นับแต่ปฐมกาลหนึ่งฮ่องเต้ สองแม่ทัพคู่บัลลังก์ร่วมกันสยบใต้หล้า ประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ก่อเกิดเป็ตำนานหลายแขนง นับแต่องค์ไท่จู่สยบห้าอาณาจักรรวมเป็หนึ่ง สถาปนาแค้วนซ่ง
เล่าขานถึงความปรีชาของปฐมกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ทว่าเบื้องหน้านั้นประสบความสำเร็จมากเพียงใด ย่อมแสดงให้เห็นถึงเื้ัอันแข็งแกร่ง สองแม่ทัพที่ร่วมรบเคียงบ่าบุกตะลุยไปทั้งสิบทิศ พิชิตห้าดินแดนสิบชนเผ่า
เฉิน บุกฝ่าไปกลางแดนข้าศึกไม่กลัวเกรง ซ่างกวน โอบล้อมแยบยลไร้ทางต้าน หลี่รวมกำลังบัญชา รวมแว่นแคว้นปกครองประชา
สามตระกูลอันยิ่งใหญ่ หนึ่งั สองพยัคฆ์
นี่เป็ตำนาน เป็รากเหง้าความผูกพันของทั้งสามแม้ถูกกั้นด้วยสายเืที่ต่างกัน แต่ปณิธานอันยิ่งใหญ่หลอมรวมพวกเขาให้เป็หนึ่งเดียว
เ้าอยู่ข้าอยู่ เ้าตายข้าตาย
หลังจากไฟแห่งามอดดับ กลียุคผ่านพ้นบ้านกลับมาเป็บ้านอีกครั้ง ราชวงศ์สกุลหลี่ปกครองแผ่นดิน สกุลเฉินตำรงตำแหน่งแม่ทัพคู่บัลลังก์ สกุลซ่างกวนเลือกเร้นกายด้วยมิมีใจจะเป็ขุนนาง ก่อนจากไปเขาได้ให้คำสัญญาหากสกุลซ่างกวนยังไม่สิ้นผู้สืบทอด ยามใดที่ข้าศึกมารุกรานยากจะรับมือกองทัพของสกุลซ่างกวนพร้อมที่จะรับใช้ราชวงศ์สกุลหลี่ปกป้องแคว้นซ่งไม่คิดคดทรยศ
กาลเวลาผ่านไปนับพันปีศึกน้อยใหญ่ที่แคว้นซ่งต้องเผชิญ จำนวนครั้งที่กองทัพของตระกูลซ่างกวนออกมารวมรบนั้นแทบจะนับนิ้วได้ จนเป็ที่มาของคำเรียกขาน กองทัพิญญาพยัคฆ์ กองกำลังหลายแสนที่ปรากฏขึ้นมาดุจิญญาที่หาที่มาที่ไปไม่พบ
ควรทราบว่าการเคลื่อนกำลังพลนับแสนนั้นต่อให้ระมัดระวังเพียงใดก็ต้องถูกตรวจพบ แต่คำเล่าขานต่างๆ นาๆ ที่จริงบ้างเท็จบ้างทำให้เื่ราวของกองทัพิญญาพยัคฆ์กลายเป็เพียงตำนานที่ถูกเล่าต่อๆ กันมา ไปมาไร้ร่องรอย ชนะศึกไม่รับรางวัล ไม่มีการปูนบำเหน็จ ไร้การประกาศความดีความชอบ นี่จึงเป็สาเหตุว่าทำไมเมื่อกาลเวลาผ่านไป ผู้คนที่รู้จักตระกูลซ่างกวนนั้นลดน้อยลงไปทุกที
กาลเวลาทำให้หลายสิ่งไม่เป็เช่นกาลก่อน อาจเพราะเข่นฆ่าคนมากเกินไปหรืออาจเป็เพราะความยึดมั่นถือมั่นของท่านบรรพบุรุษจึงทำให้ทายาทที่สืบทอดแต่ละรุ่นของตระกูลซ่างกวนนั้นน้อยนิดจนน่าใจหาย กฎของตระกูลประหนึ่งคำสั่งทางทหารเหล่าลูกหลานผู้สืบทอดต่างปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะข้อที่ว่า หนึ่งสามีหนึ่งภรรยาเคียงคู่กันจนลมหายใจสุดท้าย ทายาทแต่ละรุ่นไม่ว่าชายหรือหญิงต่างทำตามอย่างเคร่งครัด
ข้าทายาทผู้สืบทอดตระกูลซ่างกวนรุ่นที่53 ซ่างกวนจือหลิน นับั้แ่บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งตระกูล ข้าถือเป็ทายาทหญิงคนที่สาม มิใช่ว่าตระกูลข้าเห็นชายเป็ใหญ่แต่อย่างใด หากแต่ว่าบุตรหลานแต่ละรุ่นของตระกูลนั้นน้อยนักด้วยกฎของตระกูลจึงไม่มีบุตรหลานสายรอง สองร้อยห้าสิบปีที่ผ่านมานับั้แ่ท่านผู้นำตระกูลรุ่นที่49เป็สตรี นับแต่นั้นเวลาผ่านไปจนมาถึงรุ่นที่52ท่านปู่ของข้าเป็ผู้นำตระกูล เดิมตำแหน่งผู้สืบทอดควรส่งต่อให้บิดาของข้า แต่วันที่ข้าเกิดทุกคนต่างตื่นตระหนกใกันไปทั่วทั้งหุบเขา
ท่านฮูหยินของคุณชายใหญ่คลอดบุตรสาว
นั่นคือเสียงะโที่ดังเซ็งแซ่ไปทั่วหุบเขาิญญาพยัคฆ์ ทุกคนในตระกูลต่างลงความเห็นว่าทายาทรุ่นที่53ต้องเป็ทารกที่เกิดได้ไม่ถึงชั่วยาม ท่านปู่เสนอความคิดเหล่าผู้าุโเห็นชอบ ท่านพ่อของข้าไม่มีข้อคัดค้านต่างเห็นด้วยอย่างยิ่ง
เกิดมาได้รับภาระของตระกูล สิบสี่ปีที่ผ่านมาข้าฝึกฝนอย่างหนักสืบทอดวิชาของตระกูลทุกอย่างที่ท่านบรรพบุรุษทิ้งไว้ ข้าเรียนรู้จนถ่องแท้ ในบรรดาผู้สืบทอดที่ผ่านมาข้าคือผู้ที่สืบทอดวิชาความรู้ของท่านผู้เฒ่าจนครบถ้วน ท่านปู่บอกว่าขนาดท่านยังเรียนรู้ได้ไม่ถึงครึ่ง ท่านบอกว่าข้าคือความภาคภูมิใจของตระกูล ชีวิตข้าก็เป็เช่นนี้ไร้ทุกข์ ไร้ความกังวลชีวิตที่ผ่านมาข้าเจอแต่บททดสอบที่มาจากในตำรา เมื่อสามารถผ่านมาได้ ชีวิตข้างนอกคงไม่ต่างกัน
สาวน้อยไร้เดียงสา คิดว่าตัวเองรู้วิธีฆ่าคนสารพัดรูปแบบแล้วจะไม่ตกอยู่ในแผนการของผู้ใด คิดเพียงว่าถ้าติดกับดักแค่ฆ่ามันให้หมดก็สิ้นเื่
ทว่าด่านเคราะห์ที่ก้าวข้ามได้ยากที่สุดคงหนีไม่พ้น...เคราะห์รัก
ไม่ได้สู้กับใครแต่เ้าต้องสู้กับใจตนเอง ห้วงรักอันล้ำลึกยากจะถอนตัว
หูตามืดบอดมองไม่เห็นความจริง สิ่งใดจริง...สิ่งใดคือภาพลวง กว่าจะตื่นจากห้วงฝันอันแสนหวานก็ต้องแลกมาด้วยครอบครัว วงศ์ตระกูล และคำตราหน้าว่าเป็ ฏต่อแผ่นดิน นั่นคือสิ่งตอบแทนที่ข้าได้รับ นั่นคือสิ่งที่ ข้า ทายาทของตระกูลมอบให้ญาติพี่น้องเองกับมือ
ฮ่า ฮ่า ฮ่า
“บุตรหลานเนรคุณทำผิดต่อคำสั่งสอนของบรรพบุรุษ”
ข้าคุกเข่าโขกหัวให้กับป้ายหินสลักทางเข้าหุบเขา ในบันทึกตระกูลกล่าวว่าป้ายสลักนี้ท่านปู่บรรพบุรุษเป็ผู้ลงมือทำด้วยตนเอง คุณธรรม เมตตา ครอบครัว สามสิ่งที่ท่านปู่บรรพบุรุษยึดถือ เป็ข้าในชาติก่อนละทิ้งสามสิ่งนี้
ไร้คุณธรรม ไร้เมตตา สุดท้ายเห็นคนนอกดีกว่าครอบครัวตนเอง
ท่านปู่บรรพบุรุษข้าขอคุกเข่าโขกหัวให้ท่าน ให้เหล่าบรรพบุรุษแต่ละรุ่น เพื่อเป็การขออภัยต่อการกระทำอันโง่เขลาของข้า
ยามนี้เป็เวลาบ่ายแก่ๆ ต้นฤดูหนาวหิมะแรกของปียังไม่ตก แต่อากาศใจกลางหุบเขาก็เย็นลงเร็วกว่าข้างนอก ภายในหุบเขาอันกว้างสุดสายตานี้เป็ที่อยู่อาศัยของคนตระกูลซ่างกวนและเหล่าทหารกล้าของตระกูล ข้าเคารพนับถือต่อท่านปู่บรรพบุรุษยิ่งนักทหารหลายแสนคนติดตามท่านออกมาเร้นกายไม่สนใจลาภยศ ทหารทุกนายล้วนจงรักษ์ภักดี เหล่าครอบครัวทหารต่างอยู่ร่วมกันอย่างปรองดอง
ข้าขอใช้การคุกเข่าโขกหัวนี้เพื่อขอขมาต่อบาปที่ข้าได้ทำลงไป เพื่อชีวิตของพวกท่านที่ต้องจบสิ้นลงไป เพื่อครอบครัวของพวกท่านที่ต้องโดนดูถูกเหยียดหยาม
เสียงะโอันกึกก้องเรียกความสนใจของผู้คนไม่น้อย ท่านทายาทน้อยเหตุใดจึงทำเช่นนี้ เหตุการณ์นี้ไม่เคยมีมาก่อน ผู้คนต่างสับสนงุนงงเป็การใหญ่ ต้องเป็ความผิดเช่นใดกันถึงกับต้องใช้สามก้าวคุกเข่าโขกหัวเช่นนี้ ชาวบ้านต่างออกมายืนมองการกระทำของท่านทายาทน้อยของพวกเขา มองไปก็ปวดใจไปพลางดูสิโขกหัวแรงเกินไปแล้ว
“ท่านทายาทน้อยหยุดโขกหัวเถิด ท่านทำผิดสิ่งใดเหล่าอาจารย์ผู้เฒ่าจะช่วยพูดกับผู้นำตระกูลให้ หยุดเถิด” เหล่าอาจารย์ผู้เฒ่าที่ทราบข่าวต่างก็รีบรุดมาห้ามปรามทันที ศิษย์น้อยผู้นี้ต่างเป็ความภาคภูมิใจของพวกเขา เห็นกันมาั้แ่เป็ทารก วันนี้เกิดอันใดขึ้น? ออกไปข้างนอกมาครึ่งวัน กลับมาก็คุกเข่าเช่นนี้ ความผิดอะไรข้าผู้เฒ่าจะช่วยเ้าเอง ลุกขึ้นเถิด
ข้ามองเหล่าอาจารย์ผู้เฒ่าที่กำลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า ข้าทำผิดอันใด ข้าทำผิดอันใด! ข้าทำผิด…ข้าทำให้พวกท่านต้องโทษตัดหัวเก้าชั่วโคตร ข้าทำให้พวกท่านต้องสิ้นลูก สิ้นหลาน สิ้นตระกูล!
“บุตรหลานเนรคุณทำผิดต่อคำสั่งสอนของบรรพบุรุษ”
ปึก
ข้าคุกเข่าลงต่อหน้าพวกท่านอย่างแรงกล่าวคำสารภาพความผิดแล้วโขกหัว ข้าลุกขึ้นเดินอ้อมเหล่าอาจารย์ผู้เฒ่าไปเมื่อครบสามก้าวแล้วก็คุกเข้าโขกหัว
ทำเช่นนั้นไปเรื่อยๆ ก้าวแล้วก้าวเล่า
อีกฝั่งหนึ่งของหุบเขา
“ท่านพ่อขอรับ ท่านออกไปห้ามหลินเอ๋อเถิด นี่ก็ผ่านมาหนึ่งชั่วยามแล้วให้คุกเข่าโขกหัวต่อไปร่างกายนางจะทนไม่ไหวเอานะขอรับ”
“เ้าเด็กนั่นรู้ความกว่าเด็กทั่วไปมากนัก สิ่งที่เด็กนั่นตัดสินใจทำลงไปแล้วเ้าขัดขวางได้รึ”ชายชราที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือแค่นเสียงอย่างฉุนเฉียว ปากก็พูดออกมาอย่างไม่สนใจแต่ในใจกลับร้อนรนดั่งไฟเผา หลานรักของข้าทำผิดอันใดก็แอบมาบอกปู่คนนี้สิ มันจะเป็ความผิดหนักหนาเพียงใดปู่แก่ๆ ของเ้าก็จะหลับตาข้างหนึ่งอภัยให้เ้า ตีทีสองทีพอเป็พิธี
“ท่านพ่อเ้าคะ...”
“พวกเ้าสองผัวเมียหยุดพูดแทนเ้าเด็กนั่นได้แล้ว พูดมากข้าปวดหัว รับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองทำ เป็คำสั่งสอนของบรรพบุรุษ นางเป็ผู้สืบทอดของตระกูลถูกอบรมสั่งสอนให้แยกแยะผิดชอบชั่วดีมาั้แ่จำความได้ ในเมื่อนาง้าลงโทษตัวเอง เราที่เป็ผู้าุโต้องเคารพการตัดสินใจของนาง”ซ่างกวนอู๋จี๋โปกมือห้ามลูกชายกับสะใภ้ให้หยุดขอร้องแทนบุตรสาว
หลานปู่น่าสงสารเหลือเกิน…
สามชั่วยามผ่านไป ฟ้ามืดแล้ว
บรรยากาศอยู่ในภาวะกดดัน ทั่วทั้งจวนต่างจุดไฟสว่างไสวผู้คนมารวมตัวกันที่ห้องโถงใหญ่ ท่านผู้นำตระกูล คุณชายฮูหยิน เหล่าผู้าุโทั้งหลายต่างก็มากันครบ ห้องที่เต็มไปด้วยผู้คนขนาดนี้แต่กลับเงียบสงัดแม้แต่เสียงหายใจแรงๆ ยังไม่ได้ยิน
“เรียนท่านผู้นำตระกูล ท่านทายาทได้มาถึงที่หน้าประตูจวนแล้วขอรับ”
ผู้มาใหม่เป็พ่อบ้านชราผู้หนึ่ง เมื่อสิ้นเสียงรายงานทุกคนที่นั่งอยู่ยืดตัวตรงอย่างพร้อมเพรียง เกิดมาในตระกูลทหารระเบียบวินัยฝังลึกอยู่ในสายเื ทุกคนล้วนตระนักได้ถึงความสำคัญของเื่ในวันนี้ ตำแหน่งทายาทแม้ได้มาอย่างง่ายดายแต่การรักษาตำแหน่งไว้ให้เป็ที่ยอมรับของคนทั้งตระกูลไม่ใช่เื่ง่ายเลยแม้แต่น้อย
ยิ่งท่านทายาทผู้สืบทอดรุ่นที53ผู้นี้ สิบสี่ปีที่ผ่านมาพิสูจน์ได้แล้วว่าเด็กคนนี้คือผู้สืบทอดตามความคาดหวังของท่านบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งตระกูล อย่าได้ดูถูกมารตราฐานของท่านบรรพบุรุษผู้นั้นเชียว ความรู้ความสารมารถที่ท่านทิ้งเอาไว้ให้ชนรุ่นหลังสืบทอด ห้าสิบกว่ารุ่นที่ผ่านมายังไม่มีผู้ใดเรียนรู้วิชาต่างๆ ของท่านจนหมดอย่างแม่หนูน้อยคนนี้บ้าง
ยามนั้นนางอายุสิบสองได้กระมัง เด็กหญิงตัวจ้อยมัดผมซาลาเปาวิ่งหน้าตั้งออกมาจากหอตำราของตระกูล ร้องเจื้อยแจ้วบอกท่านปู่ทั้งหลายว่าตำราพวกนั้นข้าอ่านจนเข้าใจหมดแล้วยังมีสิ่งใดให้อ่านอีกหรือไม่ ยามนั้นพวกเขาได้แต่หัวเราะว่าเ้าเด็กขี้โม้ เด็กหญิงโกธรจนแก้มพองท้าพนันไปรอบหนึ่งเหล่าท่านปู่าุโทั้งหลายต่างก็เล่นเป็เพื่อนเด็กน้อยสักหน่อยเดี๋ยวจะพาลโกธรจ้องร้องไห้
แล้วพวกเขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นทหารกล้าสองหมื่นนายที่กำลังซ้อมรบอยู่ในป่าตกอยู่ท่ามกลางค่ายกลที่ไม่ทราบที่มา วันนั้นเกิดเื่ราวใหญ่โตจนผู้นำตระกูลต้องมาดูด้วยตัวเอง ท่านผู้เฒ่ายืนมองอยู่เป็นานก็พูดอออกมาเพียงสองคำ ‘ออก มา’เสียงที่เต็มไปด้วยพลังที่เปล่งออกมา เหล่าผู้าุโก็คิดว่าเ้าคนที่ก่อเื่คงไม่รอด ก่อกวนค่ายทหารความผิดนี้โทษถึงตาย
‘ท่าน…ปู่’
ก็ไม่รู้ว่าท่านทายาทตัวน้อยไปหมอบอยู่พุ่มไม้ั้แ่ตอนไหน จนกระทั่งตอนที่ท่านผู้เฒ่าใช้ไม้กระบองหวดลงโทษท่านทายาทต่อหน้าทหารสองหมื่นนายเ่าั้ หลังจากที่แก้ค่ายกลแล้วถึงรู้ว่าคนที่สร้างค่ายกลนี้ขึ้นมาคือ เ้าเด็กตัวจ้อยที่พวกเขาพึ่งหัวเราะใส่เมื่อตอนเช้า ค่ายกลเก้าสังหาร เดิมเป็ค่ายกลที่ใช้โดยทั่วไปใช้มาั้แ่โบราณแล้ว แต่อันที่ใช้อยู่ข้างนอกนั่นใช้เป็เพียงการตั้งกระบวนทัพโจมตีฆ่าศึก แต่ค่ายกลเก้าสังหารฉบับดัดแปลงโดยท่านบรรพบุรุษสามารถล้อมฆ่าศึกจำนวนมากเอาไว้ได้ ความซับซ้อนของค่ากลนี้ พวกเขาก็มิอาจบอกได้ว่าเก้าสังหารที่ว่านั้นเป็อย่างไร เกิดมาจนแก่ปูนนี้พวกเขาที่เรียกตัวเองว่าเหล่าผู้าุโก็ต้องยอมรับออกมาเต็มปากว่า ไม่เคยเห็น และไม่สามารถทำได้
ตอนที่ท่านทายาทแก้ค่ายกลนั้นพวกเขาต่างเดินตามอยู่ข้างหลัง แม้จะจ้องแล้วจ้องอีกพวกเขาก็มิอาจเข้าใจว่าอาวุธสังหารหมู่นี่สร้างขึ้นมาเช่นไร การลงโทษว่าที่ผู้นำต่อหน้าเหล่าทหารอาจสร้างความไม่น่าเชื่อถือ แต่ทหารของตระกูลซ่างกวนล้วนอยู่กันดังเช่นครอบครัว พวกเราคือครอบครัววิณญาณพยัคฆ์เกิดและเติบโตในหุบเขาแห่งนี้มาด้วยกัน สิ่งที่ท่านผู้นำตระกูลทำย่อมมีเหตุผลเสมอ อีกทั้งความสามารถของท่านทายาทเหล่าทหารต่างได้ประจักษ์ด้วยตัวเอง ต้องติดอยู่ในค่ายกลนั้นเพียงแค่ครึ่งชั่วยาม ขนาดรองแม่ทัพที่เก่งเื่ค่ายกลของกองทัพยังไม่สามารถแก้ได้
เฮ้อ ยามนั้นเมื่อท่านผู้เฒ่าหวดหลานสาวจนหอบเหนื่อยเห็นได้ชัดว่าโทสะของท่านมากมายเพียงใด หวดไปะโด่า บ้างว่าไม่มีคนสั่งคนสอน สักพักเหมือนท่านจะคิดได้เลยเปลี่ยนเป็สั่งสอนต่อ
‘ค่ายกลสังหารหมู่ไม่เอาไปใช้กับศัตรูแต่เอามาใช้กับเหล่าพี่น้อง ข้าจะตีเ้าให้ตาย’
กว่าที่เหล่าผู้าุโจะอธิบายการกระทำของท่านทายาทที่ทำในวันนี้ว่าเพราะเหตุใด ก็เล่นเอาพวกเขาโรคเก่าเกือบกำเริบ ภายหลังเ้าเด็กน้อยถึงได้อธิบายว่าตนได้ลดความรุนแรงของค่ายกลแล้วไม่ได้ทำไปเพราะไม่รู้ จากวันนั้นเป็ต้นมาทุกคนก็รู้แล้วที่ท่านทายาทบอกว่าอ่านตำราพวกนั้นจนหมดและเข้าใจอย่างถ่องแท้นั้นเป็เช่นไร เพราะเหตุการณ์นี้เองเป็เหตุให้ท่านผู้นำตระกูลขังตัวเองอยู่ในศาลบรรพชนเป็เวลาสามวันสามคืน ใครๆ ต่างก็ว่าท่านไปคุกเข่าสำนึกผิดต่อบรรพชนที่หลานสาวเกือบทำทหารของตระกูลต้องเสี่ยงอันตรายเพราะอยากลองวิชา
แต่ใครจะรู้ ตาเฒ่านั่นไปร้องไห้กับบิดากับปู่ตนเองว่าหลานสาวที่เลี้ยงมากับมือนำความภาคภูมิใจมาให้ตระกูลซ่างกวนแล้ว เหล่าผู้าุโที่มาด้วยความเป็ห่วงแอบฟังตาเฒ่าคนนั้นเดี๋ยวหัวเราะเดี๋ยวร้องไห้ลั่นสารบรรพชน ถึงว่าห้ามคนมารบกวน ถ้าเ้าหัวเราะเสียงดังกว่านี้อีกหน่อยเหล่าบรรพบุรุษคงลุกขึ้นมาสั่งสอน เ้าคนหน้าไม่อาย
“ให้นางเข้ามา”
ทำเป็เสียงเข้ม เหล่าผู้เฒ่าต่างก็คิดถึงวันเก่าๆ ในเื่ราวเดียวกัน ก็ส่งสายตาให้อย่างรู้กัน อยากจะยิ้มแต่ด้วยวินัยทหารที่ฝึกมาคอยข่มกลั้นเอาไว้
ข้าได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังออกมาจากในห้องโถงใหญ่ ท่านปู่… ข้ารู้ต่อให้ท่านจะทำเสียงเยือกเย็นไม่ใส่ใจมากเพียงใดลึกๆ แล้วท่านก็ไม่เคยโทษ ไม่เคยตำหนิ แต่เป็ข้าเองที่จิตใจคับแคบไม่รู้ถึงความหวังดีของท่าน ตอนที่ท่านคัดค้านการแต่งงานของข้ากับหลี่หยวนเฮ่า ข้าทราบแล้วท่านปู่… ข้าได้รู้ซึ้งถึงผลของการแต่งกับคนสกุลหลี่ผู้นั้นแล้ว เป็ดังท่านว่า
‘ซ่างกวนจือหลินเ้าจะแต่งกับใครในสกุลหลี่ก็ได้ จะแต่ให้กับรัชทายาทก็ได้ ข้าให้เ้าแต่งได้หมด ยกเว้นเ้าหลี่หยวนเฮ่าผู้นั้น!’
ตอนนั้นเป็ครั้งแรกที่เราสองคนทะเลาะกันใหญ่โต แล้วข้าก็หนีออกจากตระกูลพร้อมกับป้ายบัญชาการทหาร! คนทรยศ! ข้ามันเศษสวะ ์คงทนรับิญญาของคนตระกูลซ่างกวนที่ต้องตายไปอย่างอยุติธรรมไม่ได้จึงทำให้ข้าได้มาเกิดใหม่อีกครั้ง
ข้าคุกเข่าอยู่กลางห้องโถงหลังเหยียดตรงตาจ้องมองชายชราที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือ ภายในห้องโถงเงียบสงัดไม่มีผู้ใดกล้าพูดสิ่งใด
“ท่านหมอ”
เสียงเรียกท่านหมอเปล่งออกมาจากปากชายชราที่นั่งอยู่ตำแหน่งประธาน สิ้นเสียง หมอผู้เฒ่าพร้อมผู้ช่วยแบกล่วมยาเดิมตรงไปยังท่านทายาทที่ยังคุกเข่าอยู่บนพื้น คุกเข่าโขกหัวมาสามชั่วยามกว่าเช่นนี้ต่อให้ฝึกร่างกายมาหนักเช่นไรแต่นี่ก็คือเืเนื้อ หมอชรานั่งลงบนเก้าอี้ที่ถูกยกมา จากนั้นก็ตรวจดูศีรษะเป็อันดับแรก ใช้ผ้าสะอาดเช็ดเืที่ไหลกดไว้สักครู่ อีกมือก็รับเม็ดยาห้ามเืจากลูกศิษย์แล้วยัดเข้าไปในปากของคนเจ็บอย่างรวดเร็ว รอสักครู่ให้ยาออกฤทธิ์แล้วค่อยคลายมือที่กดาแออก เืหยุดไหลแล้ว หมอชราไม่ได้รอช้าเริ่มทำความสะอาดาแเอาเศษดินเศษหินเล็กๆ ออกจนหมด มองอยู่สักครู่ก็ยื่นมือออกไปทางลูกศิษย์รับเข็มที่ผ่านการลนไฟฆ่าเชื้อมาแล้ว จากนั้นก็เริ่มลงมือเย็บแผลบนหน้าผากนวลอย่างเบามือ
ทุกคนในห้องโถงต่างเห็นาแของท่านทายาทอย่างชัดเจน ิัถลอกเนื้อแตก ต้องโขกแรงเพียงใดกัน ผู้เฒ่าบางคนได้แต่หลับตาอย่างสงสาร ตนเองเป็สตรีแท้ๆ ใยต้องโหดร้ายกับตนเองเช่นนี้ ดูสิขนาดท่านหมอชรายังเย็บแผลอย่างประณีตเช่นนั้น
หมอชามองเด็กสาวร่างเล็กที่ไม่ได้สะดุ้งะเืต่อการเย็บแผลแบบสดๆ เลยแม้แต่น้อย ทิฐิช่างมากเหลือเกิน ดูสิคิดอันใดอยู่ถึงได้ดูโศกเศร้าราวกับแบกเื่ราวอันใหญ่หลวงเอาไว้ อยากจะร้องไห้แต่เหตุใดถึงอดกลั้นไว้เล่า มืออันเหี่ยวย่นค่อยๆ ป้ายยาลงบนาแแล้วใช้ผ้าพันเอาไว้เสร็จแล้วก็ยื่นมือออกไปรับยาสองสามเม็ดมายัดเข้าไปในปากเ้าเด็กดื้อคนนี้ ให้เ้าขมจนตายไปเลย
หมอชราลุกขึ้นสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปอย่างฉุนเฉียว
ลูกศิษย์ที่ตามหลังมาได้แต่ส่ายศีรษะอย่างจนใจ ท่านจะรีบไปต้มยาล่ะสิ
รู้มากนักเ้าศิษย์โง่…
“เข้ามาแล้วเอาแต่นั่งคุกเข่าเป็ใบ้อยู่อย่างนั้น คนแก่ๆ ในห้องโถงนี่ยังต้องกินข้าวพักผ่อนกันอยู่นะ”ซางกวนอู่จี๋กล่าวทำลายความเงียบขึ้นมา
“หลานมีความผิดต่อคำสั่งสอนของบรรพบุรุษจึงใช้การคุกเข่าโขกหัวเป็การขอขมา”
ทุกคนที่ได้ฟังต่างก็มองหน้ากันไปมา ความผิดต่อบรรพบุรุษ? หรือว่าท่านทายาทจะก่อฏ เพ้ย! ปากเสีย อยู่ในหุบเขาสบายจะตาย จะไปเป็ฮ่องเต้ให้เหนื่อยทำไม นอกจากห้ามทรยศต่อแคว้นซ่งแล้วท่านทายาททำผิดอันใดต่อบรรพบุรุษ
“คำสั่งสอนของบรรพบุรุษมีไม่กี่เื่ เ้าทำผิดอันใดถึงต้องขอรับโทษใหญ่โตเช่นนี้ ทำไม? เ้าจะก่อฏ? อยากปกครองใต้หล้า?”
เหล่าผู้าุโหันไปมองท่านผู้นำที่คิดเห็นได้ตรงใจตนเองอย่างพร้อมเพรียง
“หลานมิได้มีความคิดเช่นนั้น”
“แล้วมันอะไร ร่ำไรเป็สตรีอยู่ได้ พูด!”
หลานท่านเดิมก็เป็สตรีนี่
“หลาน้าเข้าสู่ราชสำนักในฐานะแม่ทัพในตำแหน่ง… แม่ทัพใหญ่แห่งแผ่นดิน ที่ท่านบรรพบุรุษได้รับการแต่งตั้งจากองค์ไท่จู่”
เงียบ…
“เ้า...ถ้าเ้าอยากออกรบก็ไปได้นี่ ่นี้ชายแดนทางเหนือไม่สงบสุข เอาไว้ปู่จะส่งเ้าไป”ล้อเล่นอะไรกันตำแหน่งนั้นแม้แต่ท่านบรรพบุรุษยังไม่อยากเป็เห็นๆ กันอยู่ว่ามันต้องไม่ดีแน่ๆ
“เื่ทางชายแดนเหนืออีกไม่นานต้องประทุขึ้นแน่ หากหลานตัดหัวเย่ว์ลู่ ทัวปาจี๋กลับไปที่ราชสำนัก ตำแหน่งแม่ทัพใหญ่แห่งแผ่นดินนี้จะได้รับการยอมรับหรือไม่”ข้ายืดตัวตรงตอบอย่างแน่วแน่ไร้ซึ่งความลังเลแม้แต่น้อย
“…”