chapter 12
"ตัวเล็กมาเก็บของเล่นข้างล่างหน่อยครับ"
"เรียกป๋ายป๋ายก่อน เดี๋ยวเค้าจะไป"
"ไม่เรียกก็ต้องมาเก็บ"
"น้า ๆ พี่กรีน"
กรีนส่ายหัวให้กับความเ้าเล่ห์ของอีกคน จากวันที่กรีนตั้งชื่อให้คนตัวเล็กจนถึงวันนี้ ผ่านมาราว ๆ สองอาทิตย์แล้ว แต่เ้าแมวน้อยก็ยังเห่อชื่อของตัวเองไม่หยุด เวลาที่ไม่ได้เรียกเขาด้วยชื่อ เขาก็จะทำเป็หูทวนลม ไม่สนใจคำของกรีน
นิสัยบางนิสัยแบบฉบับแมว เริ่มโผล่ออกมาให้กรีนเห็นมากขึ้นด้วยเรื่อย ๆ รวมไปถึงนิสัยความเอาแต่ใจ ความขี้หวงด้วย ป๋ายรู้ดี ว่ากรีนเปิดร้านเครื่องหอม แต่เวลาที่กรีนกลับมาแล้วป๋ายได้กลิ่นน้ำหอมที่แตกต่างจากตอนที่กรีนออกไป เขาก็จะเริ่มหน้างอทันทีที่ได้กลิ่น
'พี่ทำงานที่ร้านน้ำหอมเทียนหอมนะครับ ่นี้อยู่ใน่คิดค้นสินค้าใหม่ด้วย เธอจะไม่ได้กลิ่นได้ยังไง?'
'ไม่รู้ ๆ ๆ อย่าให้รู้นะว่าไปหาแมวตัวอื่นมา!'
'จะไปหาใครล่ะครับ?'
'กลิ่นเ้านายพี่กรีนเปลี่ยนอีกแล้ว!'
'วันนี้พี่ลองน้ำหอมใหม่ในร้าน'
'กลิ่นนี้เค้าจำนะ! ถ้าไม่ใช่เค้าจะ...'
'จะ?'
'จะกินข้าวให้หมด ให้พี่กรีนซื้อมาให้เรื่อย ๆ จนหมดตัวไปเลย!'
ถ้าถามว่าอะไรพวกนี้กรีนรู้สึกยังไงกับมัน
ก็คงต้องบอกว่ามันน่ารักมาก
บรรยากาศอะไรแบบนี้ เป็บรรยากาศที่กรีนรอคอยมาตลอด 26 ปี เขาอยากจะมีแมวตัวน้อยมาวนเวียนอยู่ในบ้านเขา คอยหวงเขาแบบน่ารัก ๆ เวลาที่ได้กลิ่นคนอื่น คอยจำรายละเอียดเล็ก ๆ ในตัวเขา ที่ที่ผ่านมาเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจ
"ป๋ายป๋าย มาเก็บของเล่นได้แล้วครับ"
"เ้านายพี่กรีนดีที่สุด!"
เหมือนจะขัดใจอยู่บ้าง แต่สุดท้ายกรีนก็เป็ฝ่ายที่ยอม เขาเห็นว่ามันก็ไม่ได้เป็เื่ที่หนักหนาอะไร และอีกอย่างเขาเข้าใจคนตัวเล็กดี ว่าการที่วันนึงมีชื่อขึ้นมาแล้วได้ถูกเรียก มันก็คงจะมีความสุขมากสำหรับเขา
"วันนี้เค้ากินขนมได้กี่ซองนะ ๆ" ในระหว่างที่เก็บของเล่น ป๋ายก็ถามขึ้นมา
"วันนี้กินได้ 2 ซองครับ" หลังจากฟังคำตอบ คนตัวเล็กก็เบ้หน้าเล็กน้อย
"ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลย ใครทำผิดข้อตกลงเองนะ?"
"พี่กรีนนน คือ 2-3 ซองมันคือสำหรับลูกแมวน้อย ๆ น้า แต่เค้าเป็แมวที่โตเต็มวัย ควรกิน 4-5 ซองเลย"
"ไม่ต้องมาลูกเล่นเยอะครับ พี่ให้ไปออกกำลังกายก็ขี้โกง"
"ก็มันเมื่อย ๆ แบบเยอะเลยนะพี่กรีน"
"ก็ถ้าเธอบอกตรง ๆ พี่จะไม่ว่าเลย พี่จะได้คำนวณตารางการออกกำลังกายของเธอใหม่ แต่นี่เธอโกหกว่าทำไปแล้วทั้งที่ยังไม่ได้ทำ แล้วพี่จะทำตารางออกกำลังกายมาทำไม หื้ม? เพื่อสุขภาพเธอทั้งนั้นเลยนะรู้ไหม?"
กรีนอธิบายออกมาถึงสาเหตุที่วันนี้ลดปริมาณขนมแมวเลียของอีกคนลง เพราะก่อนที่เขาจะตกลงให้เ้าแมวน้อยกินขนมแมวเลียได้ทุกวัน เขาได้คุยกันแล้วว่าอีกคนจะต้องออกไปเดินเล่นที่สวนเล็ก ๆ ในบ้านบ้าง แต่เมื่อวานป๋ายกลับโกหกกรีนว่าออกไปเดินเล่นมาแล้วทั้งที่ยังไม่ออกไป พอกรีนรู้เข้าเลยลงโทษด้วยการลดปริมาณขนมแมวเลียของอีกคนลง
"พี่กรีนไม่ดุ" ป๋ายพูดขึ้นหลังจากที่เห็นคนพี่ขมวดคิ้วขณะที่พูดกับเขา
"พี่แค่พูดให้ฟังครับ ก็ถ้าไม่ออกกำลังกาย ก็ห้ามกินขนมเยอะ เข้าใจพี่ไหม?"
"เค้าเข้าใจ ขอโทษพี่กรีนน้า วันหลังเค้าจะไม่โกหก"
"พูดแล้วนะตัวเล็ก"
"เรียกเค้าป๋ายป๋ายสิ" คนตัวเล็กห่วงเื่ชื่อออกมาอีกครั้ง
"ยังจะห่วงเื่ชื่ออีก"
"พี่กรีน" ป๋ายเรียกออกมาอ้อน ๆ ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เค้าได้ยินอีกคนเรียกด้วยน้ำเสียงอ้อนมาตลอด พอมีภูมิต้านทานอยู่บ้าง แต่ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ทุกที
"โอเคครับ ป๋ายป๋าย กินขนมแล้วก็ต้องกินข้าวด้วย ในทุกวันเธอต้องกินข้าวให้ได้เยอะกว่าขนม เข้าใจไหม?"
"เรารับทราบ! แต่ว่า ๆ วันนี้ 3 ซองนะ" เ้าแมวตัวน้อยพูดขึ้นพร้อมกับทำมือเป็เลข 3 ชูขึ้นมา
"โอเค ๆ 3 ก็ 3"
"เย่! ขอบคุณมากน้าเ้านายพี่กรีน" ป๋ายร้องออกมาด้วยความดีใจและกล่าวขอบคุณกรีน ก่อนจะเดินไปหยิบขนมมากิน
ที่เข้มงวดแบบนี้กรีนก็ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นเลยนอกจากอยากจะให้คนมีสุขภาพที่แข็งแรง เพราะถ้าป่วยหรือเป็อะไรขึ้นมา คนที่ทรมานมากที่สุดก็คือคนที่เป็ ถ้าเขาป้องกันอะไรได้ั้แ่เนิ่น ๆ มันก็เป็ผลดีกับเ้าตัวเล็กทั้งนั้น
กรีนพยายามจำและสังเกตว่าอีกคนชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไรตลอดหลายวันที่อยู่ด้วยกันมา พยายามซื้อของกินของใช้ต่าง ๆ ที่ถูกใจเ้าแมวตัวน้อย กรีนหาข้อมูลทางโภชนาการอย่างละเอียดก่อนจะซื้ออาหารแต่ละอย่างมาให้คน ถ้าผลิตภัณฑ์ไหนคุณหมอแนะนำมาว่ารสชาติจะถูกใจเ้าเหมียวแต่จะขาดสารอาหารส่วนนี้ไป กรีนก็จะซื้อวิตามินนั้น ๆ มาทดแทนให้
เขาก็แค่อยากจะให้เ้าแมวน้อยของเขาสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ
วันถัดมา
กรีนหยิบโทรศัพท์ที่กำลังสั่นจากสายเรียกเข้าขึ้นมาและกดรับทันที
"ครับพี่บลู"
[พี่จะถึงแล้ว อยากได้อะไรไหม?]
"ไม่เป็ไรครับ พี่เข้ามาเลย"
[แกกินข้าวแล้วเหรอ?]
"กรีนกินซีเรียลไปแล้ว"
[เอาเวลาไปดูแลตัวเล็กหมด ไม่ได้ดูแลตัวเองแล้วมั้งน้องพี่]
"กรีนก็กินข้าวปกตินะ"
[ปกติมาก ปกติแกกินซีเรียลที่ไหน]
"ก็มันง่ายดี"
[หาอะไรอย่างอื่นกินมันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้นกรีน ไว้ถึงแล้วพี่จะฟ้องตัวเล็ก]
"โอเค ๆ งั้นกรีนฝากพี่ซื้อข้าวเข้ามาด้วย"
[ได้เลยน้องชาย]
หลังจากคุยกันเรียบร้อยแล้ว กรีนก็กดวางสายไป วันนี้เป็วันอาทิตย์ ซึ่งปกติกรีนไม่ได้เข้าร้านวันนี้อยู่แล้ว บลูเลยถือโอกาสมาเยี่ยมเ้าตัวเล็กซะเลย
"พี่บลู!" เพราะเห็นว่าใครมาหา ป๋ายก็ดีใจจนวิ่งหน้าตั้ง เพราะกรีนไม่ได้บอกเขาไว้เลยว่าวันนี้บลูจะมาหา
"หนูไม่วิ่งแบบนี้สิ" บลูเอ็ดขึ้นเพราะอีกคนวิ่งไม่มองทาง
"มาไม่เห็นบอกเค้าเลย ๆ" คนตัวเล็กเองก็ไม่ได้สนใจคำเอ็ดของบลู
"พี่มีขนมมาให้" แทนที่จะดีใจอีกคนกลับหน้าเศร้าลง เพราะนึกได้ว่าวันนี้โดนลดปริมาณขนม
"ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะตัวเล็ก? ได้ขนมเลยน้า ไม่ดีใจเหรอครับ?"
"พี่กรีนลดซองขนมวันนี้ลง เพราะเมื่อวานเค้าโกงวิ่ง พี่กรีนบอกว่าเดี๋ยวไม่แข็งแรงถ้ากินเยอะ ๆ"
"ทีกรีนมันยังไม่กิน-"
"อะแฮ่ม รับของจากพี่บลูแล้วก็เอาไปเก็บที่ได้แล้วครับ" กรีนพูดแทรกขึ้นมา เมื่อเห็นว่าพี่ชายของตัวเองจะพูดอะไร คนตัวเล็กที่ไม่รู้เื่อะไรก็รับของจากมือบลู จากนั้นก็เอาไปเก็บไว้ตามที่ทางของมันตามที่กรีนบอก
ตกลงกันว่าจะปล่อยให้ป๋ายไปเล่นของเล่น ส่วนพี่น้องก็จะมานั่งคุยกัน บลูถามถึงความเป็ไปแต่ละอย่างในชีวิตประจำวันของเขากับเ้าเหมียว กรีนเองก็เล่าออกมาด้วยรอยยิ้มแทบจะทุกประโยค
"มันมีความสุขขนาดนั้นเลยดิ"
"มีดิพี่บลู โคตรเป็อะไรที่เคยฝันไว้เลย"
พูดมาเสมอว่านี่คือสิ่งที่ตัวเองฝันไว้ มันเป็สิ่งที่ท้าทายมากสำหรับคนที่ยังไม่ได้รักษาอาการแพ้ขนสัตว์ แต่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเ้าเหมียวแบบนี้
"ได้สังเกตตัวเองบ้างหรือเปล่า? ไม่ได้มีอาการอะไรเลยใช่ไหม? ห้ามโกหกนะกรีน" บลูถามขึ้นมา
"เอาจริง ๆ มันก็มี ปกติเวลาตื่นมาจะรู้สึกสดชื่นมากกว่านี้ แต่รู้สึกว่าอากาศในบ้านมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เวลาเพิ่งตื่นนอนคัดจมูกทุกวันเลย"
"ว่าแล้ว จะไม่เป็อะไรเลยได้ไงวะ"
"แต่กรีนโอเคพี่บลู กินยาแก้แพ้ตลอด"
"กินบ่อย ๆ มันไม่ดี ดูผลข้างเคียงมันบ้างกรีน"
บลูเอ็ดขึ้นหลังจากที่กรีนยอมสารภาพอาการของตัวเองตลอดระยะเวลาที่เป็สัปดาห์ที่อยู่กับเ้าแมวน้อยมา เขาคุยกันทางโทรศัพท์อยู่บ่อย ๆ เพราะกรีนมีเื่ที่อยากปรึกษาหลายเื่ บลูถามทุกครั้งว่ามีอาการอะไรหรือเปล่า แต่กรีนเองก็โกหกทุกครั้งเช่นกันว่าไม่มีอาการอะไร ทั้งที่ความเป็จริง แม้จะมีเครื่องกรองอากาศ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกโล่งจมูกขนาดนั้น แถมบางวันยังมีอาการผื่นแดง ๆ เล็ก ๆ ขึ้นมา เวลาที่เขาไปจับอะไรในบ้านที่คนตัวเล็กเคยใช้
"กรีน แกเป็ห่วงตัวเล็กได้ ตัวเล็กก็เป็ห่วงแกเหมือนกัน มีอะไรก็รีบจัดการ ดีกว่าปล่อยให้มันหนักไปมากกว่านี้ ถ้าเกิดวันนึงแกเป็อะไรขึ้นมา คิดว่าตัวเล็กรู้สึกยังไง?"
กรีนเงียบไปหลังจากที่ได้ยิน ก็จริงอย่างที่พี่ชายเขาพูด
"เอาเป็ว่า เริ่มทำภูมิคุ้มกันบำบัดได้แล้ว ปัญหาอะไรจะตามมาก็ช่างแม่ง พี่อยู่ด้วยตลอด" กรีนฟังแล้วก็ยิ้มเล็ก ๆ ออกมาให้พี่ชายเขา
"ขอบคุณครับพี่บลู กรีนว่าจะปรึกษาเื่นี้อยู่พอดี"
"ทำเลย ไม่ต้องรอแล้ว"
กรีนยังไม่ทันได้พูดอะไร แต่พี่ชายเขาก็ยังยืนยันว่าให้กรีนเริ่มทำภูมิคุ้มกันบำบัดได้เลย กรีนคิดเื่นี้มาตลอดสองอาทิตย์ที่อยู่ด้วยกันกับเ้าแมวน้อย เพราะมันทำให้เขาดูแลอีกคนได้ไม่เต็มที่ ทำให้ป๋ายเหนื่อยกว่าเดิมที่จะต้องมาคอยกลายร่างเป็มนุษย์เวลาที่เขาอยู่บ้าน เขาไม่สามารถเกาคาง เกาพุง ลูบหัวอีกคนได้เลย
ในด้านของป๋าย แน่นอนว่าเขา้ามัน เขาอยากจะให้เ้านายของเขาเกาคาง ลูบหัว หรือกล่อมไปจนหลับ แต่ที่ผ่านมาเขาเป็คนหลีกเลี่ยงที่จะเข้าใกล้เ้านายของเขาเอง ป๋ายรู้ ไม่ใช่ไม่รู้ ว่าคนพี่มีอาการอยู่ตลอด เขาเห็นและสังเกตได้เอง ทั้งปริมาณยาแก้แพ้ที่น้อยลงแทบจะทุกวัน ยาพ่นที่เปลี่ยนที่วางอยู่ตลอด มันทำให้เขาพิจารณาได้เองว่าเ้านายของเขาจะต้องใช้มันทุกวันแน่นอน
"2-3 วันนี้ไปรับนัดหมอก่อนก็ได้"
"กรีนก็คิดแบบนั้นเหมือนกันพี่บลู เริ่มได้แล้วแหละ เดี๋ยวตัวเล็กจะรอนานไปมากกว่านี้"
"มีอะไรก็บอกนะกรีน อย่าเก็บไว้คนเดียว พี่กับดีน่าพร้อมช่วยตลอดอยู่แล้ว รู้ใช่ไหม?"
"ครับพี่บลู ขอบคุณมากครับ"
นั่งคุยสารทุกข์สุกดิบกันไปอีกเกือบ 2 ชั่วโมงเต็ม บลูก็ต้องขอตัวกลับบ้าน เพราะดีน่ากำลังรออยู่
"ตัวเล็ก หิวข้าวหรือยังครับ?"
"ป๋ายป๋าย"
"เรียกอย่างอื่นไม่ได้เลยนะ"
"ก็เค้ามีชื่อที่เ้านายที่น่ารักที่สุดตั้งให้" ป๋ายพูดออกมาในขณะที่ตาก็ยังจับจ้องกับของเล่นไม่หยุด
อีกหนึ่งอย่างที่ทำให้กรีนรู้ คืออีกคนติดของเล่นมาก แม้จะเป็ของเล่นชิ้นเดิม แต่ป๋ายก็เล่นมันได้ทั้งวัน
"เก็บของเล่นแล้วไปกินข้าวก่อน"
"พี่กรีนเรียกใหม่ก่อน"
"ป๋ายป๋าย ไปกินข้าวก่อนแล้วค่อยมาเล่นครับ"
ป๋ายยิ้มออกมาทันทีที่ถูกตามใจ คนตัวเล็กจัดการเก็บของเล่นใส่ตะกร้า เตรียมตัวลุกไปกินข้าว แต่ก่อนที่จะได้ลุกขึ้นยืน ป๋ายก็เริ่มรู้สึกมึนหัว เขาค่อย ๆ ยกมือขึ้นไปจับที่ขมับของตัวเอง ส่ายหัวไปมาเบาๆ กรีนที่เห็นก็รีบเข้ามาพยุงทันที
"เป็อะไรครับ?" เขาหันไปถามพร้อมกับคิ้วที่ขมวด
"บ้านพี่กรีนจะหมุน ๆ นะ"
"ทำไมเป็แบบนี้? กลายร่างมากี่ชั่วโมงแล้ว?" กรีนถามขึ้นพร้อมกับมองนาฬิกา
"ก็ั้แ่ตื่นนะเ้านายพี่กรีน" เ้าแมวน้อยหันไปตอบคำถามกรีนยิ้ม ๆ
"ไม่ต้องมายิ้มเลยตัวเล็ก ตอนนี้มันจะเกิน 10 ชั่วโมงนะ กลับไปเป็แมวแล้วไปนอนพักก่อนครับ"
"ไม่เอา"
"ป๋าย" คนเป็เ้านายเรียกออกมาเสียงเข้ม
"ดุ ๆ อีกแล้ว"
"จะไม่ฟังกันใช่ไหม?"
"ไม่ฟัง นาน ๆ มากถึงจะได้เข้าใกล้พี่กรีนแบบนี้ พี่กรีนอุ้มเค้าหน่อยได้ไหม? ถ้าเค้ากลับไปเป็สี่ขา พี่กรีนก็จะอุ้มเค้าไม่ได้นะ"
กรีนชะงักกับคำพูดของคนตัวเล็กทันที นี่คงจะเป็สิ่งที่เ้าตัวเล็กของเขา้ามาตลอด
"เค้ารู้ว่าพี่ไม่สบายตัวเวลาอยู่ในบ้านกับเค้า เค้าขอโทษนะ" กรีนหลับตาลงช้า ๆ และเงยหน้าขึ้น เพื่อไล่น้ำตาที่กำลังจะไหลลงมากับเขาไป
กรีนอยู่แบบนั้นเกือบนาที สุดท้ายก็ตัดสินใจช้อนตัวคนตัวเล็กขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน อุ้มอีกคนไปวางไว้ที่โซฟา ย่อตัวนั่งลงข้าง ๆ มือหนาถูกส่งไปลูบหัวป๋ายเบา ๆ
"พี่กรีนขอโทษนะครับ" กรีนพูดขึ้นในขณะที่มือก็ลูบหัวคนตัวเล็กไม่ห่าง
"ไม่เอาแบบนี้ พี่กรีนไม่ขอโทษนะ"
"พี่ดูแลเธอได้ไม่เต็มที่เลย เวลาที่เธอเป็แมว พี่เข้าใกล้เธอไม่ได้เลยสักนิด ทั้ง ๆ ที่เธอเองก็้าให้พี่ทำอะไรหลาย ๆ อย่างให้ ทำไมถึงไม่เรียกร้องมาเลยนะครับ?"
"เค้าไม่เอาหรอก แค่พี่กรีนไม่สบายตัวก็มากพอแล้ว ถ้าพี่กรีนเป็อะไรไปแล้วเค้าจะร้องเหมียวใส่ใคร?" เ้าแมวน้อยพูดออกมาตาใส
ป๋ายเองก็ไม่รู้ว่ามันคือนิสัยปกติของแมวหรือเปล่า ที่อยากจะให้เ้านายสนใจตัวเองตลอดเวลา หรือมันเป็ที่นิสัยเฉพาะตัวของเขาเอง เขาถามตัวเองอยู่หลายครั้งว่าเขา้ามันเพราะเหตุผลไหน ที่อยากจะให้กรีนสนใจเขาทั้งวัน อยากจะอ้อนให้คนพี่มาอยู่ใกล้ ๆ อยากจะซุกตัวไปที่อีกคนตลอดเวลา
เขาพยายามห้ามใจกับสิ่งเหล่านี้ตลอดระยะเวลาสองอาทิตย์ที่อยู่ด้วยกันมา มันยากมากสำหรับเขา แต่เมื่อเทียบกับอายุของมนุษย์ ป๋ายก็โตพอมากที่จะพิจารณาอะไรเองได้แล้ว ว่าเหตุผลของสิ่งที่เป็อยู่ตอนนี้มันคืออะไร เขาพยายามทะเลาะกับตัวเองในหัว ทำความเข้าใจว่ากรีนแพ้ขนสัตว์ เลยมาอยู่ใกล้ไม่ได้
ถึงแม้ว่าสมองจะกลั่นกรองเหตุผลออกมามากพอที่จะทำให้ไม่เรียกร้องอะไรออกไปได้ แต่ใจของเขาเองมันก็ยังงอแงอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน เพราะเขาก็แค่อยากได้รับความอบอุ่นจากการกระทำของเ้านาย ป๋ายรู้สึกขอบคุณมากที่กรีนใส่ใจเขาอยู่ตลอด แต่การที่ไม่ได้รับอะไรพวกนี้เลยมันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกน้อยใจ
นึกไปถึงสิ่งที่กรีนบอกั้แ่แรก ในวันนั้นเขายืนยันกับตัวเองแน่ชัด ว่าถ้ากรีนมาลูบหัว เกาคาง เกาพุงให้เขาในร่างแมวไม่ได้ มันก็จะไม่เป็อะไร แต่กรีนก็แย้งออกมาว่าสักวันนึงตัวป๋ายจะรู้สึกเองว่าการที่กรีนให้อะไรพวกนี้ไม่ได้มันเป็ยังไง
แล้วมันก็เป็แบบนั้นจริง ๆ
"เค้าพยายามทำความเข้าใจแล้วนะ ว่าพี่กรีนทำไม่ได้ แต่เค้าก็ยังอยากได้มันอยู่ นิสัยไม่ดีอีกแล้วใช่ไหม?"
"ไม่พูดอย่างนั้นนะครับ" กรีนบอกออกมาเสียงอ่อน มือที่คอยลูบหัวให้ก็ไม่ได้ละไปไหน
"ก็มันเป็แบบนั้นนะ พี่กรีนบอกเค้าั้แ่แรกแล้วว่าวันนึงเค้าจะรู้สึกเองว่ามันเป็" ปากบางเบะเล็ก
"โอเคครับ วันนั้นพี่พูดเอง แต่พี่แค่พูดให้เธอรู้ตัวก่อน ไม่ได้หมายความว่าถ้าวันหนึ่งเธอรู้สึกน้อยใจมันจะผิดนะ"
"ถ้างั้น วันนี้ตามใจเค้าก่อนได้ไหม?"
"ไปนอนพักก่อนไม่ดีกว่าเหรอครับ หื้ม?"
"นะพี่กรีน"
อย่างที่บลูเคยเตือนไว้ ว่ากรีนแพ้อะไรแบบนี้ ซึ่งมันก็เป็ความจริง เพราะถึงแม้ในหัวเขาจะคิดแบบไหน เพราะอีกคนอ้อนขึ้นมา ปากมันก็ตอบกลับไปโดยอัตโนมัติ
"โอเคครับ อยากให้พี่ทำอะไร?"
"เค้านอนตักพี่กรีนได้ไหม?"
กรีนยิ้มออกมาทันทีหลังจากที่ได้ยินคำขอของอีกคน จากนั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรออกมา ร่างสูงย้ายตัวเองขึ้นไปนั่งบนโซฟา จากนั้นก็ยกหัวของเ้าแมวน้อยขึ้นมาวางไว้ที่หน้าขาเบา ๆ
"แบบนี้ใช่ไหมครับ?"
"อื้ม" คนน้องหลับตาพริ้ม
"แล้วป๋ายป๋ายอยากได้อะไรอีก"
ป๋ายไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่ส่งขนมแมวเลียที่ถือไว้ในมือให้เ้านาย
"ดื้อ ไปแอบหยิบมาตอนไหน?"
"ไม่รู้ ๆ ๆ แต่พี่กรีนป้อนเค้าหน่อยนะ"
ณ เวลานี้กรีนไม่สามารถปฏิเสธอะไรอีกคนได้เลย ความเอ็นดูที่มีมากจนล้นเป็ฐานเดิม บวกกับที่ได้รู้ความในใจ ว่าคนตัวเล็กอยากทำอะไรพวกนี้มากแค่ไหน ก็คงเป็เหตุผลพอที่ตอนนี้กรีนจะยอมทำตามทุกอย่างที่อีกคนขอ
กรีนจัดการฉีกซองขนมแมวเลียที่อีกคนส่งมา จากนั้นก็จ่อมันไปที่ปากของคนบนตักทันที ป๋ายชอบใจจนซ่อนรอยยิ้มไว้ไม่ได้ อ้าปากรับขนมที่กรีนทยอยบีบให้ มือเรียวก็จับไว้ที่ข้อมือหนาและใช้เล็บเกาะเบา ๆ
"เธอจะฝนเล็บที่แขนพี่หรือไงครับ?"
"อื้ม อย่ากวน"
กรีนแทบอยากจะสบถออกมาด้วยความเอ็นดู ได้เห็นอะไรแบบนี้ใกล้ ๆ กรีนรู้สึกว่าตัวเองโชคดีเอามาก ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าเ้านายคนอื่นจะมองว่าแมวตัวเองน่ารักมากขนาดไหน
แต่สำหรับเขา
ตัวบนตักน่ารักที่สุดในโลกแล้ว
กรีนคอยมองทุกจังหวะที่อีกคนกินขนมที่เขาป้อน แต่ขนมยังไม่ทันจะหมดซอง คนตัวเล็กก็หยุดขยับปากที่รับขนมเข้าไปช้า ๆ
"ป๋ายป๋าย หลับเหรอครับ?" พอไม่ได้ยินเสียงอีกคนตอบอะไรกลับมา กรีนก็ค่อย ๆ ลูบแก้มคนบนตักเบา ๆ
"ตัวเล็ก" เป็อีกครั้งที่กรีนไม่ได้ปฏิกิริยาอะไรกลับมา จนทำให้เขามั่นใจว่าอีกคนได้หลับไปแล้ว ร่างสูงยิ้มกว้างออกมาทันที
อะไรมันจะน่าเอ็นดูขนาดนั้นวะ
"ขึ้นไปนอนบนห้องดี ๆ ดีกว่านะตัวเล็ก" กรีนโน้มตัวไปกระซิบบอกอีกคนเบา ๆ แล้วทำท่าจะอุ้มป๋ายขึ้นไปนอน
"อื้ม ไม่เอา"
ป๋ายตอบกลับมาเสียงหวาน พร้อมกับหันหน้าซุกเข้าไปที่หน้าท้องของกรีน จากนั้นก็กอดแขนเ้านายเขาเอาไว้
คนเรามันจะตายเพราะแมวน้อยได้จริง ๆ เหรอวะ
อืม บอกเลยว่าได้
เพราะตอนนี้กรีนเอ็นดูคนตรงหน้าแทบจะตายแล้ว
ไว้รออีกคนพักผ่อนจนพอ กรีนจะบอกข่าวดีเื่ที่เขาตัดสินใจจะเริ่มทำภูมิคุ้มกันบำบัด ถึงแม้ว่ามันจะไม่หายในทันที แต่มันก็ถือว่าเริ่มนับหนึ่งได้แล้ว ไม่รู้ว่าจะถึงร้อยตอนไหน แต่มันก็คงถึงแน่ ๆ อาจจะยังเทียบไม่ได้ ว่าเขาเอ็นดูป๋ายในร่างไหนมากกว่ากัน แต่ไม่ว่าจะเป็ป๋ายในฉบับไหน เขาก็จะดูแลอีกคนให้ดีที่สุดอยู่ดี
มือหนาของกรีนถูกส่งไปลูบที่คางอีกคนช้า ๆ ส่วนแมวบนตักก็ส่งปฏิกิริยาตอบรับกลับมาทันที ป๋ายจับข้อมือของกรีนไว้แล้วแนบแก้มของตัวเองลงไป
"เก็บไว้ให้พี่เอ็นดูเธอวันอื่นบ้างก็ได้ครับ"
รอยยิ้มของกรีนที่ปรากฏขึ้น
มาพร้อมกับอาการคัดจมูกเล็ก ๆ
"ป๋ายป๋ายหางโผล่แล้วครับ สบายขนาดนั้นเลยหรือไง หื้ม?" นี่คงเป็อาการแพ้ขนสัตว์ที่เขามีความสุขที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตเลยละมั้ง