“นี่ครับพี่เย่ บัตรเครดิตของพี่” ชายกำยำสี่คนเดินมาตรงหน้าเย่เฟิงแล้วยื่นบัตรเครดิตให้ด้วยท่าทีสุภาพ
เย่เฟิงรับของ บัตรใบหนึ่งมีเงินสองแสนที่เขาฝากเช็คให้ชายหน้าบากโอนและอีกใบมีเงินสามล้านซึ่งขอมาจากอีกฝ่าย เขาตั้งใจว่าจะคืนมันให้โอวบีหลังจากนี้การเตรียมเงินสามล้านไม่ใช่เื่ใหญ่โตสำหรับชายหน้าบาก แม้แก๊งอสรพิษ์จะไม่ได้เก็บเงินสดมากนัก แต่เงินแค่สามล้านถือเป็เื่เล็กน้อย นี่เป็การแสดงความจริงใจต่อเย่เฟิง
เย่เฟิงสามารถจัดการชายหน้าบากและควบคุมแก๊งอสรพิษ์ได้เร็วขนาดนี้นับเป็โชคดีของเขามาก หากชายหน้าบากไม่มีความหลังและหวั่นเกรงผู้ฝึกวรยุทธ์ คงยากที่จะทำให้เขาเชื่อฟังโดยใช้เพียงคำขู่ หากเป้าหมายของเย่เฟิงเป็อีกสองแก๊งใหญ่ในเมืองเยี่ยนจิง คงจะไม่ราบรื่นอย่างนี้แน่
หลังจากส่งบัตรเงินสดให้เย่เฟิงแล้ว ชายสี่คนคำนับเขาอย่างนอบน้อมแล้วหันหลังจากไป
ซูเมิ่งหานที่แอบอยู่หลังเย่เฟิงถึงกับตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า นี่มันเื่อะไรกัน? แก๊งอสรพิษ์ไม่ใช่ทั้งโเี้และน่าเกรงขามหรือ? ทำไมพวกเขาถึงแสดงความเคารพเด็กมัธยมปลายอย่างเย่เฟิงกันล่ะ เธออดนึกถึงตอนที่พ่อของตนสั่งให้ตีสนิทเย่เฟิงไม่ได้ หรือที่จริงแล้วเขามีเื้ัไม่ธรรมดาจนแม้แต่กลุ่มอสรพิษ์ยังไม่กล้าขัดแย้งด้วย อีกทั้งคำเรียก “พี่เย่” อีก หรือเย่เฟิงเป็คนของเเก๊งอสรพิษ์
“ไปกันเถอะ” เย่เฟิงเก็บบัตรเครดิตและพูดเสียงเบาขัดความคิดของซูเมิ่งหาน
ตลอดทางไปโรงเรียน หญิงสาวไม่พูดอะไรแม้แต่น้อย เธอได้เเต่เดาตัวตนของอีกฝ่าย แต่ไม่กล้าถามออกไป เย่เฟิงยินดีที่เธอไม่ถามอะไรเขาเลย ทั้งสองคนเดินประมาณยี่สิบนาทีก็ถึงประตูโรงเรียนมัธยมปลายเยี่ยน อยู่ๆ พวกเขาก็กลายเป็จุดสนใจของฝูงชนโดยรอบ
เย่เฟิงกับดาวโรงเรียนมาโรงเรียนด้วยกันหรือเปล่า?
นี่ไม่จริงใช่ไหม!
ทั้งคู่เดินข้างกันจนถึงห้องเรียน เย่เฟิงเหมือนได้ยินเสียงหัวใจของหลายคนแตกสลายดังเพล้ง แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นมีเพื่อนรักของเขาด้วย
เมื่อพวกเขานั่งที่ของตัวเอง โอวบีก็รีบลุกมาถามด้วยความขุ่นเคือง “เสี่ยวมี่เฟิง ไม่ยุติธรรมเลย อยู่ๆ นายก็ควงสาวสวยน่ารักที่สุดของโรงเรียนเรา อย่างว่า บ้านใกล้กัน ความสัมันธ์ก็ต้องไม่ธรรมดาสินะ…”
“อย่าเดาส่งเดชน่า” เย่เฟิงหยิบบัตรเครดิตออกมาแล้วโยนให้โอวบี “เอาไปคืนพ่อของนายด้วยล่ะ ฉันไม่ชอบเป็หนี้ใคร ในบัตรมีเงินอยู่สามล้าน รหัสผ่านเขียนไว้ด้านหลังแล้ว”
“หา อะไรนะ?” โอวบีรับบัตรไปอย่างมึนงง ก่อนหน้านี้เขายังอารมณ์เสียที่เย่เฟิงเดินมากับซูเมิ่งหานอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับตกตะลึงกับคำพูดของอีกฝ่าย
สามล้าน?
พระเ้า นี่เพิ่งผ่านไปแค่คืนเดียว จะเอาเวลาที่ไปหาเงินสามล้านได้กันฮะ?
ปฏิกิริยาแรกของโอวบีคือ… เ้านี่ต้องโกหกแน่! แต่เมื่อคิดอีกที เย่เฟิงจำเป็ต้องโกหกหรือ มีเงินอยู่ในบัตรเท่าไรแค่เอาไปเช็คที่ตู้เอทีเอ็มก็รู้แล้ว ดูสิว่าเเกจะเนียนอีกนานไหม?
“เสี่ยวมี่เฟิง นายล้อเล่นหรือเปล่า ฉันกับพ่อไม่้าให้นายชดใช้สักหน่อย…” สีหน้าโอวบีเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ฉันรู้ว่าพ่อของนายคิดอะไรอยู่ ดังนั้นไม่ต้องห่วงหรอก” เย่เฟิงยิ้มพลางตบไหล่เพื่อนเบาๆ
โอวบีรับบัตรไปโดยยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ทันใดนั้นก็ตบศีรษะตัวเอง “ใช่แล้ว... นี่เป็บัตรเชิญเข้าร่วมงานจัดแสดงสินค้า”
จนถึงตอนนี้โอวบีตระหนักว่าเย่เฟิงเปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง หรือมันเป็เพราะปู่ของเขากันแน่นะ?
เย่เฟิงรับมันมาโดยไม่คิดอะไรมาก มันเป็ซองจดหมายสีแดงที่มีตัวอักษร ‘ัทะยาน’ เมื่อมองแวบแรกมันไม่มีอะไรแปลกประหลาดเลย แต่ในไม่ช้าเขาก็รู้สึกได้ว่ามีกระแสพลังอ่อนจางตรงตำแหน่งปิดผนึกของซองจดหมายนี้!
“ขอบใจนะเพื่อน” เย่เฟิงเก็บจดหมายเชิญเงียบๆ เเต่ในใจคิดไม่หยุด
งานจัดแสดงสินค้าโบราณต้องไม่ใช่งานธรรมดาแน่! พลังบางอย่างบริเวณผนึกจดหมายมีลักษณะคล้ายกำลังภายในของหญิงสาวใบหน้ารูปไข่คนนั้น จนถึงตอนนี้เย่เฟิงยังไม่รู้ว่าพลังนี้เรียกว่าอะไร แต่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าคงเป็กำลังภายในของพวกผู้ฝึกวรยุทธ์
“เออ โอวน้อย พ่อนายมีบัตรเชิญกี่ใบ” เย่เฟิงถาม
“มีแค่อันเดียว ทำไมเหรอ?” โอวบีตอบด้วยสีหน้าสงสัย
“เปล่าไม่มีอะไรหรอก แค่ลองถามดูน่ะ” เย่เฟิงครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบัตรเชิญเข้างานต้องมีค่ามาก การได้มาใบหนึ่ง แน่นอนว่าต้องเกี่ยวกับหินจิติญญาครึ่งก้อนนั้นแน่
ดูเหมือนผู้จัดงานและผู้เข้าร่วมงานน่าจะเป็ผู้ฝึกวรยุทธ์! เขาจะมีโอกาสเจอผู้หญิงใบหน้ารูปไข่อีกครั้งมั้ย?
เย่เฟิงมีความคิดสนุกบางอย่าง ถ้าไปงานด้วยหน้าตาแบบนี้คงไม่เหมาะ โชคดีที่อีกครึ่งเดือนเขาก็สามารถบรรลุพลังได้ถึงระดับหนึ่งปีห้าเดือน เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะใช้วิชา “ลวงตา”ได้ มันทำให้เขาสามารถเปลี่ยนลักษณะใบหน้าของตัวเอง แม้กระทั่งความสูงและรูปร่างภายในระยะเวลาหนึ่ง
“ในโลกนี้คงไม่น่ามีใครรับรู้ถึงวิชาเซียนของเขา แต่เผื่อมีสถานการณ์ฉุกเฉินเตรียมหน้ากากไปด้วยดีกว่า” เย่เฟิงตัดสินใจ
เขามองไปรอบๆ และพบว่าวันนี้เถียนโหย่วเลี่ยงไม่ได้มาโรงเรียน หลังจากสอบถามพบว่าเมื่อคืนเถียนโหย่วเลี่ยงยื่นคำขอย้ายโรงเรียน คงเพราะเขาไม่กล้าพอที่จะอยู่ในโรงเรียนมัธยมปลายเยี่ยนอีกต่อไปแล้ว
……………………
ครึ่งเดือนผ่านไปในพริบตา
่เดือนเมษายนที่เมืองหลางฝางมีฝนตกปรอยๆ ยังมีเวลาอีก 2 เดือนก่อนการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
“………ผมจะระมัดระวังครับ ลุงโอวไว้ใจได้” เย่เฟิงวางสายและพาซูเมิ่งหานออกจากสถานีรถไฟ ยามบ่ายท้องฟ้าครึ้มเล็กน้อย เย่เฟิงเบื่อฝน ตรงข้ามกับซูเมิ่งหานซึ่งอารมณ์ดีมากและร่าเริงตลอดการเดินทาง บอกได้เลยว่าเธอตื่นเต้นเป็พิเศษ
เย่เฟิงมาเมืองหลางฝางเพื่อเข้าร่วมงานจัดแสดงสินค้าซึ่งอาจมีโอกาสเจอของดีก็เป็ได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการตรวจสอบข้อมูลของผู้ฝึกวรยุทธ์ในโลกนี้ แต่เป้าหมายของซูเมิ่งหานมีเพียงการมาเยี่ยมคุณยายที่เธอไม่ได้พบเกือบสิบปี แน่นอนว่าตอนนี้เธออารมณ์ดีมาก
“นี่ขนาดมาเยี่ยมญาติ พ่อของเธอยังไม่มาด้วย ช่างขาดความรับผิดชอบจริงๆ” เย่เฟิงยิ้มแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“เขามีตระกูลเซี่ยคุมอยู่ กล้ามาเสียที่ไหน” ซูเมิ่งหานตะคอกเบาๆ แล้วถามกลับ “ทำข้อสอบจำลองแล้วเป็ไงมั่ง”
ก่อนมาที่นี่ โรงเรียนของพวกเขาจัดให้มีการทำข้อสอบเตรียมตัวสองชุด ซูเมิ่งหานไม่กังวลแม้แต่น้อย เพราะคะแนนของเธออยู่อันดับต้นๆ ของโรงเรียนเสมอ ส่วนของเย่เฟิงแน่นอนว่าอยู่อันดับท้ายๆ ของห้องมาตลอด
เย่เฟิงยิ้มเมื่อพูดถึงข้อสอบที่ผ่านมา ่ก่อนหน้านี้เขามัวแต่ยุ่งกับการปรุงยาเพื่อนำมาใช้หรือขายในงานจัดแสดงสินค้าโบราณ จะไปมีเวลาอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบได้อย่างไร? ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผลการสอบครั้งนี้จะแย่กว่าเดิม... แต่ชายหนุ่มไม่กังวล ด้วยความจำของเขาแม้จะเริ่มทบทวนหนึ่งสัปดาห์ก่อนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่ใช่ปัญหา
“งั้นๆ แหละ… เอาล่ะ เธอไปตามทางของเธอ ฉันก็ไปของฉัน น้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง” เย่เฟิงกล่าวอย่างคลุมเครือและหันหลังเดินจากไป
“นี่เดี๋ยวก่อนสิ!” ซูเมิ่งหานเห็นเย่เฟิงทำท่าจะไปจึงรีบรั้งไว้ เธอไม่รู้หรอกว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ ตอนแรกหญิงสาวคิดว่าเขาแค่มาเป็เพื่อน แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้นแล้ว ถ้าเย่เฟิงไปแล้วเธอต้องอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยคนเดียว หากเกิดอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไร?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้