น้ำเสียงที่หนักแน่นของฮ่องเต้หยวนเต๋อ ทำให้หัวใจของเหนียนยวี่หดรัดขึ้นทีละนิด
ในไม่ช้าข้าหลวงในวังก็อุ้มนางระบำออกไปนอกตำหนักฉวินฝางอย่างระมัดระวังและหลังผ่านเื่เมื่อครู่ไป ในตำหนักก็ไม่ได้มีบรรยากาศคึกคักอีกตรงกันข้ามกับมีบรรยากาศอึมครึมทำให้ผู้คนหายใจไม่ออก
สิ่งก่อสร้างในวังแห่งนี้แต่ไหนแต่ไรมาก็มักจะได้รับการซ่อมแซมเป็ระยะๆ มาตลอดทว่าเหตุใดคานนั้นถึงได้พังลงมาได้ และคานที่หักยังตกลงเหนือหัวของฮ่องเต้หยวนเต๋อ
ไม่ต้องคิดสิ่งใด ในใจทุกคนก็คาดเดาได้เื่โชคร้ายที่คานหักลงมานี้ไม่ใช่เื่บังเอิญ
"ตรวจสอบ!"
หลังจากเงียบอยู่นาน ฮ่องเต้หยวนเต๋อตรัสออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า"เจิ้นอยากจะเห็นเหลือเกินว่าผู้ใดบังอาจมายุ่งกับหัวของเจิ้น!"
ฮ่องเต้หยวนเต๋อเอ่ยประโยคนี้ออกมา ไม่มีจิตใจจะจัดงานเลี้ยงฉีเฉี่ยวต่อแล้ว พระองค์สะบัดแขนเสื้อแล้วก้าวเดินออกไปเหล่าฮูหยินและคุณหนูที่เหลือในตำหนักต่างก็เงียบไปเช่นกัน งานเลี้ยงฉีเฉี่ยวไร้หนทางจะจัดต่อไปได้ถึงอย่างไรท้องฟ้าเองก็ค่อนข้างมืดแล้วฮองเฮาอวี่เหวินจึงถือโอกาสรับสั่งออกมาให้เลิกงานและให้เหล่าข้าหลวงนำทางบรรดาฮูหยินคุณหนูคุณชายไปยังสวนยวี่ฮวาเพื่อชมโคมไฟ
สำนักหมอหลวง
ชิงหร่านถูกเหล่าข้าหลวงนำตัวมาส่งสำนักหมอหลวงอย่างเร่งรีบ และพระราชบัญชาของฮ่องเต้หยวนเต๋อก็มาถึงก่อนที่พวกเขาจะมาถึงสำนักหมอหลวง
ณ สำนักหมอหลวง หมอหลวงแทบทั้งหมดกำลังรออยู่ที่ห้องโถงเมื่อเห็นสตรีที่ถูกพาตัวมา เหล่าหมอหลวงก็เร่งรีบเข้าไปดูอาการ
สำนักหมอหลวง ในเรือนเซียงฝางอีกด้านหนึ่ง
เหนียนอีหลานพันแผลเสร็จแล้วนางซึ่งนั่งอยู่บนตั่งริมหน้าต่าง มองเห็นการเคลื่อนไหวฝั่งนอกหน้าต่างอย่างรางเลือนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว "ผู้ใดได้รับาเ็อีก?"
หนานกงเยวี่ยนำยาต้มที่ฟางเหอนำมาให้ด้วยตัวเอง ในเรือนเซียงฝางนอกจากเหนียนอีหลานแล้ว แล้วยังมีหมอหลวงหญิงของสำนักหมอหลวงอีกหนึ่งคนหมอหลวงหญิงมองออกไปนอกหน้าต่างและเอ่ยอย่างสุภาพว่า “ผู้น้อยเองก็เพิ่งรู้เ้าค่ะได้ยินว่าเป็นางระบำผู้หนึ่ง"
“นางระบำงั้นหรือ?” เหนียนอีหลานหรี่ตา นึกถึงความพ่ายแพ้ของตนในตำหนักฉวินฝาง อารมณ์ขุ่นมัวมากขึ้น ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าคนนอก ความมีสติเพียงอย่างเดียวของนางเท่านั้นที่ทำให้นางกดความโกรธเกรี้ยวลงไปในก้นบึ้งของจิตใจได้นางเหลือบมองหมอหญิงอย่างไม่ละสายตา "แล้วอาการาเ็เป็อย่างไร"
“ได้ยินว่า คานที่ตำหนักฉวินฝางพังลงมาบนตัวของนางระบำคนนั้นคิดดูแล้วนางระบำคนนี้ก็เก่งกาจ ขนาดนั้น คาดไม่ถึงว่าจะเอาตัวเข้าไปบังไม่เช่นนั้น แม้จะมีท่านแม่ทัพหลวงอยู่ด้วย เกรงว่าฝ่าาก็คงได้รับาเ็แน่”
เหนียนอีหลานนั่งฟัง นางระบำคนนั้นเอาตัวเข้าบังภัยให้ฮ่องเต้หยวนเต๋องั้นหรือ
“ไม่น่าแปลกใจที่หมอหลวงเหล่านี้จะกังวลเื่าแของนางระบำนางนั้น”เหนียนอีหลานแจ่มแจ้งในความหมาย นางระบำคนนั้นช่วยชีวิตฝ่าา เกรงว่าหลังจากนี้ภายในวังหลวงแห่งนี้คงจะได้ลดนางระบำลงไปหนึ่งคน และได้เ้านายมาอีกหนึ่งคน
เป็อย่างที่คิด ด้วยคำพูดนี้ก็ทำให้นึกถึงคำพูดของหมอหลวงหญิงมากขึ้น"มิใช่หรือ? เหมือนว่าเพราะเื่นี้ แม้แต่งานเลี้ยงฉีเฉี่ยวก็ยังต้องเลิกไปก่อนเวลาฝ่าารับสั่งลงมาว่า สำนักหมอหลวงจะต้องรักษานางระบำคนนั้นให้หายดี มิฉะนั้นจะลงโทษสำนักหมอหลวงเป็ที่แรกเหล่าหมอหลวงมิอาจสะเพร่า คราก่อน มีเื่ที่นานมากแล้ว บ่าวแค่ได้ยินคนเล่าลือกันว่า...ดูเหมือนว่าเป็วันที่เจ็ดเดือนเจ็ดเช่นกันเพราะหนอนั์ในสวนร้อยสัตว์กัดองค์หญิงเล็ก...หมอหลวงรักษาได้ไม่ดี หมอใหญ่ที่ดูแลสำนักในเวลานั้นถูกปลดออกจากตำแหน่งและถูกส่งตัวเข้าคุก…”
หมอหลวงหญิงบอกเล่าเื่ราวทว่าเหนียนอีหลานกลับจับอะไรบางอย่างในประโยคได้ "สวนร้อยสัตว์หรือ"
นางเคยได้ยินเื่สวนร้อยสัตว์ที่ตั้งอยู่ในตำหนักชีอู๋ ทว่าท่านแม่บอกว่าไม่มีสัตว์ป่าในสวนร้อยสัตว์มาั้แ่สมัยฮ่องเต้องค์ก่อนขึ้นครองราชย์แล้วแต่...
กัดองค์หญิงเล็ก...
เหนียนอีหลานเลิกคิ้วขึ้นอย่างครุ่นคิด นางคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกว่า “สวนร้อยสัตว์ ยังมีหนอนั์ด้วยงั้นหรือ?”
“ผู้ใดรู้เื่นี้บ้าง? บางคนก็บอกว่ามี บ้างก็ว่าไม่ ไม่ว่าอย่างไร บ่าวได้ยินมาว่าสวนร้อยสัตว์น่ากลัวมากเมื่อหลายปีก่อนที่นั่นได้กลายเป็สถานที่ต้องห้ามในวังหลวงไปแล้ว”หมอหญิงที่พูดอยู่ ราวกับนึกขึ้นได้ว่าตนเองพูดมากไปก็รีบเอ่ยไปว่า"บ่าวไปดูทางนั้นก่อนนะเ้าคะ"
เอ่ยจบ หมอหญิงก็ออกจากห้องไป ในเรือนเซียงฝางเหลือเพียงเหนียนอีหลานคนเดียว
พื้นที่ต้องห้าม...
หากยังมีสัตว์ร้ายอยู่ในสวนร้อยสัตว์ละก็...
ถ้าหากคนคนหนึ่งหลงอยู่ในสวนร้อยสัตว์...
เหนียนอีหลานในหัวโลดแล่นไปด้วยความคิดหนึ่งและยิ่งนางคิดมากขึ้น เสริมกับเื่อัปยศน่าอายที่นางได้รับในตำหนักฉวินฝางเมื่อครู่ ก็ยิ่งผลักดันความชั่วร้ายในใจนางให้เติบโตอย่างบ้าคลั่ง
ความรู้สึกเจ็บนิ้วมือแผ่ขยายไปถึงขั้วหัวใจเหนียนอีหลานกัดฟันและลุกขึ้นทันที นางอยากจะขอความช่วยเหลือจากหนานกงฉี่ทว่าหลังก้าวออกไปได้ก้าวหนึ่ง ฝีเท้าเหนียนอีหลานก็หยุดชะงัก คิ้วย่นลงเล็กน้อยสีหน้าแววตาเคร่งขรึม
นึกถึงปฏิกิริยาของหนานกงฉี่เมื่อเช้านี้และท่าทีที่เขามีให้เหนียนยวี่...
“ไม่ ข้าไปหาเอ้อเปี่ยวเกอไม่ได้”เหนียนอีหลานพึมพำ หากเอ้อเปี่ยวเกอสนใจนางผู้หญิงชั้นต่ำเหนียนยวี่ขึ้นมาจริงๆเขาต้องไม่ช่วยนางแน่ ทว่าในยามนี้ นอกจากเอ้อเปี่ยวเกอแล้วยังมีผู้ใดอีกที่จะช่วยนางได้?
คนที่นางและท่านแม่พามา เหนียนยวี่เองก็รู้จัก ย่อมหลอกนางไม่ได้แน่และในวังหลวงแห่งนี้ก็ไม่มีผู้ใดที่นางจะไว้ใจได้...
"อีหลาน..."
เหนียนอีหลานที่กำลังครุ่นคิด ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาเหนียนอีหลานลืมตา เห็นหนานกงจื้อที่มีสีหน้ารีบร้อนเดินเข้ามาทางประตู
ยังไม่ทันได้สติดีหนานกงจื้อก็เข้ามาโอบไหล่นางไว้ จ้องมองสำรวจร่างกายนางอย่างเป็ห่วง"อีหลาน ข้าได้ยินมาว่าเ้าได้รับาเ็ ไหนให้ข้าดูเร็วเข้าว่าาเ็ตรงไหน?"
ในดวงตาของหนานกงจื้อราวกับมีเพียงแค่เหนียนอีหลานเห็นเพียงมือของนางที่ถูกพันไว้ ก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่น "เหตุใดถึงไม่ระวังเช่นนี้...เ้า..."
หนานกงจื้ออยากจะพูดอะไรบางอย่างทว่าไม่รู้ว่าเอ่ยปากอย่างไร เหนียนอีหลานเห็นท่าทีของเขาที่ดูจะเป็ห่วงตัวเองในใจรู้สึกใ ต้าเปี่ยวเกอผู้นี้ของตน ตลอดมารักและทะนุถนอมนาง ทว่าสายตา...
เขาเป็รองเ้ากรมพิธี เข้าออกวังหลวงเป็ประจำเขาจะช่วยนางได้หรือไม่?
ในใจเหนียนอีหลานมีความสุข ทว่าบนใบหน้านางไม่ได้แสดงออกคิ้วที่งดงามของนางขมวดเข้าหากัน ควบคู่กับใบหน้าซีดเซียวเพราะเสียเื ยิ่งแลดูบอบบาง
"เปี่ยวเกอ โชคดีที่ท่านมาเร็ว ท่านรีบพาข้าไปหายวี่เอ๋อร์... "
"เหนียนยวี่หรือ? เ้าจะไปหานางทำไม?" หนานกงจื้อไม่เข้าใจทว่าเหนียนอีหลานก็คว้าตัวเขาและเดินออกมานอกเรือนเซียงฝาง
ทว่าหลังจากเดินได้ไม่กี่ก้าวเหนียนอีหลานก็หยุดเดิน ยกมือกุมหัว อดไม่ได้ที่จะเวียนหัวท่าทางนั้นแลดูเป็ทุกข์และกระสับกระส่าย
หนานกงจื้อประคองเหนียนอีหลาน ให้นางพิงตัวเอง"เ้าเป็เช่นนี้ ข้าจะพาเ้าเข้าไปนอนพัก"
"ไม่ ข้าต้องไปหาเหนียนยวี่ข้ามีเื่สำคัญ..." เหนียนอีหลานพยายามประคับประคองตัวเองอยากจะเดินไปข้างหน้า ครานี้ ยังไม่ทันได้ก้าว ร่างกายกลับสั่นเทิ้มและล้มลงไปกับพื้น
หนานกงจื้อสายตาว่องไว เขาเอื้อมมือออกไปคว้าร่างก่อนที่นางจะล้มจับเอวนางไว้ เหนียนอีหลานจึงไม่ได้ล้มลงไปบนพื้น
หนานกงจื้อขมวดคิ้ว ลังเลอยู่ครู่หนึ่งท้ายที่สุดก็อุ้มเหนียนอีหลานด้วยท่าเ้าบ่าวอุ้มเ้าสาว
"เปี่ยวเกอ ท่านจะทำอะไร?" เหนียนอีหลานร้องออกมาอย่างใทว่ามือก็คล้องคอหนานกงจื้อไว้
หนานกงจื้อไม่ได้เอ่ยอะไร วางเหนียนอีหลานลงบนตั่ง "เ้ารออยู่ที่นี่จนกว่าเหนียนยวี่...เดี๋ยวข้าช่วยเ้าหา ข้าเจอนางแล้วจะพานางมาที่นี่ เช่นนี้เ้าวางใจได้หรือยัง?”
เหนียนอีหลานในใจมีความสุขมากนี่คือสิ่งที่นาง้า แต่...