หลงโม่หยาหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วมองไปที่เย่เทียนเซี่ยเงียบๆสักพัก ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก่อนจะพูดออกมาด้วยความเศร้าสร้อย “ข้าย่อมต้องรู้จักทักษะนี้แน่นอนอยู่แล้ว เพราะทุกคนที่มีสายเืัล้วนต้องมีทักษะนี้ด้วยกันทั้งสิ้น ัทุกตัวล้วนสามารถใช้ทักษะะเิิญญาัได้ทั้งนั้น”
“ะเิิญญาั ทำลายล้างทุกสิ่ง........ ประโยคนี้อธิบายไว้ว่าในวาระสุดท้ายของชีวิตัในเผ่าัของเราจะเป็แสงแห่งชีวิตอันเจิดจ้าที่สุด เพราะนี่เป็ทักษะอันสิ้นหวังที่มีเฉพาะของเผ่าัของเรา นอกจากจะถึงเวลาแห่งความสิ้นหวังและดูเหมือนใกล้จะตายเท่านั้น มิฉะนั้นห้ามใช้ทักษะที่เป็ทักษะต้องห้ามนี้อย่างเด็ดขาด!”
“..........” ถึงแม้ว่าเย่เทียนเซี่ยจะพอเดาได้อยู่บ้าง แต่เมื่อได้ฟังที่หลงโม่หยาพูดออกมาแบบนี้ในใจของเขาก็ยังคงเต็มไปด้วยความแปลกใจ ทักษะที่สิ้นหวังและมันก็น่าจะต้องเป็ทักษะที่มีพลังในการทำลายล้างน่ากลัวมากด้วย แต่ขณะเดียวกันมันก็มีการลงโทษที่โหดร้ายเช่นกัน พลังของะเิิญญาัจะน่ากลัวถึงขนาดนั้นเลยเหรอ? บทลงโทษของมันจะร้ายแรขนาดนั้นเชียว? มันจะเป็การลดระดับ? หรือว่าจะเป็การลดค่าคุณสมบัติ? หรือจะเป็อย่างอื่น
“ถ้าหากใช้ะเิิญญาัแล้วจะเป็ยังไงเหรอครับ?” เย่เทียนเซี่ยถามออกไป
“ถ้าหากใช้ะเิิญญาั พลังทำลายล้างที่มันสร้างขึ้นมาทั้งหมดนั้นเพียงพอที่จะเอาชนะศัตรูเป็สิบเป็ร้อยเท่าของเ้า ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่เ้า้าได้เลยล่ะ และเพราะเหตุผลนั้นเผ่าพันธุ์อื่นๆจึงไม่กล้าที่จะตั้งตนเป็ศัตรูกับเผ่าัของเรา ในประวัติศาสตร์เผ่าััที่ใช้ะเิิญญาัไม่ใช่ว่าไม่เคยมีมาก่อน พวกมันทุกตัวล้วนสร้างความหายนะให้ทั่วทั้งท้องฟ้าและผืนดิน ความน่ากลัวของฉากเ่าั้หากเ้าไม่ได้เห็นด้วยตาเ้าก็คงยากที่จะจินตนาการออกมาได้ แต่ทว่าผลลัพธ์หลังจากที่ัใช้ะเิิญญาัไปแล้วก็น่ากลัวเช่นเดียวกัน....... ัทุกตัวสามารถใช้ะเิิญญาัได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต เพราะมันคือพลัง ชีวิต ความตั้งใจ ความเชื่อมั่น และจิติญญาที่ัตัวนั้นะเิออกมา เพื่อใช้เป็ค่าตอบแทนในการปลดปล่อยการโจมตีอันสิ้นหวัง หลังจากใช้ไปแล้วร่างของัตัวนั้นก็จะลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิงจนตาย ตลอดระยะเวลานานหลายปีในบันทึกของเผ่าัมีัทั้งหมดเพียงแค่ 13 ตัวเท่านั้นที่เคยใช้ะเิพลังิญญาั และในจำนวนทั้งหมดนั้นมี 6 ตัวที่ิญญาแตกสลายไปทันทีที่ะเิิญญาัและสูญสลายหายไปตลอดการ ที่เหลืออีก 5 ตัวก็กลายเป็ร่างที่แตกสลายไร้สติ ต่อจากนั้นไม่กี่วันพลังชีวิตของมันก็จะหมดลงและตายไปในที่สุด........ แต่ก็มีัอีกสองตัวที่โชคดีมากๆ พวกมันยังคงมีชีวิตอยู่มาได้จนถึงปัจจุบัน แต่ชั่วชีวิตนี้กลับไม่สามารถใช้พลังัได้อีกเลย แม้แต่การยืนก็ยังไม่สามารถทำได้....... ทำได้เพียงแค่ดิ้นรนอยู่ในความทุกข์ทรมานไปจนตาย”
“!?” เย่เทียนเซี่ย
“แล้วผมล่ะครับ.......ผมเป็มนุษย์ที่มาจากต่างแดน ไม่มีทางตายได้จริงๆในโลกใบนี้ ถ้าใช้ะเิิญญาัผลที่ตามมาจะเป็ยังไงเหรอครับ?”
หลงโม่หยามองเย่เทียนเซี่บแวบหนึ่งก่อนจะพูดออกมาช้าๆ “บางทีเ้าอาจจะไม่ตาย....... และเ้าน่าจะเหมือนกับัที่โชคดีพวกนั้นที่ยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แต่คุณสมบัติทั้งหมดของเ้าจะลดลงจนเหลือเพียงแค่ 1 หน่วย อีกทั้งยังไม่สามารถฟื้นคืนพลังกลับมาได้อีกครั้งหรือรับพลังใหม่ๆเข้ามาได้อีกเลย”
(@o@)!!เย่เทียนเซี่ย
ท่านปู่ครับ........ นี่เื่จริงหรือล้อเล่นน่ะ.........ถ้ามันเป็เื่จริง ใครมันแม่งสร้างทักษะโรคจิตแบบนี้ขึ้นมาวะครับ...... ถ้าผลที่ตามมามันน่ากลัวขนาดนี้ ต่อให้มันจะสามารถซัดทุกอย่างให้ราบเป็หน้ากลองได้แต่จะมีไอ้โง่คนไหนเอามันมาใช้กันเล่า....... แล้วที่ทุเรศยิ่งกว่านั้นก็คือหมายเหตุเกี่ยวกับพลังและโทษของการใช้ก็ยังไม่มีเขียนไว้เลยซักนิด ถ้าเกิดใช้มันไปโดยไม่ระวังล่ะก็คงไม่ต้องร้องหาพ่อหาแม่กันพอดี!
แล้วยิ่งเป็ที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า World of Fate ไม่มีโอกาสให้หลับมาเริ่มต้นใหม่ ต่อให้ลบตัวละครแล้วกลับมาสร้างใหม่ก็ไม่สามารถทำได้
“ลืมทักษะอันสิ้นหวังนั่นไปเถอะ เ้าเป็มนุษย์ผู้มาจากต่างแดน เ้าคงไม่มีวันเผชิญหน้ากับความสิ้นหวังถึงขนาดนั้น และคงไม่มีวันที่เ้าจำเป็ต้องใช้มันหรอก แล้วก็ข้ายังมีอีกเื่ที่อยากจะบอกเ้า......... แม้ว่าหลังจากใช้ะเิพลังิญญาัแล้วอาจจะไม่ตายก็จริง แต่มันก็จะมาพร้อมกับผลข้างเคียงอันน่ากลัวเช่นกัน”
“มันคืออะไรเหรอครับ?”
“ลืมเลือน!” ดวงตาของหลงโม่หยาทอดมองไปไกลพร้อมกับพูดออกมาช้าๆสองคำ
“ลืมเลือน?” เย่เทียนเซี่ยตกตะลึง นั่นมันเป็ผลข้างเคียงอะไรล่ะวะนั่น
“หลังจากที่ใช้ะเิิญญาัไปแล้วเ้าจะลืมเลือนความรู้สึกที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเ้าไป ลืมเลือนความรู้สึกใน่นั้นรวมไปถึงเื่ราวที่ผ่านมาในชีวิตและความเป็คนทั้งหมด สิ่งเหล่านี้มาจากบันทึกโบราณของเผ่าัเรา และัผู้โชคดีทั้งสองตัวนั้นก็ได้พิสูจน์เื่นี้ไปแล้ว” เมื่อมองสีหน้าตกตะลึงของเย่เทียนเซี่ยหลงโม่หยาก็ถอนหายใจแล้วพูดออกมา “เ้าคิดว่าบทลงโทษประเภทนี้จริงๆแล้วไม่ได้น่ากลัวอะไรใช่ไหมล่ะ? เฮ้อ........หลงลืม เมื่อเ้ามีความรู้สึกประทับในหัวใจ ในเนื้อหนังและกระดูกของเ้าจริงๆเมื่อใด เ้าจะรู้ว่านี่เป็บทลงโทษที่โหดร้ายเสียงยิ่งกว่าตาย”
“ผมรู้ดี” เสียงที่ตอบกลับมาทำให้หลงโม่หยาแปลกใจ เย่เทียนเซี่ยไม่ได้แสดงสีหน้างุนงงหรือดูถูกเหยียดหยามออกมา สีหน้าและแววตาของเขาทอประกายเ็ปและอ้างว้างออกมาอย่างต่อเนื่อง ความรู้สึก อะไรคือความรู้สึก เขาเคยมีมันมาก่อน และก็หายไปแล้วเช่นกัน....... แม้ว่ามันจะเป็สิ่งที่ทำให้เขาเ็ป แต่เขาก็ไม่สามารถ และจะไม่มีวันลืมเลือนความรู้สึกเ่าั้ของตัวเองและลืมเธอไปอย่างเด็ดขาด....... เพราะหากลืมเลือนทุกวัน ทุกนาที ทุกวินาทีที่ได้ใช้ร่วมกันกับเธอนั้น ชีวิตที่เขามีก็คงจะกลายเป็ชีวิตที่มืดมนและไม่สมบูรณ์
ตราบจนวันตายก็ไม่มีทางลืมวันเวลาที่มีเธออยู่ในชีวิตของฉัน.................
เพียงแต่ตอนนี้เธอไปอยู่ที่ไหนกันนะ.............
ทำไมถึงได้จากไปเพียงลำพัง............
เธอไม่รู้หรอกเหรอ..........แผ่นดินกว้างใหญ่ ท้องฟ้าไร้ที่สิ้นสุด........ต่อให้เป็นรกอันไร้ที่สิ้นสุด ขอแค่เป็ที่ที่มีเธอ เขาก็พร้อมที่จะยิ้มไปด้วยกันกับเธอเสมอ..............
แท้จริงแล้วปัญหาคืออะไรที่ทำให้เธอที่มองฉันสำคัญยิ่งกว่าโลกทั้งใบถึงเลือกที่จะจากไปเงียบๆโดยไม่ลาสักคำ.......
เมื่อไรนะ เมื่อไร...........ถึงจะได้เจอเธออีกครั้ง
อารมณ์ของเย่เทียนเซี่ยที่ถูกแตะเข้าที่ความรู้สึกภายในจิตใจค่อยๆเปลี่ยนเป็มืดมนลงทันใด เขาหันไปยิ้มแกนๆให้หลงโม่หยาก่อนจะพูดออกมา “ท่านปู่ั ถ้าท่านไม่มีเื่อื่นให้ผมช่วยแล้ว ผมคิดว่าผมคงต้องไปจากที่นี่แล้วล่ะครับ”
“เ้าสามารถจากไปได้ตลอดเวลา แม้ว่าผลึกเทพัจะแตกสลายไปแล้ว แต่ข้าก็อยู่ที่นี่มาหลายพันปีแล้ว ข้าคุ้นเคยกับทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่เสียแล้ว นอกจากที่แห่งนี้แล้วก็ไม่มีที่อื่นให้ข้าไปอีกแล้ว ต่อไปข้าก็น่าจะอยู่ที่นี่นั่นล่ะ ถ้ามีโอกาสในภายภาคหน้าหากเ้ามาเป็เพื่อนคุยกับตาแก่ที่ไร้เป้าหมายคนนี้บ้างก็คงไม่เลว...... แม้ว่าข้าจะอยากเห็นการเติบโตของเ้าด้วยตาของข้าเองก็ตาม” หลงโม่หยายิ้มออกมาพร้อมกับหยักหน้าซึ่งแตกต่างกับใบหน้าเ็าที่เย่เทียนเซี่ยพบเขาในตอนแรกอย่างสิ้นเชิง เวลานี้ความอบอุ่นของเขาราวกับชายชราผู้ซึ่งไม่มีอะไรต้องห่วงกังวลอีกแล้ว
“ได้ครับ ต่อไปผมจะกลับมาเยี่ยมท่านบ่อยๆ” เย่เทียนเซี่ยยิ้มแล้วพูดออกไป ประโยชคนั้นเขาไม่ได้พูดไปส่งๆเท่านั้น เขาจำสถานที่แห่งนี้ได้แล้ว อีกทั้งตัวเขาเองยังมีทักษะ “หมอก” เขาเชื่อว่าหากเขาใช้มันในตอนที่ะโลงมาจาก้าอีกครั้งเขาจะสามารถลงมาถึงที่นี่ได้อย่างปลอดภัย แต่ทว่าที่เขาบอกว่าจะกลับมาเยือนบ่อยๆนั้นไม่ใช่เพราะความ้ามาเยี่ยมเยือนหวังโม่หยาด้วยความรู้สึกอันดีงามแน่นอน...... แต่บางทีเย่เทียนเซี่ยอาจจะยังสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อะไรบางอย่างจากหลงโม่หยาได้อีกก็เป็ได้ ....... หลงโม่หยาทั้งมอบไอเทมและทักษะที่แข็งแกร่งให้เขา ยังจะมีคุณตาที่ไหนทั้งน่ารักและใจกว้างเช่นเขาอีกเหรอ?
“ผลึกเทพัก็สลายไปแล้ว ทั่วทั้งเผ่าัของเราน่าจะรับรู้ได้แล้ว อีกไม่นานพวกเขาคงจะมารวมตัวกันที่นี่อย่างแน่นอน เวลานั้นชื่อของเ้าคงโด่งดังไปทั่วทั้งเผ่าั...... ข้าดูออกว่าเ้ารักอิสระไม่ชอบการผูกมัด และเป็คนที่ไม่ชอบให้ผู้อื่นเข้ามายุ่มย่ามกับเ้า ความรู้สึกเช่นนั้นสำหรับเ้าแล้วแม้ว่ามันจะไม่ใช่เื่ไม่ดี แต่ก็น่าจะไม่ใช่เื่ที่ดีนักเช่นกัน แม้ว่าข้าจะอยากพาเ้าไปพบกับาาเผ่าัของเรา แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับเ้าก็แล้วกัน ิญญาัที่รวมพลังแห่งแสงสว่างและความมืดไว้ด้วยกัน และยังถูกจิ้งจอกทมิฬบังคับให้เป็เ้านายอีก ในวันข้างหน้าหากเ้า้าจะอยู่อย่างสงบสุขก็คงจะเป็ไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ข้าจะคอยเฝ้ามองอนาคตของเ้า....... เอาล่ะ ที่แห่งนี้เป็พื้นที่พิเศษ ไอเทมกลับเมืองของเ้าไม่สามารถใช้ในที่แห่งนี้ได้หรอก ข้าจะส่งเ้าออกไปก็แล้วกัน”
หลงโม่หยาเงยหน้าขึ้นมา แสงสว่างสีอ่อนปกคลุมไปทั่วร่างของเย่เทียนเซี่ย เย่เทียนเซี่ยก้มหน้าจากนั้นเขาก็คิดบางสิ่งขึ้นมาได้ เขารีบเงยหน้าขึ้นแล้วถามออกไป “รอก่อนครับท่านปู่ั ท่านอยู่มานานเป็หมื่นปีแล้วจะต้องมีหูตากว้างไกลรู้เื่ราวต่างๆมากมายใช่ไหมครับ แล้วท่านเคยได้ยินเื่ของพลังแห่งโชคชะตาบ้างไหมครับ?”
“พลังแห่งโชคชะตาคือพลังงานหลักของโลกใบนี้........ มันคือพลังหลักของห้วงเวลาแห่งโชคชะตานิรันดร์ มีทั้งหมด 7 อย่าง แบ่งออกเป็ผลึก 7 สี ได้แก่ขนนกสีเื เขี้ยวสีส้ม อเวจีสีเหลือง คลื่นสีเขียว ดวงิญญาสีคราม จิติญญาสีฟ้า และดวงใจ์ พลังแห่งโชคชะตาทั้ง 7 สามารถคงอยู่ได้ด้วยตัวของมันเองและยังมีพลังอันน่ากลัวที่คนธรรมดายากที่จะจินตนาการได้ โดยเฉพาะดวงใจ์สีม่วงที่ลึกลับที่สุด มีข่าวลือว่าพลังของดวงใจ์นั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าพลังของผลึกแห่งโชคชะตาทั้งหกรวมกันเสียอีก และเมื่อผลึกแห่งโชคชะตาทั้งหมดรวมอยู่ในห้วงเวลาแห่งโชคชะตานิรันดร์ก็จะกลายเป็สุดยอดไอเทมที่สามารถปกปักรักษาทวีปที่สาบสูญแห่งนี้ให้สงบสุขลงได้........ ทั้งหมดที่ข้ารู้เกี่ยวกับห้วงเวลาแห่งโชคชะตาก็มีเพียงเท่านี้แหละ” หลงโม่หยาพูดออกมาเสียงเบาจบแล้วเขาก็มองไปที่เย่เทียนเซี่ยอย่างสำรวจ
ขนนกสีเื เขี้ยวสีส้ม อเวจีสีเหลือง คลื่นสีเขียว ดวงิญญาสีคราม จิติญญาสีฟ้า ดวงใจ์......... แดงส้มเหลืองเขียวครามฟ้าม่วง........นอกจากขนนกสีเืและจิติญญาสีฟ้า ในที่สุดเย่เทียนเซี่ยก็รู้ชื่อของผลึกแห่งโชคชะตาชิ้นอื่นๆแล้ว เขาสลักชื่อของพวกมันทั้งเจ็ดชิ้นเอาไว้ภายในใจ ความคิดในใจของเขาบอกเขาว่าขอเพียงแค่เขาหาผลึกแห่งโชคชะตาทั้งเจ็ดให้พบก็จะสามารถไขความลับของห้วงเวลาแห่งโชตชะตาได้....... และบางทีอาจจะรู้ด้วยว่าเธอคนนั้นไปอยู่ที่ไหน....... และเธอคนนั้นเป็ใครกันแน่.............
“แล้วท่านรู้ไหมครับว่าตอนนี้ผลึกแห่งโชคชะตาทั้งหมดอยู่ที่ไหน?” เย่เทียนเซี่ยถามออกมา
หลงโม่หยาส่ายหน้าช้าๆแล้วถามออกมา “ตอนนี้ห้วงเวลาแห่งโชคชะตาก็ไม่รู้ว่าหายไปอยู่ที่ไหน แม้แต่ผลึกแห่งโชคชะตาทั้งเจ็ดก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันอยู่ที่ไหน......... อ้อ ถ้าจะมีคนที่รู้ว่ามันอยู่ที่ใดกันแน่ก็น่าจะเป็เทพธิดาซีเหยาซึ่งเป็เพทสูงสุดแห่งทวีปที่สาบสูญแห่งนี้และปราชญ์ทั้งเจ็ดที่รอดชีวิตมาจากานองเืครั้งนั้น พวกเขาเป็กลุ่มคนที่น่าจะมีความเป็ไปได้มากที่สุดที่จะรู้ว่าห้วงเวลาแห่งโชคชะตาและผลึกแห่งโชคชะตาอยู่ที่ไหน......แต่ว่า” หลงโม่หยาขมวดคิ้วแน่น แล้วถามออกมาเสียงต่ำ “ทำไมเ้าถึงอยากรู้ว่าผลึกแห่งโชคชะตาหายไปอยู่ที่ใด”
“ก่อนหน้าหน้านี้เหมือนจะได้ยินคนอื่นพูดมาอีกทีน่ะครับ เขาบอกว่าถ้าสามารถผลึกแห่งโชคชะตาชิ้นใดได้ก็จะยิ่งแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ดังนั้นผมก็เลยสงสัยแค่นั้นน่ะครับ” เย่เทียนเซี่ยพูดไปมั่วๆ ใบหน้าของเขาไม่ปรากฏพิรุธใดๆทั้งสิ้น
หลงโม่หยามองเย่เทียเซี่ยอยู่สักพักก่อนจะพูดออกมาเสียงเย็น “การคงอยู่ของผลึกแห่งโชคชะตาไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เ้าคิดไว้ การเป็เ้าของพวกมันก็ไม่ใช่สิ่งที่สิ่งมีชีวิตธรรมดาจะคิดฝันได้ ผลึกแห่งโชคชะตาทุกชิ้นล้วนมีสติปัญญาเป็ของตนเอง เพียงแต่บางชิ้นเติบโตแล้วและบางชิ้นยังไม่เติบโตก็เท่านั้นเอง ดังนั้นแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าพวกมันอยู่ที่ไหน แต่ก็มิใช่ว่าจะไม่เคยตามหา สติปัญญาของพวกมันมักจะขับเคลื่อนให้พวกมันอยู่ใกล้ๆกับสถานที่ที่เหมาะสมกับการคงอยู่ของพวกมันมากที่สุด...... ยกตัวอย่างเช่น ข้าได้ข่าวมาว่าคลื่นสีเขียวซึ่งเป็ผลึกสีเขียวแห่งโชคชะตามีพิษอันน่ากลัว มันจะต้องชื่นชอบสถานที่ที่เต็มไปด้วยพิษร้ายแรงอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้หากเ้า้าจะตามหาพวกมันจริงๆล่ะก็ เ้าไม่มีทางแตะต้องพวกมันได้อย่างแน่นอน เอาล่ะ ตอนนี้ให้ข้าส่งเ้ากลับเถอะ! ตอนนี้สิ่งที่ข้าอยากจะเห็นมากที่สุดก็คือวันที่เ้าจะไปถึงจุดสูงสุด เ้าผู้ซึ่งถูกกำหนดให้เป็ปาฏิหาริย์ของเผ่าัของเรา!”
แสงสว่างบางเบาที่ห่อหุ้มเย่เทียนเซี่ยเอาไว้เป็ชั้นบางๆส่องสว่างขึ้นเล็กน้อยนำพาเขาจากไปจากหุบเหวหมื่นจั้งอันมืดมิด
