เมื่อจวินเหยียนได้ยิน สายตาที่มองนางพลันอ่อนโยนขึ้นหลายส่วน แม้ว่าทุกสิ่งที่นางทำไปจะเป็เพราะสัญญาระหว่างเขากับนาง แต่นางก็ยังอยากสอนให้ชาวบ้านเหล่านี้ได้เข้าใจในหลักการที่ว่า อยู่ใกล้เขากินเขา อยู่ใกล้น้ำกินน้ำ [1] สถานที่แห่งนี้ถูกล้อมไว้ด้วยูเา ทว่า บนเขานั้นกลับเต็มไปด้วยสิ่งที่วิเศษดั่งทองคำในทุกตารางนิ้ว ขอแค่พวกเขาอยากสร้างรายได้ก็สามารถเลือกที่จะขึ้นเขาไปเด็ดสมุนไพร หากทุกสิ่งเป็เช่นนี้ ต่อให้จะต้องจ่ายส่วยให้ทางการไปแล้ว พวกเขาก็ยังหารายได้จากช่องทางอื่นได้อีก หรือต่อให้เสบียงในบ้านจะหมดไป แต่พวกเขาก็ยังสามารถใช้เงินไปแลกซื้อเสบียงของคนอื่นมาได้
ขอแค่มีเงิน ทุกอย่างก็จะง่ายดายไปหมด
วันต่อๆ มา อวิ๋นซีให้ภรรยาโจวต้าช่วยหาคนที่สามารถทำงานได้อย่างละเอียดรอบคอบ และรวดเร็วมาสองคน ก่อนจะพาพวกนางขึ้นไปบนเขา เพื่อสอนวิธีเก็บจินอิ๋นฮวา กับหลัวปู้หมา ทั้งยังสอนวิธีแปรรูปตากแห้งชาหลัวปู้หมา รวมถึงวิธีแปรรูปหวงเสินให้พร้อมใช้งาน
หลังจากนั้นก็ให้สตรีทั้งสามที่ผ่านการฝึกฝนกับตนไปประกาศในหมู่บ้านว่า ้ารับซื้อจินอิ๋นฮวาและหลัวปู้หมาเหล่านี้ และเมื่อชาวบ้านพากันไปเก็บ พวกเขาทั้งสามก็จะรับหน้าที่แปรรูปให้พร้อมใช้งาน จากนั้นอวิ๋นซีก็จะให้คนมารับซื้อ
จินอิ๋นฮวาสดหนึ่งจินมีมูลค่าสี่อีแปะ หวงเสินสดหนึ่งจินได้สองอีแปะ หลัวปู้หมาสดหนึ่งจินได้สี่อีแปะ ทว่าในด้านคุณภาพของสินค้านั้นจะต้องควบคุมอย่างดี มิฉะนั้นนางจะไม่รับของ
เมื่อข่าวนี้แพร่ไปในหมู่บ้าน ทุกคนก็รู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย สุดท้ายภรรยาโจวต้าก็บอกว่า ตนได้ทิ้งเงินไว้ให้พ่อสามีแล้ว ซึ่งจะมีการตัดบัญชีในทุกๆ สามวัน
เมื่อเป็เช่นนี้ ทุกคนในหมู่บ้านก็กระตือรือร้นกันเป็อย่างยิ่ง หากเป็คนขยันและทำงานเร็ว เพียงวันเดียวก็สามารถเก็บจินอิ๋นฮวาได้หลายจิน ดังนั้น วันหนึ่งๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะได้เงินถึงสามสิบสี่สิบอีแปะแล้วหรือ ส่วนบุรุษนั้นสามารถเลือกไปขุดหวงเสินก็ได้ ที่นี่เป็เขาลูกใหญ่ จึงมีหวงเสินที่เติบโตตามธรรมชาติอยู่มากมาย แม้แต่หลัวปู้หมาใน่เวลานี้ก็มีเยอะมากเช่นกัน หากเป็คนขยันและทำงานเร็วกันทั้งครอบครัว วันหนึ่งๆ ก็จะได้เงินกว่าร้อยอีแปะ ซึ่งนับว่าทำเงินได้มากกว่าการไปรับจ้างในตัวอำเภอเสียอีก
จวินเหยียนให้องครักษ์ลับนำเงินห้าสิบตำลึงไปแลกเป็เหรียญอีแปะ จากนั้นก็มอบให้คนในหมู่บ้านเพียงคนเดียวที่รู้หนังสือ ซึ่งก็คือ นายท่านโจว ก่อนจะพาอวิ๋นซีออกจากหมู่บ้านสกุลโจว นอกจากนี้ ก่อนจากไปอวิ๋นซียังได้บอกอีกว่า ทุกๆ วันที่สิบห้าและวันสุดท้ายของเดือนจะให้คนมารับของ ส่วนภรรยาโจวต้าและคนที่รับเงินในตอนทำงานจะต้องระมัดระวังให้ดี และคอยควบคุมคุณภาพสินค้าให้อยู่ในระดับดีเสมอ
เมื่อจวินเหยียนและอวิ๋นซีเดินทางพ้นหมู่บ้านมาได้สักพัก จึงได้ขึ้นขี่ม้าจากไป ชายหนุ่มมองแผ่นหลังของนางพลางนึกถึงเื่ที่นางทำเพื่อชาวบ้านในหมู่บ้านสกุลโจว ริมฝีปากเขาก็ค่อยๆ โค้งขึ้น
เขาเชื่อว่า เวลาไม่ถึงครึ่งปี หมู่บ้านสกุลโจวจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน และทุกอย่างเหล่านี้ที่เกิดขึ้นได้ก็เป็เพราะหมอหญิงที่มีนามว่า อวิ๋นซี
ตลอดทางที่เร่งเดินทางกลับ อวิ๋นซีไม่อยากปลอมตัวเป็สามีภรรยากับเขาแล้ว คนทั้งสองจึงเร่งขี่ม้ามุ่งหน้ากลับไปยังนครหานโจว ทว่าในระหว่างที่หยุดพัก องครักษ์ลับก็เข้ามารายงานเื่ลู่เหวินเจิ้น
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินแล้วก็หัวเราะเยาะหยัน มิคาดลู่อวี้ฉิงผู้นี้จะเป็คนหัวอ่อน เมื่อถูกลู่เหวินเจิ้นรวบหัวรวบหางไปแล้ว คนก็ถูกเงินทองและอัญมณีล้ำค่าทำให้ลุ่มหลงถึงกับยินดีเข้าหาลู่เหวินเจิ้นด้วยตนเอง ยิ่งกว่านั้น ในทุกๆ วันที่อยู่ในเรือนพักส่วนตัว นางก็เต็มใจทำเื่เ่าั้กับเขาวันละตั้งหลายรอบ
“ท่านว่า หากสตรีแซ่สือได้ล่วงรู้ว่าบุตรสาวของตนที่ถือกำเนิดกับสือเหยียนจวินถูกลู่เหวินเจิ้นทำให้ด่างพร้อยไปแล้ว นางจะโกรธจนถือกระบี่ไปไล่สังหารลู่เหวินเจิ้นเลยหรือไม่” จู่ๆ อวิ๋นซีก็อยากรู้ปฏิกิริยาของสตรีแซ่สือขึ้นมา อีกทั้ง เมื่อดูจากความถี่ของการร่วมสัมพันธ์สวาทระหว่างลู่เหวินเจิ้นและลู่อวี้ฉิงแล้ว คงไม่นานเกินรอลู่อวี้ฉิงจะต้องตั้งครรภ์เป็แน่ ถึงกระนั้นอย่างมากก็แค่เดือนสองเดือนที่พอจะปิดบังเื่เหล่านี้ได้ แต่หากปล่อยเวลาให้ผ่านไปนานเข้าเล่า?
จวินเหยียนส่งอาหารแห้งให้นาง จากนั้นก็พูดเสียงเรียบ “ต่อให้ลู่อวี้ฉิงจะมีบุตรให้จริงๆ ไม่ว่าอย่างไรด้วยเื่นี้ ลู่เหวินเจิ้นย่อมไม่มีทางให้คนภายนอกรับรู้หรอก”
“นี่ไม่ใช่เื่ที่เขาจะตัดสินใจได้” อวิ๋นซีส่งเสียงฮึอย่างเ็า ตอนนี้หมากกระดานนี้ถึงตานางเดินบ้างแล้ว ลู่เหวินเจิ้นอยากถูกเรียกตัวกลับไปเมืองหลวง ดีมาก นางจะให้เขาได้สมดังใจ และเพียงเขาได้กลับไปยังเมืองหลวง เื่เหล่านี้ถึงจะยิ่งสนุกขึ้น
นางจะต้องให้ลู่อวี้ฉิงคลอดลูกออกมาได้อย่างปลอดภัย ทั้งยังจะช่วยให้อีกฝ่ายได้สมปรารถนา เพียงเท่านี้ก็เหลือแค่พวกเขาได้กลับไปยังตระกูลลู่ในเมืองหลวงอีกครั้ง ลู่เหวินเจิ้นและลู่อวี้ฉิงถึงจะแสดงประโยชน์ของพวกตนออกมาได้อย่างเต็มที่
จวินเหยียนเห็นท่าทางของนางก็รู้แล้วว่า คงกำลังคิดวางแผนอะไรอยู่อีกเป็แน่ ตนจึงไม่คิดปริปากพูดอะไรอีก และได้แต่หวนนึกถึงหลายวันที่ผ่านมานี้ที่ได้อยู่ด้วยกันทั้งยามกลางวันและยามกลางคืน คิดถึงทุกคืนค่ำที่ได้เอนกายลงนอนข้างนาง นี่นับเป็ครั้งแรกที่จวินเหยียนรู้สึกว่า ข้างกายเขา ที่ตรงนั้นที่ว่างเปล่ามาเนิ่นนานคลับคล้ายถูกเติมเต็มไปชั่วขณะ
ความโดดเดี่ยวตลอดหลายปีมานี้ก็คลับคล้ายจะสลายหายไป ไม่ให้เห็นแม้แต่เงาในชั่วขณะนั้นเช่นกัน
ยิ่งคิดเช่นนี้ เขาก็ยิ่งตัดใจปล่อยนางไปไม่ได้
กว่าคนทั้งสองจะเดินทางกลับถึงโรงหมออวิ๋นซานก็เป็ยามเซิน [2] แล้ว ทันทีที่อวิ๋นซานเห็นบุตรสาวที่ไม่ได้เจอหน้ามาหลายวันกลับมาแล้ว ใจที่เหมือนแขวนอยู่บนอากาศของเขาก็ถึงคราววางลงได้เสียที “าเ็ตรงไหนหรือไม่? ” หมอผู้เลื่องชื่อเยี่ยงเขาต้องรู้จักเชียนเย่หลิงต้านแน่ และแน่นอนว่า ย่อมต้องรู้ดีว่าการจะได้มานั้นไม่ง่าย ต่อให้จะหาเจอแล้วก็ไม่ได้แปลว่าจะมีดวงให้สามารถเด็ดมันออกมาได้
หลายวันนี้เป็เพราะห่วงบุตรสาวจนทำให้เขากินไม่ได้ นอนไม่หลับ ทุกวันได้แต่รอคอยให้นางรีบกลับมา ทั้งยังคิดอยู่ว่า หากภายในสองวันนี้นางยังไม่กลับมา เขาก็จะออกไปตามหานางด้วยตนเอง
อวิ๋นซีเห็นท่าทางห่วงกังวลของอวิ๋นซานก็อดยิ้มบางๆ ไม่ได้ “ท่านพ่อ ข้าจะเป็อะไรได้เ้าคะ ก็แค่ไปเก็บเชียนเย่หลิงต้านเท่านั้น อีกประการ ท่านพ่อลองคิดดูเถิดเ้าค่ะ เมื่อหาเจอแล้ว ข้ายังมีองค์ชายอยู่ด้วยทั้งคน แล้วยังจะจำเป็ให้ข้าต้องเป็คนไปเด็ดเองอีกหรือเ้าคะ? ”
นางไม่กล้าบอกอวิ๋นซานเื่ที่ตนตกลงไปในแม่น้ำใต้ดิน ซ้ำร้ายยังถูกงูหลามั์โจมตี เพราะหากเขารู้เื่เหล่านี้เข้า ในวันหน้าหากตนคิดจะออกจากบ้านก็คงเป็เื่ยากแล้ว
“ดูสิ พ่อลืมไปเลยว่าเ้าไปกับองค์ชาย” ทันทีที่ได้ยินคำว่าองค์ชายขึ้นมา เขาก็นึกถึงสินสอดที่วางอยู่ในห้องรับแขกขึ้นมาได้ มุมปากเขากระตุกอยู่สองสามที เื่นี้ตนควรบอกบุตรสาวเช่นไรดี?
สาวใช้เตี๋ยชุ่ยที่อยู่อีกด้านมองไปยังอวิ๋นซานด้วยท่าทีที่คล้ายกำลังเร่งให้เขาบอกเื่นี้ออกไป มิเช่นนั้นหากคุณหนูได้รู้เื่นี้ด้วยตนเองแล้วละก็ เื่ราวต่างๆ คงจะยุ่งยากมากแน่ และแม้อวิ๋นซานจะเข้าใจในความหมายของเตี๋ยชุ่ย ทว่าคนเยี่ยงเขาจะกล้าพูดที่ไหนกันเล่า เพราะแต่ไหนแต่ไรมาบุตรสาวผู้นี้เป็คนมีความคิดเป็ของตนเองมาโดยตลอด หากเื่นี้ถูกนางรู้เข้าเสียั้แ่ในยามนี้ นางจะไม่โวยวายจนฟ้าถล่มเลยหรือ ดังนั้น เมื่อได้ไตร่ตรองเป็อย่างดีแล้ว เขาจึงคิดได้ว่า เื่นี้ควรเลื่อนออกไปก่อน เลื่อนออกไปก่อน...
“ท่านพ่อ ข้ารู้สึกเหนื่อยนัก ขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนนะเ้าคะ ส่วนมื้อเย็น ท่านก็กินไปก่อนเลยเ้าค่ะ ไม่ต้องรอข้า ปล่อยให้ข้าได้หลับจนตื่นเองเถิด” เมื่อพูดจบ นางก็เรียกเตี๋ยชุ่ยให้เดินกลับเข้าเรือนหลังไปด้วยกัน
เตี๋ยชุ่ยพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็หยุดไปอยู่หลายครั้ง ท้ายที่สุดเมื่อคิดได้ว่า แม้แต่นายท่านก็ยังไม่ยอมบอกเื่นี้กับคุณหนู หากตนปริปากพูดไปก่อน นายท่านอาจโกรธที่ตนกระทำไปโดยพลการ หากเป็เช่นนั้นก็คงไม่ดีแน่
เมื่ออวิ๋นซีอาบน้ำชำระกายเสร็จแล้วก็เข้านอนในทันที ทว่า ไม่รู้ว่าตนนอนหลับไปนานเท่าใด ในตอนที่กำลังสะลึมสะลือ เพราะรู้สึกเหมือนมีคนเรียกตน นางถึงได้ค่อยๆ ลืมตาขึ้น และสิ่งแรกที่เข้าสู่คลองสายตา คือใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดูของซือถูเวย ยามนี้อีกฝ่ายมีสีหน้าร้อนใจขณะบ่นว่านาง “อาซี เ้านี่นะ รู้ทั้งรู้ว่าวันนี้เป็วันมงคล แต่ก็ยังจะหลับลึกเพียงนี้อีก มีเ้าสาวที่ไหนเป็เช่นเ้าบ้าง? เวลาผ่านไปยามนี้แล้ว เหตุใดจึงยังไม่รีบลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมอีก ประเดี๋ยวก็เลยฤกษ์กันพอดี”
เมื่อต้องฟังคำบ่นของสหายที่ไม่มีท่าทีจะหยุดปาก อวิ๋นซีก็อึ้งค้างไป ยิ่งฟังยิ่งสับสน แต่เมื่อคิดไปว่าตนที่กำลังนอนหลับอยู่ถูกคนปลุกให้ตื่นอย่างกะทันหัน นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย จากนั้นจึงกัดฟันพูด “เวยเวย ข้ากำลังหลับอยู่ เ้าจะปลุกข้าขึ้นมาทำอันใด? แล้วใครเป็เ้าสาวกัน? ”
———————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] อยู่ใกล้เขากินเขา อยู่ใกล้น้ำกินน้ำ(靠山吃山,靠水吃水)หมายถึง ให้พึ่งพาอาศัยดำรงชีวิตตามสภาพภูมิประเทศที่ตนดำรงชีวิตอยู่
[2] ยามเซิน(申时)่เวลา 15 นาฬิกา ถึง 17 นาฬิกา