อวี๋จิ่นซูยังคงรู้สึกพะว้าพะวังเพียงแต่คนในสกุลเต็มใจใช้เงินส่งเขาไปเรียนในอำเภอเื่นี้ทำให้สีหน้าของอวี๋จิ่นซูผ่อนคลายลงหลายส่วน “ขอบคุณท่านย่าขอรับ”
"เ้ากับจิ่นเหยียนต้องตั้งใจเรียนให้ดีย่าไม่อยากให้พวกเ้าอยู่ในหมู่บ้านยากจนแห่งนี้ไปตลอดชีวิต"สตรีแซ่อวี๋โจวมองอวี๋จิ่นซูด้วยแววตาเปี่ยมความคาดหวังอันแรงกล้า
อวี๋จิ่นซูหลบสายตาของสตรีแซ่อวี๋โจวแล้วเอ่ยอย่างสบายๆ ว่า"ข้ารู้แล้ว ยามปกติก็ร่ำเรียนอย่างลำบากไม่น้อย ผู้ใดยังจะสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่าสอบได้แน่นอนกันขอรับ"
สตรีแซ่จ้าวที่อยู่ด้านข้างรีบหนุนหลัง “ท่านแม่ ท่านวางใจระยะนี้จิ่นซูกับจิ่นเหยียนล้วนขยันร่ำเรียนอย่างมากเ้าค่ะ”
สตรีอวี๋โจวมองอวี๋จิ่นซูแล้วเอ่ยว่า "ไม่เพียงแต่ขยันแต่ต้องตั้งใจด้วย"
อวี๋จิ่นซูพยักหน้า "ท่านย่า ข้าขอตัวกลับห้องก่อนนะขอรับ"
หลังจากอวี๋จิ่นซูออกไปแล้วสตรีแซ่จ้าวรีบกลับไปยังห้องฝั่งตะวันตกทันทีที่เข้าไปในห้องพลันเอ่ยกับอวี๋ฮั่นซานอย่างรีรอไม่ไหว“ท่านแม่บอกว่าจะให้จิ่นซูเข้าไปเรียนในสำนักศึกษาระดับอำเภอเช่นกันเ้าค่ะ”
อวี๋ฮั่นซานเบิกตาโต ใบหน้าฉายแววยินดี “ท่านแม่พูดเช่นนี้หรือ?”
“นางพูดต่อหน้าข้ากับจิ่นซูด้วยตนเอง ยังจะเป็เื่โกหกงั้นหรือ?” สตรีแซ่จ้าวเผยสีหน้าลำพองใจ“คราวนี้ทั้งจิ่นซูกับจิ่นเหยียนก็จะได้ลงสอบขุนนางในฤดูใบไม้ร่วงแล้วไม่แน่ว่าอาจจะได้เป็จวี่เหรินจริงๆพวกเราสองคนจะได้เป็ท่านพ่อท่านแม่ของจวี่เหรินบัณฑิตระดับท้องถิ่นเสียแล้ว”
“ฝันกลางวันให้น้อยลงสักหน่อย มีหรือจะสอบได้ตำแหน่งจวี่เหรินอย่างง่ายดายถึงเพียงนั้น?” อวี๋ฮั่นซานครุ่นคิดครู่หนึ่ง“ก่อนหน้านี้ตอนส่งจิ่นเหยียนไปสำนักศึกษาระดับอำเภอเงินในจวนถูกใช้ไปเกือบหมดแล้วไม่ใช่หรือ? ท่านแม่เอาเงินจากที่ใดมาส่งจิ่นซูเข้าสำนักศึกษาระดับอำเภออีกกัน?”
สตรีแซ่จ้าวเอ่ยเสียงเบา“คำพูดท่านแม่พวกเรามีหรือจะเชื่อได้ทั้งหมด เงินในจวนล้วนแต่อยู่ในมือของนางท่านแม่บอกว่ารอกระทั่งเก็บเกี่ยวผลผลิตค่อยขายธัญญาหารจำนวนหนึ่งก็จะหาเงินได้เกือบครบแล้วเ้าค่ะ”
อวี๋ฮั่นซานชำเลืองมองไปทางเรือนฝั่งตะวันออก “เื่นี้พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้รู้แล้วหรือไม่?”
“จะกลัวอะไร? พวกเขารู้แล้วจะทำอะไรได้? คิดจะส่งอวี๋จือโจวไปเรียนในสำนักศึกษาระดับอำเภอด้วยงั้นหรือ? เพ้อเจ้อ!ท่านแม่ของพวกเราไม่มีทางหักใจจ่ายเงินจำนวนนี้ให้ครอบครัวใหญ่เป็แน่!”สตรีแซ่จ้าวเผยสีหน้าไม่ยอมออกมา
อวี๋ฮั่นซานเอ่ยเสียงเบา “เ้าเบาเสียงสักหน่อยยามนี้จิ่นเหยียนร่ำเรียนในสำนักศึกษาระดับอำเภอ หากจิ่นซูก็ยังตามไปด้วยสองสามีภรรยาครอบครัวใหญ่เอะอะโวยวายขึ้นมาจะทำอย่างไร? เ้าไปบอกท่านแม่ของเราสักหน่อยรอกระทั่งจิ่นซูเข้าเรียนในสำนักศึกษาระดับอำเภอแล้วค่อยบอกคนในครอบครัวจะได้ไม่เกิดปัญหาใหม่สอดแทรกเข้ามา”
สตรีแซ่จ้าวพึมพำเสียงเบา “เพราะท่านแม่เอ็นดูพวกเราพวกพี่ใหญ่โวยวายแล้วจะส่งอวี๋จือโจวไปเรียนในสำนักศึกษาระดับอำเภอได้งั้นหรือ? ท่านแม่รู้แจ้งแก่ใจ เอ็นดูเพียงครอบครัวสามของพวกเราอีกทั้งสองสามีครอบครัวใหญ่ยังมีนิสัยนิ่งเงียบมาตลอดมีหรือจะกล้าโวยวายกับท่านแม่ ท่านวางใจเถิด”
ในขณะนี้เอง นอกประตูเรือนฝั่งตะวันออกมีเสียงฝีเท้าดังเข้ามาอวี๋ฮั่นซานรีบใช้ข้อศอกกระทุ้งสตรีแซ่จ้าวเพื่อบอกใบ้ให้นางเงียบปาก
ประตูเรือนถูกเคาะ สตรีแซ่จ้าวเปิดประตูออกเมื่อเห็นสตรีแซ่จางยืนอยู่ข้างนอกจึงรู้สึกใจฝ่ออย่างไม่อาจเลี่ยง “พี่สะใภ้ใหญ่ท่านมีเื่อะไรหรือ?”
สตรีแซ่จางยืนอยู่นอกห้อง “เสวี่ยหรูจนถึงป่านนี้เ้าสามก็ยังไม่กลับมา เ้าช่วยข้าถามจิ่นซูหน่อยได้หรือไม่เขารู้หรือไม่ว่าจือโจวไปทำอะไรเสียแล้ว?”
อวี๋เฉียวซานของครอบครัวใหญ่มีบุตรชายสองบุตรสาวหนึ่งบุตรสาวนามอวี๋กานเฉ่าออกเรือนแล้ว บุตรชายคนโตอวี๋จือหางก็แต่งภรรยามีบุตรสาวแล้วมีเพียงบุตรชายคนเล็กนามอวี๋จือโจวที่อายุยังน้อยในสกุลอวี๋นับเป็บุตรหลานลำดับสาม ร่ำเรียนวิชาอยู่ในสำนักศึกษาในตัวเมืองเช่นเดียวกับอวี๋จิ่นซู
ครั้นสตรีแซ่จ้าวเห็นสีหน้าของสตรีแซ่จางเป็ปกติคล้ายกับไม่ได้ยินสิ่งที่นางพูดเมื่อครู่ถึงรู้สึกวางใจ รีบเอ่ยทั้งรอยยิ้มว่า“ข้าจะไปถามจิ่นซูสักหน่อย”
สตรีแซ่จางรออยู่หน้าประตู ผ่านไปครู่หนึ่งอวี๋จิ่นซูเดินออกมาจากห้องด้านใน“ป้าสะใภ้ใหญ่ จือโจวบอกว่ามีเื่เล็กน้อยขอรับ จะกลับจวนช้าสักหน่อย”
“จือโจวบอกหรือไม่ว่าเื่อะไร?” สตรีแซ่จางเอ่ยถามด้วยความเป็ห่วง
อวี๋จิ่นซูส่ายหน้า “ไม่ได้ยินเขาบอกอะไรขอรับ เพียงแต่...”อวี๋จิ่นซูเผยสีหน้าลำบากใจ “ระยะหลังมานี้จือโจวสนิทกับปัญญาชนที่ไม่ทำการทำงานผู้หนึ่งขอรับตอนกลับจากสำนักศึกษา ข้าเห็นจือโจวกับคนผู้นั้นไปด้วยกัน ไม่รู้ว่าไปทำอะไรขอรับ”