“คุณหนูเวินซี ดูสิขอรับว่านี่คือสิ่งใด?” จ่างกุ้ยถือกระดาษม้วนหนึ่งเข้ามาอย่างลับๆ ล่อๆ
“จ่างกุ้ยอย่าได้อ้อมค้อม มีอันใดก็พูดมาตรงๆ เถิด” โจวอวี่ชางยิ้ม
จ่างกุ้ยพยักหน้าแล้วเดินไปข้างโต๊ะอย่างตื่นเต้น พลันกางม้วนกระดาษลงบนนั้น
เวินซีขยับเข้าไปดูก็พบว่าเป็ประกาศแผ่นหนึ่งที่มีข้อความเขียนไว้
จ่างกุ้ยกระแอมเบาๆ ก่อนจะเริ่มอ่านเนื้อความที่อยู่ด้านใน
“ฮูหยินใหญ่เวินสั่งสังหารลูกหลานของตระกูลเวินอย่างโเี้ หลังจากที่พวกเขาหนีไปได้จึงสั่งฆ่ายกครัวเป็การปิดปาก”
“เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบร้ายแรง เพื่อขจัดปัญหารวมถึงความวุ่นวายในเมือง และเพื่อให้เป็ไปตามกฎหมาย ทางอำเภอจึงตัดสินโทษปะาในวันนี้ที่หน้าตลาด”
“ประชาชนทุกคนสามารถมาดูได้ หวังว่าเื่นี้จะทำให้ประชาชนในเมืองจดจำเื่นี้ อย่าได้กระทำความผิดเช่นนี้อีก”
ฮูหยินใหญ่เวินต้องโทษปะา? ตัดสินภายในวันนี้? เร็วขนาดนี้เชียวหรือ?
เวินซีตั้งใจอ่านประกาศ หลังจากที่มั่นใจว่าเนื้อความไม่ได้บิดเบือนความจริง นางก็อดรู้สึกะเืใจมิได้
ฮูหยินใหญ่เวินใช้ชีวิตด้วยความโอหังมาตลอด สุดท้ายจุดจบกลับต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ไม่รู้ว่าในใจของนางจะคิดเช่นไร
“คุณหนูเวินซี คุณชายโจว จะไปดูหรือไม่ขอรับ?” จ่างกุ้ยจัดการพับประกาศและวางลงบนโต๊ะ
“ร่างกายข้ายังอ่อนแอ ข้ามิไป” โจวอวี่ชางกลัวว่าตนเองจะใจอ่อนเมื่อได้เห็นฮูหยินใหญ่เวิน จึงปฏิเสธ
“ไปเถิด” เวินซีครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วตอบกลับ
ฮูหยินใหญ่เวินต้องโทษปะา เวินเยียนต้องอยู่ในเหตุการณ์แน่ นางจะคอยดูว่าเวินเยียนจะช่วยมารดาหรือไม่
“เมื่อถึงเวลาตัดสินแล้วข้าจะมาเรียกคุณหนูเวินซีนะขอรับ” เมื่อมีคนไปด้วย จ่างกุ้ยที่ลังเลอยู่ก็เลือกที่จะไป
ฮูหยินใหญ่เวินจะถูกปะาชีวิต มิต้องบอกเลยว่าในใจของเขาจะรู้สึกดีเพียงใด เมื่อก่อนนางรังแกเวินอี๋เหนียง ยามนี้จึงได้รับผลที่ทำไปแล้ว
กรรมใดใครก่อกรรมนั้นคืนสนอง
“ท่านพี่ ข้าไม่รบกวนท่านแล้ว ท่านพักผ่อนเถิดเ้าค่ะ”
จากนั้นเวินซีก็ลุกขึ้นเดินจากไป จ่างกุ้ยก็ตามออกไปด้วย จึงเหลือโจวอวี่ชางเพียงคนเดียวในห้อง เขาหลับตาลง ไม่นึกถึงเื่ที่รบกวนจิตใจอีก
ทุกอย่างเป็เพราะฮูหยินใหญ่เวินหาเื่ใส่ตัว จึงไม่ควรได้รับความเห็นใจ
เมื่อเทียบกับทางด้านของเวินซีที่กำลังสงบสุข ในยามนี้ประกาศนั้นทำให้ตระกูลเวินตกอยู่ในที่นั่งลำบาก
เวินเยียนเดินไปมาอย่างฉุนเฉียวในห้องโถง จังหวะที่สะบัดแขนเสื้อก็กวาดสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะตกลงพื้น
“โอ้ อารมณ์รุนแรงเสียจริง เมื่อครู่ข้ามิเห็นว่าเ้าจะปกป้องมารดาเ้าเลยนี่”
อี๋เหนียงสามจิบชาอย่างสง่างาม พลางถากถางและมองเวินเยียนด้วยความเหยียดหยาม
ฮูหยินใหญ่เวินต้องโทษปะา ต่อไปโอกาสที่นางจะได้ขึ้นเป็ใหญ่ก็มาถึงแล้ว
หลายปีมานี้นางต้องทนดูสีหน้าของฮูหยินใหญ่เวิน ในที่สุดตนเองก็สามารถเชิดหน้าชูตาได้เสียที
“หุบปาก” เวินเยียนไม่ได้สงวนท่าทีเหมือนก่อน พร้อมกับถลึงตาใส่อย่างเ็า
อี๋เหนียงสามแสยะยิ้ม นางไม่อยากจะทะเลาะด้วย จึงค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วยื่นมือที่ขาวผ่องออกไป “อวิ๋นเพ่ย เราไปกันเถิด ข้าจะไปตัดเย็บเสื้อผ้าสักสองตัว”
“เ้าค่ะ ฮูหยิน” อวิ๋นเพ่ยช่วยพยุงนาง จากนั้นทั้งสองก็ค่อยๆ เดินออกไป
เวินเยียนมองดูแผ่นหลังของพวกนาง ก่อนจะหันหน้าไปหยิบแจกันดอกไม้ราคาแพงใบหนึ่งแล้วขว้างไปที่ประตู
“เวินซี...” นางกัดฟันกรอดขณะที่เอ่ยออกมาสองคำ แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท
“สตรีงามโมโห จะทำให้หน้าตาอัปลักษณ์เอาได้”
ขณะนั้นหลานเยว่เฉิงเดินเข้ามาในห้อง เหลือบมองพื้นที่เละเทะครู่หนึ่งก็พูดออกมาอย่างเกียจคร้าน
เมื่อเห็นเขาเดินมา เวินเยียนก็เหมือนได้เห็นความหวัง นางคุกเข่าลงกับพื้น
“คุณชายซู ได้โปรดช่วยท่านแม่ด้วยเ้าค่ะ เื่นี้ข้าฟังคำสั่งจากท่าน ท่านจะเมินเฉยมิได้นะเ้าคะ”
“ฟังคำสั่งข้าหรือ? เื่ที่ฆ่ายกครัวมิใช่ความคิดของข้าเสียหน่อย” หลานเยว่เฉิงนั่งลงที่เก้าอี้เ้าบ้าน เผยรอยยิ้มที่ยากจะคาดเดา
“คุณชายซู...” เวินเยียนมีน้ำตาคลอเบ้าพร้อมด้วยท่าทางที่น่าสงสาร
“ใช่ว่าจะช่วยฮูหยินใหญ่เวินมิได้ เพียงแต่...” หลานเยว่เฉิงจงใจเว้น่
“เพียงแต่อันใดเ้าคะ?” ดวงตาของเวินเยียนเป็ประกาย นางรีบเอ่ยปากถาม
“เื่นี้วุ่นวายจนใหญ่โต เราจะต้องหาคำอธิบายกับประชาชนให้ได้ หากช่วยฮูหยินใหญ่เวินได้ เกรงว่าท่านเ้าอำเภอจะต้องตรวจสอบใหม่อีกครา แล้วคนจากคุกจะต้องมาร่วมด้วยแน่”
“คุกนักโทษมีความเกี่ยวข้องกับเมืองหลวงโดยตรง เื่นี้จึงมีโอกาสที่จะแพร่ไปถึงเมืองหลวง หากถึงตอนนั้นเ้าคิดหรือว่าจะสืบสาวมาไม่ถึงเ้า?”
“ชีวิตคนมากมายเช่นนั้น เ้าคิดว่าจะรอดไปได้หรือ? หืม? เห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างเรา หากเ้าจะช่วยนาง เราต้องเดินทางกันตอนนี้เลย”
หลานเยว่เฉิงจ้องมองเวินเยียนด้วยรอยยิ้ม
เวินเยียนลังเลครู่หนึ่ง ไม่นานนักก็ก้มศีรษะด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “คุณชายซู เช่นนั้นข้าไม่ลำบากท่านดีกว่าเ้าค่ะ”
จะให้เอาชีวิตของตนไปแลกกับฮูหยินใหญ่เวิน นางทำมิได้จริงๆ นางยังไม่เคยไปเมืองหลวง หรือเคยััถึงความหรูหราโอ่อ่ามาก่อน นางจะตายมิได้
ดังนั้น...จึงทำได้เพียงให้ฮูหยินใหญ่เวินทนลำบากต่อไป คนที่เป็มารดาคงไม่อยากปล่อยให้บุตรสาวตายหรอก
ผลลัพธ์เป็ไปตามที่คาดไว้ หลานเยว่เฉิงแสยะยิ้มที่มุมปาก
เขามองออกอย่างแม่นยำ สตรีนางนี้มิได้โเี้ธรรมดา
“คุณชายซู ข้าเหนื่อยแล้ว ข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะเ้าคะ”
เมื่อหลานเยว่เฉิงพยักหน้า เวินเยียนก็ลุกขึ้นจากพื้น พลันหันหลังเดินจากไป
“อย่าลืมดื่มยากันมีครรภ์ล่ะ”
ประโยคที่ออกมาอย่างกะทันหันทำให้เวินเยียนหยุดชะงัก กำมือที่อยู่ในแขนเสื้อแน่นขึ้น ไม่นานก็เอ่ยปากอย่างเศร้าสร้อย “เ้าค่ะ”
“จะไปส่งฮูหยินใหญ่เป็ครั้งสุดท้ายหรือไม่?”
“ไม่ล่ะเ้าค่ะ”
เวินเยียนเดินออกมา ในห้องโถงจึงเหลือเพียงหลานเยว่เฉิงผู้เดียว เขาลุกขึ้นยืนอย่างเ็าและเดินออกไป
......
เมืองแห่งนี้ไม่มีโทษปะามานับสิบปีแล้ว เมื่อมีประกาศจากทางการออกมา ทั่วทั้งตลาดก็เต็มไปด้วยผู้คนั้แ่ตอนที่ยังไม่ถึงเวลาตัดสินโทษ พ่อค้าแม่ค้าต่างหอบของไปขายรอบๆ ทำให้บรรยากาศคึกคักเป็อย่างยิ่ง
“มองฮูหยินใหญ่เวินไม่ออกจริงๆ”
“นั่นน่ะสิ เมื่อก่อนนางชอบเข้าวัดเข้าวา ข้าก็คิดว่านางเป็คนมีเมตตาเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าจะโเี้อำมหิตถึงเพียงนี้ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ”
“ตระกูลเวินถึงคราวล่มจมแล้ว ไม่รู้ว่าเป็เวรกรรมตามสนองหรือไม่ ปีนี้มีแต่เื่เกิดขึ้นติดต่อกัน”
“ข้าได้ยินมาว่าถูกเวินอี๋เหนียงใส่ร้ายจนตาย ิญญาของนางไม่ยอมจากไป ยังคอยเวลาแก้แค้นน่ะ”
“จริงหรือ? เ้าไปได้ยินจากที่ใดมา”
“ข้าจะโกหกพวกเ้าได้อย่างไร เมื่อก่อนสามีข้าเคยรับใช้ตระกูลเวิน เขาบอกว่าคนของตระกูลเวินไม่มองแม่ลูกเวินอี๋เหนียงเป็คนเลยล่ะ...”
“ชั่วร้ายจริงๆ”
......
ท่ามกลางฝูงชน เมื่อได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่ เวินซีก็แสยะยิ้มที่มุมปาก
คิดไม่ถึงเลยว่าเื่นี้จะทำให้คนหยิบเอาชื่อของเวินอี๋เหนียงมาพูดถึงด้วย
“คุณหนูเวินซี...” จ่างกุ้ยเห็นลานปะาที่สร้างเสร็จแล้ว ก็เดินเบียดเข้าไปอย่างตื่นเต้น
เวินซีเดินตามหลังมา แล้วเข้าไปอยู่ในแถวแรก
หลังจากที่รออยู่นาน ในที่สุดฮูหยินใหญ่เวินก็ถูกพาตัวออกมา
นางดูไม่มีสง่าราศีเหมือนเมื่อก่อน หน้าตามีแต่ความหมดอาลัยตายอยาก แววตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
เสื้อผ้าราคาแพงของนางถูกโบยจนขาดวิ่น ร่างกายเต็มไปด้วยกลิ่นเน่าเหม็นของพืชผักและไข่ไก่เพราะเพิ่งถูกพาตัวให้เดินวนรอบเมือง
“เร็วเข้า” ขณะนั้นผู้คุมสองคนก็ส่งเสียงเร่งเร้า
ฮูหยินใหญ่เวินมองดูผู้คนที่กำลังหัวเราะเยาะและส่งเสียงดังกระหึ่ม นางเดินเซลงบนพื้น มองดูฝูงชนที่อยู่โดยรอบ จนกระทั่งสายตาไปหยุดอยู่ที่ใบมีดขนาดใหญ่ที่เพชฌฆาตถืออยู่
ดาบใหญ่สีเงินถูกลับคมจนเงาวับ เปล่งประกายและแยงตาด้วยแสงแดดที่สะท้อนมา
ฮูหยินใหญ่เวินถูกผู้คุมพยุงตัวขึ้นมาแล้ว แต่ก็ล้มลงกับพื้นอีกคราด้วยความกลัว
นางจะตายแล้วจริงๆ หรือ?
ความหวาดกลัวเข้าครอบงำจิตใจ ราวกับว่าตนเองเพิ่งจะตอบสนองขึ้นมา นางจึงร้องะโอย่างสุดเสียง