ทันทีที่ซ่งอี้เฉินกระตุกนิ้วมือ ตู้โตวสีแดงสดพลันเผยต่อหน้าเขา เชือกผ้าเส้นเล็กทาบอยู่บนผิวขาวนวลราวกับหิมะคล้ายเส้นเืสีแดงสะดุดตายิ่งนัก มือของเขาสั่นเทา ราวกับว่าเขาได้เห็นภาพขณะดึงกระบี่ออกมาในวันนั้น พร้อมคราบเืสีแดงสดบนหน้าอกของนาง
เป็นางจริงๆ หรือ?
หน้าอกซ้าย......
เขาค่อยๆ บรรจงจูบอย่างแช่มช้า ทำให้นางรู้สึกขนลุกซู่ จากนั้นจึงเลื่อนไปทางเนินปทุมถันด้านซ้าย ในที่สุดก็มองเห็นเนินปทุมถันขาวนวลดั่งหิมะ เหยียนอู๋อวี้หลับตา พยายามไม่แสดงสีหน้ารังเกียจ จนกระทั่งเขาดึงชั้นในชิ้นสุดท้ายออก เล็บในมือของนางฝังจมเข้าไปในเนื้อ ราวกับว่าอีกเดี๋ยวเนื้อต้องฉีกออกเป็แน่
หลังผ่านไปครู่ใหญ่......
เชือกสีแดงที่หน้าท้องยังผูกอยู่รอบเอว การััที่น่าสะอิดสะเอียนบนร่างกายนางพลันหายไปเช่นกัน เหยียนอู๋อวี้พบว่ารอบตัวนางเงียบสนิท นางค่อยๆ ลืมตาขึ้นโดยใช้ความสับสนเพื่อปกปิดความระแวดระวังในใจของเขา นางกลับเห็นใบหน้าที่ครุ่นคิดของซ่งอี้เฉิน สายตาของเขาก้มลงมองที่หน้าอกของนาง นางมองด้วยหางตาและรู้ว่าเขากำลังมองจุดใด
เนินหน้าอกด้านซ้ายนางขาวนวลราวกับหิมะไร้ตำหนิ
เขาผิดหวังหรือ?
หรือว่าดีใจ?
เหยียนอู๋อวี้มิได้เปิดเผยพิรุธ ยิ่งไม่้าคาดเดาอีก เพียงแอบกลัวอยู่ในใจ
ความสงสัยในใจของเขายังมีอยู่ไม่คลาย ครานี้คงคลายความสงสัยได้แล้วกระมัง!
บนใบหน้าของนางแสร้งทำเป็ไม่รู้ เหยียนอู๋อวี้ส่งเสียงเรียกอย่างระมัดระวังว่า “ฝ่าา......”
เสียงเรียกนี้ดึงให้ซ่งอี้เฉินได้สติ เขายกยิ้มมุมปากด้วยสีหน้าสับสนซับซ้อนและเอ่ยกระซิบว่า “อวี้เอ๋อร์งดงามเหลือเกิน เจิ้นบังคับจิตใจตัวเองไม่ได้......”
เหยียนอู๋อวี้รู้สึกเย้ยหยันในใจและหลับตาลง ขนตายาวของนางทอดเงายาวภายใต้แสงเทียนพลิ้วไหว น้ำเสียงนางเขินอาย “อวี้เอ๋อร์เป็สนมของฝ่าา ไม่ว่าฝ่าาจะบังคับใจตัวเองไม่ได้อย่างไร อวี้เอ๋อร์......ไม่......ไม่ว่าฝ่าาจะทรงทำอย่างไร......ก็เป็สิ่งที่ควรทำเพคะ......”
ในสายตาของซ่งอี้เฉินท่าทางเช่นนี้มีความหมายอีกอย่างหนึ่ง ความคิดที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดเื่สัมพันธ์ลับกับชายอื่น ประกอบกับความงดงามที่โดดเด่น หากเป็ผู้อื่นจะต้องเร่าร้อนควบคุมตนเองไม่ได้อย่างแน่นอน
ทว่าบุคคลที่อยู่ตรงหน้านางคือซ่งอี้เฉิน ความเร่าร้อนในใจของเขาค่อยๆ หายไปเนื่องจากความผิดหวังลึกๆ ในใจ เพราะเขาเห็นความงดงามมาแล้วนับไม่ถ้วน ไม่ว่าสตรีจะงดงามเลอโฉมมากเพียงใด ล้วนเป็เพียงแค่ิัเปลือกนอกเท่านั้น
ในเมื่อไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เขาคาดเดาไว้จึงต้องดำเนินการตามแผนการเดิมต่อไป
เมื่อนึกถึงเื่นี้ เขาจึงเลื่อนมือไปทั่วใบหน้าเหยียนอู๋อวี้อย่างอ่อนโยน ความอ่อนโยนและความนุ่มนวลประหนึ่งดอกบัวสีขาวไม่สามารถมอบความอบอุ่นสู่หัวใจอันเ็าของเขาได้ ดวงตาของเขาปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็งหลายชั้น หลายชั้นเสียจนลืมคืนวันนั้นไปอย่างสิ้นเชิง ขณะที่นางรีบวิ่งเข้าไปปกป้องเขาจากบุรุษชุดดำ เขารู้สึกประทับใจอย่างยิ่ง
ซ่งอี้เฉินเอ่ยพลางแย้มยิ้ม “อวี้เอ๋อบอกว่ายามนี้ฟ้ายังสว่างอยู่...…”
ไม่ว่าการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของเขาจะเล็กน้อยมากเพียงใด เหยียนอู๋อวี้ยังคงเข้าใจได้ชัดเจน นางแอบสบถด่าเ้าคนเืเย็น ทว่าแววตานางกลับเต็มไปด้วยความเขินอาย นางซุกหน้าเข้าไปในผ้าห่มพลางร้องเรียกออดอ้อนว่า “ฝ่าา......”
ซ่งอี้เฉินเห็นแล้วหัวเราะเสียงดัง
ในขณะเดียวกัน เสียงของเว่ยหรูไห่ดังมาจากด้านนอก “ฝ่าา ใต้เท้าหยาง ใต้เท้าจางและใต้เท้าหวัง้าเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าของซ่งอี้เฉินพลันเคร่งขรึมทันทีและตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงรำคาญใจ “มีเื่อันใด การประชุมในท้องพระโรง่เช้าจบแล้วมิใช่หรือ? ยังมาทำอันใดอีก......”
เว่ยหรูไห่ได้ยินน้ำเสียงรำคาญใจของซ่งอี้เฉิน เกรงว่าฝ่าาจะทรงกริ้วจริงๆ หากแต่จำเป็ต้องตอบไปว่า “กราบทูลฝ่าา ใต้เท้าทั้งสามท่านบอกว่ากรมโยธามีเื่ฉุกเฉิน ยามนี้รออยู่ที่ห้องทรงอักษรพ่ะย่ะค่ะ ยังบอกอีกว่าจะไม่ไปไหนจนกว่าจะได้พบฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ!”
“พวกไม่ได้เื่!” ซ่งอี้เฉินสบถด่า ก่อนจะตบแผ่นหลังเนียนขาวของเหยียนอู๋อวี้อย่างอ่อนโยนพลางเอ่ยเสียงแ่เบา “ราชโองการแต่งตั้งเ้าเป็ฉายเหรินจะรีบส่งมาให้เ้า คืนนี้เจิ้นจะมาหาเ้าอีกครั้ง...…”
เหยียนอู๋อวี้ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว น้อมส่งซ่งอี้เฉินและแอบครุ่นคิดอยู่ในใจ
หากจำไม่ผิด ใต้เท้ากรมโยธาทั้งสามท่านน่าจะเป็หยางเหลียนเย่ซ่างซู เ้ากรมโยธา จางจื้อหลง รองเ้ากรมโยธาฝ่ายซ้าย และหวังเทียนเหล่ย รองเ้ากรมโยธาฝ่ายขวา
หากแยกแยะอย่างละเอียดจะเห็นว่าพวกเขาเป็คนขององค์หญิงใหญ่กับไทเฮา ส่วนหวังเทียนเหล่ย แม้จะฟังดูไม่คุ้นหู ทว่าก็เป็ขุนนางชั้นสูง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ปรากฏตัวในห้องทรงอักษรของฝ่าาได้แน่ และยังกล้าที่จะยืนกรานพร้อมกับอีกสองคน้าเข้าเฝ้าซ่งอี้เฉินให้ได้
ไม่รู้ว่าองค์หญิงใหญ่หรือไทเฮาลงมือก่อน?
ไม่ว่าจะเป็ผู้ใดถือว่าเร็วเกินไป ไม่รู้ว่าซ่งอี้เฉินจะรับมือเื่นี้อย่างไร
......
เกี้ยวทรงประทับของซ่งอี้เฉินวิ่งอย่างมั่นคงบนถนน สายลมเย็นฤดูใบไม้ผลิวนเวียนอยู่ใต้เท้าของเขาและพัดผ่านไปตลอดเส้นทางขณะวิ่งไปข้างหน้า มีเพียงเสียงฝีเท้าวิ่งเป็จังหวะ เหล่านางกำนัลและขันทีต่างคุกเข่าทั้งสองข้างทาง แม้แต่ส่วนสูงก็แยกไม่ออก มีบางคนไม่เคยเห็นใบหน้าของฝ่าาเลยด้วยซ้ำ ทว่ายังคงคุกเข่าด้วยท่าทีนอบน้อม
ไม่ว่าใครจะนั่งอยู่เกี้ยวทรงประทับตัวนี้ ทุกอย่างล้วนเป็ไปเพื่ออำนาจในราชสำนัก
ทว่าเขาไม่สามารถหลอกลวงตัวเองได้ เขา้าเป็ฮ่องเต้ที่แท้จริงของแคว้นเซวียน
เมื่อเกี้ยวทรงประทับวิ่งเขาไปใกล้ๆ พลันมีเสียงดังออกมาจากห้องทรงอักษร ซ่งอี้เฉินไม่ได้เข้าไปในทันที กลับยืนฟังอยู่หน้าประตูเงียบๆ ฟังพวกเขาพูดถกเถียงกันครู่หนึ่ง จากนั้นจึงก้าวเท้าเข้าไปในห้อง
เมื่อพวกเขาเห็นซ่งอี้เฉิน ทั้งสามคนถวายบังคมทันที ทว่าแต่ละคนล้วนมีเป้าหมายของตนเองอยู่แล้ว พวกเขามาเข้าเฝ้าซ่งอี้เฉินเพียงแค่ทำตามกระบวนการเท่านั้น
ซ่งอี้เฉินยกมือขึ้น เอนหลังบนเก้าอี้ั พลางทอดสายตาถามว่า “ใต้เท้าทั้งสามท่านเหตุใดรีบร้อนถึงเพียงนี้?”
เ้ากรมหยางและรองเ้ากรมจางเริ่มโต้เถียงกันทันที ความจริงซ่งอี้เฉินพอรู้เื่ราวมาพอสมควรแล้วตอนที่ยืนอยู่นอกประตู เมื่อรู้ว่ารองเ้ากรมจางพบว่ารถม้าศึกที่เพิ่งส่งไปยังเป่ยหานมีคนแอบลักลอบลดคุณภาพวัสดุโดยบังเอิญ เขาจึงสืบตามเบาะแสและพบว่าเ้ากรมหยางเป็ผู้ตรวจผ่านเื่นี้และสงสัยว่าจะลักลอบทุจริต จึงมาเข้าเฝ้าเพื่อเปิดโปงเื่นี้ จากนั้นเ้ากรมหยางอ้างเหตุผลโต้เถียง เขายังเปิดเผยอีกว่าอาวุธที่รองเ้ากรมจางผลิตขึ้นมานั้นมีบางอย่างผิดปกติ จึงโต้แย้งกลับ ทั้งสองตั้งใจมาที่ห้องทรงอักษรเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง ทว่าทั้งฝ่ายต่างเป็วัวสันหลังหวะ จึงขอให้ซ่งอี้เฉินตรวจสอบเื่พวกนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน
ส่วนหวังเทียนเหล่ย ติดร่างแหมาด้วยก็เพราะตำแหน่งรองเ้ากรม
ซ่งอี้เฉินยิ้มเยาะภายในใจ
เ้ากรมหยางเป็คนของไทเฮา รองเ้ากรมจางเป็คนขององค์หญิงใหญ่ ตามที่พวกเขากล่าวมานั้น เขาพอจะเข้าใจบ้างแล้ว เพียงแค่ทูตซวี่หรงถูกไทเฮาลงโทษอย่างหนัก องค์หญิงใหญ่รู้สึกว่าตนเองถูกยั่วยุจึง้าจะสั่งสอนไทเฮาบ้างก็เท่านั้น เื่ก็มีแค่นี้
หากคู่ต่อสู้เป็ฝ่ายโจมตีโดยไม่มีสาเหตุ ไทเฮาไม่มีทางรอให้เขาทุบตีฝ่ายเดียว นางต้องตอบโต้กลับอย่างแน่นอน ดังนั้น เ้ากรมหยางจึงเข้ามาร้องเรียนในครั้งนี้
คนแซ่หยางและคนแซ่จางกำลังตกอยู่ในสถานการณ์สุนัขรับใช้กัดกัน ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจให้ฝ่ายใด อีกฝ่ายต้องไม่พอใจเป็แน่ ทว่าวันนี้ต้องมีบทสรุป
เมื่อรองเ้ากรมจางเห็นว่าไม่สามารถหาบทสรุปกับเ้ากรมหยางได้ จึงหันไปหาซ่งอี้เฉินทันทีและกราบทูลว่า “ฝ่าา รถม้าศึกเป็พื้นฐานของการทำา ความโลภของเ้ากรมหยาง เป็การกระทำที่ไม่คำนึงถึงคนในราชสำนักและประชาชนในแคว้นเรา สงสัยว่าจะคิดฏ ทรยศร่วมมือกับศัตรูพ่ะย่ะค่ะ!”
เ้ากรมหยางไม่ยอมจำนน “ฝ่าา เมื่อกองทัพทั้งสองฝ่ายเข้าห้ำหั่นกัน อาวุธคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น มันจะเป็หายนะ ไม่อาจละเลยได้พ่ะย่ะค่ะ!”
“ใต้เท้าหยาง อาวุธถูกสร้างขึ้นตามวิธีการดั้งเดิม ทำามาหลายปี ไม่เคยมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น!”
“ใต้เท้าจาง ท่านสงสัยเื่รถม้าศึกนั้นไร้เหตุผล เป็การกล่าวหาที่ไม่มีหลักฐานชัดเจน จะให้ผู้อื่นยอมรับได้อย่างไร?”
หลังจากทั้งสองโต้เถียงกัน พวกเขาก็หันไปหาซ่งอี้เฉิน ถวายบังคมและกล่าวพร้อมกันว่า “ฝ่าาทรงโปรดตัดสินด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้