จ้าวอี้ดูออก ว่าการตรวจตราอย่างเข้มงวดระหว่างทางกำลังแสดงให้เห็นถึงสิ่งหนึ่ง นั่นคือคนที่นี่ต่างหวาดกลัวเด็กหนุ่มที่ชื่อเซวียิ่คนนี้ ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับเขาอย่างมาก ด้วยค่าใช้จ่ายด้านวัสดุและทรัพยากรทางการเงินจำนวนมหาศาล จึงเกิดห้องทดลองใต้ดินห้องนี้ขึ้นมา
ทั้งให้ความสำคัญ ทั้งหวาดกลัว นี่เป็ความขัดแย้งทางจิตใจรูปแบบหนึ่ง
“ก็นะ ตามนโยบายลดโทษแล้ว ที่จริงเขาถึงมาตรฐานการปล่อยตัวเพราะระบบเปรียบเทียบใบหน้าที่ประสบผลสำเร็จอย่างยิ่ง แต่ว่า...”
ท่าทางของเซี่ยตันอึดอัด เหมือนกับไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร
“คุณไม่จำเป็ต้องบอกผมก็ได้นะครับ ถ้ามันเป็ความลับที่เกี่ยวกับเื่นี้ ผมเข้าใจมาตรการรักษาความลับดี”
คำพูดของจ้าวอี้กลับทำให้เซี่ยตันตัดสินใจแน่วแน่ เสียงของเธอค่อนข้างเบา “เพราะผลกระทบของคดีนั้น ตามผลการวิเคราะห์ของนักจิตวิทยา โรคบุคลิกภาพผิดปกติชนิดรุนแรงของเซวียิ่แย่กว่าที่คิด พวกเราเกรงว่าการปล่อยเขาออกไปอาจเพิ่มความเสี่ยงอย่างมากก็เป็ได้ แน่นอนว่าเรามองเห็นเหตุผลส่วนใหญ่ผ่านตัวเขาได้ เพราะความรู้และประสบการณ์ของเขาลึกซึ้งเป็อย่างมาก ถ้าเราปล่อยเขาออกไปตอนนี้และเขาเกิดก่อคดีขึ้นมาอีก พวกเรากลัวว่าจะหาหลักฐานได้ยากกว่าเดิม”
คำพูดของเซี่ยตันทำให้จ้าวอี้อดไม่ได้ที่จะมองเธอถึงสองรอบ
จากการพูดคุยใน่ไม่กี่วันนี้ จ้าวอี้รู้สึกได้ว่าเซี่ยตันเป็คนที่ทะนงตนอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในความเป็มืออาชีพด้านการไขคดีของเธอ เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจ
แต่วันนี้ เธอกลับกังวลในเื่นี้ ซึ่งเกินกว่าที่จ้าวอี้คาดไว้
“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะครับ? ยึดคำพูดของนักจิตวิทยาเป็หลักเนี่ยนะ? ผมคิดว่าถ้าเขารู้เื่นี้เข้า เขาจะยิ่งไม่พอใจเอานะครับ ซึ่งมันจะทำให้แนวโน้มด้านบุคลิกของเขาแย่ลงไปอีกก็ได้”
จ้าวอี้กลับไม่เห็นด้วยที่ทำเช่นนี้
“ก็คงอย่างนั้น เขาเคยอ่านหนังสือด้านกฎหมายมาก่อน ฉันคิดว่าเขารู้ ว่าตัวเขาควรได้รับการลดโทษ แต่เขากลับไม่ต่อต้านเลยแม้แต่น้อย”
“ทำไมกัน?”
จ้าวอี้ไม่เข้าใจอย่างสิ้นเชิง
แม้จะก่อคดีอาชญากรรมทั่วไปก็ตาม เมื่อรู้ถึงสถานการณ์เช่นนี้ก็เกรงว่าจะต้องโหวกเหวกโวยวายเป็แน่ ไม่มีใครเต็มใจที่จะอยู่ที่นี่ ถึงปัจจัยจะดีอย่างไร แต่สิ่งที่เสียไปก็คืออิสรภาพ ไม่มีใคร้าเสียอิสรภาพของตนไปหรอก
“เพราะว่าปีนั้น พ่อค้ามนุษย์สองสามคนที่อยู่ในเรือนจำเดียวกับเขาเสียชีวิตกะทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุ ฉันมั่นใจว่าฆาตกรคือเขา แต่ไม่เจอหลักฐานเลยแม้แต่น้อย นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราไม่กล้าปล่อยเขาออกไป หลังจากตอนนั้น พวกเราก็ไม่กล้าแม้แต่ให้เขาติดต่อกับนักโทษคนอื่นมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงเสนอเงื่อนไขการสร้างห้องทดลองนี้เพื่อเป็การประนีประนอม”
ท่าทางของเซี่ยตันสับสนอย่างมาก ด้านหนึ่งเธอเป็ผู้พิทักษ์กฎหมาย อีกด้านคือพ่อค้ามนุษย์ และอีกด้านคือคนที่เคยถูกทำร้ายโดยพ่อค้ามนุษย์ ทำให้เธออยู่บนทางเลือกที่ไม่อาจตัดสินใจได้ง่ายๆ
จ้าวอี้มองไปที่เด็กหนุ่มที่อยู่ด้านหลังผ่านกระจก เขาเชื่อในคำตัดสินใจของเซี่ยตันที่ว่าการตายของพ่อค้ามนุษย์กับเด็กคนนี้ต้องมีอะไรที่เกี่ยวข้องกันแน่ ในสถานการณ์ที่เรือนจำมีหูมีตามากมายแต่ตำรวจกลับหาหลักฐานไม่เจอ นี่เพียงพอทำให้ผู้คนประหลาดใจแล้ว
ทันใดนั้น!
เซวียิ่โกรธมากจนกวาดหลอดทดลองบนโต๊ะลงมาหมด เสียงคำรามของเขาสามารถได้ยินทะลุผ่านกระจกหนา “เวรเอ๊ย! ล้มเหลวอีกแล้ว! ล้มเหลวอีกแล้ว! ทำไมเป็แบบนี้! ทำไม!”
เขาเหยียบหลอดทดลองที่แตกด้วยเท้าของเขาอย่างบ้าคลั่ง เป็ผลให้ผู้ช่วยกลัวจนตัวสั่นไม่กล้าขยับตัว
“ทำไงดี? ไม่ห้ามหน่อยเหรอ?”
เซี่ยตันวิตกในทันที และคิดจะเข้าไปในห้องทดลอง
ผู้คุมกลับสงบมาก “ไม่เป็ไรครับ แค่ดอกเตอร์เซวียิ่ไม่ทำร้ายร่างกายผู้ช่วยที่น่าสงสาร เขาก็จะเป็อิสระอยู่ในห้องทดลองนี้ อย่างไรก็ตามแต่ นี่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็ครั้งแรก ผมคาดว่าดอกเตอร์อาจจะทำโปรเจกต์ของเขาให้เสร็จภายในวันนี้”
“คุณบอกว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรกงั้นเหรอ? ตอนนี้เซวียิ่กำลังวิจัยเื่อะไรอยู่?”
เซี่ยตันสูดลมหายใจ ั้แ่ผู้คุมพูดว่า ‘ไม่เป็ไร’ เธอก็ควรเชื่อเขา
“การสร้างเซลล์ใหม่ งอกแขนขาใหม่ ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจเื่รายละเอียดเท่าไร”
คำพูดของผู้คุมทำให้จ้าวอี้กระจ่าง ในใจนึกถึงประสบการณ์ที่เด็กหนุ่มเคยพบเจอมา คาดว่านี่เป็การพยายามทำเพื่อเด็กๆ ที่ถูกทารุณกรรมเ่าั้
คราวนี้ผู้คุมคาดเดาผิด แทนที่เขาจะยอมแพ้ในการวิจัย เซวียิ่กลับสั่งให้ผู้ช่วยทั้งสองคนให้ทำความสะอาดห้องทดลอง และตัวเขาก็เริ่มทำการวิจัยต่อ
ท่าทางใจจดใจจ่อ หรือนี่จะเป็เหตุผลสำคัญที่สุดสำหรับอัจฉริยะเช่นเขา
“กลับกันเถอะ ดูเหมือนวันนี้เขาจะไม่ว่างแล้วล่ะ”
เซี่ยตันค่อนข้างผิดหวัง หันหลังจากไป
"เหตุผลที่คุณมาครั้งนี้คืออะไรเหรอครับ?"
มาอย่างรีบร้อนและกลับอย่างรีบร้อน จ้าวอี้อดไม่ได้ที่จะพิจารณา แต่กลับไม่มีผลลัพธ์อะไร
“ผอ.โจวอยากให้เซวียิ่เข้ามาอยู่ในแผนกของเราน่ะ”
คำพูดของเซี่ยตันเกินความคาดหมายของจ้าวอี้ไปมาก
“จะเป็ไปได้เหรอครับ?”
“ทำไมจะไม่ได้เล่า? ทุกคนไม่วางใจกับการปล่อยตัวเมื่อครบกำหนดลงโทษนี่นา งั้นทำไมไม่เอาบุคคลอันตรายมาอยู่ในสายตาเราเพื่อคอยจับตาดูล่ะ?”
ประโยคถามกลับของเซี่ยตันทำให้จ้าวอี้พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ ความจริงข้อนี้จะดูสมเหตุสมผลที่สุดแล้ว
“จ้าวอี้ นายกลับมาพอดีเลย พวกเราจะไปออกทริปด้วยกันน่ะ จองตั๋วเรียบร้อยแล้วด้วย”
เพิ่งกลับถึงแผนก เขาก็พบเหล่าโจวที่เตรียมตัวออกไปข้างนอก
“ฉุกเฉินเหรอครับ?”
“ใช่ ภารกิจฉุกเฉินที่ฮ่องกง เราเพิ่งได้รับรายงานวันนี้เอง เพราะงั้นเราต้องออกเดินทางทันที นายไปเตรียมตัวเถอะ เราจะบินกันตอนเที่ยง”
เสียงเครื่องบินดังก้องเหนือชั้นเมฆ บินไปทางหอไข่มุกตะวันออก
บนเครื่องบิน เหล่าโจวแนะนำสถานการณ์ของภารกิจครั้งนี้อย่างสั้นๆ
ตัวตนของอีกฝ่ายนั้นไม่ธรรมดา เขาเป็เศรษฐีเฒ่าคนหนึ่ง เคยให้ความช่วยเหลือประเทศจีนอย่างใหญ่หลวง ดังนั้น เมื่อเป็ความ้าอีกฝ่าย ประเทศจึงต้องสนองอย่างรวดเร็วเท่าที่จะทำได้
ภารกิจหลักในการออกเดินทางครั้งนี้ก็คือการดูฮวงจุ้ยและหาสุสานให้เศรษฐีที่ป่วยหนักท่านนี้
ตามหลักแล้ว เศรษฐีที่อยู่ในสภาวะแบบนี้มักเลือกสถานที่ฝังร่างของตนเองไว้ั้แ่แรก ทว่าอีกฝ่ายเสนอให้ทางจีนจัดหาผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยมาแทน มันเป็การยากที่จะปฏิเสธได้
และจ้าวอี้ ในฐานะผู้ติดตาม เขาเป็ผู้ช่วยชั่วคราวให้เหล่าโจว นี่คือภารกิจในครั้งนี้ของชายหนุ่ม
เมื่อเครื่องบินลงจอด ก็มีเ้าหน้าที่มารับส่งให้โดยเฉพาะ
อ่าวรีพัลส์เบย์เป็ที่รู้จักกันดีในฮ่องกง เป็สถานที่ซึ่งเศรษฐีที่กำลังป่วยหนักท่านนี้อาศัยอยู่
มีใครบางคนรออยู่ที่ประตูใหญ่ พอเห็นเหล่าโจวลงจากรถก็ทักทายขึ้นมาทันที
จ้าวอี้แบกกระเป๋าเดินทางของสองคนตามอยู่ข้างหลัง มีคนเข้ามาทักทายเขาเช่นเดียวกันและ้าช่วยถือกระเป๋าเดินทางแทนเขา แต่จ้าวอี้ยิ้มและปฏิเสธอย่างสุภาพไป
เพราะเหล่าโจวกำชับตนไว้เป็พิเศษว่า ต้องดูแลกระเป๋าให้ดี
จ้าวอี้ถูกพาไปที่ห้องรับแขก เพียงไม่นาน เหล่าโจวก็กลับมา
“เตรียมตัวกันเร็ว เราจะออกเดินทางไปดูฮวงจุ้ยของสุสานกัน”
เหล่าโจวพูดพลางเริ่มแต่งตัว
ครั้งนี้ รูปลักษณ์ภายนอกของเขาค่อนข้างสง่างาม
ชุดนักพรตสีแดงสดส่องประกายรัศมี ัคู่ถูกถักทอดูมีชีวิตชีวา ด้านหลังชุดคลุมมีลวดลายไท่จี๋โบราณ1 มือข้างหนึ่งปัดฝุ่น ส่วนมืออีกข้างถือเข็มทิศทองแดง ท่าทางดูจริงจัง
กล่าวได้ว่าการแต่งตัวตามปกติของเหล่าโจวนั้นค่อนข้างเรียบง่ายด้วยชุดนักพรตผ้าลินินสีฟ้า จ้าวอี้แทบไม่เคยเห็นเขาเปลี่ยนชุดเลย คาดว่าการเดินทางครั้งนี้น่าจะสำคัญอยู่ไม่น้อย
ใบหน้าของเหล่าโจวเปลี่ยนเป็สีแดง ทั้งยังแสดงอาการเขินอายเล็กน้อย “แค่กๆ มันช่วยไม่ได้นี่นาที่ต้องแต่งตัวแบบนี้ มีเพื่อนร่วมงานบางคนที่ฮ่องกงมีดูถูกพวกเราแผ่นดินใหญ่ พวกเขาคิดว่าวัฒนธรรมของพวกเรามีปัญหา แต่ในทางกลับกัน เป็พวกเขาที่ยังรักษาเอาไว้อย่างดี”
“โอ้! ที่เป็ความจริงเหรอครับ?”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก พวกเราลัทธิเต๋าให้ความสำคัญกับโลกที่สงบสุขและช่วยเหลือคนยามยาก ไม่กี่ปีก่อนลัทธิเต๋าถูกโจมตีจนเกิดความปั่นป่วน แต่ท้ายที่สุดแล้ว สำหรับลัทธิเต๋านั้นไม่ใช่เื่ใหญ่อะไรเลย”
เหล่าโจวพูดพร้อมกับหัวเราะร่า เตรียมออกเดินทาง
สุสานอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย ตระกูลหลี่ได้เตรียมรถไว้ให้แล้ว มีพ่อบ้านและชายวัยกลางคนสวมชุดยาวท่านหนึ่งร่วมเดินทางมาด้วย อีกฝ่ายมองมาที่ทั้งสองด้วยสายตาแปลกประหลาด
“นี่ครับคุณโจว เทือกเขาบริเวณนี้เป็ส่วนสุสานตระกูลหลี่ของเรา คุณช่วยดูทีครับว่าบริเวณไหนเหมาะสำหรับการฝังศพ”
เมื่อปีนไปถึงเนินเขา พ่อบ้านก็ชี้ไปทางูเาลูกใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความภูมิใจ
เหล่าโจวพยักหน้าและคำนวณด้วยเข็มทิศ เพียงไม่นานก็ได้ผลลัพธ์ “ภูมิประเทศตรงนี้ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว เปรียบเสมือนมีสองัแห่งโชคลาภกำลังเล่นไข่มุก ด้านนอกมีน้ำโอบล้อมเอื้อให้ัแหวกว่ายเล่น ถ้าฝังศพไว้บริเวณที่ดีขนาดนี้ รับรองเลยว่าตระกูลหลี่จะร่ำรวยไม่หยุดยั้งแน่!”
เหล่าโจวกล่าวอย่างละเอียด ทำให้ชายกลางคนชุดคลุมยาวพยักหน้า “คุณโจวเป็คนที่มีความสามารถจริงๆ สุสานแห่งนี้แรกเริ่มถูกเลือกโดยส่วนท้องถิ่น พูดได้ว่าเป็สุสานชั้นดีของฮ่องกงเลยทีเดียว”
ที่แท้ก็เป็เพื่อนร่วมอาชีพ
จ้าวอี้เงียบ เขาเข้าใจจุดประสงค์ของตระกูลหลี่แล้ว
ตระกูลหลี่มีใช้เงินไม่ขาด อภิปรัชญาฮวงจุ้ยไม่ใช่สิ่งที่จะอธิบายได้ พวกเขาเลือกผู้เชี่ยวชาญมาหลายคนเพื่อเลือกสถานที่สุดท้าย หลีกเลี่ยงการถูกหลอก ความคิดของคนรวยช่างรอบคอบจริงๆ
เพียงแต่ เป็ธรรมดาที่จะทำให้เพื่อนร่วมอาชีพเกิดความไม่พอใจ ไม่แปลกใจที่เขาไม่กล่าวอะไรจนกระทั่งเหล่าโจวยืนยันที่จะเลือกบริเวณนี้ เขาจึงแสดงท่าทีเห็นด้วยออกมา
แน่นอนว่าจะไม่มีการถกเถียงเกิดขึ้น คนมีความสามารถแท้จริงเช่นนี้ค่อนข้างเคารพฐานะของตน
“คุณโจว คุณหาตำแหน่งเฉพาะเจอตรงไหนครับ?”
ใบหน้าของพ่อบ้านมีรอยยิ้มดีใจปรากฏขึ้น ท่าทางดูไม่รีบร้อน
“ดีจริงๆ นี่เป็ไข่มุกที่ัสองตัวเล่นกัน เราไปข้างหน้ากันเถอะ”
คนกลุ่มหนึ่งเดินๆ หยุดๆ เพียงพริบตาก็มาถึงตำแหน่งไหล่เขา
“ใกล้ถึงแล้ว เอ๊ะ?”
เหล่าโจวยืนนิ่งและก้มหน้า มองพื้นราบที่เห็นได้ยากใต้เท้า ดินค่อนข้างอ่อนนุ่ม เมื่อมองอย่างละเอียดก็พบร่องรอยการพลิกหน้าดินอย่างชัดเจน
“ความคิดเราสองคนผู้ยิ่งใหญ่ช่างคล้ายกันจริงๆ! ฮ่าๆ!”
ชายชุดคลุมยาวหัวเราะลั่นในทันที เขาพูดกับพ่อบ้านหลี่ที่งุนงงอยู่เล็กน้อย “คุณพ่อบ้าน เป็ไงล่ะ ผมพูดไว้ั้แ่แรกแล้วว่าตรงนี้เหมาะสมที่จะฝังศพที่สุด คุณโจวคนนี้ก็ยืนยันว่าเป็ที่นี่เช่นกัน...”
“นี่เป็คำสั่งของนายท่าน ได้โปรดอย่าถือสา ค่าจ้างของคุณจะถูกโอนเข้าบัญชีอย่างช้าที่สุดคือพรุ่งนี้ครับ”
พ่อบ้านพูดอย่างไม่นอบน้อม ที่แท้ชายชุดคลุมยาวก็หมายความเช่นนี้
“ผมไม่กังวลว่าพวกคนรวยเช่นตระกูลหลี่จะติดหนี้หรอกครับ เพียงแต่กังวลว่า ถ้าคุณเชิญคนระดับต่ำมา และความเห็นของเราสองคนไม่ตรงกัน ไม่ใช่ว่ามันจะกระทบชื่อเสียงของผมงั้นเหรอ?”
-----------------------------------
1 ภาพทฤษฎีการอุบัติขึ้นของสรรพสิ่งตามความเชื่อของจีน