คงไม่มีใครคาดคิดว่าในวัดตงหวาจะมีคุกใต้ดินอยู่
มีผู้คนมากมายที่ถูกขังไว้หลังรั้วเหล็กแต่ละห้อง พวกเขาดูเหมือนกับพวกขอทานบนูเาด้านหลังทุกประการ เพียงแต่สติที่ถูกลดทอนยิ่งกว่า คนเ่าั้หากบ้าคลั่งก็นั่งนิ่งไม่ต่างจากเสาไม้ราวกับถูกใครบางคน่ชิงิญญาไป
ั้แ่ห้องขังห้องแรกไปจนห้องสุดท้าย ภายในนั้นมีคนอัดแน่นอยู่เต็มไปหมด
เถาเซียงกัดริมฝีปากแดง นางและต้านเสวี่ยรวมถึงองครักษ์อีกหลายคนถูกขังอยู่ในนี้มาพักหนึ่งแล้ว ใครจะไปคิดว่าพระอาจารย์ในวัดแห่งนี้จะทำร้ายพวกเขาได้
โชคดีที่หลิงเฟิงพาคนออกไปตามหาพวกองค์หญิง แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ข้างนอกเป็อย่างไรบ้าง จะมีเื่อะไรเกิดขึ้นกับองค์หญิงและเซ่อเจิ้งอ๋องหรือไม่?!
ใน่เวลาแห่งความวิตกกังวล
เสียงโซ่ครืดๆ ดังขึ้นพร้อมกับประตูคุกที่ถูกเปิดออก
ภิกษุหลายรูปเดินแบกคนเข้ามาสองคน โดยนำตัวทั้งคู่ไปขังไว้ในห้องขังแยก
“แล้วแมวตัวนี้ล่ะจะจัดการกับมันอย่างไร?”
ภิกษุอีกรูปถือเ้าแมวอ้วนในมือ
“เ้าว่าไหมว่าแมวตัวนี้มันไม่ปกติ มันต้องเป็สิ่งชั่วร้ายที่องค์หญิงปีศาจทรงเลี้ยงไว้แน่นอน หาเชือกมามัดมันไว้ก่อน แล้วรอให้เ้าอาวาสกับท่านปรมาจารย์มาจัดการทีหลัง”
ภิกษุสองสามรูปมัดเ้าแมวเสร็จก็โยนมันเข้าคุกแล้วจากไป
แกร๊ง ประตูเหล็กถูกล็อกอีกครั้ง
“องค์หญิง! ท่านอ๋อง!”
คนสองคนที่ถูกพามาคือชิงอีและเซียวเจวี๋ยในสภาพหมดสติ
เถาเซียงและต้านเสวี่ยหน้าเปลี่ยนสี เหตุใดองค์หญิงกับท่านอ๋องถึงถูกจับล่ะ!
“ทำอย่างไรดี? องค์หญิงทรงได้รับาเ็หรือไม่ แล้วเหตุใดนางกับท่านอ๋องถึงทรงหมดสติได้ล่ะ?”
“แย่แล้ว สีพระพักตร์ของท่านอ๋องดูแย่มาก แล้วเหตุใดแขนเสื้อของท่านถึงโชกเืขนาดนั้น...”
ชิงอีรู้สึกว่าตนอยู่ในรังนกกระจอกที่ส่งเสียงจ้อกแจ้กจอแจดังไม่หยุด ร่างกายเย็นะเืเหมือนนอนอยู่บนเตียงน้ำแข็งในชิงอีเตี้ยน
ช่างหนาวเหน็บและแข็งกระด้าง ไม่สบายตัวเอาเสียเลย
“หนวกหู!”
นกกระจอกจอมโวยวายพวกนี้มันน่าหักคอไปทอดในกระทะเสียจริง!
พลันนางก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับสติสัมปชัญญะที่กลับคืนมา
ในปรโลกจะไปมีนกกระจอกได้อย่างไร?
นางยังอยู่ที่โลกมนุษย์สินะ
เมื่อเถาเซียงและต้านเสวี่ยเห็นนางฟื้นขึ้นมาก็ผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอกและรีบถาม “องค์หญิงทรงไม่เป็อะไรใช่ไหมเพคะ ทรงาเ็ตรงไหนหรือไม่เพคะ?”
ชิงอีเมินพวกเขาและก้มหน้าลงมองฝ่ามือที่แบออกด้วยแววตาเลื่อนลอย
จบแล้ว! หญิงสาวสองคนถึงกับสะอึก องค์หญิงเป็คนโง่ไปแล้ว
พวกเขาเห็นพระเศียรขององค์หญิงก้มต่ำลงเรื่อยๆ พระวรกายกระตุกราวกับอาการชัก
แย่แล้ว! ไม่ใช่แค่โง่ แต่ยังบ้าด้วย!
“ข้าจะฆ่าเ้าให้ได้”
ภายใต้สายตาที่จ้องมองอย่างหวาดกลัวของนางกำนัลทั้งสอง ชิงอีกระโจนเข้าใส่ชายหนุ่มที่อยู่ใกล้ๆ และออกแรงบีบคอของเขา คุณพระคุณเ้า ดวงเนตรของออกหญิงกลายเป็สีแดงแถมยังมีท่าทีเหมือนิญญาร้ายจากขุมนรกที่หมายจะเอาชีวิตผู้คน!
“องค์หญิงอย่าเพคะ!”
“ทรงหยุดเถอะเพคะ ท่านอ๋องจะสิ้นพระชนม์แล้ว”
ชิงอีไม่ได้ยินเสียงใครอีกแล้ว นางคิดเพียงว่าจะจับเขาโยนลงกระทะ พลังของนางหายไป มันหายไปหมดแล้ว!
บ้าเอ๊ย พลังข้าถูกเ้านี่ดูดไปหมดแล้ว!
“ฮึ่ยๆๆๆ คายออกมานะ คายมันคืนมาให้ข้า”
เ้าแมวอ้วนตื่นขึ้นเพราะเสียงคำรามของัร้าย พอตื่นเต็มตาก็เห็นนางมารร้ายกำลังคลุ้มคลั่งก็ใจนหางชี้โด่ราวกับท่อนไม้
ชิงอีบ้าไปแล้ว!
นางมารร้ายคลั่ง!
มันอยากจะหนีไปหลบตรงมุมห้อง แต่กลับขยับไม่ได้
แง้ว แง้ว ใครมัดข้าจนกลายเป็บ๊ะจ่างแบบนี้?!
เ้าแมวอ้วนทบทวนความจำและนึกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนจะหมดสติออก
หลังจากชิงอีกำจัดหนูอย่างไม่ปรานีเสร็จ พลังประหลาดที่กลืนกินพลังชิงอีอย่างตะกละตะกลามของเซียวเจวี๋ยก็แผลงฤทธิ์อีกครั้ง มันจะเข้าไปช่วย แต่เพราะไม่ระวังตัวให้ดีสุดท้ายจึงตกเป็อาหารให้เขาไปด้วย
จากนั้นกลุ่มภิกษุสารเลว ไม่สิ ภิกษุโง่เง่านั่นมาทำให้พวกเขาหมดสติและรู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ในคุกแห่งนี้แล้ว!
เ้าแมวอ้วนสิ้นหวังที่ร่างกายมันโหวงเหวงเพราะพลังเหลืออยู่ไม่มากนัก
คาดว่านางมารร้ายคงจะเป็หนักกว่ามัน
ครั้งนี้คงสูญเสียพลังไปหมดสิ้น ไม่ต่างจากการถูกโจรยกเค้าบ้าน!
เซียวเจวี๋ยถูกปลุกให้ตื่นจากแรงเขย่าอันรุนแรง รู้สึกถึงมือเล็กๆ ที่พยายามบีบรอบคอเขา นี่จะเอาชีวิตเขาไปจริงๆ หรือไง!
“ท่านอยากเป็ม่ายหรือไร?”
ชิงอีจ้องดวงตาซึ่งมีขนตายาวตรงข้ามนาง โดยดวงตาคู่นั้นทอประกายงดงามดุจดอกไม้บนถนนหวงเฉวียนที่ทำให้ใจสั่นไหว
อย่างไรก็ตาม นางที่ใจแข็งดั่งหินผาและไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใด แต่กลับมาพ่ายให้กับรูปโฉมอันหล่อเหลาของเขา
อย่างไรก็ตาม เซียวเจวี๋ยก็รู้สึกประหลาดใจกับความบ้าคลั่งของนางในตอนนี้
จากความรู้สึกของเขาดูเหมือนว่านี่จะเป็ครั้งแรกที่เด็กหญิงตัวเล็กๆ คนนี้โกรธเป็ฟืนเป็ไฟเช่นนี้
อืม ไม่มีพลังคาถาเลย…..มิน่าล่ะ...
อ่า จะยอมให้ท่านทำผิดหนึ่งวันก็แล้วกัน
“คายออกมา ท่านคายมันคืนมาให้ข้า!!!”
ชิงอีที่ความโกรธแล่นไปทั่วร่างขึงตามองเขา โก่วต้านและผีทั้งสี่ตัวที่มุมห้องตัวสั่นงันงก โดยเฉพาะผีสี่ตัว เมื่อพวกเขารู้ว่าชิงอีไม่มีพลังก็สบายใจขึ้นเล็กน้อย
ถึงพลังของนางจะหายไป แต่กลิ่นอายของนางที่แผ่ออกมาทันทีที่ตื่นขึ้นก็ยังคงทำให้ิญญากลัวจนตัวสั่น มันเป็ความหวาดกลัวที่หยั่งรากลึกถึงแก่นิญญาและไม่อาจฝืนได้เลย!
มันเป็การยอมจำนนโดยดุษณีของผู้น้อยต่อผู้ที่มีอำนาจ!
“คายอะไรหรือ?” เซ่อเจิ้งอ๋องกะพริบตาปริบๆ อย่างไร้เดียงสา ใบหน้าหล่อเหลาของเขามีความสับสน
“ท่านยังจะมารยาอีก!”
ชิงอีถลึงตาใส่ เ้าบ้านี่กลืนพลังของนางไปหมดยังจะมาตีหน้าซื่อใส่นางอีกอย่างนั้นหรือ?!
“หยุดซนได้แล้ว” เซียวเจวี๋ยรวบมือนางด้วยมือเพียงข้างเดียว เสียงของเขาดูอ่อนล้าและหากเพ่งพินิจดีๆ ใบหน้าของเขาดูหมองคล้ำจากพลังอันชั่วร้าย
ชิงอีเองก็รับรู้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเขาในยามนี้ นางหลุบตามองาแฉกรรจ์ตรงข้อมือของเขา
โฮะๆ ดูเหมือนพิษของหนูนั่นจะออกฤทธิ์แล้ว
จะตายแล้วใช่ไหม?
เซียวเจวี๋ยเห็นนางแสยะยิ้มพึงพอใจ สีหน้าฉายชัดว่าแทบจะทนรอให้เขาตายไม่ไหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความกวนประสาทเลย
“ดูเหมือนว่าท่านจะอยากให้ข้าตายเสียจริง” แต่เดิมน้ำเสียงของเขานุ่มลึกน่าดึงดูดอยู่แล้ว พอเวลานี้มันแหบแห้งมากกว่าเดิม ทำให้ฟังแล้วดูเร่าร้อนขึ้นไปอีก
“แน่อยู่แล้ว”
หลังจากที่เ้าตาย มาดูกันซิว่าข้าจะเอาิญญาเ้าลงกระทะอย่างไร!
“การตายของข้ามันเป็ผลดีต่อท่านงั้นหรือ หืม?”
“แน่นอนว่าข้อดีก็คือ...”
ใบหน้าของชิงอีระบายรอยยิ้มดูถูก ช้าก่อน...
การตายของเขาน่ะไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร แต่พลังของนางล่ะ? หลังจากถูกเขากลืนกินพลังไปก่อนหน้านี้มาบัดนี้ก็ไม่มีวี่แววจะฟื้นคืนมาเลย
หากเขาตายไปแล้วจะเป็เช่นไรต่อ แล้วถ้าพลังของนางไม่กลับมาล่ะ?
ถ้าเหล่าผีเฒ่าด้านล่างนั่นรู้เข้าละก็ ไม่ใช่ว่าพวกนั้นจะนั่งหัวเราะเยาะนางไปเป็พันเป็หมื่นปีเลยหรือไง?!
ชิงอีหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม
ดวงตากลมโตคู่สวยจ้องเขาอย่างดุดัน
ทั้งสองประจันหน้ากันเป็เวลานาน
“พรูด” เซียวเจวี๋ยปิดปากแล้วหลุดขำ
นางยามนี้...
สิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆ ที่เลี้ยงในจวนของเขา โดยเฉพาะการจ้องตาจนเกือบหลุดออกจากเบ้าเช่นนี้...ช่างโง่เขลานัก
“ดูเหมือนองค์หญิงยังคงอาลัยอาวรณ์ข้าอยู่เลยนะ”
เขาฉีกยิ้มอย่างมีชัย
และใครบางคนได้แต่กัดฟันกรอดๆ ด้วยความเกลียดชัง
“ยังลังเลอะไรอีกล่ะ?” รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเจวี๋ยหายไปในชั่วพริบตา อารมณ์ของเขากับชิงอีนั้นแปรปรวนไม่ต่างกัน
ชิงอีปรายตามองแขนที่ยื่นออกมาของเขา
“ท่านจะทำอะไร?”
“ตัดมันเลย”
ชิงอี : ...