สาเหตุที่หลินฟู่อินโมโหบ้านใหญ่นั้นเรียบง่ายมาก เพราะปู่หลินสนใจแต่หลานชายคนโตที่กำลังศึกษาอยู่ ไม่ใส่ใจดูแลเื่บ้านสองบ้านสามแม้แต่น้อย
พอบ้านสองบ้านสามเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ปู่หลินก็เริ่มมีความหวังขึ้นในใจ แต่กลับเป็ความหวังว่าบ้านสองและบ้านสามจะเป็มือเท้าที่แข็งแกร่งให้กับหลานชายคนโต
ดังนั้นเมื่อบ้านสองสกุลหลินเริ่มสร้างบ้าน ปู่หลินจึงยินดีที่ได้เห็น ทั้งไม่ออกหน้าหาเื่จับผิด
แม้อู๋ซื่อจะพูดเื่นี้หลายต่อหลายครั้ง ้าให้ปู่หลินจัดการกำราบเสีย เขาก็ไม่ลงมือทำอะไร
ดังนั้นแม้คนบ้านใหญ่จะอิจฉาบ้านหลังใหม่ของคนบ้านสองมากแค่ไหน จะเคียดแค้นก็ดี ริษยาก็ดี เกลียดชังก็ดี กระทั่งถึงฤกษ์วางคานจึงได้ก่อปัญหาขึ้นมา ไม่ใช่เพราะปู่หลินส่งคนไปจับตามอง แต่เป็เพราะเฟิงซื่อให้ผู้อื่นหาฤกษ์ให้!
เื่นี้หลินฟู่อินคาดเดาได้ถูกต้อง
เื่เกิดจากเมื่อหลายวันก่อน จ้าวซื่อบอกปู่หลินว่าคนบ้านสองไม่ใส่ใจปู่หลิน เื่นี้แม้ปู่หลินจะไม่ค่อยสบายใจ แต่เป็เพราะั้แ่บ้านสองเริ่มสร้างบ้าน เขาก็ไม่ได้ช่วยเหลือแม้แต่น้อย ล้วนเป็คนสกุลเฟิงช่วยทั้งนั้น ยังมีหลินฟู่อินที่ช่วยอีกคน จึงได้ตามน้ำยอมรับตามที่บ้านเดิมของเฟิงซื่อตัดสินใจไปเงียบๆ
แต่วันนี้หลินต้าเหอและเฟิงซื่อไปเชิญคนบ้านเดิมด้วยตัวเองมากินเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ในวันมะรืน ประโยคเดียวของหลินต้าหลางก็สะกิดใจเขาเข้าอย่างจัง
หลินต้าหลางกล่าวว่า “ได้ยินว่าวันวางคานบ้านนี่ปู่ของอาสะใภ้สองเชิญคนมาดูฤกษ์ให้เชียว ไม่นึกว่าอารองสกุลหลินของเราจะเป็เขยแต่งเข้าบ้านเฟิงไปแล้ว วันสำคัญเช่นนี้ควรเป็บ้านสามีจัดการ! เช่นนี้ถือว่าไม่เชื่อใจหัวหน้าตระกูล หรือคิดว่าท่านปู่ไร้หัวใจจะไม่ยอมช่วยพวกคนบ้านสองกัน?”
เห็นหลานชายคนโตพูดเช่นนี้ ใบหน้าของชายชราก็แดงจัด การเสียหน้าเช่นนี้ทำให้โกรธแทบบ้า
หลินต้าหลางพูดถูกต้องทั้งหมด ไม่ว่าเขาจะใส่ใจบ้านสองหรือไม่ อย่างไรหลินต้าเหอก็เป็ลูกชายเขา เขาเป็พ่อของหลินต้าเหอ คนก็ควรจะเคารพเขา กตัญญูต่อเขา!
ดังนั้นปู่หลินจึงมองหน้าหลินต้าเหอด้วยสีหน้าหม่นครึ้ม ด่าอีกฝ่ายว่าได้ภรรยาแล้วลืมบิดามารดา เื่ใหญ่เช่นนี้กลับไม่นำมาปรึกษากันก่อน ไม่ขอให้ตนช่วยหาคนมาดูฤกษ์ให้ เช่นนี้ไม่เห็นว่าตนเป็บิดาอีกต่อไปใช่หรือไม่?
กล่าวหาว่าอกตัญญู!
หลินต้าเหอแต่ไหนแต่ไรก็เป็คนใจอ่อนและเชื่อฟังบิดามารดาอยู่เสมอ แม้หลังจากแยกบ้านแล้วอำนาจของปู่หลินจะลดลงบ้างเล็กน้อย แต่เื่บางอย่างก็ฝังลึกลงราก
ตอนนั้นเขาใเสียจนคุกเข่าลงต่อหน้าปู่หลิน เฟิงซื่อจะขยิบตาส่งสัญญาณอย่างไรก็เอาแต่โขกศีรษะยอมรับความผิด ขออภัยอยู่เช่นนั้น
ตอนนั้นปู่หลินไม่รู้จะทำอย่างไรดี แต่หลินต้าซานและจ้าวซื่อกลับวิ่งออกมาด่าทอหลินต้าเหอ กล่าวว่าฤกษ์ที่คนสกุลเฟิงหามานั้นไม่ดี อย่าให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะสกุลหลินเอาได้ว่าบิดาไม่มีปัญญาหาฤกษ์ให้บุตร เ้าควรขอให้ปู่หลินช่วยหาวันที่เหมาะสมจึงจะดี
เฟิงซื่อโกรธเสียจนทะเลาะกับคนเ่าั้ แต่อู๋ซื่อก็โผล่ออกมากระชากผมแล้วตบหน้านาง
จ้าวซื่อเองก็ะโเข้ามาเตะเฟิงซื่อหลายครั้ง หลินต้าเหอเห็นภรรยาถูกอู๋ซื่อและพี่สะใภ้ตบตีเต็มตา ทว่ากลับเคยชินกับการทำตัวอ่อนแอจึงได้เกรงกลัวเสียจนไม่รู้จะทำอย่างไร
เช่นนี้เอง หลินต้าซานกับภรรยาและด้วยความช่วยเหลือจากอู๋ซื่อ หลินต้าเหอผู้อ่อนแอจึงได้ตกปากรับคำว่าวันมะรืนนี้ไม่นับ ขอให้ปู่หลินนับวันหาฤกษ์เหมาะสมให้แทน
เฟิงซื่อโกรธจนแทบสิ้นสติ ไม่รู้ว่าหลินต้าเหอพาตนกลับมาถึงบ้านไม้ซอมซ่อนั่นได้อย่างไรด้วยซ้ำ
ได้ยินเสียงร่ำไห้ของเฟิงซื่อ หลินฟู่อินก็ตวัดตามองหลินต้าเหอ นางไม่รู้แล้วจริงๆ ว่าสมองหลินต้าเหอนี่เติบโตมาอย่างไรกันแน่
ช่างดีเหลือเกิน ไม่แยกแยะถ้อยคำ ถูกคนบ้านเก่ากดดันก็สัญญาว่าจะไม่วางคานวันมะรืนแล้ว เช่นนี้ไม่ถือเป็การตบหน้าเฟิงซื่อและบ้านสกุลเฟิงอย่างแรงหรือ?
“ท่านพ่อ!” หลินเฟินมองหน้าหลินต้าเหอด้วยสายตาผิดหวัง น้ำตาเม็ดกลมดังไข่มุกร่วงเป็สาย น้ำเสียงแหบพร่า อยากจะกล่าวอะไรสักอย่างทว่ากลับไม่อาจออกเสียงเป็ถ้อยคำได้เลย
หลินฟางโกรธยิ่งกว่า นางพุ่งตัวไปยืนด้านหน้าหลินต้าเหอ ชี้หน้าผู้เป็บิดาแล้วร้องไห้ “ท่านพ่อ ตอนที่ท่านทำเช่นนี้ได้คิดถึงท่านแม่หรือไม่? เคยคิดถึงข้ากับพี่สาวหรือไม่? เหตุใดจึงเข้าข้างคนบ้านเดิมพวกนั้น ต่อหน้าคนเ่าั้เหตุใดจึงได้เป็หลักปักเลนเช่นนี้?”
“ข้า… ข้า…” หลินต้าเหอเห็นบุตรและภรรยาเ็าใส่เสียจนอดเ็ปมิได้ บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ราวเจ็ดฉื่อผิวคล้ำดูแข็งแกร่งผู้นี้กลับทำได้เพียงร้องไห้
“ข้าขอโทษพวกเ้า โทษที่ข้าไม่อาจมีทายาทชายได้เถอะนะ ดังนั้น… ดังนั้นข้าจึงไม่อาจยืดอกที่บ้านนั้นได้!”
หลินฟู่อินพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง ในใจหลินต้าเหอยังคงนึกว่าเป็เพราะตัวเองไม่มีบุตรชาย!
ในยามที่หลินต้าเหอร้องไห้ เฟิงซื่อก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นางยกสองมือปิดหน้า ร่ำไห้หนักกว่าเดิม กระทั่งไม่อาจร้องออกมาได้อีก ทำได้เพียงงอตัวไอโขลกรุนแรง
เสียงไอหนักหน่วงทำให้หลินฟู่อิน หลินเฟิน หลินฟาง ย่าหลี่และหลินซานหลางรู้สึกอึดอัดใจยิ่งนัก
เฟิงซื่อไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสามีตัวเองผิดหวังเพียงใดที่ไร้บุตรชาย ยามนี้เขาเอ่ยออกมาแล้ว เป็เพราะนางไม่อาจคลอดบุตรชายได้ เขาจึงไม่อาจยืดแผ่นหลังให้ผึ่งผายต่อหน้าคนบ้านเดิม
ท้ายที่สุดแล้ว เขาโทษท้องนางที่ไม่อาจทำตามความคาดหวังได้ใช่หรือไม่?
เื่นี้ทำให้นางเสียใจที่สุด…
แต่นางจะทำอะไรได้เล่า? ยามที่นางคลอดหลินฟางออกมาก็าเ็เสียจนไม่อาจให้กำเนิดบุตรได้อีก หาไม่เหตุใดนางจะไม่อยากคลอดบุตรชายให้เขากัน?
แต่เขากลับไม่อาจคัดค้านคำเรียกร้องไร้เหตุผลของปู่หลินแม้แต่คำเดียว เพียงเพราะเขาไร้บุตรชาย!
นี่กำลังสอนให้นางเจียมตัวใช่หรือไม่? สอนให้ครอบครัวนางเจียมตัวใช่หรือไม่?
ความโศกเศร้าของเฟิงซื่อทำให้ทุกคนอยากร้องไห้ ในฐานะสตรีท่ามกลางสังคมศักดินาที่บุรุษเป็ใหญ่ ผู้ชายสำคัญกว่าผู้หญิง นางต้องรับความอยุติธรรมมากมาย เสียใจจนเกินทน ทว่าแล้วอย่างไรเล่า?
ทำได้เพียงอดทนเท่านั้น อดทนแล้วร้องไห้ เพื่อข้ามผ่านวันที่ขื่นขมไปยังวันที่ขมขื่นเช่นเดิม…
แต่หลินฟู่อินไม่เห็นด้วย เหตุใดสตรีต้องถูกปฏิบัติเหมือนโรงงานผลิตบุตรชายด้วย?
“ท่านลุงสอง ท่านคิดว่าท่านด้อยกว่าเพราะไร้บุตรชายจริงหรือ? ท่านคิดจริงๆ หรือว่ามีพี่อาเฟินพี่อาฟางเป็ลูกสาวสองคนแล้วจะไม่มีใครดูแลในยามพวกท่านแก่ชรา?” หลินฟู่อินเดินไปข้างหน้าหลินต้าเหอ ทั้งคิ้วทั้งตามีแต่ความกรุ่นโกรธ “ลูกสาวแล้วจะทำไม? เลี้ยงลูกสาวดีๆ ออกมาหนึ่งคนย่อมดีกว่าเลี้ยงลูกชายบัดซบสิบคนรวมกัน!”
ประสบแรงโกรธนี้ หลินต้าเหอก็ชะงักไป เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัย ยกมือขึ้นปาดน้ำตาแล้วกระซิบ “แก่ตัวไปแล้วข้าจะยังพึ่งพาลูกสาวสองคนที่แต่งออกไปได้อีกหรือ?”
ครั้งนี้หลินเฟินไม่ผิดหวังในตัวหลินต้าเหอแล้ว ถึงอย่างไรเขาก็เป็บิดาผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูนางมา นางสูดหายใจเข้าลึกๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแหบพร่า “ท่านพ่อมองข้านะเ้าคะ ข้าต้องสามารถดูแลพวกท่านได้อย่างแน่นอน ในยามแก่ตัวไป ท่านจะต้องให้คนทั้งหมู่บ้านหูลู่นี้ได้เห็น ว่าท่านที่ให้กำเนิดลูกสาวสองคนนี้นี่แหละที่ช่วยดูแลพวกท่านในยามชรา!”
หลินฟางเองก็กำมือแน่น กล่าวตาม “ใช่แล้ว ข้ากับพี่ย่อมไม่มีทางย่ำแย่ไปกว่าพวกเด็กผู้ชาย ท่านกับท่านแม่แค่รอใช้ชีวิตดีๆ ก็พอ!”
“ข้าจะไปหาพวกเขา!”
แต่ละคนยังไม่ทันรู้สึกตัว หลินซานหลางก็พูดออกมาประโยคหนึ่ง ก่อนจะวิ่งจากไปอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า