อูหลันฮวากินข้าวไม่ได้ พวกเขาก็อย่าหวังจะได้กิน หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้งผ่านไป พวกเขาก็ทนความโกลาหลไม่ไหว ต้องยอมให้นางกินข้าวครบสามมื้อแต่โดยดี
นางมีกำลังวังชามาก ปริมาณอาหารที่กินย่อมมากตาม ทุกครั้งที่ป้าสะใภ้เห็นนางกินข้าวบนโต๊ะก็ทำท่าราวกับกลัวถูกปล้น
หม้อข้าวต้องวางใกล้นางที่สุด ทุกคนในบ้านจะเติมข้าวต้องผ่านมือนาง อูหลันฮวาเติมข้าวได้อย่างมากแค่ครึ่งชาม หากคิดจะเพิ่มมากกว่านั้น ก็จะมีปากเสียงกลายเป็เื่ใหญ่
กับข้าวถ้ามีเนื้อก็มักจะวางให้อยู่ไกลจากนางที่สุด ของที่วางตรงหน้านางมักมีแต่ผักดอง ถั่วงอก ผักกาดเขียว หรือผัดถั่วเหลือง เป็ต้น"
หากนางกล้าข้ามจานผักไปคีบจานเนื้อ คีบครั้งแรกก็ถูกมองตาเขียว คีบอีกครั้งก็เริ่มถูกดุด่า หากมีครั้งที่สาม ก็ไม่ต้องกินข้าวกันแล้ว
อูหลันฮวาไม่อาจทะเลาะกับผู้อื่นได้ทุกวัน เพื่อกินเนื้อสักชิ้นต้องอาละวาดปานฟ้าถล่มดินทลาย อีกอย่างนางก็พูดไม่คล่อง การทะเลาะกับครอบครัวของท่านลุง ท้ายที่สุดคนเสียเปรียบถูกด่ายับก็มักจะเป็นางเสมอ
ดังนั้นหลังจากบิดามารดาเสียชีวิต นางก็ไม่เคยได้กินเนื้ออย่างสำราญใจแม้แต่มื้อเดียว
พอได้ยินต้าเหนียงจื่อสกุลเหลียนเอ่ยถึงรายการอาหารชวนน้ำลายสอ ท้องของอูหลันฮวาก็ร้องขึ้นเองอัตโนมัติ
"หลันฮวา เ้าต้องมาให้ได้เลยนะ ข้าจะเหลือกับข้าวดีๆ ไว้ให้ มีเวลาว่างเมื่อไรก็มาได้เลย" เซวียเสี่ยวหรั่นตบบ่าของนาง ยามัักระดูกที่ปูดโปนออกมา พลันรู้สึกเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก
หญิงสาวที่ไร้พ่อขาดแม่ ซ้ำยังถูกครอบครัวของลุงปฏิบัติเช่นนี้
อูหลันฮวาข่มใจครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ท้ายที่สุดก็ไม่อาจต้านทานความอยากกินเนื้อ ใบหน้าแดงซ่านผงกศีรษะน้อยๆ
เนื้อที่ซื้อมาหนักมาก กระบุงสะพายหลังใส่ไม่พอ อูหลันฮวาจึงยกตะกร้าผักของตนเองให้ แน่นอนว่าย่อมช่วยถือเนื้อหนักอึ้งเ่าั้ให้ด้วยความเต็มใจ
ซื้อเนื้อแล้ว ต่อไปก็ซื้อเครื่องปรุง จากนั้นก็แล่นไปร้านขายของชำ
ของในกระบุงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของที่ซีมู่เซียงกับอูหลันฮวาช่วยถือก็ไม่น้อย
กลับมาถึงปากทางเข้าตลาดนัด ซีต้าเฉียงขายของไปได้พอสมควรแล้ว พอได้ยินว่าพวกนางเจอพวกหัวขโมย สีหน้าก็เคร่งเครียดโดยไม่รู้ตัว
"เ้าพวกคนเร่ร่อนบัดซบจากเต้าจื่อหลิ่งเที่ยวสร้างปัญหาก่อความวุ่นวายไปทั่ว หัวหน้าเผ่าของพวกเขาก็ไม่นำพา ไม่ช้าก็เร็วคงต้องเกิดหายนะใหญ่เป็แน่"
เต้าจื่อหลิ่งอยู่ไม่ไกลจากขู่หลิ่งถุนของพวกเขามากนัก คนเผ่าเต้าจื่อหลิ่งชอบก่อปัญหา ซีต้าเฉียงเกรงว่าหมู่บ้านของพวกเขาจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย
"ไปเถอะ กลับกันก่อน" ซีต้าเฉียงเก็บของเสร็จเรียบร้อย คิดจะไปปรึกษาหารือกับผู้าุโสกุลอูเพื่อตักเตือนพวกชาวบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเ้าพวกเกกมะเหรกไม่เป็โล้เป็พายสองสามคนในหมู่บ้าน หากไปคบหากับพวกอันธพาลจากเต้าจื่อหลิ่งเ่าั้ ปัญหาที่จะตามมาคงไม่เบา
เกวียนค่อยๆ เคลื่อนที่ออกจากปากทางตลาดนัด ทิ้งความจอแจของผู้คนเอาไว้เื้ั
สีหน้าของซีต้าเฉียงค่อนข้างคร่ำเคร่ง บรรยากาศบนหลังเกวียนจึงค่อนข้างตึงเครียด
หลังจากนั้นสองเค่อ เกวียนของพวกเขาก็กลับมาถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน
อูต้าฟางะโลงจากรถก่อนเข้าหมู่บ้าน นางไม่อยากให้ครอบครัวของอูต้าฟางรู้ว่าตนเองแอบไปตลาดนัด ดังนั้นจึงใช้ทางลัดอื่นกลับเข้าไปแทน
เกวียนมาหยุดที่หน้าประตูบ้านของสกุลซี ซีต้าเฉียงะโเรียกซีมู่เซิงให้เขาช่วยต้าเหนียงจื่อสกุลเหลียนนำของไปส่งที่ท้ายหมู่บ้าน
"ท่านลุงซี พวกท่านมากินเลี้ยงบ้านข้า่ก่อนตะวันตกดินแล้วกันนะ" ระหว่างทาง เซวียเสี่ยวหรั่นเชื้อเชิญพวกเขาทั้งครอบครัวแล้ว แต่เธอไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับการบอกโมงยามของที่นี่ จึงได้แต่อ้างอิงจากดวงตะวัน
ซีต้าเฉียงสีหน้าอ่อนลงมาก หันมายิ้มพลางตอบรับเสียงดังฟังชัด
เซวียเสี่ยวหรั่นสะพายกระบุงขึ้นหลังไปท้ายหมู่บ้านพร้อมกับซีมู่เซิงและซีมู่เซียง
"ซีมู่เซิง ตอนพวกเ้ามารบกวนไปตามสองพี่น้องซีหย่วนกับซีต้าด้วยนะ"
ซีหย่วนต้องได้รับเชิญแน่นอน ไม่ต้องพูดถึงที่หนุ่มน้อยผู้นั้นมักจะมาช่วยตักน้ำตัดฟืนให้เป็ประจำ ลำพังแค่พวกนางมาอาศัยอยู่บ้านของผู้อื่น ก็มีเหตุผลเพียงพอที่จะเชิญพวกเขามาร่วมงานเลี้ยงแล้ว
แม้จะไม่รู้จักมักจี่กับซีต้าน้องชายของเขามากนัก แต่เขาก็เป็คนซื่อ ไม่ปากเสียคิดแต่เื่สกปรกชวนน่ารังเกียจเหมือนซีติ้งผู้นั้น
เซวียเสี่ยวหรั่นจึงเต็มใจเชิญพวกเขามากินข้าวด้วยกัน
ซีมู่เซิงรับปากหลายครั้งติดกัน
ขณะที่ทั้งสามเดินผ่านบ้านของอูต้าฟาง ก็มีเสียงด่าทอของสตรีลั่นออกมาจากด้านใน
"นังตัวซวย ออกไปแต่เช้า ตัดฟืนกลับมาแค่นี้ มัวแต่ไปตายที่ไหนมา ไม่ทำการทำงาน วันๆ รู้จักแต่กิน กิน กิน โอ๊ย... คนทั้งบ้านกินไม่อิ่ม ห่มไม่อุ่น ยังต้องหาเลี้ยงหมาป่าตาขาวอย่างเ้า ชีวิตข้าทำไมถึงลำบากลำบนขนาดนี้..."
สารพัดคำหยาบพ่นออกมาไม่ขาดปาก "หมาป่าตาขาว นังดาวหายนะ" ด่ากลับไปกลับมาอยู่อย่างนั้น แต่ไม่ได้ยินเสียงอูหลันฮวาตอบโต้สักคำ
เซวียเสี่ยวหรั่นได้ยินแล้วก็อ้าปากตาค้าง
ซีมู่เซียงกลับถอนหายใจ แต่นึกดูแล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้พบเห็นเื่ราวเช่นนี้
"ต้าเหนียงจื่อ ไปกันเถอะ"
เซวียเสี่ยวหรั่นท่าทางลังเล "บ้านของพวกเขาปฏิบัติต่อหลันฮวาเช่นนี้ตลอดมาเลยหรือ"
ซีมู่เซียงผงกศีรษะ "ดีที่แค่ด่าทอ อย่างน้อยก็ไม่ตบตี"
หากไม่เพราะอูหลันฮวาแรงเยอะ พวกเขาสู้ไม่ได้ ก็คงไม่พ้นการถูกตบตี
เซวียเสี่ยวหรั่นนิ่งอึ้ง บุตรที่กำพร้าบิดามารดาไม่ต่างอะไรกับต้นหญ้า
"คนในบ้านอูต้าฟางเป็พวกปากสว่าง อูหลันฮวาลงไม้ลงมือกับคนที่ด่านางกี่คน พวกเขาก็ไปฟ้องอูต้าฟาง แต่เฒ่าผู้นั้นไม่สนใจอยู่แล้ว พอเห็นจัดการไม่ได้ ต่อมาก็ไม่มีใครในหมู่บ้านกล้าไปยั่วโทสะนางอีกเลย"
ซีมู่เซิงสะท้อนใจ เด็กๆ มากมายในหมู่บ้านล้วนเคยถูกอูหลันฮวาจัดการทั้งสิ้น
เซวียเสี่ยวหรั่นฟังแล้วค่อยอารมณ์ดีขึ้น อย่างไรเสียสตรีผู้นี้ก็ยังปกป้องตนเองได้
แม้จะเป็เพียงต้นหญ้า แต่ก็เป็หญ้าที่ทนทานเต็มเปี่ยม ไม่ถูกพายุฝนกดข่มจนต้องค้อมเอว
พอกลับมาถึงเรือน อาเหลยก็วิ่งเข้ามาต้อนรับด้วยความตื่นเต้น
เซวียเสี่ยวหรั่นวางกระบุงลง ของหนักเกินไป หัวไหล่ที่ถลอกั้แ่เมื่อวานเริ่มเจ็บขึ้นมาอีกแล้ว
เธอยิ้มพลางลูบหัวของอาเหลย แล้วหยิบห่อกระดาษห่อหนึ่งออกมา ในนั้นมีถั่วลิสงที่ได้มาจากตลาดนัด ซื้อมาให้อาเหลยโดยเฉพาะ อาเหลยชอบกินถั่วเปลือกแข็งทุกชนิด ต้องโปรดปรานถั่วลิสงมากอย่างแน่นอน
เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบถั่วลิสงเม็ดหนึ่งออกมา กะเทาะเปลือกออกเผยให้เห็นเมล็ดถั่วด้านใน หลังจากนั้นก็ส่งเข้าปากกิน
อาเหลยเข้าใจทันที มันร้องเจี๊ยกๆ อย่างมีความสุข
เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบถั่วลิสงกำหนึ่งวางที่ระเบียงให้มันกินเล่น
เหลียนเซวียนยังคงนั่งอยู่หน้าประตูห้องของตนเอง กำลังเหลาลูกดอกซัวเปียวเพิ่ม ที่เหลาไว้คราก่อนเหลือแค่ไม่กี่ดอกแล้ว
ได้ยินเสียงพวกนางกลับมาเขาก็เหลือบมองอย่างเงียบเชียบ
"เหลียนเซวียน ซื้อรองเท้าให้ท่านด้วย อีกสักครู่ก็เปลี่ยนได้เลย" เซวียเสี่ยวหรั่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่เหลียนเซวียนเป็คนช่างสังเกต รู้สึกได้ว่านางไม่ค่อยเบิกบานเท่าไรนัก
ไปเจอเื่อะไรมา?
ก่อนออกจากบ้านยังร่าเริงมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด
เหลียนเซวียนคิ้วขมวดเล็กน้อย
"ต้าเหนียงจื่อ เนื้อเอาไปวางในห้องครัวนะขอรับ" ซีมู่เซิงขนเนื้อหนักอึ้งเข้าไปในห้องครัว นึกอุทานในใจ ทุกครั้งที่ต้าเหนียงจื่อผู้นี้ซื้อของเป็ต้องกองเป็ูเา
"เฮ่อ... เรียบร้อย ขอบใจเ้ามากนะ มู่เซิง" เซวียเสี่ยวหรั่นแยกประเภทสิ่งของเสร็จ ก็เงยหน้ายิ้มให้ซีมู่เซิง
ดวงหน้าขาวผุดผ่องแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มงดงามปานบุปผาเบ่งบาน แก้มของซีมู่เซิงพลันย้อมไปด้วยสีแดงระเรื่อ เอ่ยอย่างเก้อเขิน "ไม่ต้องเกรงใจ"
หลังจากนั้นก็บอกน้องสาวประโยคหนึ่ง แล้วอำลากลับ
ขณะเดินออกจากเรือนยังหันกลับไปมองอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ สตรีในเรือนสวมชุดสีแดง ขับเน้นให้ผิวยิ่งขาวกระจ่างดูราวกับดอกท้อเดือนสามงามสะพรั่ง
ต้าเหนียงจื่อสกุลเหลียนช่างงดงามยิ่งนัก ซีมู่เซิงเกาศีรษะหน้าแดงเดินจากไป
