“นายไปตายเสียเถอะ!”
หลังจากนั้นภายในห้องครัวก็เกิดความสับสนอลหม่านขึ้นชั่วขณะ มีเสียงถ้วยชามรามไหลอยกระแทกเสียงดัง เพียงไม่นานนักก็มีเสียงร้องโอดโอยของหลินเยว่ดังขึ้น
ระหว่าง่รับประทานอาหารค่ำ หลินเยว่ทำท่านวดบ่าของตัวเอง เขามองฉินเหยาเหยาด้วยสีหน้าเ็ปพร้อมโอดครวญ “เธอลงมือหนักเกินไปหรือเปล่า? ตอนนี้มือขวาของผมยังยกไม่ขึ้นเลยนะ”
ฉินเหยาเหยานั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับหลินเยว่ ใบหน้าเธอยังคงตึงเครียดเหมือนเดิม แต่เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเยว่ เธอจึงกลอกตาใส่หลินเยว่แรงๆ หลังจากนั้นจึงพูดข่มขู่ “นายหาเื่เองนะ ฉันขอมอบคำสามพยางค์นี้ให้กับนาย สมน้ำหน้า!” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฉินเหยาเหยากลับยิ้มออกมา แต่ใบหน้ายิ้มของเธอเป็รอยยิ้มที่ดูเ้าเล่ห์แต่แฝงไปด้วยความหยิ่งผยอง เธอหยิบตะเกียบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “พอดีเลย อาหารพวกนี้ก็จะกลายเป็ของฉันคนเดียว ฮ่าๆ”
ขณะที่พูด เธอก็เริ่มคีบเนื้อปลาขึ้นมาหนึ่งชิ้นใส่ลงในปาก เธอเคี้ยวไปด้วยแล้วก็ส่งเสียงเหมือนคนกำลังมีความสุข
“อื้อ......อื้อ.......”
เมื่อน้ำเสียงที่กำลังมีความสุขของฉินเหยาเหยาลอยเข้าหูของหลินเยว่กลับมีความหมายเปลี่ยนไปในทางอื่น
ทำไมเสียงของเธอจึงเหมือนเสียงที่นางเอกในหนังสำหรับผู้ใหญ่ส่งเสียงออกมาตอนที่กำลังถูกผู้ชายรังแกเลยล่ะ
เขาคิดอะไรอยู่เนี่ย?
หลินเยว่สบประมาทตัวเองอยู่เงียบๆ เขาแอบบอกกับตัวเองอยู่ในใจว่าจินตนาการของเขาช่างล้ำเลิศจริงๆ
เมื่อเห็นฉินเหยาเหยากินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย หลินเยว่พลันรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ ข้างใน นี่เป็อาหารที่เขาทำเองกับมือเลยนะ เขาตั้งใจทำให้ตัวเองกินหรอกนะ!
เขาต้องคิดหาวิธีให้ได้สิ เพราะดูจากท่าทางการกินของเธอแล้ว หากปล่อยให้เธอกินแบบนี้ต่อไป ของอร่อยทั้งหมดคงถูกเธอกินจนหมดไม่มีเหลือ!
เมื่อคิดถึงจุดนี้ หลินเยว่จึงรีบยืดตัวขึ้นมานั่งตรงๆ เขาพูดด้วยสีหน้า “ประหลาดใจ” มาก “ทำไมมือของผมถึงหายเจ็บแล้วล่ะ ดูแล้วความสามารถในการฟื้นฟูของพี่ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ”
ระหว่างที่พูด เขาก็หยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วคีบกระดูกหมูชิ้นหนึ่งวางไว้ในชามของตัวเองอย่างรวดเร็ว
ฉินเหยาเหยามองหลินเยว่ด้วยสายตาดูถูก แต่เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เพราะเธอเอาแต่ทานอาหารของตัวเองต่อไป
และแล้วาระหว่างพวกเขาก็ถูกย้ายเข้ามาอยู่บนโต๊ะอาหาร พวกเขาแข่งกันอย่างดุเดือด ของอร่อยทั้งหลายต่างถูกพวกเขาคีบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ความเร็วในการคีบของฉินเหยาเหยาสู้หลินเยว่ไม่ได้เลย สถานการณ์ทางฝั่งของหลินเยว่จึงค่อยๆ กลับมาเหนือกว่าฉินเหยาเหยา ฉินเหยาเหยาพลันลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นเธอจึงวิ่งเข้าไปในห้องครัว
หลินเยว่ยิ้มอย่างภาคภูมิใจพร้อมมองไปที่เื้ัของฉินเหยาเหยา “คิดจะแข่งแย่งกันกินกับผม ไม่เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่าแย่งอาหารจากปากเสือรึ? พี่เกิดปีขาลนะ!”
เพียงไม่นาน ฉินเหยาเหยาก็เดินออกมาจากทางห้องครัว และในมือของเธอก็ถือจานใบใหญ่ใบหนึ่งออกมาด้วย
หลินเยว่เห็นจานที่อยู่ในมือของฉินเหยาเหยา เขาจำได้ว่าจานใบนั้นเป็จานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในห้องครัวแล้ว เวลานี้ ในใจของหลินเยว่มีลางสังหรณ์ว่าจะต้องเกิดเื่อะไรขึ้นแน่ๆ
และเป็ไปตามที่คาดไว้ ฉินเหยาเหยาไม่รอให้หลินเยว่รู้ตัว เธอใช้ความเร็วสูงสุดเป็ประวัติการณ์ เอากับข้าวที่อร่อยใส่ลงในจานทั้งหมด หลังจากนั้นจึงอุ้มชามข้าวและจานใบนั้นวิ่งเข้าห้องส่วนตัวอย่างรวดเร็วราวกับสายลม ก่อนที่เธอจะปิดประตู เธอยังคลี่ยิ้มให้หลินเยว่ด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์เป็ที่สุด
เมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น หลินเยว่จึงเพิ่งได้สติกลับมา เขามองดูกับข้าวที่เหลืออยู่บนโต๊ะอาหาร แล้วก็ต้องฝืนยิ้มให้กับตัวเอง โชคดีที่ฉินเหยาเหยาไม่ได้ใจร้ายจนเกินไป เพราะเธอยังคงเหลือกับข้าวบางอย่างให้เขา มิฉะนั้นแล้ว เขาคงต้องกินข้าวเปล่าแล้วล่ะ!
**********************
ขณะที่หลินเยว่กำลังกินกับข้าวที่เหลืออยู่นั้น ในคฤหาสน์อันหรูหราที่อยู่ภายใต้ท้องฟ้าเดียวกัน ท่านเฮ่อฉางเหอมองหลานสาวสุดที่รักของตัวเองด้วยสีหน้าขอรับความดีความชอบ เขาพูดขึ้น “เยว่เยว่ วันนี้ปู่จัดการเื่ที่หลานบอกให้ปู่ทำเรียบร้อยแล้ว เ้าหนุ่มหลินเยว่คนนั้นถูกปู่ไล่กลับบ้านไปอยู่เป็เพื่อนแฟนของเขา ไม่แน่หรอกนะตอนนี้เขาอาจจะกำลังกินข้าวท่ามกลางบรรยากาศอันแสนอบอุ่นก็ได้ ปู่ช่วยหลานทำเื่ได้สำเร็จอย่างนี้ หลานจะให้รางวัลกับปู่อย่างไรล่ะ?”
เมื่อเฮ่อหลันเยว่ได้ยินคำพูดของท่านเฮ่อฉางเหอ เธอจึงกลอกตาไปมา หลังจากนั้นใบหน้างามของเธอจึงปรากฏรอยยิ้มราวกับเทพธิดา พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนหวาน “คุณปู่เก่งจังเลย!”
“แค่นี้เองหรือ?” ท่านเฮ่อฉางเหอรออยู่ตั้งนาน เขาคาดไม่ถึงว่าสิ่งที่เขาได้รับคือประโยคสั้นๆ เพียงประโยคเดียว
“ใช่ค่ะ คุณปู่ช่วยเยว่เยว่ทำเื่ดีๆ หนึ่งเื่ เยว่เยว่ก็เลยชมคุณปู่หนึ่งประโยคไงคะ” เฮ่อหลันเยว่พูดอย่างมีเหตุผลและดูเป็ธรรมชาติมาก
ท่านเฮ่อฉางเหอฝืนยิ้มออกมาและถามขึ้น “แบบนี้ก็ถือว่าเป็รางวัลได้ด้วยหรือ?”
ดวงตากลมโตของเฮ่อหลันเยว่เบิกกว้างขึ้น เธอใช้สายตาอันแสนบริสุทธิ์ของเธอมองท่านเฮ่อฉางเหอ เธอถามขึ้นมาอย่างใสซื่อและแฝงไปด้วยความสงสัย “คุณปู่ช่วยหลานสาวของตัวเองจำเป็ต้องมีรางวัลด้วยหรือคะ?”
เมื่อท่านเฮ่อฉางเหอได้ยินเช่นนี้ก็ชะงักไปชั่วครู่ หลังจากนั้นจึงกระแอมไอออกมาด้วยท่าทีที่ดูไม่ค่อยเป็ธรรมชาตินัก เพราะสายตาอันแสนบริสุทธิ์ของหลานสาวของตัวเองกำลังจับตามองเขาอยู่ เขาจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าต่อไปเขาจะไม่พูดถึงเื่ของรางวัลอีก
ตอนนี้เวลาช่วยอะไรก็คงต้องทำฟรีๆ แล้วล่ะ! หลินเยว่เ้าหนุ่มคนนี้ยังดีกว่า อายุยังน้อยและไม่มีเื่ทุกข์ร้อน อีกทั้งยังมีความสามารถ แต่ทว่า ฮ่าๆ ...... เ้าหนุ่มคนนี้กำลังถูกเยว่เยว่จับตามอง ต่อไปเขาต้องลำบากแน่ๆ ฮ่าๆ......
หลินเยว่ผู้ที่กำลังกินอาหารที่เหลืออยู่ยังไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังถูกใครบางคนหัวเราะอย่างสนุกสนานกับความโชคร้ายของเขา
หลังจากคุยกับคุณปู่ของตัวเองอยู่ชั่วครู่แล้ว เฮ่อหลันเยว่จึงกลับเข้าห้องส่วนตัวที่ถูกตกแต่งราวกับอาณาจักรแห่งการ์ตูนของเธอ เธอเดินไปยังโต๊ะสีชมพูตัวเล็กแล้วหยิบสมุดบันทึกเล่มสวยที่หน้าปกเขียนไว้ว่า “นักสืบสาวเยว่เยว่” ออกมา หลังจากนั้นเธอจึงโผตัวลงนอนบนเตียง หยิบปากกาออกมาหนึ่งด้ามแล้วก็เปิดสมุดบันทึกขึ้นมาและเริ่มเขียนขึ้น
“วันนี้ เยว่เยว่แสนฉลาดใช้สติปัญญาอันดีเลิศของตัวเองวางแผนให้พี่หลินเยว่และพี่สาวสุดสวยได้มีโอกาสอยู่ด้วยกัน ผลงานนี้ส่วนหนึ่งเกิดมาจากคุณปู่ แต่ส่วนใหญ่ก็เป็ผลงานที่เกิดจากเยว่เยว่แสนฉลาดเอง คุณปู่ผู้น่าสงสารคิดอยากจะให้เยว่เยว่ที่แสนน่ารักมอบรางวัลให้เขา แต่ทว่าเยว่เยว่ที่แสนน่ารักหรือเยว่เยว่ที่แสนฉลาดคนนี้ก็สามารถเอาชนะคุณปู่ได้ เยว่เยว่แสนฉลาดเก่งเหนือใครๆ ไม่มีใครสามารถสร้างความลำบากให้กับเยว่เยว่ที่แสนฉลาดและแสนน่ารักคนนี้ได้เลย วันนี้เป็เพียงชัยชนะจุดเล็กๆ เท่านั้น เยว่เยว่แสนฉลาดจะติดตามเื่ราวนี้ต่อไป เื่ราวของเ้าหญิงและเ้าชายภายใต้การจัดการของเยว่เยว่แสนฉลาดย่อมต้องมีจุดจบที่สวยงามอย่างแน่นอน เยว่เยว่แสนฉลาดช่างเป็คนดีเหลือเกิน ฮือๆ~~ ไม่มีใครรู้เลยว่าเยว่เยว่แสนฉลาดเป็คนจิตใจดี แต่ต้องมีสักวันที่ทุกคนจะรู้ความจริง อืม... เยว่เยว่ผู้แสนดีย่อมไม่สนใจชื่อเสียงแบบนี้หรอกนะ ต่อไปทุกคนก็แค่ให้ช็อกโกแลตที่เยว่เยว่สาวน้อยแสนดีชอบกินก็พอแล้ว อยากกินช็อกโกแลตจัง! ฮือๆ~~ พี่ชายตัวแสบกับคุณปู่ตัวร้ายไม่ยอมให้เยว่เยว่กิน ฮือๆ~~”
******************
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว หลินเยว่ก็จัดการเก็บทำความสะอาดอาหารที่เหลือบนโต๊ะ ในใจของเขารู้สึกว่าทำไมโลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเลย กับข้าวที่เขาทำเองกับมือแต่กลับต้องยกให้คนอื่นกิน ถึงคนอื่นจะเอาไปกิน เขาก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่ยังไม่ขอบคุณเขาสักคำ แล้วยังทำเหมือนกับว่าเขาเป็คนชั่วร้ายอย่างนั้นอีก
“เฮ่ย จานชามรวมทั้งตะเกียบของเธอจะให้ผมช่วยล้างหรือเปล่า? เอ่อ......”
หลินเยว่เปิดประตูห้องของฉินเหยาเหยาแล้วเดินเข้าไปด้านในโดยตรง แต่ทว่าภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าทำให้เขาต้องมองอย่างตกตะลึง จมูกของเขาพลันมีเืไหลออกมาทันทีซึ่งเขาไม่สามารถควบคุมได้เลย
ฉินเหยาเหยาอยู่ในสภาพแทบจะเปลือยกาย ทั้งตัวเธอเหลือเพียงบราเซียลายลูกไม้สีขาวและกางเกงในสีดำตัวน้อยเท่านั้น เธอนอนพาดอยู่บนเตียงและกำลังกินข้าวที่เธอยกเข้ามา
พวกเขาทั้งสองต่างอึ้งกันไปชั่วครู่
หลินเยว่รู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังเต้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ราวกับว่ามันจะทะลุออกมาจากหน้าอกของเขาเลย
เืที่ไหลออกมาจากทางจมูกก็ไหลถึงปากอย่างรวดเร็ว รสเค็มของเืทำให้เขาสั่นระริกไปทั้งตัว ถึงแม้ว่าภาพเบื้องหน้าจะสวยงามขนาดไหน แต่นี่เป็ภาพของแม่เสือสาวเลยนะ ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ เขาต้องใจเย็นๆ!!! ต้องถือโอกาสตอนที่เธอยังงงอยู่รีบหาวิธีออกไปจากสถานที่แห่งนี้โดยเร็ว
หลินเยว่เห็นอย่างชัดเจนว่าสายตาของฉินเหยาเหยาที่กำลังตกตะลึงไร้สติ ค่อยๆ เริ่มมีการจับภาพมากขึ้น ในใจของหลินเยว่กระตุกขึ้นทันที เขาเช็ดเืของตัวเองบนใบหน้า หลังจากนั้นจึงพูดชมขึ้น “อืม... รูปร่างดีทีเดียว”
เมื่อพูดจบ เขาก็ปิดประตูด้วยท่าทีปกติธรรมดา
จังหวะที่ประตูปิดสนิทนั้น หลินเยว่ก็ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก
“โอ๊ย อันตรายมาก อันตรายจริงๆ!”