เซี่ยโม่มองชายหนุ่ม “พี่ซ่ง พี่เชื่อฉันไหมคะ”
ซ่งมู่ไป๋พยักหน้า “เธอพูดอะไรมาฉันเชื่อหมดนั่นแหละ”
พี่ซ่งเข้าใจพูดจริงๆ เธออธิบายต่อด้วยสีหน้าจริงจัง “คนหนุ่มสาวยังพอว่า แต่ถ้าเป็คนแก่ หากกินน้ำตาลมากๆ จะทำให้เป็โรคเบาหวานได้”
ซ่งมู่ไป๋แย่งแก้วน้ำไปจากมือเธอ ก่อนจะเทใส่แก้วตัวเอง
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก
“พี่ซ่งคะ ฉันดื่มน้ำในแก้วไปแล้วอึกหนึ่ง…” เธออ้าปากค้างตาโต ก่อนจะรีบทักท้วงเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้
ชายหนุ่มตอบกลับคล้ายไม่ใส่ใจ “ไม่เป็ไร ดื่มแค่ไม่กี่อึก ฉันไม่ถือหรอก”
เซี่ยโม่พูดไม่ออก นี่พี่ซ่งเป็คนไม่คิดเล็กคิดน้อยหรือเขาชอบเธอมากกันแน่
เธอเปรียบเสมือนต้นอ่อนที่ยังไม่โตเต็มวัยแต่กลับถูกจับจองเสียแล้ว นับว่าเป็เื่ที่ดีหรือไม่นะ?
เซี่ยโม่หน้าแดง พยายามหลบสายตาชายหนุ่มที่มองมา แล้วก็ต้องพบว่าในบ้านมีพี่ซ่งอยู่แค่คนเดียว
ด้วยความสงสัยจึงเอ่ยถามออกไป “พวกพี่พั่งจื่อล่ะคะ”
“พวกนั้นไม่อยู่นะ ไปทำธุระ”
ความจริงพั่งจื่อกับโซ่วจื่อถูกซ่งมู่ไป๋ไล่ออกจากบ้านต่างหาก
นานๆ ทีเด็กสาวถึงจะมาหา เขาย่อมอยากอยู่กับเด็กสาวตามลำพัง ไม่ยอมให้มีใครอยู่เป็กว้างขวางคอเด็ดขาด
ด้านพั่งจื่อกับโซ่วจื่อ หลังถูกไล่ออกจากบ้าน โซ่วจื่อก็เอ่ยถามเพื่อนร่วมชะตากรรม “พั่งจื่อ แกจะไปไหน”
พั่งจื่อตอบอย่างมีลับลมคมนัย “ฉันจะไปหาแฟน แกห้ามตามมาเด็ดขาด”
โซ่วจื่ออดถามอย่างสงสัยไม่ได้ “พั่งจื่อ ใช้ได้นี่หว่า ไปมีแฟนั้แ่เมื่อไร ฉันอยากเจอเพื่อนสะใภ้ ฉันไปด้วยคนสิ”
พั่งจื่อตอบด้วยน้ำเสียงรังเกียจ “อยากเจออะไร แกอยากไปไหนก็ไปเลยไป”
“มีแฟนแล้วลืมเพื่อน ชิ” โซ่วจื่อบ่นกระปอดกระแปดอย่างไม่พอใจก่อนจะเดินแยกไปอีกทาง
หลังจากสลัดโซ่วจื่อได้ พั่งจื่อตรงไปที่ร้านอาหารของพี่หม่าเพื่อไปเจอน้องเสี่ยวชุ่ย เมื่อมาถึงอีกฝ่ายกำลังเช็ดทำความสะอาดโต๊ะอย่างขยันขันแข็ง
“น้องเสี่ยวชุ่ย คือว่า เธอชอบเครื่องประดับอะไร เดี๋ยวพี่ซื้อมาให้”
เสี่ยวชุ่ยกลอกตามองพั่งจื่อแวบหนึ่ง “พี่พั่งจื่อ ฉันมีแฟนแล้วค่ะ”
พั่งจื่ออึกๆ อักๆ ไปต่อไม่ถูก “น้องเสี่ยวชุ่ย เธอมีแฟนแล้วก็ไม่เป็ไร ฉันเห็นเธอเป็น้องสาว ฉันชอบมีน้องสาวอย่างเธอ…”
พั่งจื่อถือคำพูดล้อเล่นของเซี่ยโม่เป็จริงเป็จัง ที่ว่าขอแค่ตื๊อ สักวันต้องได้ใจของอีกฝ่ายมาครองแน่นอน
ยังไม่ทันที่เสี่ยวชุ่ยจะได้พูดอะไร เสียงผลักประตูก็ดังขึ้น มีคนเปิดประตูเข้ามา คนที่มาใหม่คือโซ่วจื่อที่กำลังขมวดคิ้วมุ่น
พั่งจื่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “โซ่วจื่อ แกมาทำอะไรที่นี่”
โซ่วจื่อยิ้มเ้าเล่ห์ก่อนจะตอบอย่างยียวน “แกมาทำอะไร ฉันก็มาเพราะจุดประสงค์เดียวกับแกนั่นแหละ”
พั่งจื่อนึกเซ็งอยู่ในใจ อีกฝ่ายตามเขามาได้อย่างไร ใครก็ได้ช่วยบอกเขาทีว่าควรต้องทำอะไร จะให้รอต่อไม่ลงมือตอนนี้ก็ไม่ได้ เขายิ่งใจร้อนอยู่
พักเื่จีบสาวของพั่งจื่อเอาไว้ก่อน มาดูทางฝั่งเซี่ยโม่กับซ่งมู่ไป๋ต่อดีกว่า
ต่อมาไม่นานเซี่ยโม่ก็ลุกขึ้นยืน “พี่ซ่ง ฉันควรจะกลับได้แล้ว”
ซ่งมู่ไป๋อาลัยอาวรณ์ยังไม่อยากให้เด็กสาวกลับ “นั่งต่ออีกหน่อยเถอะ อย่าเพิ่งรีบกลับเลย”
เห็นผมเด็กสาวยุ่ง เขาเลยรีบอาสาอย่างกระตือรือร้น “ผมเธอยุ่ง เดี๋ยวฉันช่วยถักเปียให้นะ”
“ไม่เป็ไรค่ะ ฉันทำเองได้”
เซี่ยโม่ที่ชอบทำอะไรด้วยตัวเองดึงยางรัดผมออก สางผมทีสองทีก่อนจะถักเปียอย่างง่ายๆ ทว่าขณะที่กำลังจะมัด มือกลับแตะโดนอะไรบางอย่างที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเข้าเสียก่อน
ไม่รู้ว่าพี่ซ่งลุกขึ้นไปยืนอยู่ด้านหลังเธอั้แ่เมื่อไร เขายื่นมือมาฉวยยางรัดผมไปจากมือเธอ
“พี่ซ่ง พี่ทำได้เหรอคะ” เซี่ยโม่ถามอย่างสงสัย
ชายหนุ่มตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ก็แค่ถักเปียเอง เธอปล่อยมือเถอะ”
ต้องมาถักเปียให้ตัวเองมันก็ดูแปลกจริงๆ นั่นแหละ
เธอส่งยางรัดผมให้อีกฝ่าย พร้อมกับปล่อยมือที่จับผมเอาไว้ ขณะที่ในใจก็ลุ้นระทึกว่าพี่ซ่งจะถักเปียได้จริงแน่หรือ
เธอนั่งปล่อยให้ชายหนุ่มถักเปียให้ตั้งนานสองนาน แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จเสียที
ด้วยความสงสัยจึงเอ่ยถามออกไป “พี่ซ่ง เมื่อไรจะเสร็จคะ”
ซ่งมู่ไป๋ในเวลานี้กำลังเจอเข้ากับปัญหาใหญ่ เดิมทีเขานึกว่าการถักเปียนั้นทำง่าย แต่ไม่ว่าจะพยายามถักเปียให้แน่นเท่าไรก็จะมีปอยผมหลุดออกมาอยู่ดี
มืออีกข้างถือยางรัดผม พร้อมกับครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะเอาผมเข้ามาในยางรัดผมวงนี้อย่างไร
ขณะเดียวกันก็ได้กลิ่นหอมหวานจากตัวเด็กสาวเข้ามาปะทะจมูกอยู่ตลอดเวลา ทำให้ใจเขาแตกกระเจิงไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ซ่งมู่ไป๋ไม่รู้เลยว่าจู่ๆ มือที่คล่องแคล่วของเขาทำไมเวลานี้ถึงได้แข็ง ขยับไม่ได้ดังใจ ยิ่งรีบมัดก็ยิ่งยุ่งเหยิง
ใบหน้าเริ่มมีเหงื่อไหลลงมาตามหน้าผาก แม้แต่ที่มือก็เริ่มมีเหงื่อซึม
เขาพยายามยัดผมใส่เข้าไปในยางรัดผม แต่ก็มีปอยผมบางส่วนหลุดออกมาอยู่ดี
และเมื่อปล่อยมือ ยางรัดผมพลันร่วงหลุดออกจากผม เปียที่ถักไว้ก็คลายออก เขาจึงต้องใช้มือรวบผมขึ้นมาใหม่
กว่าเซี่ยโม่จะรู้ตัวก็พบว่าศีรษะของตัวเองตอนนี้กลายสภาพเป็รังนกไปแล้ว เธอคงจะประเมินพี่ซ่งสูงเกินไป
เธอที่เป็คนจิตใจดีพยายามท่องเอาไว้ว่าพี่ซ่งมีจุดประสงค์ดี เพราะฉะนั้นจะโกรธเขาไม่ได้
“พี่ซ่ง เดี๋ยวฉันทำเองดีกว่าค่ะ” เด็กสาวเอ่ยออกไปหลังจากรอมาเนิ่นนาน
ถึงแม้ในโกดังสินค้าจะมีหวีสวยงามมากมายแค่ไหน แต่เนื่องจากมีพี่ซ่งอยู่ด้วย เธอเลยไม่กล้าหยิบออกมา เธอใช้มือสางผมก่อนจะถักเปียและรัดด้วยยางรัดผม
เรียบร้อย!
ซ่งมู่ไป๋ที่มองดูอยู่รู้สึกว่าตัวเองช่างโง่เขลาเหลือเกิน ลืมไปเสียสนิทเลยว่าเส้นผมมันจับงอจับโค้งได้
หากมีโอกาสอีกครั้งเขาไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองเสียหน้าแบบเมื่อครู่อีกแน่
เขากำหมัดแน่น รวบรวมความกล้าก่อนจะเอ่ยออกไป “ตอนนี้ฉันทำเป็แล้ว ขอฉันทำอีกรอบนะ”
เซี่ยโม่ส่ายหน้าจนเส้นผมสะบัดไปมาตามแรงเหวี่ยง
นี่เป็ครั้งแรกที่เธอเห็นว่าพี่ซ่งก็มีสิ่งที่ไม่ถนัด แต่กลับแสร้งว่าทำเป็
เธอไม่มีทางหลงกลอีกครั้งแน่ ไม่ยอมเป็หุ่นทดลองให้หรอกนะ
“พี่ซ่ง ฉันต้องรีบไปเรียนแล้วค่ะ” เด็กสาวว่าพลางวิ่งออกไป
ซ่งมู่ไป๋มองตามพร้อมกำชับอย่างเป็ห่วงประหนึ่งมารดาก็ไม่ปาน “อย่าขี่จักรยานเร็วนักล่ะ”
“ทราบแล้วค่ะ!”
เซี่ยโม่ขึ้นรถจักรยานได้ก็ปั่นจากไปอย่างรวดเร็ว ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะมาวอแวกับผมเธออีก
ระหว่างทางเธอผ่านร้านของเก่าพอดี เซี่ยโม่พบว่าตรงหน้าร้านยังคงมีชายชราที่ถูกเธอซื้อด้วยลูกอมนมยี่ห้อกระต่ายขาวนั่งอยู่
เธอใช้มือตบที่ศีรษะตัวเองไม่แรงนัก พอเปิดเทอมเธอก็มัวแต่ยุ่งวุ่นวาย เลยลืมที่บอกกับคุณปู่ร้านของเก่าไปเสียสนิทเลย
เธอลงจากรถจักรยาน พร้อมกับเดินเข้าไปหาคุณปู่ร้านของเก่าด้วยรอยยิ้ม
“คุณปู่จำฉันได้ไหมคะ”
ความที่กลัวว่าคนตรงหน้าจะจำไม่ได้ เธอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า ซึ่งแท้จริงแล้วคือล้วงมือเข้าไปหยิบลูกอมนมยี่ห้อกระต่ายขาวจากโกดังสินค้าออกมาสามสี่เม็ด
คุณปู่ร้านของเก่าจ้องมองเด็กสาวตรงหน้าอยู่นาน เด็กคนนี้ตอนเจอเมื่อครั้งที่แล้วตัวยังผอมไม่มีเนื้อไม่มีหนังอยู่เลย แต่ครั้งนี้กลับสวมเสื้อผ้าใหม่เอี่ยม ทั้งยังขี่จักรยานมา เห็นได้ชัดว่าฐานะดีขึ้น
พออีกฝ่ายจำได้ สีหน้ากลับเปลี่ยนเป็ไม่พอใจ “ครั้งที่แล้วบอกฉันว่าผ่านไปสิบกว่าวันจะมาใหม่ ฉันก็รอตั้งเดือนกว่า ทั้งยังบอกอีกว่าจะเอาลูกอมนมมาฝาก พอฐานะดีขึ้นก็เลยดูถูกฉันใช่ไหม คิดจะเอาลูกอมนมแค่ไม่กี่เม็ดมาหลอกฉันอีกงั้นเหรอ”
