“เื่ของตนเองก็ต้องทำด้วยตนเองสิ”
เสิ่นเสวียนหัวเราะแห้งๆ หลังจากปรับตัวได้ ไม่เวียนหัวแล้ว เขาจึงลุกขึ้นยืน
แต่เนื่องจากจิติญญาของเขาหมดพลังไปเกือบครึ่ง ทำให้เขายังอ่อนเพลียมาก หากว่าก่อนหน้านี้เขามีพลังยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ อย่างนั้นในตอนนี้คงมีพลังขั้นราชันระดับสูงสุดเท่านั้น เรียกได้ว่าลดลงไปมากกว่าหนึ่งระดับ
“ทำเป็หน้าใหญ่ใจโต เดินมานี่”
เสวียนหลิงเอ่อร์กลอกตามองเสิ่นเสวียน แล้วให้เสิ่นเสวียนเดินเข้าไปหานาง
เสิ่นเสวียนมองเสวียนหลิงเอ่อร์นั่งอยู่ข้างๆ กรงของงูจิ่นเมี่ยน
หากรวมกับห้าวันแรก เสิ่นเสวียนฝึกฝนอยู่ในมิติใต้หนองน้ำแห่งนี้มายี่สิบวันแล้ว และยี่สิบวันที่ผ่านมานี้ งูจิ่นเมี่ยนไม่ค่อยสบายตัวสักเท่าไร
เมื่อเสวียนหลิงเอ่อร์เดินเข้าไปหามัน อำนาจที่แผ่กระจายออกมาทำให้มันมิอาจผงกหัวขึ้นได้เลย มันทำได้เพียงขดตัวอยู่ตรงมุมนั้น เหมือนกับปลาบนเขียงรอวันถูกแล่
“ใช่แล้ว งูน้อยตัวนี้มีอะไรเป็พิเศษอย่างนั้นหรือ ท่านถึงให้ความสำคัญขนาดนี้”
เสิ่นเสวียนไม่ค่อยเข้าใจความคิดของเสวียนหลิงเอ่อร์ เขาเคยตรวจสอบงูจิ่นเมี่ยนตัวนี้แล้ว แต่ก็ไม่เจออะไรเป็พิเศษเลยจริงๆ
“เ้ามาดูตรงนี้”
เสวียนหลิงเอ่อร์ชี้ไปตรงตำแหน่งเจ็ดชุ่นจากหัวของงูจิ่นเมี่ยน
เสิ่นเสวียนเดินเข้าไปมอง ตำแหน่งเจ็ดชุ่นจากหัวของงูจิ่นเมี่ยนมีพลังมิติจางๆ แผ่กระจายออกมา มันเบาบางมากจนแทบไม่รู้สึก
หากไม่ตรวจสอบอย่างละเอียดจะไม่สังเกตเห็นพลังมิตินี้เลย
“หืม? ภายในงูตัวนี้มีมิติด้วยหรือ”
เสิ่นเสวียนถามเสวียนหลิงเอ่อร์ ก่อนหน้านี้เขาไม่สังเกตเห็นมาก่อนเลย แสดงให้เห็นว่าเสวียนหลิงเอ่อร์มีพลังััที่แข็งแกร่งกว่าเขามาก
“ยินดีด้วย เ้าเดาถูกต้องแล้ว”
เสวียนหลิงเอ่อร์ส่งยิ้มลึกลับให้เสิ่นเสวียน จากนั้นฝ่ามือขาวเนียนของนางยื่นเข้าหางูจิ่นเมี่ยนตัวนั้นพร้อมไอพลังพวยพุ่งออกไป แล้วงูจิ่นเมี่ยนที่อยู่ในกรงก็ลอยออกมาหามือของนางโดยที่ไม่อาจควบคุมร่างกายได้
ร่างงูที่ขดอยู่โดนพลังนั้นควบคุม ทำให้มันยืดตรงเหมือนกับพลองยาว
“ช่วยข้าดึงออกมา”
เสวียนหลิงเอ่อร์กล่าวกับเสิ่นเสวียนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ได้”
เสิ่นเสวียนพยักหน้าแล้วใช้มือจับเข้าไปตรงตำแหน่งเจ็ดชุ่นจากหัวของงูจิ่นเมี่ยน จากนั้นแรงดึงดูดรุนแรงก็ปรากฏขึ้น
ตำแหน่งเจ็ดชุ่นจากหัวของงูจิ่นเมี่ยนมีมิติอยู่จริงๆ เพียงแต่มันถูกซ่อนไว้ลึกมาก หากไม่สังเกตให้ละเอียดถี่ถ้วนจะมองไม่เห็นเลย และนี่ยังไม่ใช่ตำแหน่งที่มนุษย์สร้างขึ้น น่าจะเป็เพราะงูจิ่นเมี่ยนตัวนี้กลืนสิ่งของบางอย่างเข้าไป
หลังจากแรงดึงดูดปรากฏขึ้น พลังมิติรุนแรงพลันปะทุออกมาจากร่างของงูจิ่นเมี่ยนในทันที แหวนวงหนึ่งค่อยๆ ถูกดึงออกมาจากร่างอย่างเชื่องช้า ในขณะที่ดึงออกมา เสิ่นเสวียนใช้มืออีกข้างหนึ่งจับไว้ตรงตำแหน่งเจ็ดชุ่นจากหัวของงูจิ่นเมี่ยนเอาไว้
การจับจุดลมปราณเช่นนี้ดูเหมือนธรรมดา แต่กลับป้องกันไม่ให้งูจิ่นเมี่ยนเ็ปและรักษาชีวิตมันเอาไว้ด้วย เขา้าดึงแหวนวงนี้ออกมาเท่านั้น ไม่ได้้าคร่าชีวิตของงูจิ่นเมี่ยน
การกระทำของเสิ่นเสวียนอยู่ในสายตาของเสวียนหลิงเอ่อร์มาตลอด แววตาของนางมองเขาด้วยความชื่นชม
“เฮ้อ!”
เสิ่นเสวียนถอนหายใจออกมา แหวนวงนั้นถูกเขาดึงออกมาจากร่างของงูจิ่นเมี่ยนแล้ว มันเป็แหวนสีขาว ไม่มีอะไรเป็พิเศษ แต่เมื่อสังเกตอย่างละเอียดแล้วจะไม่เหมือนกับแหวนธรรมดา
เสิ่นเสวียนไม่ได้คิดตรวจสอบแหวนตอนนี้ ไอพลังแผ่ซ่านออกมาจากฝ่ามือของเขา พลางลูบไปบนร่างของงูจิ่นเมี่ยนอย่างเบามือ
หลังจากดึงแหวนออกมาทำให้งูจิ่นเมี่ยนได้รับาเ็ โชคดีที่ก่อนหน้านี้เสิ่นเสวียนจับจุดลมปราณไว้แล้ว รวมเข้ากับไอพลังอบอุ่นที่หล่อเลี้ยงอยู่ ทำให้งูจิ่นเมี่ยนเพียงแค่หมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็ไม่มีอะไรแล้ว
พลังของเสวียนหลิงเอ่อร์ที่ควบคุมร่างของงูจิ่นเมี่ยนจางหายไปแล้ว และปล่อยให้งูจิ่นเมี่ยนเข้าไปหลับอยู่ภายในกรง
“ทำไมถึงเป็ห่วงเ้าตัวเล็กขนาดนี้”
เสวียนหลิงเอ่อร์ถามเสิ่นเสวียน หากเป็คนอื่นคงฆ่างูจิ่นเมี่ยนตัวนี้ตายไปแล้ว ผ่าท้องงูแล้วเอาออกมาง่ายกว่ามาก และยังไม่ต้องสิ้นเปลืองพลังขนาดนี้ด้วย
“มันก็เป็สิ่งมีชีวิตเหมือนกัน ท่านว่าถูกไหม”
เสิ่นเสวียนยิ้มให้เสวียนหลิงเอ่อร์ แล้วเขาก็เอาแหวนสีขาวยื่นให้นาง
“นี่คือของท่าน”
“รู้ไหมว่านี่คืออะไร”
เสวียนหลิงเอ่อร์ไม่ได้ยื่นมือไปรับ นางมองเสิ่นเสวียนด้วยแววตาชื่นชม นางเชื่อในความรู้สึกของตนเอง ทุกอย่างที่เสิ่นเสวียนแสดงออกมาตรงตามความ้าของนางทั้งหมด
มันก็เป็สิ่งมีชีวิตเหมือนกัน ดูเหมือนเป็ประโยคธรรมดาๆ แต่กลับเป็ความเข้าใจในธรรมชาติของเสิ่นเสวียน
นางไม่คิดว่าเสิ่นเสวียนเป็คนมีเมตตา ก่อนหน้านี้ที่หุบเขาสุขาวดีเสิ่นเสวียนสังหารคนไปไม่น้อย หากอธิบายว่าเป็การฆาตกรรมก็คงไม่เกินจริง ตอนนี้กลับพยายามทำให้งูจิ่นเมี่ยนตัวน้อยตัวหนึ่งไม่เ็ป
เสิ่นเสวียนทำอะไรเป็ระบบอยู่เสมอ
“ไม่รู้ แต่ไม่เหมือนกับแหวนทั่วๆ ไปเลย”
เสิ่นเสวียนมองแหวนวงนี้พลางกล่าว
“มันมีชื่อว่าแหวนดวงดารา กล่าวให้ถูกก็คือ มันน่าจะไม่ใช่สิ่งของของโลกใบนี้”
“แหวนดวงดารา? ไม่ใช่สิ่งของของโลกใบนี้?” เสิ่นเสวียนค่อนข้างสงสัย เขาเพิ่งเคยได้ยินชื่อแหวนดวงดาราเป็ครั้งแรก
“ใช่ ก็เหมือนกับผังเมืองซานเหอของเ้าที่ไม่ใช่สิ่งของของโลกใบนี้เช่นกัน” เสวียนหลิงเอ่อร์เห็นสีหน้าสงสัยของเสิ่นเสวียนจึงยิ้มพลางอธิบาย
“ท่านหมายถึง มันมาจากโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรหรือ”
เสิ่นเสวียนถือแหวนสีขาวไว้พลางครุ่นคิด แหวนวงนี้แค่ไม่เหมือนกับแหวนของโลกใบนี้เท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ต่างกันมาก ทว่านางกลับเอามันมาเปรียบกับผังเมืองซานเหอ ค่อนข้างเกินไปหรือเปล่า!
“ไม่ใช่โลกแห่งการบำเพ็ญเพียร แต่มาจากขอบเขตดวงดาว”
เสวียนหลิงเอ่อร์กล่าวชื่อที่เสิ่นเสวียนไม่เคยได้ยินมาก่อน
“ขอบเขตดวงดาว? ที่ไหนหรือ”
เสิ่นเสวียนมองเสวียนหลิงเอ่อร์ รู้สึกว่าอีกฝ่ายรอบรู้ยิ่งนัก แต่ขอบเขตดวงดาวแห่งนี้ แม้จะได้ยินชื่อเป็ครั้งแรกกลับไม่รู้สึกแปลกสักเท่าไร
หลังจากฝ่าด่านเคราะห์มาเก้าครั้งในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรชาติก่อน เสิ่นเสวียนได้ท่องเที่ยวไปทั่ว เขาเคยมองท้องฟ้ายามราตรีจากยอดพีระมิดด้วย แม้ไม่เคยออกจากโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรมาก่อน แต่เขารู้ว่าด้วยพลังของเขาสามารถออกจากโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรเข้าสู่จักรวาลอันกว้างใหญ่ได้ทุกเมื่อ ต่อมาหลังจากได้ผังเมืองซานเหอมา เขามีความคิดจะออกจากโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรไป แต่ยังไม่ทันได้ออกเดินทางก็ตกเป็เป้าหมายของคนชั่วร้ายสามคน
“ขอบเขตดวงดาวก็คือท้องฟ้า”
เสวียนหลิงเอ่อร์ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าพลางยิ้มแล้วกล่าว
เสิ่นเสวียนเงยหน้าขึ้นมอง คล้ายจะมองเห็นท้องฟ้าผ่านม่านน้ำขึ้นไปได้
“ที่นี่คือที่ไหน”
“ทวีปหลิงโซ่ว ในโลกใบหนึ่ง” เสิ่นเสวียนยิ้ม
“โลกแห่งการบำเพ็ญเพียรคือโลกไหนเ้าน่าจะรู้ใช่ไหม มันคือโลกที่ลอยอยู่ในขอบเขตดวงดาว ทวีปหลิงโซ่วก็เป็โลกที่อยู่ในขอบเขตดวงดาวเช่นเดียวกัน ขอบเขตดวงดาวก็คือท้องฟ้า”
เสวียนหลิงเอ่อร์มั่นใจว่าตอนนี้พลังยุทธ์ของเสิ่นเสวียนอยู่ในขั้นไหน แม้แต่ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรก็เป็ได้เพียงเซียนปฐีเท่านั้น ส่วนเซียน์ที่แท้จริงคงได้ัักับขอบเขตดวงดาวไปแล้ว จักรพรรดิเซียนยิ่งเหนือกว่าขอบเขตดวงดาวขึ้นไปอีก ส่วนเพราะเหตุใดเสิ่นเสวียนสามารถล่วงเกินจักรพรรดิเซียนได้ ในความคิดของนางคือเสิ่นเสวียนมีของล้ำค่าใน
“ไม่น่าแปลกใจ ดูเหมือนต้องฝ่าด่านเคราะห์เป็เซียนได้สำเร็จก่อนจึงจะรู้เื่เหล่านี้ได้!”
เสิ่นเสวียนเข้าใจได้ทันที ทำอย่างไรได้ในเมื่อเขายังไม่ถึงขั้นนั้น ที่แท้ก็โดนอาณาจักรเซียนผูกขาดเื่ข้อมูลเหล่านี้ไว้ ยังฝ่าด่านเคราะห์ไม่ถึงเก้าครั้ง ไม่มีทางก้าวข้ามผ่านกำแพงไปได้เลย
“เ้าฝ่าด่านเคราะห์ล้มเหลวใช่ไหม!” เสวียนหลิงเอ่อร์กล่าว รู้สึกเห็นใจเซียนปฐีอย่างเสิ่นเสวียน
“อืม ร่างแตกสลายเป็เซียนพเนจรไปแล้ว”
“เซียนพเนจร? ไม่เป็ไรหรอก มันเป็อดีตไปแล้ว”
เสวียนหลิงเอ่อร์ประเมินเสิ่นเสวียนไว้สูงเกินไป เขาเป็เพียงเซียนพเนจร ไม่ได้เป็เซียนปฐีเลยด้วยซ้ำ ยิ่งคิดไปถึงเซียนพเนจรที่ต้องเข้าฝ่าด่านเคราะห์ทุกหนึ่งร้อยปี ไม่สู้ตายไปเลยน่าจะดีกว่า
“เปิดออกเถอะ นับเป็ของที่ข้ามอบให้เ้าแล้วกัน”
เสวียนหลิงเอ่อร์กล่าวกับเสิ่นเสวียนพลางยิ้มอย่างลึกลับ
เสิ่นเสวียนมองแหวนดวงดาราสีขาวในมือ เริ่มสนใจแหวนดวงดาราวงนี้ขึ้นมาแล้ว
แหวนดวงดาราในตำนานวงนี้ ภายในเก็บซ่อนของล้ำค่าอะไรไว้?
พลังจิติญญาของเสิ่นเสวียนค่อยๆ แทรกผ่านเข้าไปด้านใน แล้วสีหน้าของเขาก็แข็งทื่อไป