“แย่แล้ว! ตอนเช้ายังมีชีวะอีกหนึ่งคาบ”
ระหว่างทางกลับโรงเรียน ฉินหลางเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขามัวแต่ฝึกวรยุทธ์จนพลาดวิชาชีวะไป ถ้าเป็วิชาอื่นยังไม่เท่าไร แต่อาจารย์วิชาชีวะคือเถารั่วเซียง ขนาดวิชาของเธอแล้วฉินหลางยังไม่ไป นั่นก็เท่ากับเขาไม่ให้เกียรติเถารั่วเซียงน่ะสิ
ครุ่นคิดแล้ว ฉินหลางตัดสินใจสารภาพ จะได้ลดโทษบ้าง ในขณะที่เขากำลังจะไปอธิบายกับเถารั่วเซียง จู่ๆ โทรศัพท์กลับดังขึ้น
ฮานซานฉางเป็คนโทรมา ฮานซานฉางบอกฉินหลางว่า ชิงเฮ่อหยุนหัวหน้าแก๊งชิงหวนรู้ข่าวการตายของอันหยางกับชิงจิ้นแล้ว และเตรียมจะคิดบัญชีกับฉินหลาง กับพวกฮานซานฉาง ชิงเฮ่อหยุนประกาศออกมาแล้ว ว่าจะฆ่าฉินหลาง ฮานซานฉาง และกระทิง
สำหรับเื่นี้ ฉินหลางคิดได้ตั้งนานแล้ว เพราะอันหยางกับชิงจิ้นตายแล้ว ต่อให้ชิงเฮ่อหยุนจะโง่แค่ไหน ก็ต้องสงสัยฮานซานฉางกับกระทิงอยู่ดี ด้วยความที่ชิงเฮ่อหยุนเป็ชาวยุทธ์ ไม่ใช่ตำรวจ เขาไม่้าหลักฐาน แค่ความสงสัยก็มากพอให้เขาลงมือแล้ว
“อาฉาง นายส่งข่าวไปบอกชิงเฮ่อหยุน ว่าฉันจะไปหามันที่อำเภอหนานผิงเอง!”
ตอนนี้แก๊งชิงหวนได้ควบคุมหลายอำเภอในเมืองเซี่ยหยางแล้ว เพียงแต่อำเภอหนานผิงเป็ ‘รากฐาน’ ของพวกเขา ดังนั้นฉินหลางตั้งใจจะไปอำเภอหนานผิงสักครั้ง เพื่อกำจัดชิงเฮ่อหยุน
นี่เป็ภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาจากตาเฒ่าพิษ เราจำเป็ต้องทำให้สำเร็จ! และที่สำคัญ ตอนนี้ชิงเฮ่อหยุนกำลังโศกเศร้ากับการตายของลูกชายคนเดียว กำลังคลั่งราวกับหมาบ้า ฉินหลางไม่อยากให้ชิงเฮ่อหยุนมาก่อความวุ่นวายที่เมืองเซี่ยหยางหรอกนะ
ดังนั้นฉินหลางจึงคิดที่จะเป็ฝ่ายลงมือก่อน
“ฉินหลาง ัก็ยังไม่กดงูเ้าถิ่น!” ฮานซานฉางกำลังเตือนให้ฉินหลางระวัง แม้ฮานซานฉางจะรู้ว่าทั้งวรยุทธ์และวิธีการของฉินหลางล้วนเยี่ยมยอดทั้งนั้น แต่ชิงเฮ่อหยุนเป็คนก่อตั้งแก๊งชิงหวน แก๊งนี้อยู่ในอำเภอหนานผิงมานาน และมีรากฐานแ่า ฉินหลางเดินทางไปคนเดียว ไม่มีใครรู้ว่าจะร้ายหรือดี
“ไม่เป็ไร” ฉินหลางพูดอย่างเฉยเมย “นายช่วยเอาเบอร์ฉันให้คนของแก๊งชิงหวนด้วยนะ สิ่งที่นายกับกระทิงต้องทำก็คือจัดระเบียบอิทธิพลของเราในเมืองเซี่ยหยาง ลดความขัดแย้งภายในให้เร็วที่สุด แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเท่านั้น!”
“ครับ พี่ฉิน พี่ก็ต้องระวังตัวด้วยนะครับ!” ฮานซานฉางเตือนฉินหลางอีกครั้ง
ปกติแล้ว แก๊งเล็กๆ ที่อยู่แต่ในอำเภอมักจะไม่อยู่ในสายตามาเฟียในเมืองใหญ่ๆ แต่ในเมืองเซี่ยหยางกลับไม่ได้เป็อย่างนั้น เพราะทั่วทั้งเมืองเซี่ยหยาง แก๊งชิงหวนมีอิทธิพลมากที่สุด!
ตัวฉินหลางกลับจะไปจัดการแก๊งชิงหวนคนเดียว จะไม่ให้ฮานซานฉางเป็ห่วงได้ยังไง?
แต่ฉินหลางไม่ใช่คนที่มีความกล้าแต่ขาดปัญญา ตอนที่จัดการอันหยางกับชิงจิ้น เขาก็คิดวิธีรับมือแก๊งชิงหวนไว้เรียบร้อยแล้ว ดังคำที่ว่า จับโจรต้องจับหัวหน้าของมันก่อน ถ้าจะจัดการแก๊งชิงหวน วิธีที่ดีที่สุดคือตรงเข้าไปในรังของมัน แล้วฆ่าชิงเฮ่อหยุน
เ้าชิงจิ้น ยังเคยทำเื่เลวๆ ไว้มากเลย พ่อของมันก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แค่ยา ‘ชุนเหมียวสีหยู่’ ที่ชิงเฮ่อหยุนคิดขึ้นมาเพียงอย่างเดียว ก่อนหน้านี้ก็เป็เครื่องมือให้อันเต๋อเซิ่งทำเื่เลวๆ มานับไม่ถ้วน เื่เลวๆ พวกนั้นล้วนมีความเกี่ยวข้องกับชิงเฮ่อหยุนทั้งสิ้น
ดังนั้น ต่อให้ตาเฒ่าพิษไม่มอบภารกิจนี้ให้ฉินหลาง เขาก็ตั้งใจจะจัดการชิงเฮ่อหยุนอยู่แล้ว
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ฉินหลางจึงโดดเรียนตอนบ่ายแล้ว นั่งรถโดยสารไปอำเภอหนานผิงคนเดียว
เมื่อขึ้นรถแล้ว ฉินหลางถึงโทรไปหาเถารั่วเซียง “ฮัลโหล…น้าเถาครับ ผมผิดไปแล้ว ่เช้าผมขาดเรียนวิชาของน้า หวังว่าน้าจะเป็ผู้ใหญ่ใจกว้าง อย่าถือโทษโกรธผมเลยนะครับ!”
น้ำเสียงของบฉินหลางไม่เหมือนคนกำลังสารภาพผิด มันเหมือนกำลังล้อเล่นมากกว่า แต่ว่าน้ำเสียงของเถารั่วเซียงกลับซีเรียสมาก “ฉินหลาง เธอขาดเรียนวิชาของฉันก็แล้วไป แต่คิดไม่ถึงว่าวันนี้ฉันดูบันทึกในใบเช็คชื่อแล้ว บอกได้คำเดียวว่า—ใมาก! น่าเกลียดที่สุด!
“น้าเถา น้าพูดไป 8 คำแล้ว”
“ต่อปากต่อคำให้น้อยๆ หน่อย!” เถารั่วเซียงสบถ “รีบกลับมาเดี๋ยวนี้! ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าสำหรับเธอแล้วการเรียนสำคัญแค่ไหน แล้วเธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่!”
“คือ…น้าเถา ตอนนี้ผมกลับไปไม่ได้จริงๆ ผม…ผมออกมาเที่ยวแล้ว”
“เที่ยว? เธอบอกว่าอะไรนะ เธอกล้าออกไปเที่ยวในเวลาอย่างนี้เหรอ?” เถารั่วเซียงใ
“่นี้กดดันเกินไป ผมจำเป็ต้องผ่อนคลายบ้าง ก็เลยออกมาเที่ยวสักหน่อย น่าจะเป็ทางเลือกที่ไม่เลว น้าก็ถือซะว่าหยุดให้ผมสักวันสองวันนะครับ”
“ต่อให้การเรียนจะทำให้กดดัน แต่นายไม่ต้องวิ่งหนีปัญหาก็ได้นี่” น้ำเสียงที่กำลังเดือดของเถารั่วเซียง กลายเป็น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใย
“ผมไม่ได้หนีปัญหา ผมแค่ถอยมาตั้งหลัก ให้รู้สึกผ่อนคลายบ้าง ก็น่าจะพอแล้ว” ฉินหลางอธิบาย
“เป็เพราะสองสามวันมานี้ติวหนักไปรึเปล่า ก็เลยทำให้รู้สึกกดดัน อารมณ์ก็เลยไม่ดีไปด้วย?” เถารั่วเซียงกล่าว “นายต้องโทษตัวเองที่วางเป้าหมายไว้สูงเกินไป ก็เลยทำให้รู้สึกกดดันมาก ตามหลักจิตวิทยาแล้ว ตอนนี้นายกำลังสิ้นหวัง…งั้นก็ได้ นายระวังตัวด้วยก็แล้วกัน รีบผ่อนคลายจะได้อารมณ์ดีขึ้น ถ้า้าความช่วยเหลืออะไร ก็โทรมาหาฉัน”
“ครับ!”
เมื่อวางสายแล้ว ฉินหลางถอนหายใจยาวๆ อย่างโล่งใจ คิดไม่ถึงว่าจะแถเอาตัวรอดได้สำเร็จ
ฟังจากน้ำเสียง เหมือนว่าเถารั่วเซียงโกรธไม่มากแล้ว ถ้าอย่างนั้น รอให้ฉินหลางกลับมาแล้ว ค่อยไปอธิบายกับเธอดีๆ ชื่นชมเธออีกสักหน่อย ก็น่าจะไม่มีอะไรแล้ว ด้วยฝีปากของฉินหลาง มั่นใจว่ามันต้องไม่ใช่เื่ยากแน่ๆ
ตอนนี้รถขับออกจากเมืองเซี่ยหยางแล้ว และกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่อำเภอหนานผิง
ฉินหลางเป็ชาวเมืองเซี่ยหยาง จึงเคยได้ยินชื่ออำเภอหนานผิงมาตั้งนานแล้ว แต่กลับไม่เคยไปอำเภอหนานผิงเลยสักครั้ง เพราะอำเภอหนานผิง เป็อำเภอที่อยู่รอบนอกของเมืองเซี่ยหยาง และอยู่บนูเาที่ยังไม่เจริญ ที่นี่ยังมีชนเผ่าเมี่ยน ชนเผ่าม้ง ชนเผ่ากระเหรี่ยง ชนเผ่าอาข่าและยังมีอีกหลายชนเผ่าเล็กๆ ที่อาศัยอยู่ที่นี่ แต่ชนเผ่าเมี่ยนมีประชากรมากที่สุด
แม้เมืองเซี่ยหยางกับอำเภอหนานผิงจะห่างกันเพียงร้อยกว่ากิโลเมตร แต่กลับต้องนั่งรถโดยสาร 3 ชั่วโมงเต็มๆ เพราะนอกจากถนนที่คดเคี้ยวราวกับงูแล้ว ยังลาดชันมากๆ ต่อให้เป็คนขับที่คุ้นเคยเส้นทาง ก็ยังต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
ตอนที่ฉินหลางมาถึงอำเภอหนานผิง ก็เป็เวลาสี่โมงเย็นแล้ว
เมื่อลงจากรถ ฉินหลางเพิ่งสังเกตเห็นเบอร์แปลกที่ไม่ได้รับสาย กับอีกหนึ่งข้อความใหม่
เป็ข้อความจากเบอร์แปลกที่ไม่ได้รับสาย ในข้อความบอกไว้ว่า “ฉินหลางมาเคลียร์กับฉันที่หมู่บ้านเมี่ยน บนดอยไป๋ผิน!”
ท้ายข้อความไม่ได้ลงชื่อผู้ส่ง แต่ฉินหลางมั่นใจ ว่าข้อความนี้ต้องมาจากชิงเฮ่อหยุนแน่นอน
เพียงแต่ฉินหลางไม่เคยคิดเลยว่า ชิงเฮ่อหยุนนัดที่หมู่บ้านเมี่ยน หมู่บ้านเมี่ยน แค่ฟังจากชื่อ ก็รู้แล้วว่าต้องเป็ที่รวมตัวของชนเผ่าเมี่ยน หรือชิงเฮ่อหยุนจะเป็คนเผ่าเมี่ยน?
“ลุงครับ ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ” ฉินหลางเดินมาที่แผงขายผลไม้ ที่อยู่หน้าขนส่ง แล้วถามลุงคนขายด้วยรอยยิ้มจนตาหยี “ไม่ทราบว่าบนดอยไป๋ผินมีหมู่บ้านเมี่ยนอยู่รึเปล่าครับ?”
“อะไรนะ เธอจะไปดอยไป๋ผินเหรอ?” ลุงคนขายผลไม้ใ ราวกับมันเป็สถานที่ต้องห้ามที่ผู้คนแถวนี้หวาดกลัว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้