เล่มที่ 1 บทที่ 17 เปลวไฟชื่อหยางหลิวหลี
อสรพิษตนหนึ่งบิดตัวกลางอากาศ หลบลำแสงกระบี่ของซ่งเทียนสิงที่สะบั้นมาได้อย่างหวุดหวิด ก่อนมันจะกระพือปีกบินมาอยู่บนหลังของเขา…
“อ๊า!”
เขี้ยวแหลมสีแดงสดฝังลงบนหลัง ลำแสงกระบี่ที่เพิ่งรวมตัวพลันแตกกระจาย
หลังจากลำแสงกระบี่สลายไป ก็มิอาจกดข่มเหล่าปีศาจได้อีก เสียงกรีดร้องของพวกมันดังขึ้นเป็ระยะ อสรพิษปักษาตนแล้วตนเล่าพุ่งทะยานเข้ามา ต่อให้ซ่งเทียนสิงรีบวาดกระบี่ต้านกลับอย่างรวดเร็วเพียงใด หรือจะจัดการอสรพิษร้ายที่กัดหลังเขาออกได้ แต่ก็กลับไม่เป็ผลเสียแล้ว เหล่าปีศาจพุ่งเข้ามามากขึ้น เพียงเวลาไม่นาน ทั่วทั้งตัวเขาก็ถูกเหล่าปีศาจกัดจนไม่เหลือชิ้นดี ช่างเป็ภาพที่น่าสยดสยองจริงๆ…
“แย่แล้ว…” ซ่งเทียนสิงใจหาย ‘นี่มันฝูงอสรพิษปักษานับพันเชียวนะ หากถูกปิดล้อม ต่อให้เป็ผู้บำเพ็ญขั้นย่างหยวนก็หนีไม่รอด’
ในขณะที่กำลังสิ้นหวังอยู่นั้น ซ่งเทียนสิงรู้สึกเสียใจเป็อย่างมาก เพราะอารมณ์ชั่ววูบแท้ๆจึงได้ใช้เข็มทิศห้าวเยว่มารังควานหลินเฟย ทว่าสุดท้ายดันพาตัวเองมาหาที่ตายเสียได้ อาจารย์เองก็เอ็นดูเขามาก แต่ตัวเขาก็ไม่เคยทำให้ท่านภูมิใจเลยสักครั้ง และตอนนี้ยังเอาเข็มทิศห้าวเยว่มาทิ้งไว้ที่นี่อีก หากท่านอาจารย์รู้เข้าจะโกรธเขาหรือไม่นะ ช่างเถอะ ต่อให้โกรธก็คงไม่มีโอกาสมาด่าทอเขาแล้วล่ะ…
ก่อนหน้านี้ยังตั้งเป้าหมายไว้ ภายในสามปีจะต้องบำเพ็ญจนบรรลุเข้าสู่ขั้นย่างหยวนให้ได้ หากเป็เช่นนั้นเขาก็สามารถกลับสู่ตระกูลไปทวงความยุติธรรมให้มารดา แต่ดูเหมือนจะหมดโอกาสเสียแล้ว ไม่รู้ว่าหากตายไป มารดาที่อยู่ปรโลกจะโกรธเขาหรือไม่นะ…
ในเวลานี้เองในหัวพลันเกิดภาพต่างๆขึ้นมากมาย ขณะที่เหล่าอสรพิษปักษาก็โถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ซ่งเทียนสิงปิดตาลงยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี…
“นี่ ช่วยหลบไปหน่อยได้ไหม?”
แต่แล้ว…
ทันใดนั้นก็มีเสียงที่แสนจะเอือมระอาของใครสักคนดังขึ้นข้างหูซ่งเทียนสิง
‘บ้าเอ๊ย เ้าหลินเฟยช่วยอยู่นิ่งๆหน่อยได้หรือไม่ คนกำลังจะตายแล้วแท้ๆ!’
ซ่งเทียนสิงรู้สึกขมขื่น ในตอนที่ยังพอมีเวลา จึงคิดอยากเปิดปากด่าเ้าคนถ่อยที่เอาแต่ซ้ำเติมคนอื่น แต่กลับพบเปลวไฟดวงหนึ่งปรากฏตรงหน้า!
“ไฟอย่างนั้นหรือ?”
สิ่งแรกที่ซ่งเทียนสิงคิดได้คือ ‘หรือเขาจะตาฝาด?’
‘แม่น้ำหยินที่เต็มไปด้วยไอหยินปกคลุม จะมีไฟได้อย่างไรกัน?’
จากนั้นซ่งเทียนสิงก็เห็นเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นฟ้า โดยมีเป้าหมายคือเหล่าอสรพิษปักษา ภาพที่เกิดขึ้นงดงามราวกับดอกไม้ไฟ หมอกควันพวยพุ่ง พร้อมกับสะเก็ดไฟแตกกระจาย ส่องแสงไปยังผาปากเหยี่ยวที่มืดมิดให้สว่างราวกับแสงแดดยามกลางวัน…
จากนั้น…ซ่งเทียนสิงถึงได้รู้ตัวว่าเหล่าปีศาจที่โอบล้อมเขานั้น ได้หายไปหมดแล้ว…
ตาข่ายั์ที่ดูแ่าในตอนแรก บัดนี้กลับกลวงโบ๋เป็รูขนาดใหญ่!
“บ้าน่า!” ซ่งเทียนสิงตกตะลึงกับเปลวไฟที่พวยพุ่ง เพียงพริบตาเดียวก็เผาไหม้อสรพิษปักษานับร้อยกลายเป็เถ้าธุลี!
แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้…
หลังจากเหล่าอสรพิษนับร้อยถูกเผา เปลวไฟนั้นก็เปลี่ยนทิศทางหมุนเป็องศาประหลาดกลางท้องฟ้า มุ่งสู่เหล่าอสรพิษที่อยู่ตรงกลาง ก่อนจะสะบั้นลงไป คราวนี้ซ่งเทียนสิงเห็นตอนที่เปลวไฟปะทะเข้าใส่เหล่าอสรพิษเข้าเต็มตา ภาพที่เห็นคือสะเก็ดไฟที่แตกกระจาย เหล่าอสรพิษปักษาที่บินว่อนอยู่นั้น แค่เพียงััโดนสะเก็ดไฟแม้เล็กน้อย ไฟก็จะลุกท่วมขึ้นมา ไม่นานก็ถูกเผาไหม้จนวอดวาย…
‘นี่มันฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชัดๆ…’
เหล่าอสรพิษปักษานับพันเริ่มลดจำนวนลง เพียงซ่งเทียนสิงสะบั้นกระบี่ไม่กี่ครั้ง ก็เกิดเป็ช่องโหว่หนีตายออกมาได้อย่างง่ายดาย
บัดนี้ซ่งเทียนสิงเห็นชัดเต็มสองตาว่าเปลวไฟที่เผาไหม้เหล่าปีศาจรวมถึงช่วยเขาออกจากประตูยมโลกได้นั้น เป็เพียงตะเกียงดวงหนึ่ง…
และตะเกียงดวงนั้นก็อยู่ในมือของหลินเฟย!
หลินเฟยในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนแปลกหน้าที่เขาไม่รู้จัก มือหนึ่งถือกระบี่ อีกมือหนึ่งก็ถือตะเกียง ด้วยใบหน้าสงบนิ่ง ต่อให้เผชิญหน้ากับฝูงปีศาจนับพันก็ไม่มีเกรงกลัว เปลวไฟราวกับัเพลิงที่กำลังบ้าคลั่งอยู่ท่ามกลางเหล่าอสรพิษปักษา เปลวไฟที่ดุดันและร้อนแรงนั่นแหละที่กลืนกินศัตรูตัวแล้วตัวเล่า…
‘นี่คือหลินเฟยจริงๆหรือ?’
ซ่งเทียนสิงตกตะลึงกับภาพที่เห็น จนกระทั่งอสรพิษปักษาตนสุดท้ายถูกไฟคลอกทั้งตัวร่วงตกจากฟ้า ซ่งเทียนสิงก็ยังคงตะลึงไม่หาย…
“มัวแต่เหม่ออะไร ทำไมยังไม่รีบไปอีก…”
เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีปีศาจที่หลุดรอดอีก หลินเฟยก็ลงมือค่อยเก็บตะเกียงซานเป่าหลิวหลีด้วยอาการเ็ป
อย่าคิดว่าแค่ใช้เปลวไฟชื่อหยางหลิวหลีเพียงนิดเดียวก็สามารถสังหารเหล่าอสรพิษปักษานับพันอย่างง่ายดาย แต่ความจริงก็คือหลินเฟยได้ใช้พลังปราณไปกว่าครึ่ง อาวุธอย่างตะเกียงซานเป่าหลิวหลีนั้น ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญขั้นจู้จีที่จะสามารถใช้ได้ คราวนี้หลินเฟยคงต้องพักรักษาตัวหลายวัน เพราะได้บุ่มบ่ามใช้เปลวไฟชื่อหยางหลิวหลีไปจนได้…
อีกอย่าง นอกจากเปลวไฟชื่อหยางหลิวหลีจะต้องใช้พลังปราณแล้ว ยังต้องใช้หินิญญาด้วยอีก หลินเฟยเสียหินิญญาไปอย่างน้อยสามก้อนกับการใช้เปลวไฟเมื่อครู่ อุตส่าห์เก็บหอมรอมริบ ไม่ให้ถูกเตาเฒ่าแย่งไปตั้งนานเชียวนะ!
แค่คิดว่าจะต้องสูญเสียหนักขนาดนี้ เพราะซ่งเทียนสิงเป็ต้นเหตุของเื่ทั้งหมด หลินเฟยก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที…
“อ้อ อือ…” ครั้งนี้ซ่งเทียนสิงว่านอนสอนง่ายขึ้นมาก ต่อให้หลินเฟยพูดด้วยน้ำเสียงติดรำคาญเพียงใด เขาก็ไม่คิดโกรธ แถมยังตอบรับอย่างว่าง่าย
‘ช่วยไม่ได้...เพราะตอนนี้ซ่งเทียนสิงยังคงตะลึงไม่หายน่ะสิ…’
‘สิ่งนี้เกิดขึ้น...ราวกับความฝัน’
แรกเริ่มเดิมที เขาคิดว่าหลังจากได้เป็ศิษย์สายตรง ก็ถือว่าอยู่เหนือหลินเฟยแล้ว แต่คาดไม่ถึงเลยว่า คนที่ช่วยเขาออกจากการโอบล้อมของเหล่าอสรพิษปักษาที่ผาปากเหยี่ยวคือหลินเฟย ใช่แล้ว...หลินเฟยคนที่เขาเคยคิดว่าตนเองจะได้แซงขึ้นไปอยู่เหนือได้แล้วแท้ๆ!
‘แถมหลินเฟยยังใช้เปลวไฟสายเพียงหนึ่งสาย เผาไหม้เหล่าปีศาจนับพันจนสิ้นสลายไปต่อหน้าต่อตาอีก…’
ในขณะที่ซ่งเทียนสิงฟุ้งซ่านอยู่นั้น หลินเฟยก็ข้ามผ่านกองเถ้าถ่านมากมาย มาถึงจุดที่เหล่าอรสรพิษปักษาปรากฏตัว
“ตามที่คิดไว้เลยแฮะ…”
เพียงแค่ก้มมอง หลินเฟยก็รู้ว่าตนเองเดาถูก ที่นี่ว่างเปล่าจริงๆ แร่เสวียนอิงที่เปล่งประกาย ได้หายไปอย่างไร้วี่แวว ราวกับสิ่งที่ทั้งคู่เห็นเป็เพียงภาพลวงตา หลินเฟยขมวดคิ้ว คิดไม่ตกว่าสิ่งเดียวที่สามารถทำให้ผู้บำเพ็ญจู้จีขั้นสูงเกิดภาพหลอนได้พร้อมกัน ก็คงจะมีแค่ปีศาจขั้นเยาตี้ที่ถูกผนึกไว้เท่านั้น…
เกรงว่าผนึกของนักพรตชื่อฟ่าคงจะสั่นคลอนเสียแล้ว บัดนี้มีลางว่าปีศาจตนนั้นจะตื่นขึ้นมา…
“หวังว่าเ้านั่นจะยังไม่หลุดออกมานะ…” หลินเฟยเงยหน้าขึ้นมองสายฟ้ามากมายที่อยู่บนท้องฟ้า ไม่รู้ว่าเพราะคิดไปเองหรือเปล่า แต่เพราะเหตุใดถึงได้รู้สึกว่าสายฟ้าเ่าั้ดูอ่อนกำลังลงไปมาก…
หลินเฟยไม่รอช้า...นี่ไม่ใช่แค่เื่ล้อเล่น หากปีศาจขั้นเยาตี้หลุดออกมาได้ล่ะก็ อย่าว่าแต่เขากับซ่งเทียนสิงเลย ต่อให้เป็ทั้งสำนักเวิ่นเจี้ยน ก็เกรงว่าจะไม่รอด
------------------------------------------------------------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้