เมื่อตื่นขึ้นในวันรุ่งขึ้น ที่จวนครึกครื้นกว่าปกติ
อวิ๋นอี้เรียกเซียงเหอให้มาอาบน้ำ ฟังดูจากสถานการณ์ ถึงได้รู้ว่าหรงซิวไปทำงาน แต่จะมีงานเลี้ยงหลังจากกลับถึงจวน
“งานเลี้ยงกระไร?” นางเริ่มสงสัยอีกครา
“ได้ยินว่าจะมีแขกมาเยอะเพคะ ก่อนที่องค์ชายจะออกไป เขาสั่งให้ไปเตรียมของที่สวนด้านหลังเพคะ” เซียงเหอตอบพร้อมติดปิ่นผมสีทองให้นาง
อวิ๋นอี้ได้ยินว่านางรู้ไม่ชัดเจน จึงไม่ถามกระไรอีก
เมื่อถึงตอนเที่ยงครึ่ง หรงซิวพาแขกสองสามคนกลับมาที่จวน หลังจากที่เซียงเหอมารายงาน อวิ๋นอี้ก็ออกไปทันที จึงเห็นบุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามาหานางด้วยอารมณ์แจ่มใส
เขายิ้มแล้วถามนางว่า “นอนหลับสบายดีหรือไม่?”
อวิ๋นอี้พยักหน้า มองไปข้างหลัง ก็เห็นหรงหลิน นางทักทายอย่างสุภาพว่า “เหตุใดจึงมิเห็นซือฝานเล่าเพคะ?”
“อีกสักครู่นางจะมา บอกว่าจะไปรับพระชายาเอกองค์รัชทายาทน่ะพ่ะย่ะค่ะ” หรงหลินตอบอย่างอ่อนโยน
“พระชายาเอกจะมาด้วยหรือ?” อวิ๋นอี้ประหลาดใจมาก
หลังจากออกกลับมาจากสำนักซืออี๋แล้ว นางมิได้ติดต่อกับตู้ซือโหรวนัก คราสุดท้ายที่พบกันก็เป็งานเลี้ยงคืนนั้น ทว่ามีคนเยอะ จึงมิได้คุยกัน
หรงหลินไม่แน่ใจนัก ยักไหล่แล้วพูดว่า “ซือฝานบอกเพียงว่าจะไปชวนพ่ะย่ะค่ะ ทว่าจะมาได้หรือไม่เป็อีกเื่หนึ่ง”
อย่างไรเสียคนที่พระราชวังตะวันออกล้วนเป็ผู้สูงศักดิ์ ในวันธรรมดาจะมิได้เห็นพวกเขานั้นเป็เื่ปกติมาก
หลังจากทักทายกันพอเป็พิธีแล้ว หรงซิวก็พาทุกคนไปที่สวนหลังจวน
สวนในฤดูกาลนี้มีทัศนียภาพอันเป็เอกลักษณ์
ภายในสวนเต็มไปด้วยไม้ดอกและพืชพันธุ์ต่างถิ่นนานาพันธุ์ ดอกไม้หลากสีสัน บานอย่างคึกคัก แย่งชิงกันบานสะพรั่ง และมีทะเลสาบสีเขียวอยู่ไม่ไกล มีใบบัวลอยอยู่ในทะเลสาบ สีเขียวมรกตและสีเขียวเข้มหลากหลาย ดูแวววาวสวยงามยิ่งนัก
หรงซิวสั่งให้คนจัดสถานที่ไว้แล้ว กลุ่มคนนั่งอยู่ใต้หิ้งดอกไม้ รู้สึกราวถูกล้อมรอบด้วยต้นไม้เขียวขจีทำให้ร่างกายและจิตใจสงบลง
นอกจากอวิ๋นอี้ ที่เหลืออีกห้าคนในกลุ่มเป็บุรุษร่างใหญ่
นางนั่งหน้าแห้ง มิรู้จะพูดกระไรดี ทว่าโชคดีที่มีหรงซิว เขารู้ใจพวกบุรุษ เมื่อพาคุยเื่ต่างๆ ทุกคนก็พากันเห็นด้วย
ในเวลาไม่นานบรรยากาศพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมา
คนใช้นำขนม ชา และผลไม้ที่เตรียมไว้มาให้
เวลาบุรุษคุยกันจะใส่ใจมาก แทบจะไม่กะพริบตาเลย อวิ๋นอี้เบื่อจนปากแทบจะมีนกออกมา เลยต้องทานอาหารไปเรื่อยๆ
เมื่อทานจนได้ที่ พ่อบ้านก็มารายงานว่ากู่ซือฝานและพระชายาเอกมาแล้ว
ทันทีที่กู่ซือฝานปรากฏตัว เสียงก็พลันดังขึ้น “ว้าว! ท่านพี่! สวนของท่านสวยมากเพคะ! พระเ้า! นี่คือดอกพลับพลึงแดงที่ประเมินค่ามิได้ใช่หรือไม่เพคะ!”
หรงซิวตอบว่าใช่ นางพลันเอามือปิดปาก รู้สึกประหลาดใจ พูดไม่ออกด้วยความตื่นเต้น
มีต้นไม้ราคาแพงมากมายที่ปลูกในสวน อวิ๋นอี้รู้ไม่มาก นางไม่ค่อยศึกษาเกี่ยวกับดอกไม้และพืชพันธุ์มากนัก มองดูสีดอกไม้แห่งฤดูร้อนทว่ามองพันธุ์มิออก
เพราะว่ามองพันธุ์ไม่ออก จึงมิรู้ว่ามันมีค่าหรือไม่
ในทางกลับกัน กู่ซือฝานกลับประหลาดใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนหรงหลินทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาจึงเดินไปหานาง พานางไปที่โต๊ะแล้วนั่งลง
นางจึงสงบลงได้
หรงซิวจิบชาแล้วเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ “ทุกคนมาพร้อมแล้ว นั่งเฉยๆ ก็น่าเบื่อ เรามาเล่นเกมปาลูกดอกกันเถิด?”
“ดีเพคะ ดี!” กู่ซือฝานชอบความครื้นเครง รีบเห็นด้วยทันที
ทุกคนมาที่นี่เพื่อสนุกกัน คนอื่นๆ ย่อมเห็นด้วย
เกมที่เรียกว่าปาลูกดอกนี้ ผู้เข้าร่วมจะต้องโยนลูกดอกในมือของพวกเขาลงในขวดปากกว้างทีละคน ในเวลาเดียวกัน ผู้เล่นที่ขว้างลูกดอกได้มากที่สุดจะเป็ผู้ชนะ
หลังจากหรงซิวอธิบายกฎเสร็จแล้ว เขาก็หยุดพูดและขยิบตาอย่างเ้าเล่ห์ “วันนี้เราจะเล่นกันเป็คู่”
มีขั้นตอนพิเศษในการเล่นเป็คู่คือ จะต้องให้ผู้เข้าร่วมมัดมือติดกัน ปาลูกดอกออกไปพร้อมกัน เป็การวัดความสามัคคีและใจที่ตรงกันของทั้งคู่
ตามกฎแล้ว คู่สามีภรรยาสองคู่จับเป็คู่ องค์ชายคนโตของเป่ยิเผยยวนอี้กับพระชายาเอกองค์รัชทายาทต้าอวี่ตู้ซือโหรวอยู่ด้วยกัน ที่เหลือคือเผยหลางเย่และหลี่ซูซวนอยู่ด้วยกัน
อวิ๋นอี้มีความสุขในใจ มิรู้ว่าเพราะเหตุใด เมื่อเห็นหลี่ซูซวนดูไม่สบายใจ นางกลับรู้สึกตื่นเต้นมาก
“เหตุใดเ้าจึงยิ้มมีความสุขเช่นนี้?” นางแอบยิ้มเยาะ พลันโดนหรงซิวแตะที่ฝ่ามือ เสียงของเขาก็ดังขึ้น "ทำเื่ไม่ดีกระไรอีกหรือ?"
"เปล่าสักหน่อย" อวิ๋นอี้จ้องไปที่เขา “อย่ามาใส่ร้ายข้า”
หรงซิวเพียงแค่หยอกล้อนาง เมื่อเห็นว่าสาวน้อยจริงจังมากก็อดหัวเราะออกมามิได้และเกลี้ยกล่อมว่า “ได้ ได้ ข้าผิดเอง”
“ฮึ่ม!” ยิ่งกล่อมนางยิ่งได้ใจ “รู้ว่าผิดแล้ว อีกเดี๋ยวตั้งใจเล่นให้ดีนะเพคะ"
“ทำได้ดีจะมีรางวัลหรือไม่?” หรงซิวรีบพูดเพื่อหาผลประโยชน์ให้ตนเอง แต่กลับถูกอวิ๋นอี้ตบ “มิมีเพคะ!”
ทั้งสองทะเลาะกันจบ ก็เตรียมตัว ทุกคนในกลุ่มมัดมือไว้ด้วยกัน คนใช้วางขวดปากกว้างห่างไปสามเมตร
เพื่อให้การเล่นเกมน่าสนใจยิ่งขึ้น หรงซิวได้กำหนดกฎเพิ่มเป็พิเศษ
การแข่งขันจะแบ่งออกเป็สองขั้น ระยะแรกจะอยู่ห่างออกไปสามเมตร สองกลุ่มแรกที่ชนะในด่านนี้ เข้าสู่ด่านที่สองห่างออกไปห้าเมตร จากนั้นถึงการแข่งสุดท้าย
เมื่อรู้กฎอย่างชัดเจน ฆ้องดังขึ้น ภายในเวลาหนึ่งกำยาน สองกลุ่มแรกที่มีปาได้มากที่สุดจะเป็ผู้ชนะ
การแข่งขันเริ่มขึ้นทันที
แม้แต่อวิ๋นอี้ที่กำลังยิ้มแฉ่ง ยังจดจ่ออยู่กับการแข่งขัน
หรงซิวได้นำทัพมาตลอด มีดปืนดาบง้าวของพวกนี้ มิมีกระไรที่เขาไม่ชำนาญ หลังจากลูกศรสองอันแรกตกลงสู่พื้น สิ่งต่อมากล่าวได้ว่าก็ไม่พลาดเลยสักลูก ลงหมดทุกดอก
อีกสามกลุ่มมีเื่ที่น่าขันของตนเอง
หรงหลินและกู่ซือฝานปาลูกดอกอยู่ดีๆ ก็เริ่มทะเลาะกัน กู่ซือฝานบ่นอยู่นาน ปากของนางไม่หยุดนิ่ง หรงหลินถูกบ่นจนทำกระไรไม่ถูก มือของเขาไม่นิ่ง ไม่ต้องพูดถึงเื่ว่าจะปาลงหรือไม่ลง
การร่วมมือกันของหลี่ซูซวนกับเผยหลางเย่ ยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก
ทั้งสองมีนิสัยเอาแต่ใจ ทั้งสองหงุดหงิดฝ่ายตรงข้าม ราวกับปืนใหญ่ที่จุดติด พวกเขาร่วมมือกันปาพลาดหมด จากนั้นหันมามองหน้ากัน ยอมแพ้ และไม่แข่งไปเสียเลย
กลุ่มที่เข้ารอบถัดไปจึงเป็กลุ่มของหรงซิวและเผยยวนอี้กับพระชายาเอก
คนใช้มาขยับขวดให้ห่างออกไปห้าเมตร ฆ้องดังขึ้นอีกครา อวิ๋นอี้ถูกหรงซิวนำทางคว้าชัยชนะมาอย่างง่ายดาย
เดิมทีในเกมแรก กลุ่มของเผยยวนอี้ถูกนำโด่ง ผลลัพธ์เป็ไปตามที่ทุกคนคาดไว้
“เราใจตรงกัน” หรงซิวพูดชื่นชมที่ข้างหูนาง “ใช่หรือไม่ เมียจ๋า?”
อวิ๋นอี้ถูกเขาหยอกล้อจนขนลุกไปทั้งตัว จนต้องหดคอเดินออกไปไกล
จุดประสงค์ของเกมคือเพื่อสร้างความบันเทิง แพ้ชนะนั้นเป็เื่รอง
หรงซิวให้คนใช้ขนของออก บอกว่าจะพาพวกบุรุษไปคุยกัน ให้สตรีได้มีเวลาคุยกัน ต่างคนต่างคิดไม่เหมือนกันทว่าตกลงกันได้โดยปริยาย
พวกเขาลุกขึ้นจากไป ทันใดนั้นบริเวณโดยรอบพลันเงียบลง
อวิ๋นอี้นั่งลงข้างตู้ซือโหรว ถามว่า "มาได้อย่างไรเพคะ?"
"กระไรกัน จวนเ้ามิต้อนรับข้าเช่นนั้นหรือ?" ตู้ซือโหรวจงใจพูดให้นางพูดไม่ออก ทำเอาอวิ๋นอี้อยากจะตบนาง "ข้าเพียงแค่เกรงว่าจวนเล็กๆ ของข้านี้จะไม่เหมาะสมกับพระชายาเอกน่ะเพคะ!"
"ไร้สาระ!" นางขัดขึ้น "จริงสิ องค์ชายเป่ยิทั้งสองคนมาทำกระไร?"
"มาเที่ยวเล่นนะสิ" อวิ๋นอี้ตอบกลับ
ตู้ซือโหรวยิ้มและขยิบตา “หลอกข้าหรือ? แต่กระนั้นในเมื่อเ้าไม่อยากพูดข้าก็ไม่ถามแล้ว เรามิได้เจอกันเสียนาน คุยเื่สนุกๆ กันเถิด”
“เื่สนุกกระไร?” อวิ๋นอี้กับกู่ซือฝานพูดพร้อมกันอย่างไม่เคยเป็มาก่อน “ซูเมี่ยวเออร์หรือเพคะ?”
ตู้ซือโหรวแสดงท่าทีดูถูกในสายตา “นางจะเป็ตายอย่างไรมิมีกระไรให้น่าพูดถึงหรอก ที่ข้าจะพูดคือ สตรีผู้มากความสามารถอันดับหนึ่งคนก่อน ได้ยินว่ากลับมาที่เมืองหลวงแล้ว”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้