ถังชิงอวี่!
ช่างอับโชคจริงๆ จะมาเดินเล่นหอเครื่องประดับให้สบายใจหน่อยก็บังเอิญพบเสียได้
หางตาเจินจูกระตุก เบะปากอย่างทำอะไรไม่ได้
“พี่หญิงสาม ดูสิท่านกล่าวอะไรกัน ท่านแม่พาพวกเราออกมาข้างนอก เพราะจะซื้อเครื่องประดับให้พวกเรา ท่านก็เลือกของท่านไปสิ ทำไมต้องมาจ้องจับผิดข้าด้วย” ถังชิงอวี่ใช้เสียงนิ่มนวลประท้วงขึ้น
“เหอะ เ้าอย่าได้ลำพองใจไป เ้าคิดว่าฮูหยินกั๋วกงให้กำไลหยกเป็ของขวัญพบหน้า เ้าก็จะได้เป็ฮูหยินซื่อจื่อหรือ? อย่าได้เพ้อฝันเลย” คุณหนูสามสกุลถังกล่าวเยาะเย้ยเสียงแ่เบา
“…พี่หญิงสาม ข้าจะคิดเพ้อฝันหรือไม่ ต่อไปจะได้รู้แจ้ง แต่ว่าขณะนี้ท่านเป็คู่หมั้นบุตรชายคนเล็กของจื่อฮุยเชียนซื่อ ตอนซื้อเครื่องประดับควรใส่ใจหน่อย ต้องเลือกให้สอดคล้องกับฐานะจึงจะเหมาะสม” ถังชิงอวี่ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นปิดริมฝีปากและหัวเราะแ่เบา
“…เ้า!” คุณหนูสามสกุลถังโมโหจนตัวสั่น เสียงสูงขึ้นฉับพลันอย่างเสียไม่ได้
ฮูหยินที่อยู่ด้านหน้าพวกนางหมุนกายกลับมา สายตากวาดผ่านพวกนางอย่างเข้มงวดปราดหนึ่ง
สองคนเงียบเสียงลงในทันที
เจินจูชำเลืองมองด้วยความสนใจ หันไปมองฮูหยินผู้นั้นอยู่พักหนึ่ง มวยผมประณีตเรียบร้อย รูปร่างได้สัดส่วนเครื่องประดับบนเสื้อผ้าเรียบง่ายไม่ฟุ้งเฟ้อ ผิวพรรณขาวผ่องหน้าตาเป็ระเบียบตามแบบคนงาม ใบหน้าที่เดิมทีสวยสง่ากลับดูเข้มงวดแข็งกระด้างอยู่บ้าง ทั้งยังมีริ้วรอยร่องแก้มลึกลงไปนิดหน่อยด้วย
นี่คงเป็ฮูหยินสกุลถังกระมัง
เจินจูกับผิงอันเดินตามลูกจ้างไปจนถึงหน้าตู้สินค้าเครื่องประดับ หลิวอี้เข้ามายืนอยู่ด้านหลังของพวกนาง หลังลูกจ้างร้านถามชัดเจนว่า้าซื้อเครื่องประดับให้ผู้ใดแล้ว จึงแนะนำรูปแบบที่ตรงตามกลุ่ม่วัยขึ้น
เจินจูหยิบปิ่นทองหนึ่งชิ้นที่ใกล้มือขึ้นมา แสร้งดูอย่างละเอียด ทว่าหูกลับคอยฟังการเคลื่อนไหวทางถังชิงอวี่ตลอดเวลา
ในมือถังชิงอวี่ถือปิ่นทองผีเสื้อเกาะบุปผาฝังอัญมณีทับทิม สีสันสดใสมีน้ำหนัก นางถือมันไว้ในมือตัดใจวางไม่ลง ผู้เป็มารดาพานางกับพี่หญิงสามออกมาข้างนอกซื้อเครื่องประดับ พี่หญิงสามหมั้นหมายแล้ว เครื่องประดับที่ซื้อใหม่นี้ล้วนเป็สินเดิมฝ่ายสาว ส่วนนางเื่การแต่งงานยังไม่ได้ตกลง ทว่ากลับได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกันด้วย นางอดคิดถึงท่าทีสนิทสนมของฮูหยินกั๋วกงในตอนที่ไปจวนเจิ้นกั๋วกงขึ้นไม่ได้
ความคิดเล็กๆ ในใจลิงโลดขึ้นอย่างมาก หากนางแต่งให้กับซื่อจื่อของเจิ้นกั๋วกงได้ เช่นนั้นนางก็จะเป็ฮูหยินซื่อจื่อ ในบรรดาพี่สาวน้องสาว นับได้ว่านางจะเป็คนที่แต่งออกไปได้มีหน้ามีตาที่สุดแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าถังชิงอวี่ระงับไว้ไม่อยู่
“คุณหนูเ้าคะ” ชิวเยว่สาวใช้ข้างกายกระตุกแขนเสื้อของนาง
“มีอะไร?” ถังชิงอวี่ถามอย่างไม่ได้สนใจ
“ท่านรีบดูสิเ้าคะ สองคนทางนั้น ไม่ใช่สองพี่น้องที่บังเอิญพบในวัดต้าเอินหรอกหรือเ้าคะ?” ชิวเยว่ชี้ไปยังทิศทางที่พวกเจินจูอยู่
ถังชิงอวี่มองตามไปทันทีหลังจากนั้นดวงตาก็เบิกกว้างขึ้น เสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกขาวสวยงามยิ่งนัก ขนสัตว์ปุยนุ่มสีขาวราวหิมะไม่มีสีอื่นปนเปื้อนเลยแม้แต่นิด ผ้าต่วนกลิ่นหอมโบราณ [1] สีขาวงาช้าง มองดูก็รู้ได้ทันทีว่าเป็วัสดุแบบใหม่ในปีนี้ เพียงเสื้อคลุมตัวนี้ตัวเดียวก็คาดว่าราคาไม่เบาแล้ว
มองให้ละเอียดขึ้นไปอีก สีผิวขาวกระจ่างใสแวววาวดุจหิมะก็ไม่ปาน ลูกตาดำคล้ายดวงดาวในยามค่ำคืน จมูกรั้นเป็สันขึ้นอย่างสวยงาม ริมฝีปากรูปผลอิงเถาอิ่มเอิบชุ่มชื้นอมชมพู ช่างเป็สตรีที่งดงามดูมีเสน่ห์ยิ่งนัก
แต่ทำไมรู้สึกคุ้นตาอยู่เล็กน้อยนะ นางคิดถึงคำพูดของชิวเยว่ขึ้น รีบมองชายวัยเยาว์ข้างกายหญิงสาว เป็สองพี่น้องผู้นั้นนี่เองหรือนี่ ด้านหลังพวกนางยังมีคนรับใช้ยืนอยู่อีกด้วย
ตอนแรกนางก็รู้สึกว่าพวกนางคงเป็คุณหนูคุณชายของครอบครัวร่ำรวยที่มีตำแหน่งสูงอำนาจมากที่ไหนอยู่เช่นกัน พอเห็นในยามนี้แล้วยิ่งยืนยันในสิ่งที่นางคิดขึ้นไปอีก
ดวงตาของนางกลอกกลิ้งมองไปมา ฝืนใจเจ็บวางปิ่นทองในมือลง
นางเดินอย่างเชื่องช้าไปทางสองพี่น้อง ในขณะเดียวกันการกระทำของนางก็อยู่ภายใต้สายตาสงสัยของพี่หญิงสาม
“คุณหนูท่านนี้ พวกเรามีวาสนาต่อกันจริงๆ ได้พบหน้ากันอีกแล้วนะนี่”
นางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทักทายขึ้น
เจินจูได้ยินบทสนทนาของพวกนางอยู่ก่อนแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็หันหลังกลับไป แสร้งทำเหมือนว่าไม่รู้จัก “คุณหนูท่านนี้ พวกเรารู้จักกันหรือ?”
สีหน้าถังชิงอวี่เปลี่ยนไปทันที หลังจากนั้นก็แย้มรอยยิ้มขึ้นอีกครั้ง “ท่านล้อกันเล่นแล้ว ครั้งก่อนที่อยู่ในวัดต้าเอิน พวกเราไม่ใช่เคยพบกันหรือ?”
“น้องชายของท่านอีกนิดก็เกือบชนคุณหนูของพวกเราอยู่เลย” ชิวเยว่อดพูดแทรกขึ้นไม่ได้
เจินจูสีหน้าเรียบนิ่ง นางชำเลืองมองชิวเยว่ปราดหนึ่งด้วยความเ็า คางเชิดขึ้นเล็กน้อยเลียนแบบท่าทางหยิ่งยโส “คนรับใช้ของท่านควรได้รับการสั่งสอนสักหน่อยหรือไม่ กล่าวออกมาไม่ดูสถานการณ์เช่นนี้ ระวังคำพูดที่ออกจากปากจะสร้างปัญหาให้”
ั์ตานางเรียบนิ่งเคร่งครึม แฝงไว้ด้วยความหยิ่งยโสท่าทางโอหัง รวมกับการแต่งกายและเครื่องประดับที่สูงศักดิ์ไปทั้งร่าง ทำเอาถังชิงอวี่และคนใช้ของนางใจนหน้าถอดสีตัวสั่นเล็กน้อยทันที
“…ท่านกล่าวได้ถูกต้อง สาวใช้ช่างไร้สายตามองสถานการณ์ ชิวเยว่ รีบกล่าวขอโทษสิ” ถังชิงอวี่บิดชิวเยว่ ชิวเยว่สาวใช้ผู้นี้มักปากไม่มีหูรูด ไม่รู้จักมองให้ชัดแจ้งว่าอีกฝ่ายมีสถานะเช่นไร กล้ากล่าวแทรกขึ้นมาตามอำเภอใจได้อย่างไร
“…หนูปี้กล่าวผิดไปแล้ว ขอคุณหนูโปรดอย่าได้ตำหนิเ้าค่ะ” ชิวเยว่ย่อกายทำการขออภัยอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรนัก
เจินจูมองด้วยหางตาอย่างเ็าปราดหนึ่ง หมุนตัวกลับไม่สนใจพวกนางอีก
ถังชิงอวี่ตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทำได้เพียงกลับมาข้างกายฮูหยินถังด้วยอาการซึมลงไป
“พรืด... คนบางคนน่ะนะ เป็แค่ม้าที่ไม่รู้ว่าหน้ายาว [2] ไม่รู้จักเจียมตัว เห็นเสื้อผ้าของผู้อื่นดูสูงศักดิ์ก็อยากเข้าหาสักนิดสักหน่อย น่าเสียดายนักที่ดวงตาคนเขาไม่ได้มืดบอด” คุณหนูสามสกุลถังเย้ยหยันเต็มที่
ใบหน้าถังชิงอวี่คล้ำเขียวไปพักหนึ่งสลับกับขาวซีดไปอีกพักหนึ่ง จากนั้นน้ำตาเริ่มกระจุกก่อตัวรวมกันขึ้น
ชิวเยว่ที่เมื่อสักครู่ตกเป็รองอยู่ต่อหน้าผู้อื่น ในใจกำลังไม่สบอารมณ์ เมื่อคำพูดของคุณหนูสามสกุลถังกระทบเข้าหูก็ยิ่งเหมือนน้ำมันราดรดกองไฟ “คุณหนูสาม ท่านจะกล่าวเช่นนี้ไม่ได้นะเ้าคะ รอวันข้างหน้าคุณหนูของข้ากลายเป็ฮูหยินซื่อจื่อ ผู้ใดจะเข้าหาผู้ใดก็ยังไม่รู้เลยเ้าค่ะ”
เสียงของนางไม่เบา ทำให้ฮูหยินถังที่ยืนเลือกเครื่องประดับอยู่ข้างหน้าก็ได้ยินเข้าเช่นกัน
ฮูหยินถังหมุนตัวกลับมาทันที สายตาอึมครึมจ้องเข้าที่ชิวเยว่ ‘เพียะ’ เสียงตบหน้าดังก้องขึ้นภายในโถงใหญ่
ชิวเยว่ถูกฝ่ามือแรงมหาศาลตบเข้าฉาดหนึ่งจนเซไปเล็กน้อย หลังจากนั้นยกมือขึ้นกุมใบหน้ามองฮูหยินถังด้วยความตื่นใและตะลึงงัน
“ไร้มารยาท คำพูดเพ้อฝันอะไรก็ล้วนกล้ากล่าวมันออกมาแล้วงั้นหรือ เมอเมอหลิว คุมตัวนางกลับจวนไปให้ข้า แล้วขังนางไว้ที่ห้องเก็บฟืน รอข้ากลับไปจะจัดการนางอีกที” ฮูหยินถังออกคำสั่งอย่างเ็า
หญิงชราข้างกายนางรีบเคลื่อนกายขึ้นทันที จับมือของชิวเยว่แน่นและลากออกไปด้านนอกอย่างทุลักทุเล
“คุณหนู” ชิวเยว่ใหวาดกลัวจนร้องไห้ะโเรียกไปทางถังชิงอวี่
ถังชิงอวี่ที่เงียบเชียบเหมือนจักจั่นในหน้าหนาวอยู่แล้ว จะกล้าเอ่ยสิ่งใดออกมาเสียที่ไหน
“หากโวยวายขึ้นอีก กลับไปให้โบยยี่สิบไม้หนักๆ” คำพูดของฮูหยินถังทำให้ชิวเยว่กลืนเสียงกลับลงไปทันที และเดินตามหลังหญิงชราไปแต่โดยดี
การเคลื่อนไหวของพวกนางไม่เบา จึงดึงดูดให้เกิดการมุงดูของผู้คนเข้ามามากมาย
ฮูหยินถังใบหน้าเรียบนิ่งไม่สะทกสะท้าน หมุนกายกลับไปเริ่มเลือกเครื่องประดับอีกครั้ง คนที่มามุงดูอยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้น คิดว่าเป็เพียงการสั่งสอนสาวใช้ที่ไม่เชื่อฟังจึงไม่มีผู้ใดสนใจอีก
จนกระทั่งผู้คนรุมล้อมได้กระจายออกไปแล้ว ฮูหยินถังจึงเลี่ยงลูกจ้างร้าน เดินเข้ามาใกล้ถังชิงอวี่พร้อมกับจ้องนางอย่างเย็นเยียบ แล้วจึงกล่าวเสียงแ่เบาตำหนินางขึ้น
“ผู้ใดบอกเ้าว่าเ้าจะเป็ฮูหยินซื่อจื่อได้? …หือ? เ้าคิดว่าหน้าตาของบิดาเ้าใหญ่โตเพียงนั้นเลยหรือ? คุณหนูผู้หนึ่งของขุนนางขั้นสามจะคู่ควรกับซื่อจื่อของเจิ้นกั๋วกงได้งั้นหรือ? สมองของเ้าทำจากเต้าหู้หรืออย่างไร? มีความรู้บ้างหรือไม่? ไปจวนกั๋วกงหนึ่งรอบก็สามารถเป็ฮูหยินซื่อจื่อได้แล้วงั้นหรือ? เช่นนั้นหากเ้าเข้าวังหนึ่งรอบก็คิดจะเป็หวงเฟยใช่หรือไม่? นังลูกโง่!”
คำพูดของฮูหยินถังทำให้เจินจูที่แอบฟังอยู่เกือบหลุดหัวเราะออกมา
ถังชิงอวี่สีหน้าขาวซีด เดิมทีนางกล้าเพียงคิดอยู่ในใจเท่านั้น ล้วนเป็ชิวเยว่ที่เอาแต่ปลุกปั่นอยู่ข้างหูตลอดเวลา กล่าวคำพูดจำพวกว่าร่างกายของซื่อจื่อเจิ้นกั๋วกงไม่ค่อยดี คุณหนูครอบครัวขุนนางระดับสูงต้องไม่สนใจเป็แน่ มารดาของนางกับฮูหยินกั๋วกงเป็ลูกพี่ลูกน้องกัน เมื่อฮูหยินกั๋วกงปฏิบัติต่อนางดีเป็พิเศษเช่นนี้ ไม่แน่ว่าอาจอยากให้นางมาเป็ลูกสะใภ้จริงๆ หัวใจของถังชิงอวี่ที่ได้ฟังก็ยากจะทานทนขึ้นไปอีก
คำพูดของฮูหยินถังราวกับน้ำเย็นหนึ่งกะละมังเทราดลงบนศีรษะของถังชิงอวี่ ทำให้ทั้งกายของนางั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้าเยียบเย็น ร่างกายสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง
คุณหนูสามสกุลถังยืนยิ้มอยู่ด้านข้าง ท่าทางกำลังดูกายกรรมสนุกสนาน
“…ท่านแม่ เช่นนั้นทำไมท่านต้องพาข้ามาซื้อเครื่องประดับด้วยล่ะเ้าคะ?” ถังชิงอวี่ข่มความอับอายไว้และถามอย่างขลาดกลัว
ฮูหยินถังมองไปรอบๆ ทางซ้ายขวา เมื่อเห็นว่าบริเวณใกล้เคียงที่พวกนางอยู่ไม่มีคนนอก และลูกจ้างร้านก็ถอยไปอีกฝั่งหนึ่งอย่างรู้จักวางตัว
นางจึงบอกเื่ที่หารือกับเถาซื่อให้นางฟัง ลูกโง่ของนางผู้นี้จะได้ไม่เอาแต่คิดอยากได้ของที่ไม่ใช่ของตัวเองทั้งวัน
พี่ชายเหยียน? ในสมองของถังชิงอวี่ปรากฏเงากายที่สูงสง่าทว่าแข็งกระด้างทื่อๆ ของเถาเหยียนขึ้น ทำไมถึงเป็เขาได้นะ?
ถังชิงอวี่กัดริมฝีปาก เบ้าตาแดงรื้นขึ้นอีกครั้ง
แม้เถาเหยียนหน้าตาจะไม่เลว แต่อุปนิสัยอนุรักษ์นิยมน่าอึดอัดใจเป็ที่สุด นางไม่ชอบเขาเลย
อีกทั้งรูปโฉมก็ไม่หล่อเหลารูปงามเท่าหลัวจิ่ง ฐานะก็เทียบไม่ได้กับซื่อจื่อ นางปฏิเสธได้หรือไม่นะ?
ฮูหยินถังเห็นสีหน้าของนางอยู่ในสายตา ในใจแค่นเสียงไม่สบอารมณ์อย่างเ็าหนึ่งที หากนี่ไม่ใช่บุตรสาวนาง นางคงตบหน้าสักหนึ่งฉาดไปแล้ว
“เ้ามีอะไรไม่พอใจ ท่านปู่ของพี่ชายเหยียนเ้าเป็เน่ยเก๋อเสวียซื่อ ท่านอาเป็ฮูหยินกั๋วกง เขาหน้าตาไม่แย่ การวางตัวระมัดระวังรอบคอบ ทั้งยังสอบผ่านบัณฑิตเด็กแล้วด้วย ขอแค่ปีหน้าผ่านการสอบเซียงซื่อไปอีก เขาก็จะเป็จวี่เหรินอย่างเป็ทางการแล้ว เหอะ... เ้ายังกล้าจ้องจับผิดเขาอีก คนเขาไม่รังเกียจเ้าก็ดีเท่าไรแล้ว”
คุณหนูสามสกุลถังที่อยู่ด้านข้างพอได้ฟังก็บิดผ้าเช็ดหน้าแน่น ทำไมน้องหญิงสี่ผู้นี้ถึงได้โชคดีอยู่ตลอดเลย ตอนแรกก็มีสัญญาหมั้นหมายปากเปล่ากับบุตรชายคนรองของกวงลู่ซื่อชิงหลัวเจวี้ยน ต่อมายังได้พูดคุยเื่การแต่งงานกับหลานชายสายเืตรงของเน่ยเก๋อเสวียซื่ออีก ส่วนนางทำได้เพียงแต่งให้กับบุตรชายคนเล็กของจื่อฮุยเชียนซื่อเท่านั้นเอง ท่านพ่อท่านแม่ไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว
ถังชิงอวี่ได้ฟังคำพูดของผู้เป็มารดา สีหน้ากลับดีขึ้นมาได้หน่อย ใช่สิ... ท่านปู่ของพี่ชายเหยียนเป็เน่ยเก๋อเสวียซื่อขั้นสอง ท่านอาเป็ฮูหยินของเจิ้นกั๋วกง อีกทั้งเขายังอาศัยความสามารถสอบเป็ซิ่วฉายได้อีก แม้การวางตัวทื่อๆ ไม่ค่อยพูดจา ทว่าเป็คนที่สุภาพมีมารยาท กล่าวขึ้นมาแล้วก็เหมือนกับว่าไม่ได้แย่เพียงนั้น
“รอกลับไปแล้วเนรเทศสาวใช้ผู้นั้นของเ้าไปห้องซักผ้าเสีย ไม่มีคนไร้มารยาทจะได้ไม่พาเ้าไขว้เขว เ้าก็ทำตัวดีๆ กับข้า หากกล้ามีความคิดไม่ดีอีก ข้าจะให้เ้าแต่งไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ชั่วชีวิตนี้ไม่ต้องกลับมาแล้ว” ฮูหยินถังเสียดสีนาง บุตรสาวของนางไม่กี่คนนี้ ไม่มีสักคนเลยที่ทำให้สบายใจได้ ดื้อดึงไม่เชื่อฟังจริงๆ วิธีการไล่ไปไกลๆ จึงจะเป็วิธีที่ดีที่สุด
เดิมทีถังชิงอวี่ยังอยากร้องขออภัยให้ชิวเยว่ เมื่อได้ยินดังนั้นจึงรีบกลืนคำลงไปทันที แต่ไหนแต่ไรมามารดาของนางล้วนกล่าวเช่นไรทำเช่นนั้น เมื่อก่อนพี่หญิงรองพึ่งพาความรักและทะนุถนอมจากท่านปู่ มักตั้งตัวเป็อริกับมารดาอยู่เสมอ ผลสุดท้ายเมื่อท่านปู่จากไป นางจึงถูกท่านแม่ส่งไปแต่งงานไกลถึงทิศใต้ สามสี่ปีล้วนไม่มีข่าวคราว
คุณหนูสามแห่งสกุลถังก็คิดเื่นี้ได้เช่นกัน ความโกรธแค้นที่ไม่ได้รับความยุติธรรมในใจเ่าั้ สลายเป็ฝุ่นควันพัดลอยกระจายไปในอากาศทันที นางกับถังชิงอวี่มองหน้ากันและกันแวบหนึ่ง ต่างก็มองเห็นความขี้ขลาดในดวงตาของอีกฝ่าย
เมื่อฮูหยินถังเห็นว่าพวกนางประพฤติตัวดีขึ้น จึงเก็บสายตากลับไปด้วยความพึงพอใจ พร้อมกับหมุนตัวไปดูเครื่องประดับต่อ
“ท่านพี่... ท่านพี่” ผิงอันะโเรียกพี่สาวที่ใจลอย
“อ๊ะ? มีอะไรหรือ?”
เสียงของผิงอันเรียกความสนใจของเจินจูกลับมา
“ชิ้นนี้ท่านแม่ปักแล้วต้องสวยแน่ ซื้อชิ้นนี้ให้ท่านแม่ดีหรือไม่?” เขาถือปิ่นไข่มุกแปดสมบัติพู่ทองห้อยระย้าหนึ่งชิ้นในมือ งานฝีมือประณีต รูปแบบมีสง่า เหมาะกับหลี่ซื่อจริงๆ
“อื้ม สวยมาก เ้าเลือกเถอะ ซื้อเครื่องประดับให้ท่านแม่สักสี่ชุดแล้วกัน อืม... พี่รองซื้อสักสองชุด ท่านย่ากับท่านป้าสะใภ้ซื้อคนละชุด ให้ลูกจ้างร้านแนะนำตามฐานะอายุสักหน่อย เ้าดูเสร็จแล้วอีกสักพักข้าค่อยเลือกของอื่นๆ ให้เข้าคู่กับเครื่องประดับ เมื่อกลับไปถึงจะได้มอบให้คนได้” ผิงอันมีความคิดละเอียดรอบคอบ อีกทั้งสายตาก็ไม่เลวอีกด้วย เจินจูจึงส่งมอบหน้าที่นี้ให้เขาได้อย่างสบายใจเป็อย่างมาก
ลูกจ้างที่อยู่ด้านข้างได้ยินดังนั้น ดวงตาเป็ประกายขึ้น นี่เป็ลูกค้ารายใหญ่เลยนี่ เครื่องประดับเหล่านี้ที่จะซื้ออย่างน้อยต้องจ่ายเงินหนึ่งถึงสองพันเหลียงเลยนะ
เขายิ้มกระตือรือร้นขึ้นอย่างมาก โค้งเอวลงและทุ่มเทการแนะนำเครื่องประดับแต่ละแบบเพิ่มขึ้นอย่างเต็มที่
เจินจูมายืนอยู่หน้าตู้สินค้า ทว่าดวงตากลับชำเลืองมองไปทางแม่ลูกสามคน ข้างในดวงตามีความรู้สึกไม่สบายใจสลับซับซ้อนผุดขึ้นอย่างอธิบายไม่ถูก
เชิงอรรถ
[1] ผ้าต่วนกลิ่นหอมโบราณ เป็ผ้าต่วนชนิดหนึ่ง มีลวดลายหลากหลาย เช่น ต้นไม้ บ้านเรือน คน สัตว์ สิ่งของอยู่ในลายผ้าผืนเดียวกัน สถานที่ผลิตผ้าลวดลายนี้อยู่ที่ซูโจวและหางโจว
[2] ม้าไม่รู้ว่าหน้ายาว เป็การอุปมาถึงคนที่ไม่รู้จักประมาณตน ไม่รู้จักตัวเอง