หวังหยุนรู้สึกราวกับโชคของตนท้าทาย์นัก ในตอนนั้นความเคารพและความชื่นชมที่มีต่อเจียงเฉินไร้ที่สิ้นสุดดั่งกระแสน้ำที่ไหลอยู่ในแม่น้ำ
โชคของโชค เขานั้นช่างโชคดีจริงๆ หากว่าเขาไม่ได้พบกับเจียงเฉิน แน่นอนว่าเขาจะต้องทำการบ่มเพาะทักษะ 'ศิลาเมฆา' ต่อไปจนเป็บ้าและตายไป
ดูเหมือนว่าทำดีได้ดี ตัวเขาปฏิบัติตัวดีต่อหน้าศิษย์พี่เจียงวันนี้ และด้วยเหตุนั้น เขาจึงโชคดีที่ได้รับการชี้แนะจากศิษย์พี่เจียง ไม่เพียงแค่ช่วยชีวิตเขาไว้ อนาคตของเขาต่อไปจะไร้ขอบเขตเช่นกัน
สิ่งที่ทำให้หวังหยุนสงสัยก็คือ เจียงเฉินด้วยวัยหนุ่มเช่นนี้ เหตุใดถึงได้มีความสามารถที่จะชี้ปัญหาได้ด้วยการมองเพียงครั้งเดียว?มันทำให้เขางุนงงจริงๆ
อย่างไรก็ตาม หวังหยุนได้ยกความเชื่อของเขาให้กับพร์ ในโลกนี้มีสิ่งของมากมายที่คนไม่สามารถที่จะตัดสินค่าได้ด้วยสามัญสำนึก
"ลุกขึ้นเถิด สถานที่นี่ไม่เลว ข้าชอบที่นี่มาก เ้าสมควรได้รับการชี้แนะจากข้าอยู่แล้ว"
เจียงเฉินพูด กลิ่นอายของผู้ที่อยู่จุดสูงสุดแผ่ออกมาจากทั่วร่าง ท่าทางทรงเกียรติและอหังการของเขา สามารถทำให้ผู้คนชื่นชมนับถือเขา
"บัดซบ!เ้าหนูนี่มันสัตว์ประหลาดประเภทใดกัน?"
หวงต้าบ่นอุบ ยิ่งตามเจียงเฉินมากขึ้น ก็ยิ่งพบความลึกลับในตัวเจียงเฉินมากขึ้นเท่านั้น
"ขอบพระคุณมากขอรับ ศิษย์พี่เจียง!"
หวังหยุนยืนขึ้นจากพื้น บนใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยสำนึกบุญคุณ
"อืม เ้าไปได้ ในภายภาคหน้า หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นภายในนิกาย จำไว้ให้มาแจ้งข้า"
เจียงเฉินพูด
"ได้ ข้าไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของศิษย์พี่เจียงและศิษย์พี่เยี่ยนแล้วขอรับ"
หวังหยุนกุมมือและหันกลับออกไป ชายผู้นี้ะโลงตลอดทาง ในขณะที่เขาลงจากูเา ั้แ่ที่ได้รับทักษะ 'ศิลาเมฆา' ตอนนี้เป็่ที่มีความสุขที่สุดของหวังหยุน
ขณะที่หวงต้าแกว่งหางไปมา มันกำลังย่องออกจากที่พักช้าๆ
"ช้าก่อน!หวงต้า นั่นเ้าจะไปไหน?"
เจียงเฉินหรี่ตาลง
"เดินเล่นแถวๆนี้แหละ อยู่ที่นี่มันน่าเบื่อชะมัด"
หวงต้าพูดขณะที่เผยรอยยิ้มชั่วร้าย
"ไม่มีทาง อยู่ที่นี่แหละ เ้าไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น"
เจียงเฉินต่อว่า หากเขาปล่อยให้เ้าหมานี่ไป ในเวลาไม่นานนักก่อนที่ทั่วทั้งนิกายเซวียนอี้ตกอยู่ในความวุ่นวาย
"บัดซบ!...บิดาผู้นี้จะออกไปดูว่าภายในนิกายเซวียนอี้มีสมบัติใดๆอยู่หรือไม่"
หวงต้ารู้สึกไม่พอใจ
"อย่างนี้เ้ายิ่งไม่สมควรออกไป เ้าควรที่จะอยู่ข้างๆข้า จากนี้ต่อไปไม่ว่าข้าจะไปที่ไหน เ้าต้องตามไปด้วย"
เจียงเฉินพูดออกมา ความสามารถในการหาสมบัติของเ้าหมานี่ยอดเยี่ยมที่สุด และนิกายเซวียนอี้ ในฐานะหนึ่งในสี่นิกายใหญ่ มันจะต้องมีสมบัติอยู่มากมายเป็แน่ หากเขาให้เ้าหมานี่ออกไปและสร้างความสูญเสียแก่นิกายเซวียนอี้ ถึงตอนนั้นเขาคงไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้
"บัดซบ!เ้ากล้าจำกัดอิสรภาพของข้างั้นรึ?ท่านย่าทวดมันเถอะ!ข้าชักง่วงแล้ว ขอข้าหลับก่อนแล้วค่อยพูดกันใหม่ "
หวงต้ารู้สึกหดหู่ มันเดินกลับไปที่ห้องด้วยความโกรธ อย่างไรก็ตาม เจียงเฉินสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อหวงต้าเข้าห้องไป ร่างกายมันเริ่มเปล่งแสงสีทองออกมา
"เ้าหมานี่คงจะไม่ได้ทะลวงระดับหรอกนะ?นอนหลับก็ทะลวงระดับได้ น่าประหลาดจริงๆ"
เจียงเฉินยังจำได้ครั้งล่าสุดที่หวงต้าทะลวงสู่ระดับใหม่ มันเพียงแค่นอน และในตอนนี้เจียงเฉินรู้สึกได้ชัดเจนพลังหยวนในร่างมันกระสับกระส่าย นี่เป็สัญญาณที่แสดงให้เห็นว่ามันกำลังจะทะลวงสู่ระดับใหม่
เจียงเฉินถอนหายใจ ลูกหลานของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างหวงต้ามักมีข้อได้เปรียบในบางอย่างที่ผู้อื่นไม่สามารถมีได้ ถึงตอนนั้นความสามารถดั้งเดิมใหม่ที่ทรงพลังของมันคงจะตื่นขึ้นเช่นกัน
"หยวี่น้อย เ้าได้ตามข้ามานี่เหนื่อยหรือไม่?"
เจียงเฉินกุมมือของเยี่ยนเฉินหยวี่และถามอย่างอ่อนโยน ั้แ่ที่พวกเขาได้ออกจากเมืองชื่อจนถึงตอนนี้ เยี่ยนเฉินหยวี่ได้ติดตามเขามาตลอดทาง นางได้ผ่านการต่อสู้และการสังหารอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบรรยากาศตึงเครียด เจียงเฉินจึงไม่มีเวลาดูแลเยี่ยนเฉินหยวี่
"ข้าไม่เหนื่อยหรอก ตราบที่ข้าได้อยู่เคียงข้างท่านพี่เจียงเฉิน หยวี่น้อยไม่กลัวอะไรทั้งสิ้นเ้าค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นท่านพี่เจียงเฉินได้ทำให้ข้าได้เห็นถึงชีวิตอีกด้าน ที่ตัวข้าเมื่อก่อนไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการ!นี่มันน่าตื่นเต้นจริงๆเ้าค่ะ"
เยี่ยนเฉินหยวี่พูดด้วยรอยยิ้มขี้เล่น การใช้ชีวิตเช่นนี้เป็สิ่งที่นางไม่เคยฝันถึงมาก่อน หากว่านางไม่ได้ตามเจียงเฉินมา แม้ว่าชีพจรเก้าหยินจะถูกปลุกขึ้นมาได้สำเร็จ นางยังคงเป็ได้เพียงองค์หญิงน้อยที่อยู่ภายในเมืองชื่อ
"หยวี่น้อย ท่านพี่เจียงเฉินของเ้าได้เดินบนเส้นทางที่ไม่ธรรมดา และพวกเราอาจต้องประสบกับชีวิตแบบนี้ในอนาคต เ้ามีชีพจรเก้าหยินและเ้าลิขิตเดินในเส้นทางที่พิเศษ ดังนั้นเ้าควรพยายามให้ดีที่สุดในการบ่มเพาะ เมื่อสิ้นสุดการเดินทางแล้ว ข้าจะแต่งงานกับเ้า"
เจียงเฉินพูดพร้อมรอยยิ้ม เส้นทางที่เขา้าจะเดินไปมีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่รู้ เส้นทางนี้ลิขิตให้เต็มไปด้วยการเข่นฆ่าและย้อมไปด้วยเืของศัตรูทั้งหมดของเขา สิ่งแรกที่เขาต้องทำหลังจากที่ได้กำเนิดใหม่คือไปให้ถึงระดับสูงสุดในชีวิตที่แล้วของเขา และเข้าสู่โลกแห่งเซียนในตำนาน
ในชีวิตที่แล้วของเขา เขาได้ใช้โลหิตทุกๆหยดเพื่อผ่าเบิกเส้นทางสู่โลกแห่งเซียน แต่เขาไม่มีโอกาสได้เข้าไป นี่เป็สิ่งที่เขาได้เสียใจมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขามีโอกาสที่จะได้ทำมัน ดังนั้นเจียงเฉินจึงไม่เคยละทิ้งโอกาสนี้เป็แน่
แน่นอนว่า มันยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงโลกแห่งเซียนในตอนนี้ การกำเนิดใหม่ครั้งนี้ได้เป็จุดเริ่มต้นใหม่ ไม่ต้องเอ่ยถึงดินแดนเซียน แม้กระทั่งเวลาที่เขาจะได้ก้าวสู่ทวีปศักดิ์สิทธิ์ยังคงอีกยาวไกล
"อื้อ"
เยี่ยนเฉินหยวี่รู้สึกเขินอาย ั้แ่ที่เจียงเฉินได้ช่วยนางจากการตื่นขึ้นของชีพจรเก้าหยิน เยี่ยนเฉินหยวี่ได้พลีกายของนางแก่เจียงเฉิน ตอนนี้เมื่อนางได้ยินสิ่งที่เจียงเฉินพูดว่าเขาจะแต่งงานกับนาง มันยากที่จะไม่ให้นางรู้สึกยินดี
"หยวี่น้อย เ้าดูดซับผลึกเยือกแข็งหมื่นปีไปได้เท่าใดแล้ว?"
เจียงเฉินถาม
"ข้าได้ดูดซับไปได้หนึ่งในสามของมันแล้วเ้าค่ะ และข้าได้เตรียมตัวปิดด่านฝึกตนและดูดซับมันทั้งหมด เพื่อที่จะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้มนุษย์ขั้นปลายให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็ไปได้เ้าค่ะ!"
เยี่ยนเฉินหยวี่พูด
"เข้าใจล่ะ สภาพแวดล้อมของนิกายเซวียนอี้นั้นเหมาะสมกับการบ่มเพาะของเ้า ภายหลังเ้าสามารถที่จะทำการบ่มเพาะอยู่ที่นี่ได้"
เจียงเฉินพูดออกมาแฝงด้วยความกังวล ในเวลาเดียวกัน เขารู้สึกประหลาดใจกับความเร็วในการบ่มเพาะของกายศักดิ์สิทธิ์ของนาง เมื่อชีพจรเก้าหยินของเยี่ยนเฉินหยวี่ได้ตื่นขึ้นมาความเร็วในการบ่มเพาะของนางได้ก้าวะโอย่างรวดเร็วและไหลลื่น และตอนนี้นางได้ใช้ผลึกเยือกแข็งหมื่นปีเพื่อการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้มนุษย์ขั้นปลาย ด้วยความรวดเร็วเช่นนี้ คนธรรมดาจะรู้สึกอิจฉาริษยะและอับอาย
หวงต้าได้หลับไปแล้วและเยี่ยนเฉินหยวี่ได้เข้าไปยังอีกห้องหนึ่งและเริ่มที่จะปิดด่านฝึกตน เจียงเฉินนั่งอย่างโดดเดี่ยวถัดจากโต๊ะหินภายในที่พัก ด้วยจิตใจที่สงบนิ่งและเยือกเย็น เขาเพลิดเพลินกับสายลมเย็นๆที่พัดมาจากูเาและลำธาร พลังิญญาของเขาและััเทวะได้เวียนรอบๆภายในที่พัก เขาได้ปล่อยตัวเขาเองและััถึงตัวตนของธรรมชาติ
ในฐานะผู้ฝึกตน ลำพังเพียงแค่การบ่มเพาะนั้นไม่เพียงพอ ในเส้นทางบ่มเพาะการเข้าใจอย่างถ่องแท้เป็สิ่งที่สำคัญที่สุด ขอบเขตแก่นแท้มนุษย์นั้นเป็เพียงหนึ่งในระดับขั้นพื้นฐาน และมันยังห่างไกลจากความเข้าใจความสำคัญของความเข้าใจในขั้นตอนนี้ เมื่อได้บ่มเพาะระดับผ่านไปยังขอบเขตจิติญญายุทธและไปถึงขอบเขตราชันย์ยุทธ ความเข้าใจที่ลึกซึ้งกลายเป็สิ่งที่สำคัญอย่างมาก ผู้เชี่ยวชาญราชันย์ยุทธสามารถที่จะควบคุมกฎแห่งมิติและยืนอยู่เหนือผู้อื่น ระดับการบ่มเพาะที่ต่ำกว่าไม่สามารถเปรียบได้กับระดับขั้นนี้ได้
ตกเย็น หวังหยุนได้มาอีกครั้ง คนที่มาด้วยกันกับเขาคือ หวงเจิ้งและศิษย์นับสิบ รวมถึงศิษย์ฝึกหัดทั้งสามที่ยืนเวรยาม พวกเขาโดนทุบตีอย่างบ้าคลั่งจนหัวพวกเขาบวมเหมือนหัวหมู
"หวังหยุน นี่มันเื่อะไรกัน?"
เจียงเฉินจับจ้องกลุ่มพวกเขาและถามด้วยน้ำเสียงเฉยเมย
"เ้าพวกบ้า ยังไม่รีบขอขมาต่อศิษย์พี่เจียงอีก!"
หวังหยุนะโด่าหวงเจิ้งและศิษย์เหล่านี้
"ศิษย์พี่เจียง พวกข้ามีตาแต่ไร้แววนัก เมื่อตอนที่พวกข้าได้ล่วงเกินท่านไป พวกข้าไม่รู้ว่าเป็ท่าน! หวังว่าศิษย์พี่เจียงโปรดให้อภัยพวกเรา!"
หวงเจิ้งคารวะอย่างลึกซึ้งต่อเจียงเฉิน
"ใช่แล้วศิษย์พี่เจียง พวกข้าทั้งหมดตามืดบอดนัก และพวกข้าจำท่านไม่ได้!พวกเราหวังให้ศิษย์พี่เจียงให้อภัยและไม่นำมาใส่ใจขอรับ"
"มันเป็ความผิดของพวกข้า ศิษย์พี่เจียงโปรดลงทัณฑ์พวกข้าตามที่ท่านเห็นว่าเหมาะสมเถิด"
................
ทุกๆคนพูดขณะที่กำลังยืนอยู่ ศิษย์ฝึกหัดทั้งสามผู้ที่ถูกทุบตีที่ใบหน้าได้คุกเข่าลงบนพื้นและร้องออกมาจากใจ มันเจ็บ มันเจ็บมากๆ
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เจียงเฉินอดที่จะยิ้มออกมามิได้ เขาไม่ได้ใส่ใจในเื่ที่เกิดขึ้น แต่ศิษย์เหล่านี้กระวนกระวายแล้วพวกเขาก็มายังที่นี่เพื่อมาขอขมาต่อเขา อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้คิดเล็กน้อย ในที่สุดเจียงเฉินก็เข้าใจว่าเหตุใดพวกเขาถึงมีท่าทีเช่นนั้น ชื่อเสียงของเขาที่อยู่ที่นี่และเขาได้มีกำหนดการที่จะสู้กับหนานเป่ยเฉาในอีกหนึ่งปี เขาถือว่าเป็ตัวแทนของนิกายเซวียนอี้ คนเหล่านี้ได้ล่วงเกินเขา ภายหลังคงถูกกลั่นแกล้งสารพัดเป็แน่
"ศิษย์พี่เจียง นี่คือของกำนัลจากทุกคนขอรับ! ข้านับแล้ว เป็เม็ดยามนุษย์หยวนจำนวนทั้งหมดสามพันเม็ดอยู่ในนี้ขอรับ"
หวังหยุนหยิบกระเป๋าเก็บของออกมาและยื่นมันให้แก่เจียงเฉิน
เม็ดยามนุษย์หยวนจำนวนสามพันเม็ดไม่ได้ถือว่ามากมายสำหรับเจียงเฉิน อย่างไรก็ตามสำหรับศิษย์เหล่านี้ โดยเฉพาะเหล่าศิษย์ฝึกหัด พวกเขาไม่ได้มั่งคั่งโดยเฉพาะก่อนหน้านี้ และเม็ดยามนุษย์หยวนจำนวนสามพันเม็ดจะถือว่าเป็ดั่งทรัพย์สินทั้งหมดของพวกเขา มันสามารถพูดได้ง่ายๆว่าพวกเขามีความจริงใจที่จะขอขมาต่อเจียงเฉิน
"ข้าไม่เคยใส่ใจเหตุการณ์ในวันนั้น ดังนั้นพวกเ้าไม่จำเป็ต้องใส่ใจ นอกจากนั้นสำหรับเม็ดยามนุษย์หยวนสามพันเม็ดนี้ ข้าไม่ได้คิดว่าพวกเ้าทุกคนร่ำรวยนัก ดังนั้นนำมันคืนไปเถอะ"
เจียงเฉินพูดพร้อมรอยยิ้ม
"ศิษย์พี่เจียง โปรดรับเม็ดยามนุษย์หยวนเหล่านี้ไปเถิด หากท่านไม่รับ พวกเขาคงไม่สบายใจเป็แน่"
หวังหยุนพูด
"ใช่แล้วศิษย์พี่เจียง! นี่คือทรัพย์ทั้งหมดของพวกข้าและหากท่านคิดว่ามันน้อยเกินไป ข้าหวงเจิ้งจะพยายามอย่างดีที่สุดที่จะหามาให้ท่านเพิ่ม!"
หวงเจิ้งพูดอีกครั้ง
เจียงเฉินยิ้ม เขารู้ว่าคนเหล่านี้ได้เข้าใจเขาผิดไป ดังนั้นเขาหยิบกระเป๋ามิติและถาม
"ดี ข้าจะรับเม็ดยามนุษย์หยวนเหล่านี้เอาไว้ เ้ามีนามว่าอะไร?"
เจียงเฉินมองไปยังหวงเจิ้ง
"ข้าน้อยหวงเจิ้งขอรับ!"
หวงเจิ้งรีบตอบ
"เ้ามานี่"
เจียงเฉินโบกมือเรียก
หวงเจิ้งไม่กล้าที่จะปฏิเสธ เขารีบเดินไปยืนอยู่ข้างเจียงเฉิน
"หวงเจิ้ง เ้าเองคงรู้ถึงหลักการของข้าสินะ ใช่แล้ว ในการแข่งขันประจำปีแคว้นฉี ข้าได้ลงต่อสู้ทั้งหมดสามครั้ง และข้าได้สังหารไปสามคน รวมถึงหลิงอ้าวและหลี่หวู่ซวง ข้าเจียงเฉินเป็คนโเี้และข้าไม่เคยแสดงความปรานีใดๆต่อศัตรูของข้า อย่างไรก็ตาม ข้าไม่เคยทำเช่นนั้นกับสหายของข้า ข้าไม่ได้ตำหนิอะไรเ้าสำหรับที่เกิดขึ้นในวันนี้ นอกจากนั้นไม่มีผู้ใดในหมู่พวกเ้าที่รู้จักข้ามาก่อน รับเม็ดยามนุษย์หยวนนี่ไปซะ และแจกจ่ายพวกมันแก่พี่น้องทั้งหมดของเ้า"
เจียงเฉินยื่นกระเป๋ามิติให้แก่หวงเจิ้ง เขาได้เห็นความจริงใจของคนเหล่านี้ นอกจากนี้เขายังมีความประทับใจที่ดีต่อนิกายเซวียนอี้ เม็ดยาหยวนเหล่านี้ไม่ได้มีจำนวนมากในสายตาของเขาแต่สำหรับศิษย์เหล่านี้ มันเป็สิ่งสำคัญมาก
"ศิษย์พี่เจียง นี่.....นี่มัน...."
ทันใดนั้นหวงเจิ้งไม่รู้จะพูดสิ่งใด เขาไม่เคยคาดว่าเจียงเฉินจะให้อภัยเขาง่ายดายเช่นนี้และคืนเม็ดยามนุษย์หยวนกลับมาอีกด้วย
"ศิษย์พี่เจียงช่างใจกว้างนัก พวกเ้าทุกคนจงขอบคุณในความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของเขาซะ!เ้าทั้งหมดควรที่จะช่วยเหลือศิษย์พี่เจียงอย่างจริงใจในอนาคตซะ"
หวังหยุนพูดออกมา เหล่าศิษย์ทั้งหมดรู้สึกเหมือนพวกเขาเริ่มจะร้องออกมา พวกเขาคิดกับตัวเองว่าพวกเขาได้เข้าใจศิษย์พี่เจียงผิดไป เขาเป็คนง่ายๆและตรงไปตรงมาค่อสหายของเขา ที่สำคัญกว่านั้นคือศิษย์พี่เจียงได้ปฏิบัติต่อพวกเขาดั่งพวกเดียวกันอีกด้วย
หวังหยุนรู้สึกราวกับโชคของตนท้าทาย์นัก ในตอนนั้นความเคารพและความชื่นชมที่มีต่อเจียงเฉินไร้ที่สิ้นสุดดั่งกระแสน้ำที่ไหลอยู่ในแม่น้ำ
โชคของโชค เขานั้นช่างโชคดีจริงๆ หากว่าเขาไม่ได้พบกับเจียงเฉิน แน่นอนว่าเขาจะต้องทำการบ่มเพาะทักษะ 'ศิลาเมฆา' ต่อไปจนเป็บ้าและตายไป
ดูเหมือนว่าทำดีได้ดี ตัวเขาปฏิบัติตัวดีต่อหน้าศิษย์พี่เจียงวันนี้ และด้วยเหตุนั้น เขาจึงโชคดีที่ได้รับการชี้แนะจากศิษย์พี่เจียง ไม่เพียงแค่ช่วยชีวิตเขาไว้ อนาคตของเขาต่อไปจะไร้ขอบเขตเช่นกัน
สิ่งที่ทำให้หวังหยุนสงสัยก็คือ เจียงเฉินด้วยวัยหนุ่มเช่นนี้ เหตุใดถึงได้มีความสามารถที่จะชี้ปัญหาได้ด้วยการมองเพียงครั้งเดียว?มันทำให้เขางุนงงจริงๆ
อย่างไรก็ตาม หวังหยุนได้ยกความเชื่อของเขาให้กับพร์ ในโลกนี้มีสิ่งของมากมายที่คนไม่สามารถที่จะตัดสินค่าได้ด้วยสามัญสำนึก
"ลุกขึ้นเถิด สถานที่นี่ไม่เลว ข้าชอบที่นี่มาก เ้าสมควรได้รับการชี้แนะจากข้าอยู่แล้ว"
เจียงเฉินพูด กลิ่นอายของผู้ที่อยู่จุดสูงสุดแผ่ออกมาจากทั่วร่าง ท่าทางทรงเกียรติและอหังการของเขา สามารถทำให้ผู้คนชื่นชมนับถือเขา
"บัดซบ!เ้าหนูนี่มันสัตว์ประหลาดประเภทใดกัน?"
หวงต้าบ่นอุบ ยิ่งตามเจียงเฉินมากขึ้น ก็ยิ่งพบความลึกลับในตัวเจียงเฉินมากขึ้นเท่านั้น
"ขอบพระคุณมากขอรับ ศิษย์พี่เจียง!"
หวังหยุนยืนขึ้นจากพื้น บนใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยสำนึกบุญคุณ
"อืม เ้าไปได้ ในภายภาคหน้า หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นภายในนิกาย จำไว้ให้มาแจ้งข้า"
เจียงเฉินพูด
"ได้ ข้าไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของศิษย์พี่เจียงและศิษย์พี่เยี่ยนแล้วขอรับ"
หวังหยุนกุมมือและหันกลับออกไป ชายผู้นี้ะโลงตลอดทาง ในขณะที่เขาลงจากูเา ั้แ่ที่ได้รับทักษะ 'ศิลาเมฆา' ตอนนี้เป็่ที่มีความสุขที่สุดของหวังหยุน
ขณะที่หวงต้าแกว่งหางไปมา มันกำลังย่องออกจากที่พักช้าๆ
"ช้าก่อน!หวงต้า นั่นเ้าจะไปไหน?"
เจียงเฉินหรี่ตาลง
"เดินเล่นแถวๆนี้แหละ อยู่ที่นี่มันน่าเบื่อชะมัด"
หวงต้าพูดขณะที่เผยรอยยิ้มชั่วร้าย
"ไม่มีทาง อยู่ที่นี่แหละ เ้าไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น"
เจียงเฉินต่อว่า หากเขาปล่อยให้เ้าหมานี่ไป ในเวลาไม่นานนักก่อนที่ทั่วทั้งนิกายเซวียนอี้ตกอยู่ในความวุ่นวาย
"บัดซบ!...บิดาผู้นี้จะออกไปดูว่าภายในนิกายเซวียนอี้มีสมบัติใดๆอยู่หรือไม่"
หวงต้ารู้สึกไม่พอใจ
"อย่างนี้เ้ายิ่งไม่สมควรออกไป เ้าควรที่จะอยู่ข้างๆข้า จากนี้ต่อไปไม่ว่าข้าจะไปที่ไหน เ้าต้องตามไปด้วย"
เจียงเฉินพูดออกมา ความสามารถในการหาสมบัติของเ้าหมานี่ยอดเยี่ยมที่สุด และนิกายเซวียนอี้ ในฐานะหนึ่งในสี่นิกายใหญ่ มันจะต้องมีสมบัติอยู่มากมายเป็แน่ หากเขาให้เ้าหมานี่ออกไปและสร้างความสูญเสียแก่นิกายเซวียนอี้ ถึงตอนนั้นเขาคงไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้
"บัดซบ!เ้ากล้าจำกัดอิสรภาพของข้างั้นรึ?ท่านย่าทวดมันเถอะ!ข้าชักง่วงแล้ว ขอข้าหลับก่อนแล้วค่อยพูดกันใหม่ "
หวงต้ารู้สึกหดหู่ มันเดินกลับไปที่ห้องด้วยความโกรธ อย่างไรก็ตาม เจียงเฉินสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อหวงต้าเข้าห้องไป ร่างกายมันเริ่มเปล่งแสงสีทองออกมา
"เ้าหมานี่คงจะไม่ได้ทะลวงระดับหรอกนะ?นอนหลับก็ทะลวงระดับได้ น่าประหลาดจริงๆ"
เจียงเฉินยังจำได้ครั้งล่าสุดที่หวงต้าทะลวงสู่ระดับใหม่ มันเพียงแค่นอน และในตอนนี้เจียงเฉินรู้สึกได้ชัดเจนพลังหยวนในร่างมันกระสับกระส่าย นี่เป็สัญญาณที่แสดงให้เห็นว่ามันกำลังจะทะลวงสู่ระดับใหม่
เจียงเฉินถอนหายใจ ลูกหลานของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างหวงต้ามักมีข้อได้เปรียบในบางอย่างที่ผู้อื่นไม่สามารถมีได้ ถึงตอนนั้นความสามารถดั้งเดิมใหม่ที่ทรงพลังของมันคงจะตื่นขึ้นเช่นกัน
"หยวี่น้อย เ้าได้ตามข้ามานี่เหนื่อยหรือไม่?"
เจียงเฉินกุมมือของเยี่ยนเฉินหยวี่และถามอย่างอ่อนโยน ั้แ่ที่พวกเขาได้ออกจากเมืองชื่อจนถึงตอนนี้ เยี่ยนเฉินหยวี่ได้ติดตามเขามาตลอดทาง นางได้ผ่านการต่อสู้และการสังหารอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบรรยากาศตึงเครียด เจียงเฉินจึงไม่มีเวลาดูแลเยี่ยนเฉินหยวี่
"ข้าไม่เหนื่อยหรอก ตราบที่ข้าได้อยู่เคียงข้างท่านพี่เจียงเฉิน หยวี่น้อยไม่กลัวอะไรทั้งสิ้นเ้าค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นท่านพี่เจียงเฉินได้ทำให้ข้าได้เห็นถึงชีวิตอีกด้าน ที่ตัวข้าเมื่อก่อนไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการ!นี่มันน่าตื่นเต้นจริงๆเ้าค่ะ"
เยี่ยนเฉินหยวี่พูดด้วยรอยยิ้มขี้เล่น การใช้ชีวิตเช่นนี้เป็สิ่งที่นางไม่เคยฝันถึงมาก่อน หากว่านางไม่ได้ตามเจียงเฉินมา แม้ว่าชีพจรเก้าหยินจะถูกปลุกขึ้นมาได้สำเร็จ นางยังคงเป็ได้เพียงองค์หญิงน้อยที่อยู่ภายในเมืองชื่อ
"หยวี่น้อย ท่านพี่เจียงเฉินของเ้าได้เดินบนเส้นทางที่ไม่ธรรมดา และพวกเราอาจต้องประสบกับชีวิตแบบนี้ในอนาคต เ้ามีชีพจรเก้าหยินและเ้าลิขิตเดินในเส้นทางที่พิเศษ ดังนั้นเ้าควรพยายามให้ดีที่สุดในการบ่มเพาะ เมื่อสิ้นสุดการเดินทางแล้ว ข้าจะแต่งงานกับเ้า"
เจียงเฉินพูดพร้อมรอยยิ้ม เส้นทางที่เขา้าจะเดินไปมีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่รู้ เส้นทางนี้ลิขิตให้เต็มไปด้วยการเข่นฆ่าและย้อมไปด้วยเืของศัตรูทั้งหมดของเขา สิ่งแรกที่เขาต้องทำหลังจากที่ได้กำเนิดใหม่คือไปให้ถึงระดับสูงสุดในชีวิตที่แล้วของเขา และเข้าสู่โลกแห่งเซียนในตำนาน
ในชีวิตที่แล้วของเขา เขาได้ใช้โลหิตทุกๆหยดเพื่อผ่าเบิกเส้นทางสู่โลกแห่งเซียน แต่เขาไม่มีโอกาสได้เข้าไป นี่เป็สิ่งที่เขาได้เสียใจมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขามีโอกาสที่จะได้ทำมัน ดังนั้นเจียงเฉินจึงไม่เคยละทิ้งโอกาสนี้เป็แน่
แน่นอนว่า มันยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงโลกแห่งเซียนในตอนนี้ การกำเนิดใหม่ครั้งนี้ได้เป็จุดเริ่มต้นใหม่ ไม่ต้องเอ่ยถึงดินแดนเซียน แม้กระทั่งเวลาที่เขาจะได้ก้าวสู่ทวีปศักดิ์สิทธิ์ยังคงอีกยาวไกล
"อื้อ"
เยี่ยนเฉินหยวี่รู้สึกเขินอาย ั้แ่ที่เจียงเฉินได้ช่วยนางจากการตื่นขึ้นของชีพจรเก้าหยิน เยี่ยนเฉินหยวี่ได้พลีกายของนางแก่เจียงเฉิน ตอนนี้เมื่อนางได้ยินสิ่งที่เจียงเฉินพูดว่าเขาจะแต่งงานกับนาง มันยากที่จะไม่ให้นางรู้สึกยินดี
"หยวี่น้อย เ้าดูดซับผลึกเยือกแข็งหมื่นปีไปได้เท่าใดแล้ว?"
เจียงเฉินถาม
"ข้าได้ดูดซับไปได้หนึ่งในสามของมันแล้วเ้าค่ะ และข้าได้เตรียมตัวปิดด่านฝึกตนและดูดซับมันทั้งหมด เพื่อที่จะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้มนุษย์ขั้นปลายให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็ไปได้เ้าค่ะ!"
เยี่ยนเฉินหยวี่พูด
"เข้าใจล่ะ สภาพแวดล้อมของนิกายเซวียนอี้นั้นเหมาะสมกับการบ่มเพาะของเ้า ภายหลังเ้าสามารถที่จะทำการบ่มเพาะอยู่ที่นี่ได้"
เจียงเฉินพูดออกมาแฝงด้วยความกังวล ในเวลาเดียวกัน เขารู้สึกประหลาดใจกับความเร็วในการบ่มเพาะของกายศักดิ์สิทธิ์ของนาง เมื่อชีพจรเก้าหยินของเยี่ยนเฉินหยวี่ได้ตื่นขึ้นมาความเร็วในการบ่มเพาะของนางได้ก้าวะโอย่างรวดเร็วและไหลลื่น และตอนนี้นางได้ใช้ผลึกเยือกแข็งหมื่นปีเพื่อการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้มนุษย์ขั้นปลาย ด้วยความรวดเร็วเช่นนี้ คนธรรมดาจะรู้สึกอิจฉาริษยะและอับอาย
หวงต้าได้หลับไปแล้วและเยี่ยนเฉินหยวี่ได้เข้าไปยังอีกห้องหนึ่งและเริ่มที่จะปิดด่านฝึกตน เจียงเฉินนั่งอย่างโดดเดี่ยวถัดจากโต๊ะหินภายในที่พัก ด้วยจิตใจที่สงบนิ่งและเยือกเย็น เขาเพลิดเพลินกับสายลมเย็นๆที่พัดมาจากูเาและลำธาร พลังิญญาของเขาและััเทวะได้เวียนรอบๆภายในที่พัก เขาได้ปล่อยตัวเขาเองและััถึงตัวตนของธรรมชาติ
ในฐานะผู้ฝึกตน ลำพังเพียงแค่การบ่มเพาะนั้นไม่เพียงพอ ในเส้นทางบ่มเพาะการเข้าใจอย่างถ่องแท้เป็สิ่งที่สำคัญที่สุด ขอบเขตแก่นแท้มนุษย์นั้นเป็เพียงหนึ่งในระดับขั้นพื้นฐาน และมันยังห่างไกลจากความเข้าใจความสำคัญของความเข้าใจในขั้นตอนนี้ เมื่อได้บ่มเพาะระดับผ่านไปยังขอบเขตจิติญญายุทธและไปถึงขอบเขตราชันย์ยุทธ ความเข้าใจที่ลึกซึ้งกลายเป็สิ่งที่สำคัญอย่างมาก ผู้เชี่ยวชาญราชันย์ยุทธสามารถที่จะควบคุมกฎแห่งมิติและยืนอยู่เหนือผู้อื่น ระดับการบ่มเพาะที่ต่ำกว่าไม่สามารถเปรียบได้กับระดับขั้นนี้ได้
ตกเย็น หวังหยุนได้มาอีกครั้ง คนที่มาด้วยกันกับเขาคือ หวงเจิ้งและศิษย์นับสิบ รวมถึงศิษย์ฝึกหัดทั้งสามที่ยืนเวรยาม พวกเขาโดนทุบตีอย่างบ้าคลั่งจนหัวพวกเขาบวมเหมือนหัวหมู
"หวังหยุน นี่มันเื่อะไรกัน?"
เจียงเฉินจับจ้องกลุ่มพวกเขาและถามด้วยน้ำเสียงเฉยเมย
"เ้าพวกบ้า ยังไม่รีบขอขมาต่อศิษย์พี่เจียงอีก!"
หวังหยุนะโด่าหวงเจิ้งและศิษย์เหล่านี้
"ศิษย์พี่เจียง พวกข้ามีตาแต่ไร้แววนัก เมื่อตอนที่พวกข้าได้ล่วงเกินท่านไป พวกข้าไม่รู้ว่าเป็ท่าน! หวังว่าศิษย์พี่เจียงโปรดให้อภัยพวกเรา!"
หวงเจิ้งคารวะอย่างลึกซึ้งต่อเจียงเฉิน
"ใช่แล้วศิษย์พี่เจียง พวกข้าทั้งหมดตามืดบอดนัก และพวกข้าจำท่านไม่ได้!พวกเราหวังให้ศิษย์พี่เจียงให้อภัยและไม่นำมาใส่ใจขอรับ"
"มันเป็ความผิดของพวกข้า ศิษย์พี่เจียงโปรดลงทัณฑ์พวกข้าตามที่ท่านเห็นว่าเหมาะสมเถิด"
................
ทุกๆคนพูดขณะที่กำลังยืนอยู่ ศิษย์ฝึกหัดทั้งสามผู้ที่ถูกทุบตีที่ใบหน้าได้คุกเข่าลงบนพื้นและร้องออกมาจากใจ มันเจ็บ มันเจ็บมากๆ
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เจียงเฉินอดที่จะยิ้มออกมามิได้ เขาไม่ได้ใส่ใจในเื่ที่เกิดขึ้น แต่ศิษย์เหล่านี้กระวนกระวายแล้วพวกเขาก็มายังที่นี่เพื่อมาขอขมาต่อเขา อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้คิดเล็กน้อย ในที่สุดเจียงเฉินก็เข้าใจว่าเหตุใดพวกเขาถึงมีท่าทีเช่นนั้น ชื่อเสียงของเขาที่อยู่ที่นี่และเขาได้มีกำหนดการที่จะสู้กับหนานเป่ยเฉาในอีกหนึ่งปี เขาถือว่าเป็ตัวแทนของนิกายเซวียนอี้ คนเหล่านี้ได้ล่วงเกินเขา ภายหลังคงถูกกลั่นแกล้งสารพัดเป็แน่
"ศิษย์พี่เจียง นี่คือของกำนัลจากทุกคนขอรับ! ข้านับแล้ว เป็เม็ดยามนุษย์หยวนจำนวนทั้งหมดสามพันเม็ดอยู่ในนี้ขอรับ"
หวังหยุนหยิบกระเป๋าเก็บของออกมาและยื่นมันให้แก่เจียงเฉิน
เม็ดยามนุษย์หยวนจำนวนสามพันเม็ดไม่ได้ถือว่ามากมายสำหรับเจียงเฉิน อย่างไรก็ตามสำหรับศิษย์เหล่านี้ โดยเฉพาะเหล่าศิษย์ฝึกหัด พวกเขาไม่ได้มั่งคั่งโดยเฉพาะก่อนหน้านี้ และเม็ดยามนุษย์หยวนจำนวนสามพันเม็ดจะถือว่าเป็ดั่งทรัพย์สินทั้งหมดของพวกเขา มันสามารถพูดได้ง่ายๆว่าพวกเขามีความจริงใจที่จะขอขมาต่อเจียงเฉิน
"ข้าไม่เคยใส่ใจเหตุการณ์ในวันนั้น ดังนั้นพวกเ้าไม่จำเป็ต้องใส่ใจ นอกจากนั้นสำหรับเม็ดยามนุษย์หยวนสามพันเม็ดนี้ ข้าไม่ได้คิดว่าพวกเ้าทุกคนร่ำรวยนัก ดังนั้นนำมันคืนไปเถอะ"
เจียงเฉินพูดพร้อมรอยยิ้ม
"ศิษย์พี่เจียง โปรดรับเม็ดยามนุษย์หยวนเหล่านี้ไปเถิด หากท่านไม่รับ พวกเขาคงไม่สบายใจเป็แน่"
หวังหยุนพูด
"ใช่แล้วศิษย์พี่เจียง! นี่คือทรัพย์ทั้งหมดของพวกข้าและหากท่านคิดว่ามันน้อยเกินไป ข้าหวงเจิ้งจะพยายามอย่างดีที่สุดที่จะหามาให้ท่านเพิ่ม!"
หวงเจิ้งพูดอีกครั้ง
เจียงเฉินยิ้ม เขารู้ว่าคนเหล่านี้ได้เข้าใจเขาผิดไป ดังนั้นเขาหยิบกระเป๋ามิติและถาม
"ดี ข้าจะรับเม็ดยามนุษย์หยวนเหล่านี้เอาไว้ เ้ามีนามว่าอะไร?"
เจียงเฉินมองไปยังหวงเจิ้ง
"ข้าน้อยหวงเจิ้งขอรับ!"
หวงเจิ้งรีบตอบ
"เ้ามานี่"
เจียงเฉินโบกมือเรียก
หวงเจิ้งไม่กล้าที่จะปฏิเสธ เขารีบเดินไปยืนอยู่ข้างเจียงเฉิน
"หวงเจิ้ง เ้าเองคงรู้ถึงหลักการของข้าสินะ ใช่แล้ว ในการแข่งขันประจำปีแคว้นฉี ข้าได้ลงต่อสู้ทั้งหมดสามครั้ง และข้าได้สังหารไปสามคน รวมถึงหลิงอ้าวและหลี่หวู่ซวง ข้าเจียงเฉินเป็คนโเี้และข้าไม่เคยแสดงความปรานีใดๆต่อศัตรูของข้า อย่างไรก็ตาม ข้าไม่เคยทำเช่นนั้นกับสหายของข้า ข้าไม่ได้ตำหนิอะไรเ้าสำหรับที่เกิดขึ้นในวันนี้ นอกจากนั้นไม่มีผู้ใดในหมู่พวกเ้าที่รู้จักข้ามาก่อน รับเม็ดยามนุษย์หยวนนี่ไปซะ และแจกจ่ายพวกมันแก่พี่น้องทั้งหมดของเ้า"
เจียงเฉินยื่นกระเป๋ามิติให้แก่หวงเจิ้ง เขาได้เห็นความจริงใจของคนเหล่านี้ นอกจากนี้เขายังมีความประทับใจที่ดีต่อนิกายเซวียนอี้ เม็ดยาหยวนเหล่านี้ไม่ได้มีจำนวนมากในสายตาของเขาแต่สำหรับศิษย์เหล่านี้ มันเป็สิ่งสำคัญมาก
"ศิษย์พี่เจียง นี่.....นี่มัน...."
ทันใดนั้นหวงเจิ้งไม่รู้จะพูดสิ่งใด เขาไม่เคยคาดว่าเจียงเฉินจะให้อภัยเขาง่ายดายเช่นนี้และคืนเม็ดยามนุษย์หยวนกลับมาอีกด้วย
"ศิษย์พี่เจียงช่างใจกว้างนัก พวกเ้าทุกคนจงขอบคุณในความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของเขาซะ!เ้าทั้งหมดควรที่จะช่วยเหลือศิษย์พี่เจียงอย่างจริงใจในอนาคตซะ"
หวังหยุนพูดออกมา เหล่าศิษย์ทั้งหมดรู้สึกเหมือนพวกเขาเริ่มจะร้องออกมา พวกเขาคิดกับตัวเองว่าพวกเขาได้เข้าใจศิษย์พี่เจียงผิดไป เขาเป็คนง่ายๆและตรงไปตรงมาค่อสหายของเขา ที่สำคัญกว่านั้นคือศิษย์พี่เจียงได้ปฏิบัติต่อพวกเขาดั่งพวกเดียวกันอีกด้วย
