนโจมตีมันก็ะโขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ด้านข้างในพริบตา
แน่นอนว่าการโจมตีเมื่อครู่เป็ฝีมือของมู่เฟิง
“หึ!”
มู่เฟิงพ่นลมหายใจออกมาอย่างเ็า จากนั้นเขาก็ดีดตัวทะยานร่างขึ้นสูงกว่าสิบเมตร พร้อมตวัดดรรชนีนิ้วทั้งสองไปทางวานรกรงเล็บมีดอีกครั้ง
วานรกรงเล็บมีดกระโจนขึ้นไปบนต้นไม้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับหลบลำแสงดรรชนีนิ้วอย่างว่องไวไปด้วย ทำให้ลำแสงทั้งสองสายเจาะทะลวงไปยังลำต้นของต้นไม้แทน
พลังทะลวงของลำแสงดรรชนีนิ้วนั้นรุนแรงจนน่าทึ่ง ทว่ามันก็ยังมีจุดอ่อนที่พลังทำลายไม่เพียงพอ ทำให้ไม่สามารถสังหารผู้ใดได้ในการโจมตีเดียว ยกเว้นจะโจมตีโดนจุดสำคัญเท่านั้น
มู่เฟิงกระโจนร่างขึ้นไปบนต้นไม้อย่างรวดเร็ว วานรกรงเล็บมีดแผดเสียงคำรามออกมาก่อนจะพุ่งทะยานเข้าหาเด็กหนุ่มราวกับภูตผี และในเวลาเดียวกันนั้นเอง กรงเล็บอันคมกริบทั้งสิบนิ้วของมันก็ตวัดเข้าหามู่เฟิงทันที
มู่เฟิงทะยานตัวขึ้นเพื่อหลบการโจมตี ทำให้กรงเล็บอันแข็งแกร่งของอีกฝ่ายฟาดลงไปยังลำต้นหนาของต้นไม้แทน จนต้นไม้ต้นนั้นหักโค่นลงทันที
ในขณะที่มู่เฟิงกำลังะโหลบ ฉับพลันนั้นดาบสีขาวก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา มู่เฟิงส่งพลังปราณเข้าไปในตัวดาบก่อนจะฟาดฟันมันอย่างดุดัน
“เคร็ดดาบพยัคฆ์หาญ!”
“โฮก…!”
เสียงคำรามของพยัคฆ์แผดร้องขึ้น จากนั้นเงาร่างของพยัคฆ์สีทองก็พุ่งกระโจนเข้าหาวานรกรงเล็บมีด ทว่าอีกฝ่ายยังคงสามารถหลบหลีกได้อย่างว่องไว ทำให้ต้นไม้ใหญ่ด้านหลังถูกพลังของพยัคฆ์กวาดทำลายจนพังทลายลงมาแทน
มุมปากของมู่เฟิงพลันโค้งขึ้นเป็รอยยิ้ม ลำแสงสีทองจากดรรชนีนิ้วพุ่งแหวกอากาศออกไปทันใด ก่อนจะเจาะทะลุเข้าไปที่ต้นขาของวานรกรงเล็บมีดจนมันตกลงมาจากต้นไม้
วานรกรงเล็บมีดกรีดร้องโหยหวนออกมาอย่างอย่างเ็ป กระดูกขาของมันถูกเจาะทะลุจนแตกหัก และไม่สามารถใช้ยึดต้นไม้ใหญ่ได้อีกต่อไป
คราวนี้มู่เฟิงได้ะโขึ้นและลอยตัวอยู่กลางอากาศ พร้อมกับฟาดฟันดาบลงมาอย่างดุดัน คมดาบนั้นเสียบแทงเข้าที่ลำคอของวานรกรงเล็บมีดในทันที ร่างของมันถูกตรึงเอาไว้กับบนพื้นป่าโดยสมบูรณ์ แขนขาของมันร่วงลงตามแรงโน้มถ่วง พร้อมกับสัญญาณชีพที่ขาดหายไป
มู่ขวงเดินเข้าไปยังร่างไร้ิญญาของของวานรกรงเล็บมีด ก่อนจะใช้ดาบกรีดร่างของมัน และนำผลึกอสูรสีดำด้านในออกมา
“ฮ่าๆ พี่ชายเฟิง พวกเราเริ่มต้นได้ดีทีเดียว”
มู่ขวงหัวเราะร่า จากนั้นก็โยนผลึกอสูรไปทางพี่เฟิงของเขา มู่เฟิงรับมันด้วยรอยยิ้มบาง ในขณะที่หยกเทพชูร่าก็ทำการดูดซับพลังเืของวานรกรงเล็บมีดเข้าไป ภายใต้สายตาประหลาดใจของเหล่าศิษย์ตระกูลมู่
“ไปกันเถอะ การล่ามันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น”
มู่เฟิงหันหลังเดินลึกเข้าไปในป่า ในขณะที่คนอื่นๆ เองก็เดินตามเขาไปอย่างใกล้ชิด...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้