เซี่ยโม่หันไปมองซ่งมู่ไป๋ ก่อนที่ทั้งคู่จะหัวเราะอย่างจนปัญญาออกมา
เมื่อได้ลำเลียงซาลาเปาไส้เนื้อและหมูน้ำแดงลงท้อง เหล่าจ้าวก็กลับมามีเรี่ยวแรงดังเดิม เขาหยิบเงินหนึ่งปึกใหญ่ออกมาจากอกเสื้อ “ลองนับดู ขายได้สองร้อยแปดสิบหยวน”
เซี่ยโม่ตาโตด้วยความตกตะลึง เดิมทีคิดว่าขายได้สองร้อยหยวนก็นับว่าไม่เลวแล้ว ที่ไหนได้กลับขายได้เงินเยอะถึงเพียงนี้
“วันนี้ตอนฉันเอาเห็ดหลินจือกับโสมป่าไปขาย บังเอิญเหลือเกินที่มีลูกค้าเก่าคนหนึ่งของเพื่อนฉันกำลังอยากได้เห็ดหลินจือกับโสมป่าเอาไปบำรุงร่างกายอยู่พอดี พอฉันเอาของออกมา หมอนั่นก็ตาลุกวาวอย่างดีอกดีใจ พอได้ของก็รีบเดินทางเข้าเมืองหลวงของมณฑลทันที ฉันคิดว่าหมอนั่นก็น่าจะขายได้เงินเยอะเช่นกัน” เหล่าจ้าวเล่าอย่างโอ้อวด
“อาจารย์ เขาขายได้เงินเยอะก็ถือว่าเขามีความสามารถ ที่พวกเราได้มาก็ถือว่าไม่น้อยแล้ว” เธอเอ่ยเตือน
“ฉันเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน คนเราต้องรู้จักพอเพียง”
เธอลองนับดู เงินมีจำนวนทั้งหมดสองร้อยแปดสิบหยวนจริงๆ ด้วย เธอหยิบธนบัตรมูลค่าสิบหยวนออกมาสองใบแล้วยื่นให้ชายชรา
“อาจารย์ชอบรักษาคนไข้ก่อนแล้วค่อยเก็บเงิน เก็บเงินนี้สำรองไว้นะคะ ถ้าไม่พอก็บอกฉันได้”
ชายชราช่างเป็คนซื่อสัตย์เหลือเกิน ขายได้เงินเท่าไรก็หยิบเอาออกมาให้เธอหมด เธอเลยตัดสินใจแบ่งให้เป็สินน้ำใจ
คุณปู่จ้าวทำหน้าคิดใคร่ครวญอยู่ครู่ถึงค่อยเอ่ยออกมา “ได้ ถือว่าฉันยืมเธอก่อนก็แล้วกัน แล้วก็มีเงินค่าสมุนไพรก่อนหน้านี้ด้วย ฉันยังจำได้ สิ้นปีเมื่อไรค่อยมาคำนวณ”
“ได้ค่ะ” ตอนนี้เธอพอมีฐานะขึ้นมาแล้ว ไหนเลยจะถือสากับเงินเล็กน้อยแค่นี้ ต่อมาเธอหยิบธนบัตรออกมาอีกยี่สิบใบแล้วส่งให้ซ่งมู่ไป๋
“พี่ซ่ง เงินสำหรับค่าคูปองรถจักรยานค่ะ คนที่หาคูปองให้พี่ปกติเขาคิดราคาเท่าไรก็คิดตามนั้นได้เลยนะคะ”
“ไม่ใช่แค่คูปองจักรยานนะ เป็จักรยานทั้งคันเลยต่างหาก แล้วเธอก็ให้เงินมาเยอะเกินไป เงินค่าคูปองมันไม่ต้องจ่าย” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“แล้วพี่เอาจักรยานไปไว้ไหนคะ ฉันจะได้เอากลับบ้าน” ได้ฟังเช่นนั้นก็รีบเอ่ยถาม
“อยู่ท้ายรถ” ชายหนุ่มตอบพร้อมรอยยิ้ม
“พาฉันไปดูหน่อยได้ไหมคะ” เด็กสาวเอ่ยอย่างตื่นเต้น
ซ่งมู่ไป๋ะโลงจากรถ ก่อนจะเดินไปเปิดท้ายกระบะ ในนั้นมีรถจักรยานยี่ห้อนกเขาบิน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางล้อยาวยี่สิบแปดนิ้วคันใหม่เอี่ยมอยู่จริงด้วย
“ฉันไม่ได้ซื้อจักรยานผู้หญิงมา ถ้าไม่ชอบจักรยานแบบผู้ชาย งั้นเธอคงต้องรอหน่อย” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างรู้สึกผิด
“ฉันอยากได้จักรยานผู้ชายอยู่พอดีค่ะ จะได้ขี่ไปส่งน้องชายได้” เซี่ยโม่ตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
ถ้าใช้จักรยานผู้หญิงก็จะขี่ไปส่งน้องชายไม่ได้ อีกอย่าง่ขาเธอยาว สามารถขี่จักรยานผู้ชายได้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
เธอยัดเงินสองร้อยหยวนใส่มือชายหนุ่ม “พี่ซ่ง ฉันไม่สนหรอกค่ะว่าพี่เสียเงินค่าคูปองจักรยานหรือเปล่า ยังไงก็รับเงินนี้ไว้เถอะนะคะ”
ซ่งมู่ไป๋พูดอย่างดื้อดึง “เยอะไปแล้ว จักรยานคันนี้ราคาแค่หนึ่งร้อยหกสิบแปดหยวนเท่านั้นเอง”
“พี่ซ่ง พี่ให้เพื่อนช่วยหาคูปองจักรยานให้ก็หมายความว่าพี่ติดหนี้น้ำใจเขา ที่เหลือพี่เอาไปตอบแทนเขาเถอะค่ะ”
ชายหนุ่มยัดธนบัตรสิบหยวนสามใบคืนใส่มือเธอพร้อมกับยื่นคำขาด “ฉันบอกว่าไม่ต้องก็ไม่ต้อง ถ้าเธอยังคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้อีก ฉันจะคืนเข็มขัดให้เธอ แล้วเธอก็ไม่ต้องทำชุดให้ฉันแล้ว”
“ก็ได้ค่ะ”
เซี่ยโม่คำนวณในใจ ยังเหลือเงินอีกเก้าสิบหยวน ใช้เป็ค่าเทอมของเธอกับน้องชายได้พอดี พอเห็นว่าที่บ้านมีเงินเหลือเฟือ ในใจเธอรู้สึกเบิกบานเป็ที่สุด
หลังจากดูรถจักรยานเสร็จ ทั้งสองคนก็กลับขึ้นไปบนรถ พบว่าอาจารย์กินข้าวกล่องหมดแล้ว ทั้งยังจัดการซาลาเปาหมดไปสามลูก
ด้วยความกระหายน้ำ คุณปู่จ้าวจึงเดินเข้าไปขอน้ำดื่มในร้านยาิเหรินถัง ชายชราลูบท้องที่นูนออกมาเล็กน้อย พร้อมกับพูดอย่างอิ่มเอมใจ “อิ่มจัง”
เซี่ยโม่นึกถึงตอนที่ได้เจอคุณปู่จ้าวครั้งแรก ไม่รู้ตอนนั้นอีกฝ่ายต้องทนหิวกี่วันกว่าจะได้กินข้าวกับเขาสักมื้อ
ตอนนั้นอีกฝ่ายคงจะหิวน่าดู พอเธอนำของอะไรมาให้กินก็เลยเจริญอาหารขนาดนี้
ซ่งมู่ไป๋เห็นเด็กสาวกำลังมองชายชราด้วยความเป็ห่วงจึงเอ่ยตัดบท “เอาละ พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”
“ดีค่ะ” เซี่ยโม่หันไปมองชายหนุ่มพร้อมกับส่งยิ้มให้
เซี่ยโม่คิดในใจ พี่ซ่งพูดเช่นนี้แปลว่าเห็นบ้านของเธอเป็เหมือนบ้านตัวเองใช่หรือไม่ เขาคงจะโหยหาความอบอุ่นของครอบครัวกระมัง
พอเห็นว่าตัวเองดึงดูดความสนใจเด็กสาวจากชายชราคืนมาได้สำเร็จ ซ่งมู่ไป๋ก็ขับรถออกไปอย่างอารมณ์ดี ส่วนเหล่าจ้าวหลับตาลงเพื่อจะนอนสักตื่น
ซ่งมู่ไป๋หันไปมองเด็กสาวแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองทางข้างหน้าต่อ “เธอก็หลับสักหน่อยเถอะ”
เด็กสาวส่ายศีรษะ “ฉันไม่ง่วงค่ะ ฉันอยู่คุยเป็เพื่อนพี่ดีกว่า”
“เอาสิ” เขารู้สึกดีใจเหลือเกินที่เด็กสาวเป็ห่วงเขา
เซี่ยโม่กลัวว่าถ้าพูดเสียงดังจะไปรบกวนอาจารย์ที่กำลังนอนหลับ ประโยคถัดมาจึงลดเสียงลง “พี่ซ่ง ฉันวางแผนเอาไว้ว่าหลายวันต่อจากนี้ฉันจะอ่านหนังสืออยู่ที่บ้าน แล้วก็อยากไปดูโรงเรียนมัธยมปลายในตัวตำบลค่ะ”
ชายหนุ่มทำท่าขบคิดอยู่ครู่ถึงค่อยเอ่ยตอบ “วันนี้วันศุกร์ เอาเป็วันจันทร์ก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันพาไป”
เซี่ยโม่ไม่รู้จักใครเป็พิเศษ ตอนแรกแอบกลัวว่าโรงเรียนอาจไม่ให้สอบข้ามชั้นเพราะไม่อยากยุ่งยาก แต่ตอนนี้เธอรู้จักพี่ซ่ง เพียงเท่านี้ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล
“ขอบคุณมากค่ะ ฉันซื้อเนื้อหมูมาด้วย เดี๋ยวเย็นนี้พอถึงบ้าน พี่ก็กินข้าวเย็นที่บ้านฉันก่อนแล้วค่อยกลับนะคะ”
“ได้สิ เธอบอกว่าจะวัดตัวฉันเพื่อจะเอาไปตัดชุดให้ไม่ใช่เหรอ ฉันยังจำได้อยู่นะ” ชายหนุ่มตอบรับด้วยน้ำเสียงดีอกดีใจ
ตอนแรกเธอยังเครียดว่าติดหนี้น้ำใจพี่ซ่งอีกแล้ว แต่พอได้ยินเช่นนี้จึงรู้สึกผ่อนคลายขึ้น
“พี่ซ่ง เมื่อตอนเที่ยงกินหมูน้ำแดงไปแล้ว ตอนเย็นอยากกินอะไรคะ หมูต้มราดซอสกระเทียมดีไหมคะ”
ซ่งมู่ไป๋พูดเอาใจเด็กสาว “แล้วแต่เธอเถอะ ไม่ว่าเธอทำอะไรฉันก็ชอบหมดนั่นแหละ”
ทั้งสองคนพูดคุยกันไปตลอดทางโดยไม่รู้เลยว่าคุณปู่จ้าวไม่ได้นอนหลับ แต่แอบฟังทั้งคู่คุยอยู่ตลอด
พอได้ยินว่าลูกศิษย์จะตัดชุดให้เ้าหนุ่มมู่ไป๋ ในใจก็นึกอิจฉา เ้าเด็กหนุ่มนี่ไม่เลวเลย ตามตื๊อจนลูกศิษย์ของเขายอมตัดเสื้อให้
และพอได้ยินลูกศิษย์ถามอีกว่าเย็นนี้อยากกินอะไร ชายชรามองบนอยู่ในใจ อะไรจะดูแลกันดีปานนั้น
อยากจะะโออกไปเหลือเกินว่า เขาอยากกินหมูน้ำแดงแต่ก็ทำไม่ได้ แบบนั้นมีหวังเสียหน้าแย่
ชายชราเ็ปใจ รู้สึกเหมือนลูกสาวในไส้กำลังจะถูกหมาป่าแย่งเอาไปอย่างไรไม่รู้
“พี่ซ่ง ตอนไปห้างสรรพสินค้าฉันซื้อผ้ามาเพิ่ม ฉันว่าจะตัดเสื้อตัวในให้พี่เพิ่มค่ะ” เซี่ยโม่เอ่ยออกมา
ซ่งมู่ไป๋นึกยินดีอยู่ในใจ เขาชอบที่เด็กสาวเอาใจใส่เขาเช่นนี้
“ลำบากโม่โม่แล้ว”
เหล่าจ้าวที่แอบฟังอยู่ยิ่งรู้สึกอิจฉายิ่งกว่าเดิม เหมือนตัวเองกินมะนาวเข้าไป ซ่าจนขนลุกไปทั้งตัวเลย
เขาตัดสินใจว่าจะไม่แกล้งหลับต่อแล้ว ไม่อย่างนั้นเด็กสาวมีของดีอะไรก็ให้เ้าเด็กหนุ่มมู่ไป๋หมด เด็กสาวเป็ลูกศิษย์ของเขา มีของดีอะไรต้องให้เขาที่เป็อาจารย์ก่อนสิถึงจะถูก
ชายชราแกล้งทำเป็ปรือเปิดตาอย่างคนเพิ่งจะตื่น ก่อนจะหันไปมองเซี่ยโม่ แต่พอเห็นว่าเด็กสาวไม่รู้เื่เลยแม้แต่น้อย เขาจึงแสร้งกระแอมออกมา
ครั้นได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว เซี่ยโม่จึงหันไปมอง “อาจารย์ ตื่นแล้วเหรอคะ”
เหล่าจ้าวแกล้งตอบด้วยน้ำเสียงสะลึมสะลือ “นอนไม่หลับแล้ว สงสัยเมื่อเช้าจะนอนเยอะเกินไป”
เซี่ยโม่นึกขึ้นได้เลยเอ่ยออกไป “อาจารย์คะ ฉันซื้อผ้ามาเพิ่ม ว่าจะตัดชุดให้อาจารย์แล้วก็จะตัดเสื้อตัวในให้ด้วยสองชุดค่ะ”
นึกไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวจะตัดชุดให้เขาด้วย ใบหน้าชายชราขึ้นสีแดงอย่างละอายใจ อย่างน้อยเด็กหนุ่มก็ช่วยเหลือลูกศิษย์เขาทุกอย่าง แล้วเขาล่ะ ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
“โม่โม่ ฉันมีเสื้อผ้าอยู่แล้ว เราเพิ่งจะหาเงินได้ ตัดให้ตัวเองกับน้องก็พอ ไม่ต้องตัดให้ฉันหรอก ฉันอายุเยอะแล้ว จะใส่เสื้อผ้าใหม่ๆ ไปทำไม” ชายชราเอ่ยอย่างรู้สึกผิด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้