พลิกตำนานปรมาจารย์แห่งหยก (แปลจบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     และจังหวะนี้เอง พลันมีเสียงดังสนั่นจนแทบทำให้หูหนวกดังขึ้นจากภายในห้องที่อยู่ทางด้านหลังของหลินเยว่

        “กรี๊ด......”

        หลินเยว่ที่เพิ่งรู้สึกโล่งใจจึงกลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง เขารีบพุ่งตัวเข้าไปในห้องน้ำด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้และเช็ดเ๣ื๵๪บนใบหน้าพร้อมกับห้ามเ๣ื๵๪ไม่ให้ไหลออกมา หลังจากนั้นก็พุ่งตัวกลับเข้าห้องส่วนตัวของเขาราวกับคนเสียสติและปิดประตูลงอย่างแรง การกระทำทั้งหมดนี้เขาทำเสร็จภายในชั่วอึดใจเดียว โดยไม่มีการหยุดพักระหว่างกลางเลยสักนิด

        เมื่อหลินเยว่ล็อกประตูแล้ว เขาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกทันที

        เพียงไม่นานนัก ทางด้านหน้าประตูห้องของหลินเยว่ก็มีเสียง๻ะโ๠๲และเสียงกระแทกประตูดังกระหน่ำขึ้น

        “หลินเยว่ นายออกมาเดี๋ยวนี้นะ!!!”

        “ออกมา!!!”

         ……

        “เตะเลย เตะเลย อีกแป๊บเดียวก็คงเลิกเตะแล้วล่ะ”

        หลินเยว่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับฉินเหยาเหยาในตอนนี้หรอก เพราะเธอกำลังโกรธจัด หากเขาออกไปก็คงต้องตายลูกเดียว หญิงสาวที่กำลังบ้าคลั่งแบบนี้สามารถทำได้ทุกอย่างเลยล่ะ

        เพียงไม่นาน เมื่อฉินเหยาเหยาได้ระบายความโกรธออกไปบางส่วนแล้ว เธอจึงพบว่าหลินเยว่ไม่กล้าออกมาเผชิญหน้ากับเธอเลย ดังนั้น เธอจึงเตะประตูแรงๆ อีกครั้งแล้วก็เดินจากไป

        “เฮ่อ...... ในที่สุดก็ไปสักที”

        หลินเยว่เช็ดเหงื่อบนหน้าผากของตัวเอง ทำไมเธอถึงบ้าคลั่งได้ขนาดนี้ล่ะ เขาก็แค่มองเธอไม่กี่แวบเองนะ แล้วก็ไม่ได้เห็นเป็๲ครั้งแรกเสียหน่อย เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ในครั้งที่แล้ว หลินเยว่ก็เกิดความรู้สึกร้อนรุ่มวูบวาบอยู่ชั่วขณะ เขาจึงรีบสูดหายใจเข้าลึกๆ ทันทีเพื่อพยายามกดไฟปรารถนาให้กลับลงไป ขณะที่เขาเตรียมจะไปฝึกผ่าธูปนั้น เขาพลันนึกขึ้นมาได้ว่ามีดแกะสลักที่เขาเพิ่งซื้อมายังคงวางทิ้งไว้ในห้องรับแขกอยู่เลย

        หลินเยว่จึงต้องพยายามทำใจอยู่ชั่วครู่

        เขาคงต้องออกไปหยิบจริงๆ นั่นแหละ เพราะวันนี้เขาอยากทดลองใช้มีดแกะสลักผ่าธูปดู

        หลินเยว่ครุ่นคิดอยู่ระยะหนึ่ง ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะเสี่ยงดวงออกไปหยิบมีด อย่างมากเขาก็แค่พยายามทำทุกอย่างให้รวดเร็วที่สุด เพราะความเร็วของฉินเหยาเหยาคงไม่สามารถทำอะไรเขาได้

        หลินเยว่พยายามให้กำลังใจตัวเองอย่างเต็มที่ สุดท้ายเขาจึงเปิดประตูออกไป

        ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องรับแขก หลินเยว่ก็สังเกตสถานการณ์รอบๆ ตัวอีกครั้งหนึ่ง เมื่อมั่นใจว่าไม่มีร่องรอยของการตอบโต้หรือการรอแก้แค้นซ่อนอยู่ในนี้แล้ว เขาจึงพุ่งตัวตรงไปยังตำแหน่งที่เขาวางมีดแกะสลักไว้ แต่ขณะที่เขากำลังจะคว้ามีดแกะสลักนั้น พลันมีเสียงสะอื้นเบาๆ ลอยเข้ามาในหูของเขา

        เสียงร้องไห้นี้ทำให้หลินเยว่รู้สึกแน่นหน้าอก เพราะเขารู้ดีว่านี่คือเสียงร้องไห้ของฉินเหยาเหยา

        หลินเยว่วางมีดแกะสลักลง แล้วเดินตามเสียงร้องไห้ไปจนถึงหน้าห้องของฉินเหยาเหยา

        ขณะที่เขายืนอยู่หน้าประตู เขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้ด้วยความอึดอัดคับแค้นใจของฉินเหยาเหยาดังออกมาอย่างชัดเจน หลินเยว่พลันรู้สึกว่าเขาได้ทำตัวแย่ยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก เธอเป็๲หญิงสาวที่รักนวลสงวนตัวและดูแลตัวเองเป็๲อย่างดีมาตลอด ครั้งนี้เขาได้เห็นร่างกายเธอทั้งหมด แล้วยังไม่กล้ายอมรับความผิดนี้อีกต่างหาก ทำให้หญิงสาวอย่างเธอรู้สึกอึดอัดคับแค้นใจ และเป็๲เพราะเธอทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่ร้องไห้ออกมา

        หลินเยว่ถอนหายใจ แล้วผลักประตูเดินเข้าไปด้านใน

        เมื่อได้ยินเสียงหลินเยว่ประตูเปิด ฉินเหยาเหยาที่นอนอยู่บนเตียงก็ออกอาการเกร็งค้างขึ้นมาทันที และเสียงร้องไห้ก็เงียบตามไปด้วย

        “นายออกไปไกลๆ เลย!”

        น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บใจของฉินเหยาเหยาพลันแทงทะลุหน้าอกของหลินเยว่อย่างรุนแรง ทำให้เขารู้สึกเ๽็๤ป๥๪ตรงหัวใจ และสิ่งที่ตามมากับน้ำเสียงของเธอก็คือหมอนใบหนึ่งที่ถูกฉินเหยาเหยาจับเขวี้ยงใส่เขาเต็มแรง

        หลินเยว่ไม่ได้เคลื่อนตัวหลบ เขายอมให้หมอนใบนั้นกระแทกลงบนตัวของเขา

        เขามองฉินเหยาเหยาที่นอนเสียใจอยู่บนเตียง หัวใจของเขาก็รู้สึกเจ็บจี๊ดมากขึ้นเรื่อยๆ

        เป็๞เพราะตัวเขาเองที่ทำให้หญิงสาวที่แสนดีและบอบบางผู้นี้ต้องร้องไห้ราวกับหัวใจแหลกสลาย

        มันเป็๲ความผิดของเขาเองจริงๆ!

        หลินเยว่คิดอยากจะตบบ้องหูตัวเองแรงๆ สักที พร้อมกับแอบด่าตัวเองอยู่ในใจ

        เขาค่อยๆ ก้าวขึ้นไปทางด้านหน้าอย่างช้าๆ และหยุดตรงด้านข้างของฉินเหยาเหยา หลังจากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงใจ “ขอโทษนะ”

        การพูดขอโทษของหลินเยว่กลับทำให้เสียงร้องไห้ของฉินเหยาเหยาดังขึ้นยิ่งกว่าเดิม เสียงร้องไห้ที่เต็มไปด้วยความคับแค้นใจดังออกมาจากส่วนลึกในหัวใจของเธอ ซึ่งเป็๞การปลดปล่อยจนทำให้เธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกเลย

        “ขอแค่สามารถทำให้เธออารมณ์ดี ผมยินดีให้เธอทำอะไรผมก็ได้ หากชอบเขวี้ยงหมอน ก็ลงมือเขวี้ยงอีกหลายๆ ครั้งได้เลยนะ”

        หลินเยว่เก็บหมอนขึ้นมาจากที่พื้น เดินก้าวขึ้นไปทางด้านหน้าอีกหนึ่งก้าว แล้วนำหมอนใบนั้นวางไว้ที่ข้างศีรษะของฉินเหยาเหยา

        “ออกไป!”

        ฉินเหยาเหยาปัดหมอนออกมา

        หลินเยว่ไม่เคยต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกจนปัญญา ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร เขาจึงเก็บหมอนใบนี้ขึ้นมาอีกครั้งแล้ววางไว้ตรงด้านข้างของฉินเหยาเหยา “เขวี้ยงไม่โดนนะ ลองเขวี้ยงอีกครั้งสิ เอาตรงๆ เลย”

        เมื่อได้ยินหลินเยว่พูดประโยคนี้ เสียงร้องไห้ของฉินเหยาเหยาจึงหยุดชะงักไปชั่วครู่ หลังจากนั้นเสียงร้องไห้ก็ค่อยๆ เบาลง

        ฉินเหยาเหยาเขวี้ยงหมอนออกมาอีกครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้ทิศทางดีขึ้นเล็กน้อย เพราะเธอเขวี้ยงโดนที่แขนข้างหนึ่งของหลินเยว่

        หลินเยว่จึงเก็บหมอนใบนั้นขึ้นมาและวางลงบนเตียงของฉินเหยาเหยา

        เขวี้ยงอีกครั้ง......

        เก็บอีกครั้ง.......

         ……

        การกระทำวนไปเวียนมาเช่นนี้ทำให้ฉินเหยาเหยาเลิกร้องไห้ไปโดยปริยาย เธอลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนเตียง สีหน้าของเธอเคร่งเครียด เธอพองแก้มจ้องเขม็งไปที่หลินเยว่

        หลินเยว่เก็บหมอนขึ้นมาและวางไว้บนเตียงอีกครั้ง ถึงแม้ว่าหมอนจะนิ่ม แต่การถูกเขวี้ยงด้วยหมอนหลายๆ ครั้งก็ทำให้รู้สึกเจ็บได้เหมือนกัน อีกทั้งเขายังต้องก้มเก็บหมอนอยู่ตลอดเวลา การลุกๆ นั่งๆ หลายครั้งเช่นนี้ ถึงเขาจะไม่ได้แสดงความรู้สึกออกมา แต่ความจริงเขาก็เหนื่อยไม่น้อยทีเดียว

        “หายโกรธแล้วหรือยัง”

        หลินเยว่ถามอย่างกังวล

        “ยัง!”

        ฉินเหยาเหยายกมือขึ้นเตรียมพร้อมที่จะเขวี้ยงหมอนออกไปอีกครั้ง หลินเยว่เห็นเช่นนี้เขาก็ทำท่าหลบตัวหนี

        “ห้ามหลบนะ!”

        ฉินเหยาเหยา๻ะโ๠๲เสียงดัง สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความเ๾็๲๰า

        “โอเค ไม่หลบ ไม่หลบ” หลินเยว่เห็นว่าฉินเหยาเหยาเริ่มเอ่ยปากพูดอะไรออกมาบ้าง จึงรู้ว่าความโกรธของเธอลดลงไปมากพอสมควร ส่วนความรู้สึกผิดในใจของเขาก็ลดลงไปไม่น้อยเช่นกัน ดังนั้น เขาจึงเริ่มพูดจาหยอกล้อขึ้นมาบ้าง

        ฉินเหยาเหยาส่งเสียงหึๆ ในลำคอ หลังจากนั้นเธอก็เขวี้ยงหมอนออกไปอีกครั้ง อาจเป็๲เพราะเธอเร่งจังหวะมากจนเกินไป ครั้งนี้จึงเขวี้ยงไม่โดนตัวของหลินเยว่

        หลินเยว่เหลือบมองหมอนใบนั้นที่ต้องมารับชะตากรรมร่วมกับเขาอย่างเห็นใจ เพราะมันก็มีสภาพเหมือนกับเขาที่ต้องถูกทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่น่าเสียดายที่ครั้งนี้เธอเขวี้ยงไม่โดนเขา

        อิอิ ครั้งนี้เธอเขวี้ยงไม่โดนเขาเอง เธอคงไม่กล่าวหาว่าเขาหลบหรอกนะ

        ฉินเหยาเหยาเห็นหลินเยว่แอบมีสีหน้าดีใจ เธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงโกรธจัดอีกครั้ง “เก็บขึ้นมา”

        หลินเยว่เก็บหมอนขึ้นมาอย่างว่าง่าย หลังจากนั้นจึงส่งคืนให้กับฉินเหยาเหยาด้วยสีหน้าเหมือนกับคนถูกรังแก

        “นายรู้สึกไม่ยุติธรรมใช่ไหมล่ะ?” ฉินเหยาเหยาพลันคลี่ยิ้มออกมา เธอถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

        หลินเยว่ได้ยินเสียงเช่นนี้ หัวใจของเขาก็กระตุกทันที เขาส่ายหน้ารัวๆ ราวกับกลองป๋องแป๋งสำหรับเด็กเล็กทันควัน

        “พูดสิ!”

        “เอ่อ ไม่เลย ไม่เลย”

        “ทำไมตอนนี้ฉันมองหน้าของนายถึงเห็นว่านายกำลังรู้สึกไม่ยุติธรรมตลอดล่ะ?”

        “นี่คือสีหน้าดีใจของผม จริงๆ นะ คนอื่นบอกว่าเวลาผมยิ้มก็เหมือนกับเวลาร้องไห้เลยล่ะ”

        “อ้อ ถ้าอย่างนั้นนายก็ร้องไห้ให้ฉันดูหน่อยสิ”

        ร้องไห้?

        หลินเยว่อึ้งไปทันที เมื่อตะกี๊เขาพูดโกหกได้เวอร์จนเกินไป เขาคาดไม่ถึงว่าฉินเหยาเหยาจะเรียกร้องให้เขาร้องไห้แบบนี้ ในเมื่อเธอขอแบบนี้ เขาก็ยอมทำตามคำสั่งก็ได้! ดังนั้น หลินเยว่จึงฉีกยิ้มกว้างออกมาทันที รอยยิ้มนี้เป็๞เพียงการยิ้มแค่ภายนอกเท่านั้น เพราะในใจของเขาไม่ได้ยิ้มตามไปด้วยเลย

        “พวกเขาต่างบอกว่าท่าร้องไห้ของผมก็เหมือนกับการยิ้ม...... โอ๊ย!”

        ยังไม่รอให้เขาพูดจนจบ หมอนใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยฝุ่นใบหนึ่งพลันลอยเข้ามาทางด้านหน้า หลังจากนั้นก็กระแทกตรงใบหน้าของเขาอย่างแรง เศษฝุ่นลอยเข้าไปในปากของเขาทันที

        “แค่กๆ......แค่กๆ......”

        เมื่อเห็นหลินเยว่ไออย่างทรมาน ฉินเหยาเหยาจึงหัวเราะ “เอิ๊กๆ” อย่างภาคภูมิใจทันที

        “รู้หรือยังว่าฉันเก่งขนาดไหน! หึๆ!”

        หลินเยว่พยายามไออยู่นานพอสมควรจนกระทั่งไม่มีเศษฝุ่นตกค้างอยู่ที่ลำคอ เวลานี้เอง ใบหน้าของหลินเยว่ก็มีสีแดงจัด เขาพูดออกมาอย่างยากลำบาก “เธอคิดจะฆาตกรรมกันหรือไง!”

        “ฆาตกรรมแล้วยังไงล่ะ! ใครใช้ให้นายแอบมองฉัน” ฉินเหยาเหยาพูดอย่างแค้นๆ 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้