หลงหว่านเอ๋อร์กลับงานแสดงสินค้าด้วยความรู้สึกละอายและโกรธไปตลอดทาง ในฐานะผู้นำรุ่นเยาว์ของตระกูลหลง เธอไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน โดนชายสวมหน้ากากปั่นหัวเล่นขนาดนี้ มันน่าโมโหมาก! หลงหว่านเอ๋อร์เชื่อการตรวจสอบของตัวเองว่าเย่เฟิงเป็เพียงคนธรรดา เื่นี้ไม่ผิดแน่ ถึงตอนนี้ หญิงสาวมีเหตุผลหนักแน่นที่จะเชื่อว่าชายสวมหน้ากากกับเย่เฟิงเป็คนละคนกัน เพราะยุทธจักร ไม่มีทักษะใดสามารถปกปิดพลังตัวเองได้
“ไอ้แก่นั่นคงไม่กล้าให้หลานฝึกวรยุทธ์หรอก” หลงหว่านเอ๋อร์คิดในใจ “ดูเหมือนครั้งที่แล้ว เราแค่พบกันโดยบังเอิญ… หึ ชายสวมหน้ากาก อย่าให้ฉันรู้ว่าแกเป็ใครนะ ไม่งั้นแกตายแน่”
สุดท้ายหญิงสาวจึงกลับมางานจัดแสดงสินค้า เมื่อก้าวเข้าไปด้านในก็เห็นชายหนุ่มรูปงามรีบวิ่งเข้ามาทักทายเธออย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเขาเห็นหลงหว่านเอ๋อร์อยู่ในสภาพกระเซอะกระเซิง ใบหน้าก็ปรากฏความแปลกใจ
“หว่านเอ๋อร์ ตามเ้านั่นทันไหม?” ชายหนุ่มรีบถาม
“หลงเสียน เมื่อไรจะหัดใช้สมองคิดเองบ้างนะ?” หลงหว่านเอ๋อร์ตอบ “นายเห็นฉันสภาพนี้ คิดว่าตามทันไหมล่ะ”
“เอ่อ คงไม่” หลงเสียนเกาหัวด้วยท่าทางเงอะงะแล้วพูดว่า “ผมรู้ชื่อของชายสวมหน้ากากนะ เขาชื่อโม่จิ่วเกอ เป็แขกที่ได้รับเชิญจากตาเฒ่าหวง”
“โม่จิ่วเกอ?” หลงหว่านเอ๋อร์ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อแปลกประหลาด ยุทธจักรมีมือกระบี่คนนี้โผล่มาเมื่อไรกัน
“ตาเฒ่าหวงบอกว่าโม่จิ่วเกอเคยเป็เพื่อนกับเขาเมื่อนานมาแล้ว แต่ชายคนนั้นเป็พวกสันโดษและไม่ติดต่อใครมานาน ดังนั้นชื่อเสียงของเขาจึงไม่ค่อยเป็ที่รู้จัก” หลงเสียนรีบอธิบาย
“เเล้วตาเฒ่าหวงล่ะ?” หลงหว่านเอ๋อร์ถาม
“เขาเพิ่งกลับไปไม่นานนี้เอง” หลงเสียนพูดอย่างช่วยไม่ได้ ด้วยระดับวรยุทธ์ของชายชรา ย่อมไม่มีใครในนี้หยุดเขาได้
“อืม เข้าใจแล้ว” หลงหว่านเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อย “นายจัดการศพนั่นหรือยัง?”
ชายหนุ่มยิ้มแล้วตอบว่า “เรียบร้อย เื่แบบนี้หลงเสียนถนัด”
“หึ” หลงหว่านเอ๋อร์ถอนหายใจอีกครั้ง ดูเหมือนไม่มีอะไรที่เธอต้องจัดการแล้ว จึงเดินจากไป
เธอโมโหกับเื่วันนี้มาก แถมเธอยังไปเตะเย่เฟิง ปู่ของเขาอาจมาหาอีก ต้องคิดวิธีรับมือเสียเเล้ว น่ารำคาญจริง เธอนึกได้ว่าเย่เฟิงรับโทรศัพท์ในงาน โม่จิ่วเกอกับเขาไม่ใช่คนเดียวกันแต่ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันแน่ หญ้าจินเย่สามต้นนั้นอีก มีความเป็ไปได้ที่เย่เฟิงเอาไปให้โม่จิ่วเกอ
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอได้ยินคำว่าโรงพยาบาลรัฐก็คงตามไปไม่ถูก ใครจะคิดว่าไปถึงก็เตะเย่เฟิงแถมไม่เจอโม่จิ่วเกออีก สุดท้ายก็หาเื่ใส่ตัว ตอนนี้หญิงสาว้าหาที่อาบน้ำดีๆ และใส่เสื้อผ้าตัวที่เธอชอบ เพียงนึกถึงชายสวมหน้ากาก เธอก็อยากจะอาละวาด
“โม่จิ่วเกอใช่ไหม ไว้เจอกันอีกเมื่อไหร่ แกตายแน่!” เธอคิดอย่างเ็า
….........
เวลาเที่ยงคืน ในที่สุดเย่เฟิงก็สามารถฟื้นฟูเส้นลมปราณที่เสียหายและกลับมามีพลังเต็มที่เหมือนเดิม เขาถอนหายใจแ่เบาพร้อมลืมตา รอบนี้ชายหนุ่มกินยาไปมาก แม้ยาสำหรับฟื้นฟูพลังชี่และเส้นลมปราณจะไม่สมบูรณ์หรือหยาบกระด้าง แต่ราคาสมุนไพรที่นำมาทำยาก็ไม่ใช่น้อยๆ
ชายหน้าบากใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนค้นหาสมุนไพรจำนวนมาก และใช้เงินมากกว่าสองล้านซื้อพวกมัน เย่เฟิงกลับใช้ยาผสมเหล่านี้เกือบหมดภายในคืนเดียว เมื่อเทียบกับราคาของสมุนไพรแล้ว ราคาของยาผสมนั้นสูงกว่ามาก ถ้าสามารถมองหาช่องทางขายยาได้ รับประกันว่ายาผสมเหล่านี้จะขายได้ในราคาหลายล้านเลยทีเดียว หากขาดเงินเมื่อไร ก็หาทางขายยาเหล่านี้ให้แก่คนในยุทธจักร เขาไม่ต้องรอให้ระดับพลังของตัวเองสูงมาก ขอแค่ปกป้องตัวเองได้ก็พอ
ดูเหมือนโลกใบนี้จะคล้ายกับโลกเทวะอยู่บ้าง ปกติผู้าุโของสำนักจะเดินทางไปข้างนอกน้อยมาก หากคุณไม่ก่อปัญหาไปทั่ว แค่มีพลังสิบปีก็ป้องกันตัวได้แล้ว
จากงานแสดงสินค้าวันนี้เขาสามารถคาดเดาสถานการณ์ต่างๆ ในยุทธจักรได้มากมาย สำหรับโลกเทวะ หากใคร้าเพิ่มระดับพลังอย่างรวดเร็ว เพียงดูดซับสมุนไพรล้ำค่าบางชนิดไม่เพียงพอ วิธีที่รวดเร็วที่สุดคือมีถ้ำที่เต็มไปด้วยพลังชี่ ผู้ฝึกวิถีเซียนที่ฝึกฝนในนั้นจะเพิ่มระดับพลังได้อย่างรวดเร็ว ูเาของนิกายใหญ่บางนิกายอาจสามารถเพิ่มได้มากกว่าเท่าตัว เพราะอย่างนั้นผู้าุโจะอยู่ในถ้ำตลอดทั้งปี น้อยครั้งที่พวกเขาจะออกมา และในยุทธจักรของโลกนี้ก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นตาเฒ่าหวงอาจมาจากเขาเทียนจู้ เขาเทียนจู้ไม่ใช่หนึ่งในเจ็ดสิบสองอุทยานของจีนหรือ
เย่เฟิงลืมตาพลางขยับตัวเล็กน้อยและปลุกซูเมิ่งหานที่อยู่ข้างๆ “โธ่เอ๊ย... ทำไมถึงมานอนที่โซฟาแบบนี้ล่ะ”
“นายตื่นแล้วเหรอ? เป็ยังไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นไหม?” ซูเมิ่งหานถามด้วยความกังวลขณะขยี้ตา
“อืม ไม่เป็ไรแล้วล่ะ” เมื่อเห็นเธอกังวล เย่เฟิงก็เสียใจเล็กน้อยและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“จริงนะ?” ซูเมิ่งหานเงยหน้าขึ้น อาการง่วงนอนหายเป็ปลิดทิ้ง เธอเริ่มบีบนวดทั่วตัวของเย่เฟิงเพื่อตรวจสอบอาการาเ็ และพบว่าเขาไม่เ็ปตรงไหนอีก จึงโล่งใจที่อาการของเขาดีขึ้น
เย่เฟิงมองการกระทำของเธอแล้วพูดอย่างนึกสนุก “นี่เหมือนว่าเธอกำลังลวนลามฉันอยู่เลยนะ…”
“นาย… นายพูดบ้าอะไรเนี่ย?” ซูเมิ่งหานหน้าแดง เธอรีบถอนมือกลับ แต่ความรู้สึกบางอย่างพลันผุดขึ้นในใจทำให้สีหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง เด็กสาวถามตามตรง “นายจะไม่อธิบายหน่อยเหรอ สาวสวยคนเมื่อกี้คือใคร?”
“เธออย่าถามเลย เื่บางเื่ไม่รู้จะดีกว่า” เย่เฟิงส่ายหัวก่อนตอบ
เขาหวังดีกับซูเมิ่งหาน เพราะเธอเป็เด็กสาวธรรมดาในเมืองปัจจุบัน มันคงไม่ดีถ้าจะลากเธอเข้ามาพัวพันกับยุทธจักร น่าเสียดดายที่ซูเมิ่งหานไม่คิดอย่างนั้น เธอคิดว่าพวกเขาต้องมีอะไรกันแน่
“จริงเหรอ?” ซูเมิ่งหานผิดหวังเล็กน้อย เธอลุกขึ้นพูดว่า “ช่างมันเถอะ ฉันจะนอนต่อแล้ว นายไปห้องของนายไป”
ไม่ต้องสงสัย ซูเมิ่งหานกำลังไล่เย่เฟิงออกจากห้อง
“เมื่อกี้อุตส่าห์เป็ห่วง สุดท้ายก็ไร้ความหมาย” เดิมเธอคิดว่าถ้าเย่เฟิงอธิบายอย่างมีเหตุผล ตนจะยอมรับเขา แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเธอไม่สามารถยอมรับเย่เฟิงไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่นได้ ผู้หญิงไม่ควรอยู่กับผู้ชายตามลำพัง เธอจะไม่นอนห้องเดียวกับเขา
“โอเค พรุ่งนี้รีบตื่นล่ะ เราควรกลับเมืองเยี่ยนจิงกันได้แล้ว” เย่เฟิงผิดหวัง คิดว่าอีกฝ่ายเกลียดตน จึงลุกขึ้นเดินออกไป
“อืม” ซูเมิ่งหานพยักหน้ามองเย่เฟิงออกจากห้อง เธออึดอัดที่มีความรู้สึกซับซ้อนมากมายในใจ
เธออุตส่าห์ยอมรับความรู้สึกที่มีต่อเย่เฟิงได้แล้ว แต่ตอนนี้ความรักครั้งแรกของดาวโรงเรียนผู้ใสซื่อจะต้องจบลงั้แ่ยังไม่ได้เริ่มแบบนี้หรือ?
เย่เฟิงไม่รับรู้ความคิดของดาวโรงเรียนคนนี้เลย ไม่เช่นนั้นคงอธิบายทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ การทำให้สาวสวยเสียใจจะถูกฟ้าลงโทษ นอกจากนี้เย่เฟิงยังชอบผู้หญิงใจดีคนนี้อีกด้วย ในโลกเทวะเย่เฟิงแทบไม่เคยพบปะเด็กสาวคนไหนเลย เพราะฉะนั้นเวลานี้จึงไม่รับรู้ความในใจของซูเมิ่งหาน ทั้งยังคิดว่าเธอเกลียดเขาด้วยซ้ำ
เขาออกจากห้องไปแผนกต้อนรับเพื่อเปิดห้องเพิ่ม เมื่อเขามองขึ้นไปก็เห็นประตูห้องตรงข้ามเปิดอยู่ ไฟส่องสว่างจากด้านใน ชายสูงอายุคนหนึ่งกำลังหลับตานั่งอยู่บนโซฟา
“ตาเฒ่าหวง!? ไม่ดีแล้ว เขามาที่นี่…” เย่เฟิงตื่นตระหนก คิดในใจว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้