และจังหวะนี้เอง พลันมีเสียงดังสนั่นจนแทบทำให้หูหนวกดังขึ้นจากภายในห้องที่อยู่ทางด้านหลังของหลินเยว่
“กรี๊ด......”
หลินเยว่ที่เพิ่งรู้สึกโล่งใจจึงกลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง เขารีบพุ่งตัวเข้าไปในห้องน้ำด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้และเช็ดเืบนใบหน้าพร้อมกับห้ามเืไม่ให้ไหลออกมา หลังจากนั้นก็พุ่งตัวกลับเข้าห้องส่วนตัวของเขาราวกับคนเสียสติและปิดประตูลงอย่างแรง การกระทำทั้งหมดนี้เขาทำเสร็จภายในชั่วอึดใจเดียว โดยไม่มีการหยุดพักระหว่างกลางเลยสักนิด
เมื่อหลินเยว่ล็อกประตูแล้ว เขาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกทันที
เพียงไม่นานนัก ทางด้านหน้าประตูห้องของหลินเยว่ก็มีเสียงะโและเสียงกระแทกประตูดังกระหน่ำขึ้น
“หลินเยว่ นายออกมาเดี๋ยวนี้นะ!!!”
“ออกมา!!!”
……
“เตะเลย เตะเลย อีกแป๊บเดียวก็คงเลิกเตะแล้วล่ะ”
หลินเยว่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับฉินเหยาเหยาในตอนนี้หรอก เพราะเธอกำลังโกรธจัด หากเขาออกไปก็คงต้องตายลูกเดียว หญิงสาวที่กำลังบ้าคลั่งแบบนี้สามารถทำได้ทุกอย่างเลยล่ะ
เพียงไม่นาน เมื่อฉินเหยาเหยาได้ระบายความโกรธออกไปบางส่วนแล้ว เธอจึงพบว่าหลินเยว่ไม่กล้าออกมาเผชิญหน้ากับเธอเลย ดังนั้น เธอจึงเตะประตูแรงๆ อีกครั้งแล้วก็เดินจากไป
“เฮ่อ...... ในที่สุดก็ไปสักที”
หลินเยว่เช็ดเหงื่อบนหน้าผากของตัวเอง ทำไมเธอถึงบ้าคลั่งได้ขนาดนี้ล่ะ เขาก็แค่มองเธอไม่กี่แวบเองนะ แล้วก็ไม่ได้เห็นเป็ครั้งแรกเสียหน่อย เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ในครั้งที่แล้ว หลินเยว่ก็เกิดความรู้สึกร้อนรุ่มวูบวาบอยู่ชั่วขณะ เขาจึงรีบสูดหายใจเข้าลึกๆ ทันทีเพื่อพยายามกดไฟปรารถนาให้กลับลงไป ขณะที่เขาเตรียมจะไปฝึกผ่าธูปนั้น เขาพลันนึกขึ้นมาได้ว่ามีดแกะสลักที่เขาเพิ่งซื้อมายังคงวางทิ้งไว้ในห้องรับแขกอยู่เลย
หลินเยว่จึงต้องพยายามทำใจอยู่ชั่วครู่
เขาคงต้องออกไปหยิบจริงๆ นั่นแหละ เพราะวันนี้เขาอยากทดลองใช้มีดแกะสลักผ่าธูปดู
หลินเยว่ครุ่นคิดอยู่ระยะหนึ่ง ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะเสี่ยงดวงออกไปหยิบมีด อย่างมากเขาก็แค่พยายามทำทุกอย่างให้รวดเร็วที่สุด เพราะความเร็วของฉินเหยาเหยาคงไม่สามารถทำอะไรเขาได้
หลินเยว่พยายามให้กำลังใจตัวเองอย่างเต็มที่ สุดท้ายเขาจึงเปิดประตูออกไป
ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องรับแขก หลินเยว่ก็สังเกตสถานการณ์รอบๆ ตัวอีกครั้งหนึ่ง เมื่อมั่นใจว่าไม่มีร่องรอยของการตอบโต้หรือการรอแก้แค้นซ่อนอยู่ในนี้แล้ว เขาจึงพุ่งตัวตรงไปยังตำแหน่งที่เขาวางมีดแกะสลักไว้ แต่ขณะที่เขากำลังจะคว้ามีดแกะสลักนั้น พลันมีเสียงสะอื้นเบาๆ ลอยเข้ามาในหูของเขา
เสียงร้องไห้นี้ทำให้หลินเยว่รู้สึกแน่นหน้าอก เพราะเขารู้ดีว่านี่คือเสียงร้องไห้ของฉินเหยาเหยา
หลินเยว่วางมีดแกะสลักลง แล้วเดินตามเสียงร้องไห้ไปจนถึงหน้าห้องของฉินเหยาเหยา
ขณะที่เขายืนอยู่หน้าประตู เขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้ด้วยความอึดอัดคับแค้นใจของฉินเหยาเหยาดังออกมาอย่างชัดเจน หลินเยว่พลันรู้สึกว่าเขาได้ทำตัวแย่ยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก เธอเป็หญิงสาวที่รักนวลสงวนตัวและดูแลตัวเองเป็อย่างดีมาตลอด ครั้งนี้เขาได้เห็นร่างกายเธอทั้งหมด แล้วยังไม่กล้ายอมรับความผิดนี้อีกต่างหาก ทำให้หญิงสาวอย่างเธอรู้สึกอึดอัดคับแค้นใจ และเป็เพราะเธอทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่ร้องไห้ออกมา
หลินเยว่ถอนหายใจ แล้วผลักประตูเดินเข้าไปด้านใน
เมื่อได้ยินเสียงหลินเยว่ประตูเปิด ฉินเหยาเหยาที่นอนอยู่บนเตียงก็ออกอาการเกร็งค้างขึ้นมาทันที และเสียงร้องไห้ก็เงียบตามไปด้วย
“นายออกไปไกลๆ เลย!”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บใจของฉินเหยาเหยาพลันแทงทะลุหน้าอกของหลินเยว่อย่างรุนแรง ทำให้เขารู้สึกเ็ปตรงหัวใจ และสิ่งที่ตามมากับน้ำเสียงของเธอก็คือหมอนใบหนึ่งที่ถูกฉินเหยาเหยาจับเขวี้ยงใส่เขาเต็มแรง
หลินเยว่ไม่ได้เคลื่อนตัวหลบ เขายอมให้หมอนใบนั้นกระแทกลงบนตัวของเขา
เขามองฉินเหยาเหยาที่นอนเสียใจอยู่บนเตียง หัวใจของเขาก็รู้สึกเจ็บจี๊ดมากขึ้นเรื่อยๆ
เป็เพราะตัวเขาเองที่ทำให้หญิงสาวที่แสนดีและบอบบางผู้นี้ต้องร้องไห้ราวกับหัวใจแหลกสลาย
มันเป็ความผิดของเขาเองจริงๆ!
หลินเยว่คิดอยากจะตบบ้องหูตัวเองแรงๆ สักที พร้อมกับแอบด่าตัวเองอยู่ในใจ
เขาค่อยๆ ก้าวขึ้นไปทางด้านหน้าอย่างช้าๆ และหยุดตรงด้านข้างของฉินเหยาเหยา หลังจากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงใจ “ขอโทษนะ”
การพูดขอโทษของหลินเยว่กลับทำให้เสียงร้องไห้ของฉินเหยาเหยาดังขึ้นยิ่งกว่าเดิม เสียงร้องไห้ที่เต็มไปด้วยความคับแค้นใจดังออกมาจากส่วนลึกในหัวใจของเธอ ซึ่งเป็การปลดปล่อยจนทำให้เธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกเลย
“ขอแค่สามารถทำให้เธออารมณ์ดี ผมยินดีให้เธอทำอะไรผมก็ได้ หากชอบเขวี้ยงหมอน ก็ลงมือเขวี้ยงอีกหลายๆ ครั้งได้เลยนะ”
หลินเยว่เก็บหมอนขึ้นมาจากที่พื้น เดินก้าวขึ้นไปทางด้านหน้าอีกหนึ่งก้าว แล้วนำหมอนใบนั้นวางไว้ที่ข้างศีรษะของฉินเหยาเหยา
“ออกไป!”
ฉินเหยาเหยาปัดหมอนออกมา
หลินเยว่ไม่เคยต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกจนปัญญา ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร เขาจึงเก็บหมอนใบนี้ขึ้นมาอีกครั้งแล้ววางไว้ตรงด้านข้างของฉินเหยาเหยา “เขวี้ยงไม่โดนนะ ลองเขวี้ยงอีกครั้งสิ เอาตรงๆ เลย”
เมื่อได้ยินหลินเยว่พูดประโยคนี้ เสียงร้องไห้ของฉินเหยาเหยาจึงหยุดชะงักไปชั่วครู่ หลังจากนั้นเสียงร้องไห้ก็ค่อยๆ เบาลง
ฉินเหยาเหยาเขวี้ยงหมอนออกมาอีกครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้ทิศทางดีขึ้นเล็กน้อย เพราะเธอเขวี้ยงโดนที่แขนข้างหนึ่งของหลินเยว่
หลินเยว่จึงเก็บหมอนใบนั้นขึ้นมาและวางลงบนเตียงของฉินเหยาเหยา
เขวี้ยงอีกครั้ง......
เก็บอีกครั้ง.......
……
การกระทำวนไปเวียนมาเช่นนี้ทำให้ฉินเหยาเหยาเลิกร้องไห้ไปโดยปริยาย เธอลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนเตียง สีหน้าของเธอเคร่งเครียด เธอพองแก้มจ้องเขม็งไปที่หลินเยว่
หลินเยว่เก็บหมอนขึ้นมาและวางไว้บนเตียงอีกครั้ง ถึงแม้ว่าหมอนจะนิ่ม แต่การถูกเขวี้ยงด้วยหมอนหลายๆ ครั้งก็ทำให้รู้สึกเจ็บได้เหมือนกัน อีกทั้งเขายังต้องก้มเก็บหมอนอยู่ตลอดเวลา การลุกๆ นั่งๆ หลายครั้งเช่นนี้ ถึงเขาจะไม่ได้แสดงความรู้สึกออกมา แต่ความจริงเขาก็เหนื่อยไม่น้อยทีเดียว
“หายโกรธแล้วหรือยัง”
หลินเยว่ถามอย่างกังวล
“ยัง!”
ฉินเหยาเหยายกมือขึ้นเตรียมพร้อมที่จะเขวี้ยงหมอนออกไปอีกครั้ง หลินเยว่เห็นเช่นนี้เขาก็ทำท่าหลบตัวหนี
“ห้ามหลบนะ!”
ฉินเหยาเหยาะโเสียงดัง สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความเ็า
“โอเค ไม่หลบ ไม่หลบ” หลินเยว่เห็นว่าฉินเหยาเหยาเริ่มเอ่ยปากพูดอะไรออกมาบ้าง จึงรู้ว่าความโกรธของเธอลดลงไปมากพอสมควร ส่วนความรู้สึกผิดในใจของเขาก็ลดลงไปไม่น้อยเช่นกัน ดังนั้น เขาจึงเริ่มพูดจาหยอกล้อขึ้นมาบ้าง
ฉินเหยาเหยาส่งเสียงหึๆ ในลำคอ หลังจากนั้นเธอก็เขวี้ยงหมอนออกไปอีกครั้ง อาจเป็เพราะเธอเร่งจังหวะมากจนเกินไป ครั้งนี้จึงเขวี้ยงไม่โดนตัวของหลินเยว่
หลินเยว่เหลือบมองหมอนใบนั้นที่ต้องมารับชะตากรรมร่วมกับเขาอย่างเห็นใจ เพราะมันก็มีสภาพเหมือนกับเขาที่ต้องถูกทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่น่าเสียดายที่ครั้งนี้เธอเขวี้ยงไม่โดนเขา
อิอิ ครั้งนี้เธอเขวี้ยงไม่โดนเขาเอง เธอคงไม่กล่าวหาว่าเขาหลบหรอกนะ
ฉินเหยาเหยาเห็นหลินเยว่แอบมีสีหน้าดีใจ เธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงโกรธจัดอีกครั้ง “เก็บขึ้นมา”
หลินเยว่เก็บหมอนขึ้นมาอย่างว่าง่าย หลังจากนั้นจึงส่งคืนให้กับฉินเหยาเหยาด้วยสีหน้าเหมือนกับคนถูกรังแก
“นายรู้สึกไม่ยุติธรรมใช่ไหมล่ะ?” ฉินเหยาเหยาพลันคลี่ยิ้มออกมา เธอถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
หลินเยว่ได้ยินเสียงเช่นนี้ หัวใจของเขาก็กระตุกทันที เขาส่ายหน้ารัวๆ ราวกับกลองป๋องแป๋งสำหรับเด็กเล็กทันควัน
“พูดสิ!”
“เอ่อ ไม่เลย ไม่เลย”
“ทำไมตอนนี้ฉันมองหน้าของนายถึงเห็นว่านายกำลังรู้สึกไม่ยุติธรรมตลอดล่ะ?”
“นี่คือสีหน้าดีใจของผม จริงๆ นะ คนอื่นบอกว่าเวลาผมยิ้มก็เหมือนกับเวลาร้องไห้เลยล่ะ”
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นนายก็ร้องไห้ให้ฉันดูหน่อยสิ”
ร้องไห้?
หลินเยว่อึ้งไปทันที เมื่อตะกี๊เขาพูดโกหกได้เวอร์จนเกินไป เขาคาดไม่ถึงว่าฉินเหยาเหยาจะเรียกร้องให้เขาร้องไห้แบบนี้ ในเมื่อเธอขอแบบนี้ เขาก็ยอมทำตามคำสั่งก็ได้! ดังนั้น หลินเยว่จึงฉีกยิ้มกว้างออกมาทันที รอยยิ้มนี้เป็เพียงการยิ้มแค่ภายนอกเท่านั้น เพราะในใจของเขาไม่ได้ยิ้มตามไปด้วยเลย
“พวกเขาต่างบอกว่าท่าร้องไห้ของผมก็เหมือนกับการยิ้ม...... โอ๊ย!”
ยังไม่รอให้เขาพูดจนจบ หมอนใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยฝุ่นใบหนึ่งพลันลอยเข้ามาทางด้านหน้า หลังจากนั้นก็กระแทกตรงใบหน้าของเขาอย่างแรง เศษฝุ่นลอยเข้าไปในปากของเขาทันที
“แค่กๆ......แค่กๆ......”
เมื่อเห็นหลินเยว่ไออย่างทรมาน ฉินเหยาเหยาจึงหัวเราะ “เอิ๊กๆ” อย่างภาคภูมิใจทันที
“รู้หรือยังว่าฉันเก่งขนาดไหน! หึๆ!”
หลินเยว่พยายามไออยู่นานพอสมควรจนกระทั่งไม่มีเศษฝุ่นตกค้างอยู่ที่ลำคอ เวลานี้เอง ใบหน้าของหลินเยว่ก็มีสีแดงจัด เขาพูดออกมาอย่างยากลำบาก “เธอคิดจะฆาตกรรมกันหรือไง!”
“ฆาตกรรมแล้วยังไงล่ะ! ใครใช้ให้นายแอบมองฉัน” ฉินเหยาเหยาพูดอย่างแค้นๆ