“หรูอี้ช่วยข้ามาหลายครั้งแล้ว ข้าจะซื้อไปให้หรูอี้” อู่โก่วจื่อจ้องมองไปที่ปลาเจียงหลี่ พลางพิจารณาว่าจะไปยืมเงินหมอที่ร้านสมุนไพรดีหรือไม่
เมื่อได้ยินดังนั้นซื่อโก่วจื่อก็รีบควักเงินทั้งหมดที่มีออกมา “น้องสาว ข้าให้”
“พี่ชายคนดี ท่านยังมีเงินอีกหรือ”
ซื่อโก่วจื่อกล่าวอย่างลำพองใจว่า “หากมิใช่ว่าข้ามีเงิน เ้าจะได้ซื้อปลาเจียงหลี่หรือ”
อู่โก่วจื่อนับเงินทองแดง จากนั้นจึงหันไปคุยกับคนขายปลาครู่หนึ่ง สุดท้ายก็สมปรารถนา ซื้อปลาเจียงหลี่ตัวใหญ่ที่สุดกลับบ้านไปจนได้
สองพี่น้องถือของและปลาเจียงหลี่เดินจากปากทางเข้าหมู่บ้านจนกระทั่งถึงบ้านของตนเอง จากนั้นจึงเอาของไปเก็บแล้วนำปลาเจียงหลี่ไปยังบ้านหลี่ ระหว่างทางพบคนในหมู่บ้านหลายคน คนเ่าั้มองพวกเขาด้วยสายตาที่อิจฉา
ในหมู่บ้านแห่งนี้นอกจากตระกูลของหวังไห่แล้ว ก็มีเพียงบ้านสวี่ที่ซื้อเต้าหู้จากบ้านหลี่ได้ทุกวัน วันละหลายร้อยชั่ง
ชาวบ้านหลายคนเสียดายที่เมื่อก่อนไม่ยอมสานสัมพันธ์กับบ้านหลี่ให้ดี
จ้าวซื่อได้ยินเสียงพูดคุยกันก็รู้สึกสงสัย จึงเดินไปดูที่ห้องครัว “ปลาหลี่ตัวใหญ่เชียว มีเกล็ดสีทองด้วย”
หลี่หรูอี้กำลังกำกับให้อู่ต้าทำปลาอยู่ในครัว นางชี้ไปที่ปลาแล้วพูดว่า “อู่โก่วจื่อเห็นคนขายปลาบอกว่า นี่คือปลาเจียงหลี่ ตำบลจินจีอยู่ห่างจากแม่น้ำร้อยกว่าลี้ คนขายปลาผู้นี้เดินไกลถึงร้อยกว่าลี้เชียวนะเ้าคะ”
จ้าวซื่อพยักหน้า “อู่โก่วจื่อใส่ใจจริงๆ ถึงกับซื้อปลาเจียงหลี่ตัวใหญ่เพียงนี้มาให้เ้าด้วย”
“สนับเข่าขายดีมาก พวกอู่โก่วจื่อไม่ทันได้อยู่ดื่มน้ำที่บ้านเราก็กลับไปแล้ว”
“เด็กสองคนนี้เป็เด็กดีจริงๆ”
“อู่โก่วจื่อบอกกับข้าว่า รอให้ซานโก่วจื่อกลับมาก่อน คราวนี้จะไม่ให้นางไปเป็บ่าวไพร่อีกแล้ว อู่โก่วจื่อกลัวท่านน้าจะไม่เห็นด้วย ข้าจึงบอกว่า จะให้ท่านแม่ไปโน้มน้าวท่านน้า ท่านแม่คิดอย่างไรเ้าคะ”
“ได้ ปีหน้าซานโก่วจื่อก็จะอายุสิบสี่แล้ว สตรีของแต่ละครอบครัวเมื่อถึงอายุเท่านี้ก็ต้องเตรียมตัวเื่แต่งงานแล้ว กลับมาอยู่ที่บ้านย่อมดีกว่า”
อู่ต้าที่กำลังชำแหละปลาได้ยินสองแม่ลูกสนทนากันก็ไม่กล้าเงยหน้า ได้แต่คิดในใจว่า ฮูหยินกล่าวได้อย่างมีเหตุผลจริงๆ สตรีไปทำงานเป็บ่าวไพร่ในครอบครัวร่ำรวย ทั้งยังมิใช่สัญญาขายขาด จะช้าจะเร็วก็ต้องกลับมาบ้าน มิเช่นนั้นหากไปเจอเ้านายไม่ดีที่ชอบลงไม้ลงมือ หรือถูกเ้านายทำลายความบริสุทธิ์คงคุยเื่แต่งงานยากแล้ว
“ปลาตัวใหญ่เพียงนี้ วันนี้กินครึ่งเดียวก่อน ที่เหลือข้าจะทำเป็ปลารมควันเอาไว้นึ่งกิน” หลี่หรูอี้ให้อู่ต้านำปลาเจียงหลี่ตัวโตไปหั่นเป็ชิ้น
สองพี่น้องอู่โก่วจื่อขายสนับเข่าอยู่ที่อำเภอฉางผิงถึงสามวันติดต่อกัน จนกระทั่งวันที่สี่ เมื่อพวกเขาไปถึงอำเภอฉางผิง ก็พบว่ามีสตรีสองคนยืนถือตะกร้าขายสนับเข่าอยู่
รูปแบบเดียวกัน ใช้ผ้าชนิดเดียวกัน แต่ราคาถูกกว่าที่สองพี่น้องอู่โก่วจื่อขาย สนับเข่าหนึ่งชิ้นราคาเก้าทองแดง หนึ่งคู่สิบหกทองแดง
คนในอำเภอไม่ใช่คนโง่ย่อมไปซื้อสนับเข่าที่สตรีสองคนนั้นขาย
ซื่อโก่วจื่อโกรธจนถลึงตาใส่สตรีสองนางนั้นไปหลายครั้ง พวกนางเห็นสองพี่น้องนานแล้ว ย่อมรู้สึกผิดในใจจนไม่กล้าสบตาซื่อโก่วจื่อ
อู่โก่วจื่อทอดถอนใจ ถูกผู้อื่นลอกเลียนแบบเร็วเพียงนี้เชียว หลี่หรูอี้กล่าวได้ถูกต้องจริงๆ “ท่านพี่ พวกเราไปขายที่อื่นกันเถิด”
ซื่อโก่วจื่อเอ่ยถามว่า “ไปที่ใด”
“เมืองเยี่ยน”
“ไกลเพียงนั้นเชียวหรือ”
“พวกเราจะจ้างเกวียนลาไปกัน” อู่โก่วจื่อบอกจะไปก็ไปจริงๆ นางรีบไปหาเกวียนลาที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นก็ต่อรองราคาและออกเดินทางทันที
เกวียนลาวิ่งอยู่บนถนนสายหลัก ซื่อโก่วจื่อนั่งอยู่บนเกวียนอันโคลงเคลงจนเจ็บก้นไปหมด เขามองไปที่สนับเข่าในตะกร้าใบใหญ่ ในนั้นมีสนับเข่าอยู่สามร้อยคู่ ไม่รู้ว่าคนเมืองเยี่ยนจะควักเงินออกมาซื้อหรือไม่ คิดดังนั้นก็รู้สึกไม่สบายใจ
ในตอนที่ใกล้ถึงเมืองเยี่ยน อู่โก่วจื่อก็พูดขึ้นว่า “พวกเราจะขายสนับเข่าชิ้นละสิบหกทองแดง หนึ่งคู่สามสิบทองแดง”
ซื่อโก่วจื่อถลึงตาโตพลางร้องว่า “บ้าไปแล้วหรือ ขายแพงขนาดนี้เชียว!”
“นี่คือเมืองเยี่ยน มีคนร่ำรวยมากกว่าที่อำเภอฉางผิงมากนัก” อู่โก่วจื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “พวกเรานั่งเกวียนลาไปกลับก็ต้องจ่ายเงินสิบกว่าทองแดงแล้ว”
ซื่อโก่วจื่อกล่าวทักท้วง “หนึ่งชิ้นสิบสองทองแดง หนึ่งคู่ยี่สิบทองแดง ดีหรือไม่”
อู่โก่วจื่อส่ายหน้า “ไม่ได้ ที่เมืองเยี่ยนมีคนฉลาดมากกว่าที่อำเภอฉางผิง มิแน่ว่าพรุ่งนี้อาจจะมีคนลอกเลียนแบบสนับเข่าออกมาขายแล้วก็เป็ได้”
ตอนบ่าย สองพี่น้องซื่อโก่วจื่อก็ขายสนับเข่าจนหมด จากนั้นก็นำเงินทองแดงไปแลกเป็เงินตำลึงแล้วนั่งเกวียนลากลับมาที่หมู่บ้านหลี่
เมื่อหักเงินทุนและค่าจ้างเกวียนไปแล้ว พวกเขาได้กำไรถึงสี่ตำลึงกว่า ได้มากกว่าที่อำเภอฉางผิงถึงหนึ่งเท่า
ซื่อโก่วจื่อหัวเราะด้วยความตื่นเต้นจนเสียงสั่น “เงินที่พวกเราหาได้ในวันนี้พอที่จะซื้อล่อพร้อมเกวียนได้หนึ่งตัวเชียว”
“พรุ่งนี้พวกเราก็ไปเมืองเยี่ยนกันอีก” อู่โก่วจื่อตัดสินใจแล้วว่า คืนนี้จะจ้างคนงานให้มากหน่อย จะทำงานไม่หลับไม่นอน พอถึงพรุ่งนี้ก็จะทำสนับเข่าออกมาให้ได้แปดร้อยชิ้น
เมื่อกลับมาถึงหมู่บ้านก็เป็เวลาพลบค่ำแล้ว อู่โก่วจื่อไม่มีเวลาไปหาหลี่หรูอี้เพื่อบอกเล่าเื่การค้าในวันนี้ นางต้องรีบไปตามหาคนงาน
สวี่เจิ้งและหม่าซื่อได้ยินซื่อโก่วจื่อเล่าว่า พวกเขาไปขายสนับเข่าถึงเมืองเยี่ยน ก็รู้สึกใเป็อย่างยิ่ง
อู่โก่วจื่อกล่าวขึ้นว่า “ท่านพ่อ ที่เมืองเยี่ยนมีคนร่ำรวยมากมาย พรุ่งนี้ท่านก็ไปขายเต้าหู้กับพวกเราที่เมืองเยี่ยนเถิด”
สวี่เจิ้งกล่าวว่า “เมืองเยี่ยนไกลเกินไป”
อู่โก่วจื่อกล่าวด้วยท่าทีเคร่งขรึม “ท่านขายเต้าหู้ที่อำเภอซั่งได้ชั่งละหกทองแดง แต่ที่เมืองเยี่ยนขายได้ชั่งละสิบสองทองแดง”
“จริงหรือ!” กำไรมากเพียงนี้วางอยู่ตรงหน้าแล้ว หากสวี่เจิ้งไม่หวั่นไหวก็โง่แล้ว
ซื่อโก่วจื่อช่วยกล่าวเสริม “จริงขอรับท่านพ่อ พวกเราไปขายสนับเข่ากันที่เมืองเยี่ยน เข้าประตูเมืองไปเพียงครู่เดียวก็ขายหมดแล้ว ทั้งยังมีคนอีกมากมายที่้าซื้อ แต่เสียดายที่พวกเราไม่มีสินค้า ท่านก็ไปขายเต้าหู้ที่เมืองเยี่ยนด้วยกันเถิด”
“ข้าจะไปคุยกับบ้านหลี่ก่อน” สวี่เจิ้งอยากไปบอกบ้านหลี่สักหน่อย
ก่อนหน้านี้บ้านหลี่ช่วยกันพื้นที่ที่อำเภอซั่งไว้เป็พื้นที่ขายเต้าหู้ของบ้านสวี่ หากบ้านสวี่จะไปขายเต้าหู้ที่เมืองเยี่ยนจะต้องบอกกล่าวให้บ้านหลี่ทราบเสียก่อน
หลี่ซานไม่ใช่คนตัดสินใจ จึงเรียกหลี่หรูอี้มาคุยเื่นี้
หลี่หรูอี้ยิ้มบางๆ “เ้าค่ะ ครอบครัวเราทราบแล้ว ท่านก็ไปบอกคนตระกูลหวังสักหน่อยเถิด”
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
จากนั้นหลี่หรูอี้ก็พูดขึ้นว่า “ในเมื่อท่านจะไปเมืองเยี่ยนแล้ว พรุ่งนี้พวกเราจะขายสินค้าให้ท่านเพิ่ม ได้แก่ เต้าหู้สามร้อยชั่ง ฟองเต้าหู้ห้าสิบชั่ง เต้าหู้แห้งห้าสิบชั่ง”
“เช่นนั้นก็ดียิ่งนัก ขอบคุณเ้ามาก” สวี่เจิ้งดีใจจนยิ้มไม่หุบ
หลี่หรูอี้พูดยิ้มๆ “หากลุงสวี่จะขอบคุณก็ขอบคุณท่านพ่อของข้าเถิด ทุกวันนี้เขาเป็คนดูแลเื่ทำเต้าหู้ในห้องบด”
สวี่เจิ้งแทบอยากจะดึงหลี่ซานเข้ามาก่อนแล้วหอมแก้มสักสองฟอดจริงๆ “น้องชายคนดี พรุ่งนี้ข้าจะเลี้ยงสุราเ้า”
หลี่ซานหัวเราะออกมา “่นี้ยุ่งมาก ไม่มีเวลา ต้องเป็หลังวันที่ยี่สิบแปดเดือนสิบสองไปแล้ว”
ั้แ่หลายวันก่อน กิจการขายเต้าหู้และขนมไหว้พระจันทร์รสหวานตระกูลหลี่ร้อนแรงเสียยิ่งกว่าแสงของดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวันเสียอีก ปริมาณการผลิตมากกว่าเมื่อก่อนหกถึงเจ็ดเท่า มีรายได้หลายสิบตำลึงทุกวัน
หลี่ซานยุ่งจนเท้าไม่ติดพื้น แม้จะเหนื่อยแต่ก็มีความสุข
สวี่เจิ้งไปนั่งที่บ้านของหวังไห่ หลังจากออกมาก็พบกับคนตระกูลหวังหลายคน
“น้องสวี่ ได้ยินภรรยาเ้าบอกว่า เ้าจะไปขายเต้าหู้ที่เมืองเยี่ยนหรือ”
“ไปกลับเมืองเยี่ยนก็เป็ระยะทางร้อยกว่าลี้แล้ว เหตุใดจึงไปไกลเพียงนั้นเล่า”
“ครอบครัวเราไม่มีเกวียนล่อ ไปขายเต้าหู้ไกลเพียงนั้นไม่ไหว”
สวี่เจิ้งคิดในใจว่า โชคดีที่ในบ้านมีเกวียนล่อ มิเช่นนั้นจะไปขายของที่เมืองเยี่ยนได้อย่างไร
เช้าวันต่อมา เกวียนล่อของครอบครัวสวี่ก็ออกเดินทางจากหมู่บ้านหลี่มุ่งหน้าไปยังเมืองเยี่ยน
หม่าซื่อยืนอุ้มปาโก่วจื่ออยู่ตรงประตูของลานบ้าน ใช้สายตามองเกวียนล่อที่กำลังเคลื่อนห่างออกไป ในใจก็อดกังวลไม่ได้
คราวนี้เกวียนล่อขนสินค้าไปขาย หากได้เงินย่อมเป็เื่ดี หากเข้าเนื้อบ้านสวี่จะเสียหายใหญ่หลวง
เกวียนลาเล่มหนึ่งค่อยๆ แล่นเข้ามาในหมู่บ้านหลี่ คนบนเกวียนถามชาวบ้านเื่ตระกูลหลี่ ไม่นานก็ไปจอดอยู่นอกประตูรั้วของบ้านหลี่ และถามขึ้นว่า “เถ้าแก่หลี่อยู่บ้านหรือไม่”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้