จวินจิ่วเฉินงีบหลับทั้งคืน ครั้นเห็นความสว่างภายนอกหน้าต่างจึงลุกขึ้น
เขาไม่แปลกใจที่่เวลาหนึ่งคืนที่ผ่านมา กูเฟยเยี่ยนไม่สามารถไขปริศนาใบสั่งยาแผ่นนั้นได้ เขาผลักบานประตูห้องหนังสือออกไปเบาๆ ก่อนจะพบว่ากูเฟยเยี่ยนฟุบศีรษะนอนลงบนโต๊ะ ร่างสูงเดินเข้าไปใกล้จึงสังเกตเห็นว่าในมือของนางกอบกุมใบสั่งยาเอาไว้ บนโต๊ะมีถ้วยยาสมุนไพรมากมาย ดูเหมือนว่านางจะปรุงยาตามใบสั่งยา
ในขณะที่จวินจิ่วเฉินกำลังจะปลุกนางจากนิทรา เขาก็หยุดชะงักทันทีที่สายตากวาดลงบนใบหน้ายามหลับใหลของนาง เขาปัดปอยผมบนหน้าผากของนางออกอย่างเบามือ ความเบานี้แม้แต่ตนเองยังไม่ทันสังเกตเห็น
ความรู้สึกของการชอบใครสักคนเป็เช่นไรกัน?
เขาชอบอะไรในตัวนางกัน?
บางทีตัวเขาเองก็ยังไม่รู้
ดูเหมือนว่ากูเฟยเยี่ยนจะถูกรบกวนการนอน ขนตาของนางสั่นไหวเล็กน้อย จวินจิ่วเฉินจึงรีบดึงมือกลับไปไพล่หลังทันที ทว่ากูเฟยเยี่ยนยังคงไม่ตื่นจากนิทรา นางเพียงแค่เปลี่ยนทิศทางก่อนจะฟุบนอนต่อไป ปอยผมที่ถูกจวินจิ่วเฉินปัดออกจึงตกลงมาบดบังใบหน้าของนางทั้งหมด
เมื่อเป็เช่นนี้จวินจิ่วเฉินจึงเกิดความลังเล ทว่าไม่ช้าเขาก็ปัดเส้นผมของนางออกอย่างระมัดระวังอีกครั้งหนึ่ง ชายหนุ่มตั้งใจพิจารณาใบหน้ายามนิทราของหญิงสาว ยิ่งเขามองมากเพียงใด ยิ่งรู้สึกถึงความคุ้นเคยที่ไม่สามารถพรรณนาออกมาได้
ความรู้สึกคุ้นเคยเช่นนี้ราวกับพบเจอใครคนหนึ่ง แต่ก็นึกไม่ออกว่าตนเองเคยพานพบที่ใด
อย่างไรก็ตาม เขามีความคุ้นเคยต่อนางมากเหลือเกิน!
เป็เช่นนี้ได้อย่างไรกัน?
ในเวลานี้กูเฟยเยี่ยนกำลังละเมอพึมพำ “นายก้อนน้ำแข็งเหม็น…นายอันธพาล…นายไร้เหตุผล…”
สีหน้าของจวินจิ่วเฉินแข็งทื่ออย่างเห็นได้ชัด เขามองข้ามความรู้สึกคุ้นเคยพลางตั้งใจฟังว่านางจะพูดถึงสิ่งใด ครั้นฟังไปครู่หนึ่งจึงรับรู้ว่ากูเฟยเยี่ยนเพียงแค่พึมพำซ้ำไปซ้ำมา “นายก้อนน้ำแข็งเหม็น นายอันธพาล นายไร้เหตุผล”
สาวน้อยผู้นี้ฝันถึงเขาหรือ? นางฝันว่าเขาทำอันใดกัน?
จวินจิ่วเฉินไม่โกรธที่ถูกต่อว่า เขาเพียงแค่เผยยิ้มออกมาด้วยความจำใจ ชายหนุ่มลอบมองหาหวางเป่าติงของนางแต่หาไม่พบ เขาจึงขึ้นไปตามหาผ้าห่มผืนบางมาคลุมให้กูเฟยเยี่ยน ไม่ช้าก็ก้าวเดินออกไป
กูเฟยเยี่ยนตื่นขึ้นมาในยามกลางวัน ตัวนางเองใเป็อย่างยิ่ง นายก้อนน้ำแข็งเหม็นยังอยู่ในห้องทว่านางกลับนอนหลับไปนานเพียงนี้? กลางดึกที่ผ่านมานางเพียงแค่้างีบหลับครู่เดียวเท่านั้น!
หญิงสาวลุกขึ้นพลางก้าวตรงไปยังห้องหนังสือ ครั้นเห็นภายในห้องหนังสือว่างเปล่าไร้ผู้คน นางจึงวิ่งขึ้นไป้าทว่าก็ยังไม่พบนางก็น้ำแข็งเหม็น
“ไปแล้วหรือ? ”
กูเฟยเยี่ยนรู้สึกสงสัยไม่คลาย เมื่อคืนนี้ชายคนนั้นรีบร้อน้าใบสั่งยานี่นา เหตุใดถึงได้ออกไปโดยที่ไม่ปลุกนางจากนิทรา? เป็ไปได้หรือไม่ว่าเขาเข้าใจถึงความเหนื่อยล้าของนางจึงตัดใจปลุกนางไม่ลง? แม้แต่กูเฟยเยี่ยนยังรู้สึกว่าความคิดของตนเองช่างโง่งมเหลือเกิน ชายผู้นั้นน่าจะมีเื่ที่เร่งด่วนกว่าจดหมายลับในใบสั่งยาใช่หรือไม่?
นางเดินไปข้างโต๊ะที่ตนเองฟุบหลับ ในขณะที่ยกถ้วยน้ำแกงสมุนไพรก็สังเกตเห็นผ้าคลุมผืนบางตกอยู่บนพื้นห้อง เห็นได้ชัดว่าผ้าห่มผืนนี้ตกลงจากตัวนางเมื่อสักครู่ ทว่านางไม่ทันได้สังเกตเห็น
นายก้อนน้ำแข็งเหม็นตั้งใจขึ้นไปหยิบที่ชั้นสองหรือ? ดูเหมือนว่าเขาคงจะไม่ได้รีบร้อนออกไป?
กูเฟยเยี่ยนเหม่อมองอยู่นานก่อนที่จะหยิบขึ้นมาโยนไว้บนโต๊ะ ไม่มีผู้ใดรับรู้ว่านางคิดถึงสิ่งใด มุมปากของนางโค้งขึ้นเล็กน้อยราวกับแอบยิ้ม
ไม่ช้ากูเฟยเยี่ยนก็ได้สติกลับมา ร่างบางจ้องมองใบสั่งยาบนมือพลางมองน้ำแกงสมุนไพรบนโต๊ะด้วยสีหน้าที่เริ่มเอาจริงเอาจังขึ้นเรื่อยๆ
นางครุ่นคิดมาทั้งคืน และให้หวางเป่าติงใช้อุณหภูมิไฟที่แตกต่างกันเคี่ยวน้ำแกงสมุนไพรตามใบสั่งยาออกมา ทว่าก็ยังหาเบาะแสจดหมายลับในใบสั่งยาไม่เจอ
ปัญหาอยู่ที่ใดกัน?
นายก้อนน้ำแข็งเหม็นไปได้ใบสั่งยาแผ่นนี้มาจากที่ใด? แม้แต่ไป๋หลี่ิชวนก็ไม่อาจมีความสามารถที่ลึกล้ำเพียงนี้ใช่หรือไม่?
กูเฟยเยี่ยนไม่ได้ครุ่นคิดถึงเื่นี้ต่อ เนื่องด้วยครุ่นคิดมาทั้งคืนแล้วแต่ก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ต่อให้นางคิดต่อไปก็ต้องพบเจอทางตัน นางจำเป็ต้องปล่อยวางชั่วคราวเพื่อเปลี่ยนแปลงลู่ทางความคิด
กูเฟยเยี่ยนบิดี้เีก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตา ไม่ช้าร่างกายก็รู้สึกถึงความสดชื่น
นางไปถามพ่อบ้านว่ามีคนมาพบนางหรือไม่ ทว่าพ่อบ้านกลับบอกว่าไม่มี
เมื่อวานนี้นางฝากคำพูดไปถึงถังจิ้ง พี่ถังจิ้งควรที่จะมาพบนางที่ตระกูลกูสิ หรือว่าเทียนอู่ฮ่องเต้ยังคงติดสอยห้อยตามพี่ถังจิ้งอยู่?
โชคดีที่พี่ถังจิ้งมาในนามของท่านเ้าสำนัก มิฉะนั้นแล้วนางจะเกิดความกังวลอย่างแน่นอน
กูเฟยเยี่ยนยังคงรออยู่ในตระกูลกู นางไม่รีบร้อนเข้าไปในพระราชวัง ่เวลาในอดีต การที่จะออกจากพระราชวังได้จะต้องทำเื่ขอลาเพราะนางเป็เพียงแค่แพทย์หญิง บัดนี้นางคือศาสตราจารย์แพทย์จึงมีอิสระแล้ว
เมื่อวานนี้กูเฟยเยี่ยนเจรจาหน้าที่การงานกับใต้เท้าหนานกงเรียบร้อย นางจะพักผ่อนสองถึงสามวันเพื่อรอคอยถังจิ้ง อีกทั้งประจวบเหมาะกับให้บรรดาแพทย์ภายในห้องยาสำนักหมอหลวงปรับตัวก่อนสองวัน
ภายในตระกูลกูไม่มีสิ่งใดให้กูเฟยเยี่ยนทำ ครั้นจะให้ไปอ่านใบสั่งยาก็ไม่ปรารถนานัก กูเฟยเยี่ยนจึงตั้งใจคัดเลือกคนรับใช้
ศาสตราจารย์แพทย์จะแตกต่างจากบ่าวยากับแพทย์หญิงตรงที่ในแต่ละเดือนจะมีเวรกลางคืนสามวัน ซึ่งจำเป็ต้องอาศัยอยู่ในห้องยาสำนักหมอหลวง นอกเหนือจาก่เวลานี้สามารถกลับไปที่บ้านได้ นับั้แ่วันนี้เป็ต้นไปนางจะต้องอาศัยอยู่ในตระกูล ดังนั้นจึงจำเป็ต้องคัดเลือกคนรับใช้มาคอยปรนนิบัติชีวิตประจำวันของนาง อีกทั้งปลูกฝังคนสนิทเพื่อช่วยนางจับตามองกูเอ้อร์เย่กับคนอื่นๆ
ทันทีที่กูเอ้อร์เย่กับหวังฟูเหรินได้ยินว่ากูเฟยเยี่ยนจะคัดเลือกคนรับใช้ พวกเขาทั้งสองไม่เพียงแค่ส่งคนรับใช้ของตนเองมา แต่ยังเรียกลูกพี่ลูกน้องของคนรับใช้ทั้งหมดมาอีกด้วย
กูเฟยเยี่ยนไม่ใช่คนโง่ นางใช้เงินมากมายในการแอบติดสินบนกลุ่มคนอย่างลับๆ และคัดเลือกเพียงหญิงชราสกุลเฉียนคนหนึ่งให้อยู่ต่อ
ในความทรงจำของร่างเดิม หญิงชราผู้นี้รับใช้ตระกูลกูมานานกว่าสิบปี เดิมทีเป็ผู้ดูแลตระกูลกูที่ได้รับความไว้วางใจจากท่านผู้เฒ่ากู นางรักเ้าของร่างเดิมดั่งหลานสาวในสายเื ทว่าหลังจากที่ท่านผู้เฒ่าล่วงลับไป หวังฟูเหรินก็สลับเปลี่ยนผู้ดูแลและลดเงินเดือนของนางก่อนจะให้นางไปเป็คนซักเสื้อผ้า
หลังจากที่ผู้คนออกไปจนหมด กูเฟยเยี่ยนจึงเป็ผู้ไปปิดประตูด้วยตนเอง จากนั้นจึงมาพิจารณาเฉียนโมโมะ
ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าของเฉียนโมโมะจะเสื่อมโทรมทว่าสะอาดสะอ้าน หญิงชรามีอายุห้าสิบต้นๆ เส้นผมขาวโพลน เมื่อเทียบกับหญิงชรารุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เฉียนโมโมะดูท้อแท้และเศร้าระทมมากยิ่งกว่า
หญิงชรากำมือแน่นพลางชายตามองกูเฟยเยี่ยน เห็นได้ชัดว่ามีความตื่นเต้น ทว่าั์ตาสีขุ่นมีความแดงขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้ปรากฏให้เห็นถึงความรักและความเมตตา ท่าทางเช่นนี้ราวกับกำลังเหม่อมองหลานสาวที่พลัดพรากจากกันมานาน
ถึงแม้ว่ากูเฟยเยี่ยนจะไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อหญิงชราคนนี้ ทว่านางมีความทรงจำของร่างเดิม
กูเฟยเยี่ยนเผยถึงรอยยิ้ม “เฉียนโมโมะ ไม่ได้พบเจอกันนานเลย”
ดวงตาของเฉียนโมโมะเปียกชื้นทันทีที่ได้ยินคำพูดเช่นนี้ “นายหญิงน้อย ท่านเติบใหญ่ถึงเพียงนี้แล้ว…เหล่านู๋คิดว่าชีวิตนี้จะไม่ได้พบท่านแล้วเสียอีก! ”
กูเฟยเยี่ยนรีบยื่นผ้าเช็ดหน้าไปให้ “มันจะเป็ไปได้อย่างไร? เฉียนโมโมะ ต่อจากนี้ไปท่านคอยอยู่รับใช้ที่นี่ ที่นี่ไม่มีคนรับใช้ ไม่จำเป็ต้องระมัดระวังมากเกินไป”
เฉียนโมโมะปีติยินดีจึงพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า นางรีบรื้อหีบห่อที่ตนเองนำมาด้วยเพื่อหยิบเสื้อผ้าหนึ่งชุดมายื่นให้กูเฟยเยี่ยน “นายหญิงน้อยเ้าค่ะ เหล่านู่เก็บรักษาเสื้อผ้าของท่านมาโดยตลอด! บัดนี้มีโอกาสส่งคืนให้ท่านแล้ว”
กูเฟยเยี่ยนกางเสื้อผ้าออกบนโต๊ะ ไม่ช้าจึงพบว่าเป็เสื้อผ้าเด็กสีม่วงอ่อน การเย็บปักถักร้อยเรียบง่ายทว่าคงความสง่างามไว้ได้ดี แม้ว่ารูปแบบจะล้าสมัยแต่ก็งามตระการตา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือวัสดุของเสื้อผ้าชุดนี้ยอดเยี่ยมมาก ยอดเยี่ยมถึงขนาดที่ว่าแม้แต่ผ้าไหมแพรวาที่เทียนอู่ฮ่องเต้มอบให้นางก็ยังเทียบไม่ติด
กูเฟยเยี่ยนมองดูแล้วรู้สึกถึงความคุ้นเคยอย่างยิ่ง เพียงแต่นางแยกไม่ออกว่าเป็ความคุ้นเคยของร่างเดิมหรือตัวนางเอง
นางไม่เข้าใจ นี่คือ…