ชายหนุ่มบนโซฟาชี้ไปที่กำไลหยกสีขาวในแผ่นพับ “ผม้าชิ้นนี้”อย่างไรเสียก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วลุงเจียงพยักหน้าแล้วเดินออกจากห้องวีไอพี
หยิ่นยวี๋โม่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมเธอยังคงมองกำไลหยกสีขาวชิ้นนั้นแล้วยิ้มออกมาของอย่างอื่นสำหรับเธอตอนนี้มันไม่สำคัญอีกต่อไป
มู่อี้หานถือแก้วเหล้าเดินไปเดินมาพลันเห็นแผ่นพับที่เปิดอยู่ ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย
“โม่โม่” หยิ่นยวี๋โม่ได้ยินเสียงของมู่อี้หานจึงหันหน้าไปมองชายผู้เป็สามีของตัวเองั้แ่หัวจรดเท้าชายหนุ่มยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ทั้งที่เขาปล่อยเธอไว้โดยไม่สนใจไยดีเธอ มาตอนนี้ เขาจะมาโกรธ มาโมโหเธอเื่อะไร?
“วันนี้คุณมาออกงานประมูลการกุศลกับผม คุณควรจะทำตัวยังไง? ไม่รู้หรือไง?” มู่อี้หานยังยืนอยู่ที่เดิมและพูดด้วยน้ำเสียงเ็าใส่เธอแต่ครั้งนี้หยิ่นยวี๋โม่มองเขา แล้วโต้กลับมาว่า
“แน่นอนฉันรู้ คุณคือคุณชายมู่ ส่วนฉันคือคุณนายมู่” มู่อี้หานนิ่งไป หยิ่นยวี๋โม่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ชุดสีม่วงดูพลิ้วไหวและสวยงาม ทำให้เธอดูเด่นและสง่า เธอคล้องแขนของมู่อี้หานไว้แล้วพาเขาออกมาจากผู้คนที่ล้อมรอบเข้าอยู่ หยิ่นยวี๋โม่ถือแก้วไวน์ แล้วทำท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใสดูแล้วมีเสน่ห์น่าหลงใหลไม่หยอก
“คุณชายมู่ ผู้หญิงคนนั้นต้องเป็คุณนายมู่แน่ๆ หน้าตางดงามมากจริงๆ”
“ใช่ๆ ทั้งสองคนเหมาะสมกันมาก อย่างกับกิ่งทองใบหยก”
“...”
คนแล้วคนเล่าพูดจาชื่นชมยินดีกับเธอหยิ่นยวี๋โม่ทำเพียงแค่ยิ้มและพยักหน้าให้พวกเขาเ่าั้ บางที ในสายตาของพวกเขาหยิ่นยวี๋โม่และมู่อี้หานคงเป็คู่สามีภรรยาหวานชื่น ทว่ามีเพียงพวกเขาที่รู้ ว่าพวกเขาแค่แกล้งรักกันเป็เพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น
ท่าทีของสามีภรรยาที่รักกันอย่างมีสุขสมเธอเพียงทำในสิ่งที่ควรทำ ไม่มีแม้แต่โอกาสจะปฏิเสธ
โจวลี่ซึ่งยืนอยู่ข้างๆมองพวกเขาทั้งคู่ที่ดูรักชื่นมื่น จิตใจของเธอเ็ป มู่อี้หานและหยิ่นยวี๋โม่ที่กำลังดื่มด่ำกับความรักส่วนเธอต้องกลายเป็คนนอกอยู่ร่ำไป
“โม่โม่” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา หยิ่นยวี๋โม่และมู่อี้หานหันไปตามเสียงนั้นงานประมูลการกุศลในค่ำคืนนี้กำลังจะเริ่มต้น แต่หญิงสาวชุดราตรีสีรอยัลบลูสร้อยเพชรบนลำคอส่องประกายระยิบระยับ รูปร่างงดงาม รองเท้าส้นสูงสีเดียวกันกับชุดแม้จะยืนอยู่ท่ามกลางผู้คน แต่เธอยังโดดเด่นและสวยงามที่สุด เธอก็คือคุณหนูตระกูลเหลิ่งเหลิงจิ่งชวน ส่วนคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็คือ ยวี๋ชิว ผู้ช่วยของเธอ ยวี๋ชิวอยู่ในชุดราตรีสีม่วงอมแดงเผยให้เห็นถึงความสุขุมนุ่มลึก เธอเป็ผู้ช่วยที่เก่งมากคนหนึ่งของเหลิงจิ่งชวน หยิ่นยวี๋โม่รีบเดินไปหาเธอ “คุณเหลิ่ง”
“เธอยังเรียกฉันเหมือนคนนอกอยู่เลยนะ เรียกฉันว่าชวนชวนก็ได้” เหลิงจิ่งชวนยิ้ม “ชุดราตรีชุดนี้ยิ่งใส่คู่กับเครื่องประดับชุดนี้ยิ่งดูดีเข้าไปใหญ่เลยนะ” มู่อี้หานพยักหน้าและกล่าวทักทายเหลิงจิ่งชวนเล็กน้อย
ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประธานเหยี่ยนกรุ๊ปก็คือเหลิงจิ่งชวนเธอเป็หญิงสาวผู้มากความสามารถ เข้าทำงานในเหยี่ยนกรุ๊ปไม่ถึงสองปี เธอก็สามารถแยกสาขาด้วยคนเดียวได้โดยบริษัทในเครือเหยี่ยนกรุ๊ปสาขาเมืองอวิ๋นเฉิงมีเหลิงจิ่งชวนเป็ผู้มีอำนาจบริหารจัดการเองทั้งหมด
เหลิงจิ่งชวนมาถึงงานแล้วงานประมูลการกุศลจึงเริ่มขึ้นอย่างเป็ทางการ ส่วนหยิ่นยวี๋โม่นั่งอยู่กับมู่อี้หาน
“คุณรู้จักกับคุณเหลิ่งด้วยเหรอ?”
“อืม แค่บังเอิญเท่านั้นแหละ” หยิ่นยวี๋โม่ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เธอทำให้คนข้างๆอย่างโจวลี่ไม่สบอารมณ์ เพราะเพียงหยิ่นยวี๋โม่ปรากฏกาย หล่อนก็ขโมยความโดดเด่นในตัวโจวลี่ฉีไปหมดสิ้นมันทำให้เธอไม่พอใจเป็อย่างมาก
มู่อี้หานพึมพำขึ้นมาดูเหมือนว่าเขาจะมองข้ามภรรยาตัวน้อยของตัวเองไปเสียแล้ว
“ชุดราตรีที่ฉันใส่อยู่ คุณเหลิ่งเธอเป็คนมอบให้ฉันคิดว่าคืนนี้ฉันอยากจะให้ของขวัญกับคุณเหลิ่งสักชิ้น” หยิ่นยวี๋โม่ไม่ใช่ไม่มีเงิน เมื่อทั้งคู่เป็เพื่อนกันแล้วหล่อนให้ของขวัญเธอมา เธอก็ควรให้หล่อนกลับไปบ้าง
“คุณคิดว่าอะไรเหมาะที่สุด?” มู่อี้หานหันมาถามเธอ
“ดูเหมือนว่าคืนนี้ คุณคงต้องเสียเงินแล้วล่ะ” หยิ่นยวี๋โม่ไม่ได้พกเงินมามากนัก เธอเลยจะให้มู่อี้หานออกเงิน และส่งมอบของขวัญแทนเธอ
หยิ่นยวี๋โม่ชี้ไปที่กำไลหยกสีขาวชิ้นนั้น “ฉันคิดว่ากำไลหยกคู่นี้เหมาะกับคุณเหลิ่งที่สุดแล้วล่ะ”
“แต่ผมว่าไม่ กำไลหยกคู่นี้เหมาะกับคุณมากกว่า” มู่อี้หานมองครั้งแรกก็รู้ในทันทีว่ากำไลหยกสีขาวคู่นั้นเหมาะกับข้อมือบางของเธอ
“ฉันไม่้ากำไลที่แพงขนาดนี้หรอกนะ” หยิ่นยวี๋โม่ส่ายหน้า แม้ว่าเธอจะชอบ แต่มันจะฟุ่มเฟือยจนเกินไปยิ่งไปกว่านั้น สิ่งของที่อยู่ในงานประมูล อย่างไรเสียราคาก็ไม่แน่นอน
มู่อี้หานพลิกแผ่นพับไปอีกหน้ามีแจกันดอกไม้ลายครามใบหนึ่งเข้าตาเขา “อันนี้สิ คุณเหลิ่งน่าจะชอบมากกว่า”
“คุณรู้จักเธอเหรอ?” หยิ่นยวี๋โม่มองใบหน้านิ่งเฉยของมู่อี้หานแล้วถามกลับไป
มู่อี้หานไม่พูดอะไรเขาเป็คนอ่านใจคนเก่ง แม้ว่าเขาและเหลิงจิ่งชวนจะเพิ่งเคยพบกันครั้งแรกก็ตาม
ในห้องวีไอพีชายหนุ่มผู้กำลังจิบไวน์อยู่บนโซฟา พลางสูบบุหรี่ไปด้วย นั่งดูสินค้าทีละชิ้นแต่เขาไม่ได้สนใจชิ้นไหนเป็พิเศษ จนกระทั่งเห็นกำไลหยกสีขาว แววตาของเขาพลันส่องประกายขึ้นเล็กน้อย
มู่อี้หาน้ากำไลหยกคู่นี้เช่นกันหยิ่นยวี๋โม่ที่นั่งอยู่ข้างๆ เฝ้ามองราคาประมูลที่สูงขึ้นทุกที เขาบ้าไปแล้วหรืออย่างไร? เมื่อหยิ่นยวี๋โม่เห็นเขาถือป้ายอยู่ในมือเธอจับมือของเขาไว้แล้วส่ายหน้า
กำไลหยกคู่นั้นมันไม่ได้สำคัญอะไร ชอบก็ส่วนชอบ ส่วนจำเป็ต้องมีไหม มันก็อีกเื่หนึ่งบางทีคนที่ประมูลไปในราคาที่สูงกว่าอาจจะ้ากำไลหยกคู่นั้นมากกว่าเธอก็ได้มู่อี้หานหันมาหาเธอและกล่าวขึ้น “ของหายากขนาดนั้นคุณไม่อยากได้หรือไง?”
“ชอบก็ส่วนชอบ แต่ไม่จำเป็ต้องมีก็ได้” หยิ่นยวี๋โม่ตอบเสียงเรียบ ความจริงก็เหมือนกับเธอและมู่อี้หานถ้าในตอนนั้นมู่อี้หานแต่งงานกับยวี๋ซิน เขาจะกลายเป็น้องเขยของเธอและเธอคงไม่กล้าแย่งเขามา
หลังจากงานประมูลสิ้นสุดลงงานเลี้ยงอาหารค่ำ และผู้คนที่แต่งตัวสวยงาม หยิ่นยวี๋โม่มองดูพวกเขาโอบกอดและเต้นรำกันส่วนเธอเพียงนั่งกินอาหารเล็กน้อยๆ และดื่มน้ำผลไม้ราวกับว่าเธอไม่ได้อยู่ในงานเลี้ยงนี้ แต่เธอก็ไม่สามารถหนีไปไปไหนได้ไกล จึงมาหลบอยู่หลังกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่แทน
“เป็ยังไงบ้าง? คุณมาหลบอยู่ที่นี่คนเดียวสนุกไหม?” ขณะที่เธอทิ้งตัวอยู่บนโซฟา เสียงของมู่อี้หานดังขึ้น ทำให้แก้วน้ำในมือเกือบหลุดมือ
“ไม่สนุกงั้นเหรอ?” หยิ่นยวี๋โม่วางแก้วลง มองใบหน้าที่หม่นหมองของเขา เธอติดหนี้เขาอยู่ แต่นี่ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาทวงหนี้เสียหน่อย? แถมเมื่อครู่เขาก็เพิ่งจะโอบกอดเต้นรำอยู่โจวลี่ฉีจนเป็จุดเด่นให้ทุกคนสนใจอยู่เลย
“โม่โม่”มู่อี้หานนั่งอยู่บนโซฟาเช่นเดียวกัน “คุณคอยหลบผมตลอด คุณเกลียดผมจริงๆ เหรอ? หืม?” เขาเอนกายเข้าใกล้จนแนบชิดแก้มของเธอลมหายใจร้อนของเขาเป่ารดใบหูของเธอ
“อย่า...อย่าทำแบบนี้ ตรงนี้มันเป็ที่สาธารณะนะ” หยิ่นยวี๋โม่พยายามหลบเขา แต่เขาก็ยิ่งเข้าใกล้เธอ
มู่อี้หานเผยรอยยิ้มเ้าเล่ห์ออกมา “เมียจ๋า อย่าอ่อนต่อโลกให้มันมากนักเลย? ถ้าไม่แสดงให้คนอื่นดู เธอคิดว่าการมาร่วมงานครั้งนี้จะไปมีประโยชน์อะไร?” การแสดง มันก็แค่การแสดง ก็แค่แสดงให้ทุกๆ คนเห็นก็เท่านั้น