ห้องหนังสือภายในหอจ้าวเทวะนครแห่งเทพ
ห้องหนังสือมีขนาดใหญ่โตกว้างขวางและมีหนังสืออยู่เป็จำนวนมาก ตู้หนังสือที่ทำมาจากไม้หอมตั้งเรียงรายกันอยู่นับไม่ถ้วนพร้อมกับหนังสืออีกไม่ต่ำกว่าพันเล่ม
ภายในห้องหนังสือมีคนอยู่ห้าคน คนหนึ่งนั่งอยู่อีกสี่คนคุกเข่า
ผู้ที่นั่งอยู่เป็ชายหัวโล้นที่มีรอยสักแปลกพิลึกอยู่บนหัว พร้อมกับมีดวงตาที่แปลกประหลาดข้างหนึ่งดำข้างหนึ่งแดงส่องประกายแสงเบาบางออกมา ลักษณะท่าทางเป็ที่น่าเกรงขามแก่ผู้ที่พบเห็นโดยไม่จำเป็ต้องแสดงพลังใดๆ ออกมา
“พูดมา หลายปีที่ข้าไม่อยู่ทวีปัเพลิงโลกจักรวาลชั้นนอกแห่งนี้มีเื่อะไรเกิดขึ้นบ้าง? ยังมีเื่การรวบรวมดวงิญญาอีก ทำไมงานประลองาระหว่างเขตปกครองในครั้งนี้ถึงได้รวมรวบดวงิญญาได้น้อยนัก? ข้า้าคำอธิบาย!”
ชายหัวโล้นดวงตาหยินหยางก็คือจ้าวเทวะถูของนครแห่งเทพ าาผู้ปกครองที่รู้กันดีของทวีปัเพลิง
“พวกข้าล้วนมีความผิด ขอให้ท่านจ้าวเทวะโปรดลงโทษด้วย!” ทั้งสี่คนก็คือองครักษ์แห่งเทพทั้งสี่ เห็นถูพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงอารมณ์โทสะเล็กน้อยพวกเขาจึงรีบโขกศีรษะลงไปยอมรับความผิด
จากนั้นถูเสินเว่ยเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับรีบพูดตอบออกมาอย่างรวดเร็ว “เรียนท่านจ้าวเทวะ งานประลองาระหว่างเขตปกครองไม่ได้มีเื่ใหญ่อะไรเกิดขึ้น เพียงแค่ในงานมีเด็กหนุ่มของเขตปกครองเทพาที่มีพร์คนหนึ่งมีสัตว์อสูรน่าจะอยู่ในระดับแปดคุณภาพขั้นสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมีวิชาต่อสู้ร่างอสูรที่แหกกฎ์อีกด้วย สามารถสังหารกวาดล้างผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตราชันย์ปีศาจและราชันย์คนเถื่อนเป็กลุ่มใหญ่ได้ในพริบตา ดังนั้นคนของเขตปกครองเทพาในครั้งนี้จึงแทบจะไม่มีใครตายเลย...จึงทำให้การรวบรวมดวงิญญาของผู้ที่เสียชีวิตได้น้อยเช่นนี้ และเนื่องจากว่าในงานประลองาระหว่างเขตปกครองในครั้งนี้เด็กหนุ่มคนนั้นได้สังหารบุตรชายของเยาเส ครั้นแล้วเมื่องานประลองาระหว่างเขตปกครองจบลงเยาเสจึงได้ไปดักซุ่มรอทีู่เาสุสานทวยเทพเพื่อรอสังหารเ้าเด็กคนนั้น เป็การกระทำที่ละเมิดข้อตกลงที่ทำกันไว้จนเป็เหตุให้ยอดฝีมือทั้งหมดของเขตปกครองเทพาเคลื่อนทัพออกไปแก้แค้นที่เขตปกครองเทพปีศาจ แต่สุดท้ายถูกพวกข้าน้อยทั้งหมดออกหน้าจัดการให้ยุติลงได้...”
ถูเสินเว่ยพูดเล่าเื่ราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในหนึ่งปีที่ผ่านมาออกมาโดยละเอียด แน่นอนว่าเื่ถูเชียนจวินวางแผนคิดร้ายเย่ชิงหานและเื่ที่เขาเสี้ยมสอนเยาเสกับสั่งให้คนไปทำลายค่ายกลเคลื่อนย้ายที่เมืองัเขาย่อมไม่กล้าเล่าออกมา ความเด็ดขาดของจ้าวเทวะถูเขารับรู้เป็อย่างดี ทั้งเขาและญาติพี่น้องของเขาคงต้องถูกฆ่าล้างตระกูลอย่างแน่นอน
“อืม...ตระกูลเย่ปรากฏเด็กหนุ่มผู้มีพร์ขึ้นมาอีกแล้วรึ? แถมยังมีวิชาต่อสู้ร่างอสูรที่แหกกฎ์อีกด้วย? เ้าหนูน้อยเย่รั่วสุ่ยคงปลื้มอกปลื้มใจจนแทบบ้าเลยสินะ!” จ้าวเทวะถูโบกมือขึ้นส่งสัญญาณบอกให้ทุกคนลุกขึ้นพูด
“เย่รั่วสุ่ยคงมีความสุขไปไม่ได้แน่เพราะเ้าเด็กหนุ่มคนนั้นถูกดูดเข้าไปภายในูเาสุสานทวยเทพแล้ว คาดว่าตอนนี้คงตายไปแล้วอย่างแน่นอน!” คำพูดของจ้าวเทวะทำให้ถูเสินเว่ยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ว่าเขาก็ยังคงตอบไปตามความจริง
“อ้อ! ตกเข้าไปอยู่ภายในูเาสุสานทวยเทพ เป็อย่างนั้นก็คงไม่รอดแล้วละ อืม...ูเาสุสานทวยเทพอีกสี่ปีจากนี้เส้นทาง์จะถูกเปิดออกอีกครั้ง พวกเ้าไปจัดเตรียมพวกหัวกะทิไว้ชุดหนึ่งเพื่อทะลวงด่านภายในูเาสุสานทวยเทพเอากระบี่เทพมาให้ได้ เงื่อนไขกติกาเดิม ผู้ใดสามารถนำกระบี่เทพออกมาได้ข้าจะแต่งตั้งให้เขาเป็องครักษ์แห่งเทพคนที่ห้าทันที! อีกทั้งยังจะรับเขาเป็ศิษย์เอกและให้โอกาสขึ้นไปข้างบนครั้งหนึ่งด้วย” จ้าวเทวะถูพูดขึ้นอย่างช้าๆ ราบเรียบ ฟังดูก็รู้ว่าเขาสนใจต่อกระบี่เทพอยู่มากเหมือนกันถึงกับให้สิ่งตอบแทนที่มีมูลค่าสูงล้ำถึงเพียงนี้
“ขอรับ พวกข้าจะทำอย่างสุดความสามารถ ตอนนี้ได้เตรียมการผู้มีพลังฝีมือระดับขั้นสูงสุดขอบเขตาาจักรพรรดิเอาไว้สามสิบคนและยังคงมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ” ถูเสินเว่ยรีบพยักหน้าตอบรับโดยทันที เมื่อเห็นว่าจ้าวเทวะถูไม่ได้ซักถามถึงเื่ราวที่เกิดขึ้นระหว่างเขตปกครองเทพาและเขตปกครองเทพปีศาจอีกภายในใจจึงผ่อนคลายลงทันที
“พวกเด็กน้อยทั้งหลายและเฒ่าตายยากที่อยู่ในป่าดำมืดในระยะนี้มีความเคลื่อนไหวอะไรบ้างไหม?” จ้าวเทวะนิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะถามขึ้นมาอีกหนึ่งคำถาม
เด็กน้อย? เฒ่าตายยาก!
ภายในใจของถูเสินเว่ยรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาทันที เด็กน้อยทั้งหลายที่ถูพูดถึงเขารู้ดีว่าคือผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพทั้งหลายของทั้งสามเขตปกครองและที่อยู่ทะเลตะวันออก ส่วนเฒ่าตายยากที่พูดถึงก็คือท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่าาผู้ปกครองแห่งป่าดำมืด
เนื่องจากว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพของทั้งสามเขตปกครองและทะเลตะวันออกอายุมากสุดในตอนนี้ก็เพียงแค่สองพันกว่าปี หากจะเทียบกับถูที่ออกศึกพิชิตเหนือใต้มาหลายพันปีแน่นอนว่าเป็แค่เพียงเด็กน้อย
ถูเสินเว่ยครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่แล้วพูดขึ้น “ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวใดๆ เป็พิเศษ มีเพียงเย่รั่วสุ่ยที่ไม่นานมานี้ไปยังเกาะเร้นลับรอบหนึ่งแล้วก็ไปยังป่าดำมืดต่ออีกรอบหนึ่ง ส่วนพวกเขาพุดคุยเื่อะไรกันนั้นข้าน้อยก็ไม่อาจจะทราบได้!”
“อืม พวกเ้ากลับไปได้!” จ้าวเทวะถูโบกมือขึ้นอย่างราบเรียบเป็สัญญาณบอกว่ารับรู้แล้ว จากนั้นไม่ได้ถามอะไรอีกพูดบอกให้พวกเขาถอยออกไป
“ขอรับ พวกข้าน้อยขอลา!”
องครักษ์ทั้งสี่เมื่อเห็นว่าจ้าวเทวะถูไม่ได้ทำการสอบถามสิ่งใดอีกและไม่ได้ตำหนิอะไรจึงรีบไหว้คำนับออกมาอย่างยินดี
“ต่อไปอย่าได้บังอาจละเมิดกฎที่ข้าตั้งไว้อีก ครั้งนี้จะให้โอกาสเ้า ถ้าหากมีอีกครั้งเ้าก็จงปลิดชีพตนเองเสีย...ยังมีอีกเื่ นำตัวเ้าเด็กหนุ่มดวงตาหยินหยางที่อยู่ในเมืองคนนั้นมาหาข้า คิดไม่ถึงว่าจะเป็เหมือนข้าที่มีดวงตาหยินหยางมาแต่กำเนิด สนุกละทีนี้ เริ่มจะสนุกขึ้นทุกทีแล้ว...”
ความยินดีของถูเสินเว่ยมีอยู่ไม่ถึงหนึ่งนาทีภายในหัวพลันบังเกิดเสียงพูดราบเรียบดังขึ้นมา ทำเอาสะดุ้งใจนิญญาของเขาแทบจะหลุดออกจากร่าง จังหวะฝีเท้าชะงักจนแทบจะสะดุดล้มลง แผ่นหลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นที่ผุดออกมา จากนั้นรีบส่งกระแสเสียงตอบกลับไปแล้วก้าวเท้ายาวจากไปอย่างรวดเร็ว
.................................
นิมิตแห่งเทพที่เกิดขึ้นและสภาพแปรปรวนของพลังฟ้าดินที่นครแห่งเทพแน่นอนว่าไม่สามารถรอดพ้นจากสายตาการรับรู้ของผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงที่อยู่ในทวีปัเพลิงไปได้
เย่รั่วสุ่ยลืมตาขึ้นจากนั้นก็หลับตาลงต่อ พวกตาแก่ตายยากของเมืองังานเลี้ยงยังไม่ทันจบลงก็รีบจากไปกันอย่างรวดเร็ว ูเาเทพปีศาจที่เงียบสงบอยู่ตลอดพลันบังเกิดเสียงอุทานออกมาอย่างแปลกประหลาดใจครั้งหนึ่ง ชายแก่มือถือคันเบ็ดนั่งตกปลาอยู่บนเกาะเร้นลับมือสั่นขึ้นเบาๆ ครั้งหนึ่งทำเอาผิวน้ำที่ราบเรียบอยู่เกิดเป็ระลอกคลื่นน้ำขึ้นมาเป็พักๆ...
ทั่วทุกหัวเมืองของทวีปัเพลิงเริ่มจุดประทัดและพลุไฟเพื่อเฉลิมฉลองขึ้น เฉลิมฉลองการมาถึงของปีที่หนึ่งหมื่น และเฉลิมฉลองในเื่ต่างๆ ที่พวกเขาคิดว่าน่ายินดีน่าเฉลิมฉลอง...
.................................
ข้างนอกบรรยากาศครึกครื้นเฮฮา พลุดอกไม้ไฟแตกกระจายเต็มทั่วทั้งท้องฟ้าเปล่งประกายสีสันพร่างพราวงามตา
แต่เย่ชิงหานในตอนนี้กลับมองไม่เห็นสิ่งเ่าั้ สิ่งที่เขามองเห็นได้ในตอนนี้มีเพียงเม็ดทรายที่ปลิวว่อนเต็มท้องฟ้า อากาศ และสัตว์ประหลาดจระเข้จำนวนมากมายนับไม่ถ้วนที่โผล่ขึ้นมาจากผืนทรายเบื้องล่าง
เวลานี้ ในดวงตาของเขาในสมองของเขามีเพียงกริชัเขียวและพลังคมมีดที่พุ่งออกไปจากตัวกริชที่ถือควงไปมาอย่างต่อเนื่องเพียงเท่านั้น
การฝึกฝนทุกๆ วัน การทดลองด้วยวิธีการต่างๆ ทุกๆ วัน ตอนนี้เจ็ดกระบวนท่าเย่หวงเขาฝึกฝนจนถึงระดับเชี่ยวชาญชำนาญอย่างสุดยอด เพียงแต่ไม่ว่าเขาจะฝึกฝนอย่างไรเจ็ดกระบวนท่าเย่หวงก็ยังคงเป็เจ็ดกระบวนท่าเย่หวงอยู่ดังเดิม ไม่สามารถกลายเป็หกและแน่นอนไม่มีทางกลายมาเป็หนึ่ง
เพียงแต่...
วันนี้ในขณะที่เขากำลังต่อสู้อยู่กับเ้าพวกสัตว์ประหลาดจระเข้พลันรู้สึกได้ว่าเจ็ดกระบวนท่าเย่หวงที่เขาควงมือฟาดฟันออกไปอย่างใจนึกคิดนั้นเริ่มมีบางอย่างไม่เหมือนเจ็ดกระบวนท่าเย่หวงในวันเก่าๆ ที่ผ่านมา เหมือนกับว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างขึ้นจากเจ็ดกระบวนท่ากลายเป็...แปดกระบวนท่า?
มันกลายเป็แปดกระบวนท่าได้อย่างไรกัน?
หลังจากที่เย่ชิงหานรีบทำการกำจัดสัตว์ประหลาดจระเข้ตัวสุดท้ายเสร็จ เขาทำจิตใจให้สงบว่างเปล่าลงจากนั้นเริ่มควงกริชในมือไปมากลางอากาศ ในหัวคิดถึงแค่เพียงกระบวนท่าที่แปดที่ใช้ออกไปโดยบังเอิญเมื่อสักครู่เพียงเท่านั้น...
เมื่อสักครู่ที่กำลังต่อสู้เขาใช้ท่าตัดแยกัคะนองโจมตีออกไปใส่สัตว์ประหลาดจระเข้ตัวหนึ่งที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นทรายอย่างกะทันหัน สถานการณ์คับขันเกินไปเขาจึงควงกริชตวัดฟันลงไปในมุมทแยงข้างโดยอัตโนมัติ ผลลัพธ์ที่ได้กลับกลายเป็ว่าโจมตีถูกจนเ้าสัตว์ประหลาดจระเข้ที่กำลังจะโผล่ออกมาตัวนั้นจมหายลงไปใต้พื้นทรายลึกยิ่งกว่าเดิม อีกทั้งแรงโจมตียังทำให้ผืนทรายเกิดเป็หลุมขนาดใหญ่ขึ้นมาให้เห็น
กระบวนท่านี้อานุภาพรุนแรงมากไม่ด้อยไปกว่าท่าตัดแยกปฐีแต่ก็ไม่เหมือนท่าตัดแยกปฐี ดังนั้นเย่ชิงหานจึงสงสัย ฝึกไปๆ ไม่เพียงไม่สามารถผสานรวมกระบวนท่าให้น้อยลงได้ แต่ในทางตรงกันข้ามยิ่งฝึกกระบวนท่ากลับยิ่งกลายเป็มากขึ้นเรื่อยๆ?
เมื่อไม่เข้าใจจึงไม่อยากที่จะคิดต่อให้เสียเวลาจึงเปลี่ยนมาเป็เริ่มควงกริชในมือทำการฝึกฝนต่อ เขาคิดว่าในเมื่อไม่สามารถผสานรวมกันให้กระบวนท่าน้อยลงได้ ถ้าอย่างนั้นก็ฝึกฝนให้กระบวนท่ามากขึ้นก็ไม่เลว มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในทางที่ดีถือว่าดีทั้งนั้น...
ครั้นแล้วเขาจึงดื่มด่ำอยู่กับมันเริ่มพิจารณาพินิจพิเคราะห์แยกแยะแต่ละกระบวนท่าออกมา เขาคิดว่าในเมื่อท่าตัดแยกัคะนองยังสามารถแตกขยายออกมาได้อีกกระบวนท่าหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นท่าตัดแยกท้องนภา ท่าตัดแยกปฐี ท่าตัดแยกวายุติดตาม... กระบวนท่าเหล่านี้ล้วนสามารถแตกขยายออกมาอีกได้เช่นเดียวกัน เขาจึงตัดสินใจที่จะทดลองหาหนทางศึกษาดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในใจของเขามีลางสังหรณ์ว่า...กระบวนท่าต่างๆ ที่แตกขยายออกมาได้นั้นแฝงความลับของเคล็ดวิชาเจ็ดกระบวนท่าเย่หวงที่แท้จริงเอาไว้อยู่ภายใน
เพียงแต่...ในสภาวะที่ตัวเขาไม่รู้เนื้อรู้ตัวนี้ม่านพลังของูเาสุสานทวยเทพพลันเปล่งประกายแสงสีขาวขึ้นครั้งหนึ่ง ในเวลาเดียวกันกับที่เขากำลังตกอยู่ในภวังค์ของความคิดเ่าั้ พลังฟ้าดินที่อยู่เหนือศีรษะของเขาเริ่มรวมตัวกันอย่างรวดเร็วและหนาแน่นขึ้น เขาพลันเข้าสู่สภาวะความสงบแห่งิญญาอีกครั้ง นับั้แ่ออกมาจากเกาะแห่งทะเลสาบแห่งความเงียบสงบเขาก็ไม่เคยได้เข้าสู่สภาวะความสงบแห่งิญญาอีกเลย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้