ไม่เพียงเสียงของกู้หนานเฟิงจะสั่นเครือ แม้แต่มือของเขาก็สั่นเทาเช่นกัน เมื่อเห็นหลิวเยว่มีเหงื่อออกมากและใบหน้าก็ซีดเผือด เขาลืมเื่ที่ฮ่องเต้ทรง้าตามหาคนไปอย่างสิ้นเชิง เขาอยากจะรับความเ็ปนี้แทนหลิวเยว่ จะเพิ่มความเ็ปให้เขาก็ได้ เขายอมทั้งนั้น
“ข้าจะไปหาหมอ” เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำเช่นนั้น ขณะที่กำลังจะจากไป เตี๋ยเย่ซึ่งอยู่ข้างๆ ก็ห้ามเขาไว้
“ข้าจะรักษาเอง” นางพูดอย่างเ็า
“เ้าทำได้หรือ” กู้หนานเฟิงสงสัยเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะสงสัย แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่กับเตี๋ยเย่เป็เวลาหนึ่งวันหรือสองวัน แต่นางก็เงียบเกินไปและมักจะยืนเป็อากาศอยู่ด้านหลังหลิวเยว่เสมอ
“อืม” เตี๋ยเย่ยังคงพูดน้อยเช่นเดิม แต่มันทำให้คนฟังรู้สึกมั่นใจ กู้หนานเฟิงจำได้ว่าตอนที่นางอยู่ในเมืองตั้งหยาง ใบสั่งยาที่ใช้ป้องกันการแพร่กระจายของโรคระบาดก็มาจากนาง ดังนั้นจึงคาดเดาว่านางจะต้องมาจากครอบครัวแพทย์
กู้หนานเฟิงเตอบตกลง หลิวเยว่เชื่อมั่นในตัวเตี๋ยเย่มากกว่ากู้หนานเฟิง มีคนอยู่ข้างนอกในตอนนี้ เตี๋ยเย่จึงไม่กล้าทำเสียงดัง มาจนถึงตอนนี้
“อดทนหน่อยนะ ลูกธนูมันปักลงไปลึกเกินไป แต่โชคดีที่มันไม่ได้ถูกอวัยวะสำคัญ”
“อืม”
เมื่อได้รับอนุญาตจากหลิวเยว่ นางจึงหยุดพูด และก้มหน้าลงจดจ่อกับการรักษา
ขณะที่ดึงลูกธนูออกมา หลิวเยว่สลบไปเพราะความเ็ป เกือบจะคิดว่าตนคงตายแล้ว นางกัดฟูกจนริมฝีปากและลิ้นเต็มไปด้วยเื นางไม่กล้าส่งเสียง หากตายในเวลานี้ก็ดี ตายแล้วนางจะได้กลับไปยังยุคปัจจุบัน
เตี๋ยเย่ชำนาญด้านการจัดการกับาแ หลังจากที่ลูกธนูถูกดึงออกมา นางก็รีบทายาแล้วพันผ้าพันแผลให้แน่น ผลของยานี้แปลกมาก เมื่อทาลงไปแล้ว ความเ็ปค่อยๆ ทุเลาลงมาก
ทั่วร่างของเตี๋ยเย่เต็มไปด้วยเืและเหงื่อ เตี๋ยเย่คอยช่วยเหลือกู้หนานเฟิง หลังจากช่วยนางเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดแล้ว เตี๋ยเย่จึงสั่งว่า
“ท่านนอนพักก่อนเถอะ” แม้ว่าเตี๋ยเย่จะเ็าอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ห่วงใยนางที่สุด
“ขอบใจนะ”
“มันเป็หน้าที่ของข้าที่ต้องปกป้องท่าน”
แผลของหลิวเยว่ไม่ฟื้นตัวดีนัก อาจมีการอักเสบและอาจจะทำให้นางมีไข้สูงอีกครั้ง กู้หนานเฟิงไม่อาจอยู่ข้างนางได้ตลอดเวลา เพราะเขาต้องเลี่ยงความสงสัย ดังนั้นจึงเปลี่ยนเวรกับเตี๋ยเย่คอยดูแลนาง
หลิวเยว่หัวเราะเยาะตัวเอง
“บางทีอาจเป็โชคชะตาของข้า ที่เมืองตั้งหยางไม่ตาย จึงกำลังจะตายเพราะลูกธนูในตอนนี้” เมื่อนางพูดเช่นนี้ สติของนางก็เริ่มเลอะเลือน
กู้หนานเฟิงตอบกลับ
“นี่คือชีวิตของเ้า โรคระบาดที่เมืองตั้งหยางฆ่าเ้าไม่ได้ แล้วลูกธนูนี่จะนับประสาอะไร”
เตี๋ยเย่เองก็เกลี้ยกล่อม
“ตอนนี้เป็ไข้ถือเป็เื่ปกติ ผ่านไปสองวันไข้จะลดลงและแผลก็จะหายดีเอง”
หลิวเยว่หยุดพูดและผล็อยหลับไปอีกครั้ง เหมือนที่เตี๋ยเย่กล่าว หลังจากไข้ขึ้นสูงสองวัน าแของนางก็ไม่เป็หนองอีก ไข้ก็ลดลง และสติของนางยังดีขึ้นมาก
เตี๋ยเย่ทำแผลให้นางแล้วพูดว่า
“นี่เป็ยาพิเศษที่นายน้อยทำขึ้นมาเพื่อรักษาาแ ถ้าคนธรรมดาได้รับาเ็จากธนู ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบวันหรือครึ่งเดือนในการฟื้นตัว แต่ยานี้จะทำให้ท่านมีไข้สูงเท่านั้น ผ่านไปสักสองวันเดี๋ยวก็หาย จากนั้นคอยทายารักษา ทำอย่างนี้สม่ำเสมอแม้แต่แผลเป็ก็ไม่เหลือ”
ขณะที่เตี๋ยเย่ทายาให้ตน นางก็พูดออกมาหลายคำซึ่งหาได้ยาก ตอนนี้หลิวเยว่ดีขึ้นแล้ว สติของนางจึงกลับมาเป็ปกติ นางกล่าวว่า
“เตี๋ยเย่ ข้าอาจ้าความช่วยเหลือจากเ้า ตระกูลเฟิงแห่งนี้ เกรงว่าหากข้าอยู่นานกว่านี้อาจจะเกิดเื่จนทำร้ายคุณชายเฟิงได้” นางยังคงจำสิ่งที่อวิ๋นซู่พูดในวันนั้นได้เสมอ
“ตามหาให้ทั่วจวน ต้องหาตัวนางให้เจอ ไม่เช่นนั้นข้าจะฝังพวกเ้าทั้งหมดให้ตกตายไปตามกัน”
อวิ๋นซู่มักจะทำในสิ่งที่เขาพูด ใน่สองสามวันที่ผ่านมา แม้ว่ากู้หนานเฟิงจะไม่ได้พูดอะไร แต่ใบหน้าของเขาก็ดูไม่ค่อยดีนัก เขาคงกังวลกับเื่นี้มาก
เตี๋ยเย่ตอบกลับ
“ได้ ท่านจะไปเมื่อไรก็ได้ พวกเราออกไปได้ตลอดเวลา”
เตี๋ยเย่ดูแลนางเหมือนที่เหย่เลี่ยดูแลนางในอดีต เมื่อใดก็ตามที่นาง้า มักจะมีเตี๋ยเย่อยู่ตรงนั้น และนางก็สบายใจ
“ใครอนุญาตให้เ้าไป”
ทั้งสองคนเพิ่งจะพูดจบ กู้หนานเฟิงที่พวกนางไม่อยากให้ได้ยินกลับได้ยินเข้า เขามองหลิวเยว่ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“ในสายตาของเ้า ข้ากู้หนานเฟิงเป็คนที่กลัวความตายอย่างนั้นหรือ? ตอนที่ข้าอยู่ในเมืองตั้งหยาง ข้าไม่เคยทอดทิ้งเ้า ในตระกูลเฟิงของข้าในวันนี้ ย่อมจะไม่มีใครพาเ้าไปได้”
บางทีอาจเป็เพราะการสนทนาของหลิวเยว่และเตี๋ยเย่ที่เขาได้ยินเข้า จึงทำให้เขาดูร้อนรนไม่น้อย
หลิวเยว่น้อยนักที่จะได้เห็นกู้หนานเฟิงโกรธ นางครุ่นคิดก่อนครู่หนึ่งจึงตอบกลับไป
“เ้าไม่เคยถามว่าข้าเป็ใคร ข้ามาจากไหนและคนที่ฮ่องเต้กำลังตามหาคือข้าหรือเปล่า”
“หลิวเยว่ มันไม่สำคัญหรอก ข้าไม่สนว่าเ้าจะเป็ใครหรือมาจากไหน ข้ารู้แค่ว่าชื่อของเ้าคือหลิวเยว่ และเ้าก็คือคนของข้าที่อาศัยอยู่ในตระกูลเฟิงของข้า ส่วนคนที่ฮ่องเต้กำลังตามหา ไม่ใช่เ้า”
สามคำสุดท้ายของเขาที่บอกว่า ไม่ใช่เ้า นับเป็คำพูดที่ดังและหนักแน่น เขาบอกกับหลิวเยว่และบอกกับตัวเอง
หลิวเยว่อยากจะพูดต่อ แต่กู้หนานเฟิงกลับขัดจังหวะนาง
“ไม่ต้องคิดอะไร แค่รักษาตัวเองอยู่ที่นี่”
ก๊อกๆๆ ...
มีคนมาเคาะประตูห้องนอนข้างนอก เขาคือพ่อบ้านชรา
“คุณชายเฟิง พระสนมซินเสด็จมาแล้วขอรับ”
ทันทีที่สิ้นเสียง ก็ได้ยินเสียงประตูห้องนอนถูกเปิดออกและเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้น
“พี่ชาย ออกมาเถอะ”
สนมซินเข้ามาก่อน จากนั้นจึงเป็พ่อบ้านชรา แต่โชคดีที่กู้หนานเฟิงออกมาจากห้องลับแล้ว เมื่อเขาเหลือบมองสนมซิน เขาก็เอ่ยถามอย่างใจเย็น
“หนีออกมาจากวังอีกแล้วหรือ?”
สนมซินกระวนกระวายใจ นางรีบกลับมาที่ตระกูลเฟิงในเวลานี้ นางเห็นกู้หนานเฟิงที่ไม่รู้ว่ากำลังจะเกิดหายนะกับตน นางจึงโกรธมาก
“พี่ชาย ผู้ใดกันที่ฝ่าาทรงพบที่สวนหลังเรือนในวันนั้น ฝ่าาทรงออกคำสั่งว่าภายในสามวัน หากท่านยังไม่นำคนไปมอบให้เขา เขาจะทำลายจวนของท่านทิ้ง”
กู้หนานเฟิงนั่งบนเก้าอี้ หลังจากได้ยินคำพูดของสนมซิน เขากลับยังไม่ขยับเขยื้อน
“ในตระกูลเฟิง ไม่มีคนที่ฝ่าาทรงกำลังตามหา”
“พี่ชาย มันเป็ความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ท่านพ่อปล่อยท่านออกมา ั้แ่ยามที่ท่านเป็เด็ก ท่านพ่อและท่านแม่ต่างยกย่องว่าท่านเป็คนฉลาดและมีเหตุผล พวกเขาบอกว่าข้างดงามทว่าเอาแต่ใจ แต่ตอนนี้เล่า? ท่านอยู่ข้างนอกมีชีวิตอิสระ ทำลายชื่อเสียงของท่านพ่อยังไม่พอ ตอนนี้ยังสร้างปัญหาใหญ่อีก ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพยายามปกป้องใครอยู่ แต่ฮ่องเต้ทรงไม่พอพระทัยแล้ว ตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีของท่านพ่อ ตำแหน่งในวังหลังของข้า ล้วนไม่อาจรับประกันได้ และข้าก็จะถูกฝังไปพร้อมกับท่าน”
คำพูดของนางทำให้กู้หนานเฟิงเงยหน้าขึ้นมองนางในที่สุด
“เอาล่ะ บอกข้าทีว่าฮ่องเต้ทรงกำลังตามหาใคร? ในตระกูลเฟิงนี้ เ้ารู้ดีที่สุด ข้าไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับขุนนาง และคนที่ข้าติดต่อทั้งหมดล้วนเป็ชาวบ้านที่ทำการค้า เป็ผู้ใดกันแน่ ถึงได้ทำให้ฮ่องเต้ทรงต้องตามหาคนจนเป็เื่ใหญ่ถึงเพียงนี้"
สนมซินหยุดพูดเพราะคำถามของกู้หนานเฟิง
“ฮ่องเต้ไม่ยอมตรัส ข้าได้ยินจากอันกงกงว่าเป็สตรีที่ได้รับาเ็จากลูกธนู นางถูกองครักษ์ยิงในวันนั้น นางวิ่งหนีได้ไม่ไกลนัก และนางย่อมจะต้องอยู่ในตระกูลเฟิง พี่ชาย ไม่ว่าท่านจะรู้จักหรือไม่ ไม่ว่าท่าน้าจะปกป้องหรืออยากจะซ่อนตัวคน หรืออย่างไรก็แล้วแต่ สิ่งสำคัญที่สุดคือการมอบคนผู้นั้นให้ฝ่าาไปเสีย ไม่อย่างนั้นตระกูลของเราคงจบสิ้นแล้ว”
“เ้ากลับไปก่อน” กู้หนานเฟิงยังคงปฏิเสธ ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลใดๆ
สุดท้ายก่อนที่สนมซินจะกลับไป นางพูดเพียงประโยคเดียว
“พี่ชาย ถ้าพี่ยังคงแซ่กู้อยู่ ขอร้องอย่าเห็นแก่ตัวเช่นนี้”
การสนทนานอกห้อง ในห้องลับย่อมได้ยินอย่างชัดเจน หลิวเยว่รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว นางไม่เคยคิดเลยว่านางจะนำหายนะมาให้กู้หนานเฟิง คราแรกนางแค่้าปกปิดชื่อและซ่อนตัวอยู่ที่นี่ในแคว้นนี้ หากนางเลือกจากไป เขาคงไม่อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
ตอนนี้มันไม่ง่ายแล้วที่นางจะจากไป แต่อวิ๋นซู่้าพบนาง แม้นางจะหนีไปได้ นางย่อมจะทำร้ายกู้หนานเฟิง
นางออกมาจากห้องลับและพูดกับกู้หนานเฟิง
“คนที่ฮ่องเต้ทรงตามหาคือข้าเอง”
กู้หนานเฟิงคว้านางเอาไว้
“ไม่ว่าฮ่องเต้จะทรงตามหาใคร อย่างที่ข้าพูด คนผู้นั้นไม่ใช่เ้า เ้าเป็แค่สาวใช้ธรรมดาในตระกูลเฟิงของข้า จำไว้ว่าเ้าเป็แค่สาวใช้”
กู้หนานเฟิงจับไหล่ของนางอย่างแรง และเขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ หลิวเยว่ที่ถูกเขาบีบบังคับต้องเผชิญหน้ากับเขา มองเข้าไปในแววตาของเขาด้วยสายตามุ่งมั่น เพราะยาชนิดพิเศษที่เตี๋ยเย่ทาให้ แผลที่หลังของนางส่วนใหญ่ล้วนหายดีแล้ว ดังนั้นจึงไม่เ็ปเกินไป นางมองไปยังกู้หนานเฟิง ก่อนจะพูดอย่างหนักแน่น
“ข้าได้ยินสิ่งที่พวกเ้าคุยกันแล้ว ข้าไม่้าดึงเ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ต้องห่วง ฮ่องเต้ทรงกำลังตามหาข้า และเขาย่อมจะไม่ทำร้ายข้า”
หลิวเยว่มั่นใจว่าอวิ๋นซู่จะไม่ทำอะไรที่เป็อันตรายต่อร่างกายของนาง เขาเกลียดนางเพียงนั้น วาสนาระหว่างพวกนางได้ถูกทำลายลงั้แ่นางถูกขังไว้ในตำหนักลิ่วฉือมาหลายปี เขาจะตามหานางอย่างดื้อรั้นเช่นนี้ไปทำไม?
กู้หนานเฟิงกล่าว
“ฮ่องเต้ทรงกำลังตามหาคนอื่น ข้าจัดการให้แล้ว ไม่ต้องเป็ห่วง ข้ายังคงยืนยันคำเดิม ดูแลอาการาเ็ของเ้าให้สบายใจ”
หลิวเยว่ไม่รู้ว่ากู้หนานเฟิงจัดการอะไรไว้ จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น เมื่อนางได้ยินเสียงดังในลานบ้าน นางจึงรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
ผู้คนในตระกูลเฟิงทั้งหมดคุกเข่าลงบนพื้นหินดำในลานบ้านด้วยตัวสั่นเทา ฮ่องเต้ประทับอยู่ตรงหน้าพวกเขา สวมฉลองพระองค์งดงาม วรกายสูงใหญ่ เงาของเขาปกคลุมผู้คนที่คุกเข่าอยู่ด้านล่าง และคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นต่างไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ พวกเขาฟุบหน้าลงกับพื้นไม่กล้าสบพระเนตรฮ่องเต้ มีทหารองครักษ์ยืนอยู่ข้างๆ สองแถว พวกเขาดูน่าเกรงขามและองอาจไม่น้อย
แนวตั้งแถวเช่นนี้ ทุกคนล้วนรู้สึกว่าภัยพิบัติกำลังใกล้เข้ามา เกรงว่าตระกูลเฟิงในวันนี้ ไม่อาจหลบหนีจากหายนะนี้ได้
สนมซินคุกเข่าอ้อนวอนอยู่ด้านข้างของฮ่องเต้
“ฝ่าาโปรดเมตตาด้วยเพคะ”
ใบหน้าที่งดงามของนางเงยหน้าขึ้นมองบุรุษที่ดูแคลนใต้หล้าด้วยความสิ้นหวัง
ฮ่องเต้ไม่ได้มองไปที่นาง แต่กลับพูดอย่างเ็า
“ค้นให้ทั่ว”
เพียงคำสั่งเดียว องครักษ์ที่อยู่ด้านหน้าต่างแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วราวกับลูกศร เดินเข้าไปในซอกมุมของตระกูลเฟิง
หลิวเยว่คิดจะออกไปปรากฏตัวในเวลานี้ เพราะอวิ๋นซู่้าพบนาง เขาจะไม่ทำอะไรนาง แต่หากเขาตามหานางไม่พบ ด้วยนิสัยของเขาในตอนนี้ เขาย่อมสังหารคนในตระกูลเฟิงจริงๆ
นางกำลังจะเปิดประตูห้องลับออกไป แต่กลับถูกเตี๋ยเย่รั้งไว้
“เ้าคิดให้ดี คราวนี้ถ้าเ้ากลับเข้าไปในวังแล้ว คิดจะออกมาอีกเกรงว่าคงไม่ใช่เื่ง่าย”
นางผลักมือของเตี๋ยเย่ออกไป และเอ่ยออกมาอย่างเคร่งขรึม
“นี่คือชีวิตของข้า”
ใช่ บางทีนางอาจกลับมามีชีวิตนี้เพื่อสานต่อความคับข้องใจของนางในชาติที่แล้ว ดังนั้นนางจึงไม่ควรรู้จักกู้หนานเฟิงให้มากไปกว่านี้
นางเดินออกมาจากห้องลับ และมาถึงห้องนอนของกู้หนานเฟิง ก่อนที่นางจะก้าวออกจากประตู นางพลันได้ยินเสียงองครักษ์ะโ
“ฝ่าา ตามหาหญิงชุดขาวที่ได้รับาเ็จากลูกธนูพบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ขณะที่องครักษ์ะโ สายตาของทุกคนล้วนหันไปมองสตรีที่เข้ามา รวมทั้งหลิวเยว่ที่อยู่ในห้อง โดยมองผ่านหน้าต่างจากระยะไกล เมื่อเห็นเช่นนั้น นางจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ
สตรีที่ถูกองครักษ์คนนั้นจับคือหลานอวี้ ในเวลานี้นางสวมชุดกระโปรงสีขาวในแบบเดียวกับนาง ทรงผมแบบเดียวกันกับนาง นางได้รับาเ็จากลูกธนูที่ด้านหลัง และชุดสีขาวก็เปื้อนไปด้วยเื ในเวลานี้ถูกองครักษ์จับได้ สีหน้าของนางจึงซีดเผือด น้ำตาไหลพรากไม่หยุด
ทุกคนต่างมองมาที่นาง และนางก็ถูกพาตัวไปคุกเข่าลงตรงหน้าของฮ่องเต้
ฮ่องเต้จ้องไปที่หลานอวี้ทันทีที่นางปรากฏตัว ในเวลานี้หลานอวี้คุกเข่าอยู่บนพื้น ฮ่องเต้ผู้มีร่างกายเปรียบดั่งทองคำหนึ่งหมื่นชั่งนั่งยองๆ ลงตรงหน้าและจ้องมองนาง
ทุกคนเห็นสีพระพักตร์ของฮ่องเต้ จากความกระตือรือร้นในตอนแรกกลายเป็ความเฉยชาทีละน้อย และจากนั้นก็กลายเป็ไร้ซึ่งความรู้สึก
เขาบีบใบหน้าของหลานอวี้ ไร้ซึ่งความปรานี ก่อนจะบ่นพึมพำ
“ไม่ใช่นาง”
“ไม่ใช่นาง”
จิติญญาทั้งหมดของเขาราวกับล่องลอยไปไกล แม้ว่าเขาจะไม่พูดอะไรอีก แต่อากาศโดยรอบก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่ง
อันกงกงเข้ามาช่วยพยุงฮ่องเต้ ไม่อย่างนั้นเกรงว่าเขาจะไม่สามารถช่วยเหลือได้อีก จึงตำหนิออกไป
“หญิงรับใช้ วันนั้นที่เ้าเห็นฝ่าาแล้วจะวิ่งหนีทำไม?”
การตำหนินี้ทำให้หลานอวี้ที่ได้รับาเ็หวาดกลัว และสีหน้าก็ซีดเผือด ไม่สนอาการาเ็นางรีบโขกศีรษะและกล่าวทันที
“คืนนั้นข้าไม่รู้ว่าข้าจะได้พบฮ่องเต้ที่ศาลาจึงรีบวิ่งหนีไป ต่อมามีคนไล่ตามข้าและเรียกข้าว่านักฆ่าตลอดทาง ข้า... ข้ากลัวว่าถ้าข้าถูกจับได้ข้าอาจจะตาย ข้าเลยวิ่งหนี”
หลานอวี้ใมาก นางพูดคำเหล่านี้ออกมาเป็ระยะๆ าแที่ไหล่ของนางจึงเริ่มมีเืไหลออกมาอีกครั้ง ราวกับว่าแผลนั้นปริแตก
อันกงกงไม่มองนางอีกต่อไป แต่หันไปพูดกับกู้หนานเฟิง
“คุณชายกู้ สตรีคนนี้รบกวนการชมจันทร์ของฝ่าาในจวนก็ช่างเถิด แต่วันนี้ ฝ่าาทรงตามหานาง เหตุใดเ้าจึงจงใจไม่มอบนางมา และปกปิด ทำให้ฮ่องเต้ทรงพิโรธ”
กู้หนานเฟิงคุกเข่าลงกับพื้น ดูเหมือนเขาลังเลที่จะพูดบางอย่าง สุดท้ายภายใต้การแนะนำของสนมซิน เขาก็เปิดปากพูด
“เพราะสตรีคนนี้เป็คนที่กระหม่อมโปรดปราน ในวันนั้น กระหม่อม้าจะแนะนำให้นางรู้จักกับฝ่าาและพระสนมซิน แต่เดิมนางเป็สาวใช้ในบ้าน สถานะของนางต่ำต้อย จึงไม่สามารถออกหน้าได้ ดังนั้นกระหม่อมจึงไม่ได้พานางมาแนะนำ กระหม่อมทำให้นางไม่มีเกียรติจึงรู้สึกผิดต่อนาง และตอนนี้กระหม่อมจะทิ้งนางตอนที่นางตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร กระหม่อมกู้หนานเฟิงทำเื่แบบนั้นไม่ได้ เต็มใจรับโทษตามที่ฝ่าาทรงเห็นสมควร”
สิ่งที่เขาพูดมานั้นมีเหตุผล หลานอวี้ที่อยู่ด้านข้างดวงตาแดงก่ำ สนมซินก็คุกเข่าลง
“หม่อมฉันขอร้องฝ่าา ยกโทษให้พี่ชายของหม่อมฉันในครั้งนี้ด้วย”
อันกงกงพูดออกมาหนึ่งประโยค
“ช่างโชคร้ายจริงๆ ”
ฮ่องเต้ไม่มองใครอีกต่อไป เขาเดินออกไปและไปจากตระกูลเฟิง
เขาอยู่ในสถานที่ที่เจริญรุ่งเรือง มีผู้คนมากมายล้อมรอบเขา แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หลิวเยว่ที่ได้แต่มองเขาจากไปผ่านทางหน้าต่าง กลับรู้สึกเ็ปใจจนยากจะรับไหว เพราะเงาร่างด้านหลังของเขานั้นดูโดดเดี่ยวเกินไป