ความฉกาจของอวี๋มู่นั้นเหนือกว่าการคาดเดาขององค์จักรพรรดิกับองค์จักรพรรดินี
องค์จักรพรรดินีพยุงตัวองค์จักรพรรดิขึ้นมา โดยที่ขาของฝ่ายที่ถูกพยุงขึ้นนั้นยังคงสั่นเทาไม่หาย
ในจังหวะที่อวี๋มู่จ่อกระบี่ไม้เข้าที่ลำคอของตนเมื่อสักครู่ องค์จักรพรรดิคิดว่าตนเองจะถูกกระบี่ไม้เล่มนั้นของอวี๋มู่แทงทะลุลำคอเข้าจริงๆ เสียแล้ว ทั้งที่ตัวดาบไม่มีปลายแหลมแม้สักนิด แต่กลับทำให้เขารู้สึกถึงการถูกคุกคาม
เดิมทีเขานึกมาตลอดว่าตัวเองกับอวี๋มู่นั้นไม่ได้ห่างชั้นกันมาก จึงคิดจะอาศัยโอกาสนี้ทำลายความทะนงตัวของอีกฝ่าย และทำให้อีกฝ่ายเข้าใจว่า ใครกันแน่ที่เป็เ้าของแดน์ที่แท้จริง
แต่ความจริงได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แม้คนผู้นั้นมีพลังเพียงห้าส่วน แต่ก็เพียงพอที่จะข่มเขาได้
องค์จักรพรรดิกำหมัดแน่น พลันปัดมือขององค์จักรพรรดินีออก ใบหน้าหล่อเหลานั้นเต็มไปด้วยจิตสังหารที่ชั่วร้ายและฉายแววไม่พอใจ
ตอนนี้เขาได้แต่ภาวนาให้อวี๋มู่ถูกพิษมายาเล่นงาน จนถูกดูดซับพลังิญญา และเมื่อพิษแผ่ซ่านไปทั่วร่างก็จะทำลายชีพจร สุดท้ายก็จะเกิดภาพมายาว่าได้ร่วมรักกับใครสักคน ซึ่งถือเป็การละเมิดต่อหนทางไร้ซึ่งจิตอันเป็ที่พึ่งของเขาต่อจากนี้
ลึกๆ เขารู้ว่าหนทางไร้ซึ่งจิตนั้นมีข้อห้ามเื่ความรัก หากนักฝึกตนขั้นสูงอย่างอวี๋มู่เกิดมีความรักขึ้นมา เกรงว่าพลังอาจจะสูญสลาย จนกลายเป็เพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม จากที่เฝ้าดูในแดน์มาหลายปี บรรดานักฝึกตนในหนทางไร้ซึ่งจิตคนอื่นนอกจากอวี๋มู่ ความจริงแล้วก็ไม่ได้ดีอะไรมากนัก
ตอนนี้เขาแทบทนรอไม่ไหวอยากเห็นตอนที่อวี๋มู่คุกเข่าแทบเท้าตัวเอง ในสภาพที่น่าสมเพชเวทนา
วันนี้ที่หยามเขาไว้ วันหน้าเขาจะเอาคืนให้ไม่เหลือชิ้นดี!
*
อวี๋มู่พาเยี่ยจิ่วหลานกลับมาถึงอู๋วั่งซาน แววตาศรัทธาของหลิงเฟิงที่มองอวี๋มู่นั้น แทบจะนับถืออาจารย์ของตัวเองดั่งเทพเ้าแล้ว
หลิงเฟิงเชื่อว่าสำนักกระบี่ใต้หล้านั้น ขอเพียงมีอวี๋มู่อยู่ ก็สามารถอยู่อย่างยืนยง เป็จุดสูงสุดของแดน์ไปตลอดกาล!
หลิงเฟิงถึงขั้นออกอาการเืร้อน แล้วเอ่ยสะกิดให้อวี๋มู่โจมตี “อาจารย์ ข้าและพี่น้องร่วมสำนักเราปกป้องแดน์มาร่วมสองหมื่นปี เหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องนั้นาเ็ล้มตายมากมายตอนที่ทำศึกกับแดนปีศาจ มาวันนี้แดน์สงบแล้ว แต่หนึ่งพันปีมานี้ จักรพรรดิกลับเริ่มกดข่มสำนักของเรา ทั้งวันนี้ยังกระทำการอันต่ำช้าเช่นนี้อีก ช่างไร้ยางอายสิ้นดี! ”
อวี๋มู่ฟังความหมายของอีกฝ่ายออก
เขามองหลิงเฟิงด้วยสายตาราบเรียบ มองจนคนถูกมองรู้สึกสันหลังเย็นวาบ แล้วจึงละสายตาออก ก่อนจะหันไปมองเยี่ยจิ่วหลานที่สูงเพียงไหล่ของเขา
เด็กหนุ่มจ้องมองอวี๋มู่อยู่ตลอด พอถูกจับได้ หน้าที่แดงระเรื่อก็พลันเปลี่ยนเป็ซีดขาว ก่อนจะรีบมองลงต่ำอย่างไม่กล้าสบตากับอวี๋มู่
“อย่าใจร้อน” อวี๋มู่ถอนสายตากลับมา แล้วตอบหลิงเฟิง “ยังไม่ถึงเวลา”
ั้แ่มาถึงโลกนี้ อวี๋มู่ก็ปราศจากความรู้สึกโดยสิ้นเชิง เขามีจิตหยั่งรู้ที่แข็งแกร่งและความคิดอ่านก็ละเอียดมาก
ทำให้อวี๋มู่ค้นพบกฎเกณฑ์ของคะแนนความประทับใจของโลกก่อนหน้า
ในโลกใบที่หนึ่ง อวี๋มู่ได้หยุดยั้งเหลียงเสี่ยวหานไม่ให้ฆ่าคน ทำให้เด็กหนุ่มเข้าใจว่าจะมีคนฉุดตัวเองจากด้านหลัง ดังนั้นคะแนนความประทับใจจึงเต็ม
ในโลกใบที่สอง อวี๋มู่ทำให้เว่ยจวินหยางเรียนรู้การรักใครสักคน ดังนั้นคะแนนความประทับจึงเต็ม
ในโลกใบที่สาม ด้วยความที่นักบวชน้อยไม่อาจปรารถนาในตัวของอวี๋มู่ อีกฝ่ายจึงตัดสินใจเสียสละตัวเองเพื่อเติมเต็มคนที่รักอย่างสุดใจ ดังนั้นคะแนนความประทับใจจึงเต็ม
มาตอนนี้ถึงโลกใบที่สี่แล้ว อวี๋มู่คิดว่าการได้แก้แค้นด้วยตัวเองก็คือปมในใจของเยี่ยจิ่วหลาน เขาจำเป็ต้องให้เยี่ยจิ่วหลานเติบโต แต่ไม่ใช่คนไม่เอาไหนที่เอาแต่พึ่งพาตัวเขา
ในสายตาของอวี๋มู่ องค์จักรพรรดินั่นไม่ได้น่าเกรงกลัว ดังนั้นไม่จำเป็ต้องรีบร้อนที่จะสังหารอีกฝ่าย สู้เก็บโอกาสไว้ให้เยี่ยจิ่วหลานเสียดีกว่า
หลิงเฟิงนิ่งอึ้ง ชายหนุ่มเข้าใจว่าอาจารย์ของตัวเองนั้นเปลี่ยนมาเห็นด้วยแล้ว เขาไม่กล้าเอ่ยถามมากนัก จึงกล่าวน้อมรับออกไป “ขอบคุณอาจารย์ที่ชี้แนะ”
*
หลังจากที่หลิงเฟิงออกไป ในสวนก็มีเพียงอวี๋มู่กับเยี่ยจิ่วหลาน
เด็กหนุ่มบีบมือแน่น ด้วยรู้สึกไม่สบายใจ
พลางคิดไปว่าเมื่อสักครู่ที่ตัวเองแอบมองอาจารย์จะถูกจับได้หรือเปล่านะ?
แววตาของอาจารย์นั้นเ็ามาก ไม่รู้ว่าจะโกรธหรือเปล่า?
ยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น ดังนั้นเยี่ยจิ่วหลานจึงเผลอขบริมฝีปากตัวเองอย่างไม่รู้ตัว
“เงยหน้าขึ้นมา”
อวี๋มู่พูดเพียงคำเดียว เยี่ยจิ่วหลานก็รีบทำตาม ราวกับหัวหน้าทหารกำลังเรียกทหารใหม่อย่างไรอย่างนั้น เด็กหนุ่มจึงไม่กล้ารีรอแม้แต่เสี้ยววิ
เมื่อเยียจิ่วหลานเพิ่งจะยืนตัวตรง ก็รับรู้ถึงความอุ่นตรงริมฝีปาก ซึ่งเป็นิ้วของอวี๋มู่ที่ััริมฝีปากที่ถลอกของเขา
สายตาของชายหนุ่มที่เขายกย่องว่าเป็ดั่งเทพเ้านั้นดูยากแท้หยั่งถึง เพียงอีกฝ่ายััริมฝีปากของเขาอย่างเบามือ ความรู้สึกเจ็บผสมกับความเสียวซ่านก็เข้าจู่โจมเยี่ยจิ่วหลาน ทำให้ใบหน้าที่เพิ่งหายร้อนกลับมาร้อนวูบวาบอีกครั้ง
เด็กหนุ่มรู้สึกลำบากใจเป็ที่สุด ก่อนเอ่ยเสียงเบา “อา อาจารย์...”
“อืม” อวี๋มู่ตอบรับ แล้วเก็บมือกลับไปช้าๆ ชายหนุ่มสบสายตากับเด็กน้อยตรงหน้า ด้วยั์ตาสีน้ำตาลที่ไม่ปรากฏความรู้สึกใด อวี๋มู่เอ่ยเพียง “ต่อไป อย่าได้ทำร้ายตัวเองอีก”
กล่าวจบ เขาก็ล้วงยาจากวงแหวนเก็บของออกมาหนึ่งตลับ แล้วยื่นให้กับเยี่ยจิ่วหลาน “ทาที่ปากเสีย ไม่นานก็จะดีขึ้น”
เยี่ยจิ่วหลานรับยามาอย่างอึ้งๆ รอจนกระทั่งอวี๋มู่หันหลังกลับห้องถึงได้สติกลับคืนมา แล้วรีบกล่าวขอบคุณอวี๋มู่
ประตูห้องตรงหน้าถูกปิดลง เยี่ยจิ่วหลานยืนอยู่อย่างนั้นสักครู่ จู่ๆ ก็ยื่นมือออกมาหยิกขาตัวเอง กระทั่งรู้สึกเจ็บจนปริปากออกมาถึงได้สติครบถ้วน
จังหวะเมื่อครู่นั้น เด็กหนุ่มถึงขั้นหวังให้นิ้วมือที่ััริมฝีปากของตัวเองนั้นเปลี่ยนเป็ริมฝีปากบางเบาอมชมพูของอีกฝ่าย
ความคิดเช่นนี้มันเหลือทน และสกปรกเกินไปแล้ว!
เหตุใดเขาถึงมีความคิดเช่นนี้กับอาจารย์!
เยี่ยจิ่วหลานตำหนิตัวเองอยู่เงียบๆ ไปหนึ่งชุด ก่อนจะถือตลับยากลับห้องของตัวเอง เด็กหนุ่มตัดสินใจที่จะเมินผ่านไป ความคิดต่ำๆ เช่นนี้ต้องไม่เกิดขึ้นอีก!
*
ในด้านการฝึกฝน อวี๋มู่ฝากฝังเยี่ยจิ่วหลานให้หลิงเฟิงดูแล พร้อมกับกำชับว่าของล้ำค่าหรืออาวุธใดๆ สามารถทุ่มเทให้เยี่ยจิ่วหลานได้หมด อยากได้เท่าไรให้เอาจากตัวเขาได้ ขอเพียงถ่ายทอดและสอนเยี่ยจิ่วหลานออกมาให้ได้ก็พอ
อันที่จริงเยี่ยจิ่วหลานก็อยากเป็เหมือนอวี๋มู่ ที่ฝึกฝนตามหนทางไร้ซึ่งจิต แต่วิชานี้ไม่เหมาะกับเผ่าปีศาจ อีกทั้งอวี๋มู่กับเขาก็คุยกันชัดเจนแล้วว่าการฝึกฝนตามหนทางไร้ซึ่งจิตนั้น อาจส่งผลให้ตัวเขาลืมเลือนความแค้น และในใจมีเพียงหนทางธรรม หากผลลัพธ์ออกมาเป็เช่นนั้น เขาจะยอมรับได้หรือไม่?
ซึ่งเด็กหนุ่มเลือกปฏิเสธไป
ด้วยความทุกข์ทรมานร่วมร้อยปีนั้น เด็กหนุ่มอยู่รอดมาได้ด้วยความรู้สึกอยากแก้แค้น หากจะให้เขาลืมความแค้น สู้ให้เขาตายไปยังดีเสียกว่า
ในขณะที่เลี้ยงดูเยี่ยจิ่วหลาน อวี๋มู่ก็นั่งดูข้อมูลเกี่ยวกับ 《วิธีเลี้ยงดูงูเหลือม》และ《ข้อควรระวังในการเลี้ยงงูเหลือม》ไปด้วย ที่ห้องหินที่เขาบำเพ็ญเพียร
จากนั้นก็จมดิ่งไปกับความคิด
อวี๋มู่เอ่ยกับระบบ: เ้าระบบ ถ้าพลังของเยี่ยจิ่วหลานสูงขึ้นเรื่อยๆ เขาจะยังมีนิสัยของสัตว์เหล่านี้ด้วยหรือเปล่า?
ระบบเห็นอวี๋มู่หยุดค้างอยู่ตรงหน้าข้อมูลฤดูผสมพันธุ์อยู่ค่อนข้างนาน ก็เข้าใจขึ้นมาทันที ระบบกลั้นหัวเราะแล้วเอ่ยถาม [โฮสต์หมายถึงอาการในฤดูผสมพันธุ์เหรอครับ?]
อวี๋มู่: อืม
[…] จู่ๆ ระบบก็เริ่มนึกย้อนถึงก่อนหน้านี้ ตอนที่อวี๋มู่นั้นเขินอายทุกทีที่พูดถึงเื่เช่นนี้
ระบบเอ่ย [เผ่าปีศาจกับเผ่ามนุษย์นั้นมีพันธุกรรมที่แตกต่างกัน ถึงแม้ว่าเยี่ยจิ่วหลานจะฝึกฝนจนถึงขั้นของคุณ แต่เขาก็ยังคงมีความเป็สัตว์เดรัจฉาน เพียงแต่ว่าตอนที่พลังสูงแล้ว หลังจากนั้นเขาก็จะสามารถควบคุมได้ก็เท่านั้นเองครับ]
อวี๋มู่: อ่อ
ต่อจากนั้นอวี๋มู่ก็ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ ดูไปสักครู่ ก็เอ่ยถามระบบอีกครั้ง: เ้าระบบ ปีศาจงูเมื่อถึง่โตเต็มวัยถึงจะมีฤดูผสมพันธุ์เหรอ?
[ใช่ครับ]
อวี๋มู่: เยี่ยจิ่วหลานจะโตเต็มวัยเมื่อไร?
[อายุแปดร้อยปีถึงจะโตเต็มวัยครับ!]
อวี๋มู่แสดงท่าทีเข้าใจ แล้วก้มหน้าอ่านเนื้อหาต่อ ระหว่างอ่านไปจู่ๆ ก็เหมือนเห็นอะไรเข้า แล้วใช้นิ้วมือคำนวณ
อ่อ เดิมทีเขาแค่อยากฆ่าเวลาก่อนหน้านี้ เลยเก็บตัวบำเพ็ญเพียร่ระยะเวลาหนึ่ง ตอนนี้พอคำนวณดู ก็ผ่านไปห้าร้อยปีพอดี
นั่นก็เท่ากับว่า
เยี่ยจิ่วหลานตอนนี้ อายุครบแปดร้อยปีพอดี
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
