เมื่อภรรยาโจวต้าได้ยินแล้วก็หัวเราะพรืดออกมา “ปกติแล้วอย่างมากเขาก็ล่าไก่ป่ากลับมาได้นิดหน่อย แต่บางครั้งออกไปเป็ครึ่งค่อนวันก็กลับมามือเปล่า ดังนั้น เพียงข้าดูเท่านี้ก็รู้แล้วว่า นี่มิใช่ฝีมือเขา” สามีของตนมีความสามารถเพียงใดนางย่อมรู้ดี
โจวต้าถูกภรรยาตนพูดเช่นนี้ต่อหน้าผู้อื่นก็ให้รู้สึกเขินอายเล็กน้อย “ฮูหยินฉิน ข้าล่ามาได้แค่ไก่ป่าตัวเดียว ส่วนที่เหลือเป็คุณชายฉินที่ล่ามาทั้งหมด เขาเก่งกาจมากจริงๆ ราวกับจับวางเป็ทุกครั้ง ทั้งยังมีน้ำใจแบ่งกระต่ายป่ากับไก่ป่าจำนวนหนึ่งให้โจวซานไป ด้วยหวังจะให้สหายข้านำไปฆ่าแล้วแจกจ่ายให้คนอื่นๆ ในหมู่บ้าน”
โจวต้าคาดไม่ถึงว่า คุณชายที่มีรูปร่างบอบบางเช่นนี้จะมีฝีมือที่ร้ายกาจถึงเพียงนั้น เหมือนดั่งที่บิดาเขาเคยกล่าวไว้จริงๆ คนเราไม่อาจมองผู้อื่นแค่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกได้
ในขณะเดียวกันอวิ๋นซีก็รู้สึกว่า การที่คนเหล่านี้พากันเรียกนางว่าฮูหยินฉิน ทำให้นางรู้สึกเขินอายเป็อย่างมาก ซึ่งเดิมทีั้แ่ที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้านางก็คิดอยากจะบอกพวกเขาอยู่แล้วว่า อย่าได้เรียกขานนางเช่นนั้นอีกเลย “พี่ใหญ่โจว พี่สะใภ้ พวกท่านไม่ต้องเรียกพวกเราว่าฮูหยินฉินกับคุณชายฉินหรอกเ้าค่ะ เพียงแต่เรียกเขาว่า ฉินเอ้อร์ และเรียกข้าว่า อาซี ก็พอแล้ว”
ในตระกูลโอวหยาง จวินเหยียนเป็บุตรชายคนที่สอง ดังนั้น นางจึงคิดว่าหากให้ทุกคนเรียกเขาว่า ฉินเอ้อร์ [1] ก็คงไม่เลวเหมือนกัน ส่วนตัวนางก็เป็ อาซี แล้วกัน
เมื่อจวินเหยียนได้ยินก็หันมองนาง สุดท้ายก็พยักหน้าเห็นพ้อง “อืม พวกท่านเรียกพวกเราเช่นนั้นก็พอแล้ว” สิ่งเ่าั้ก็เป็แค่ชื่อเท่านั้น เขาไม่ได้สนใจเื่พรรค์นี้นักหรอก
เมื่อได้ยินสองสามีภรรยาแซ่โจวเปลี่ยนคำเรียกขานพวกตนแล้ว อวิ๋นซีก็ถูกไล่ให้กลับไปพักผ่อนทันที โดยภรรยาโจวต้าจะไปฆ่าไก่เพื่อต้มน้ำแกงบำรุงให้อวิ๋นซี ส่วนโจวต้านั้นก็จะไปช่วยฆ่ากระต่าย และเก็บไว้แค่พอกินสำหรับคนในบ้าน จากนั้นที่เหลือค่อยนำไปแบ่งปันให้เพื่อนบ้าน
อวิ๋นซีพักผ่อนไปได้ครู่หนึ่ง หลังจากดื่มน้ำแกงไก่ที่ภรรยาโจวต้าต้มมาให้ เพียงไม่นานเหงื่อก็ออกทั่วร่าง ทั้งยังรู้สึกดีขึ้นมาก ในตอนนั้นเองเป็จวินเหยียนที่ถือห่อผ้าเข้ามาพร้อมพูดเบาๆ ว่า “นี่เป็อาภรณ์สำหรับผลัดเปลี่ยน”
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็รับไปเปิดออกดู นี่ไม่ใช่ชุดที่ครอบครัวโจวเตรียมไว้ให้นาง นางเงยหน้ามองเขาด้วยความเคลือบแคลง “ท่านนำของเหล่านี้มาั้แ่เมื่อใดกัน? ”
“องครักษ์ลับส่งมาให้น่ะ” เขาตอบกลับเรียบๆ “แค่เห็นเ้าออกไปขุดสมุนไพร ข้าก็รู้แล้วว่า เ้าคง้าจะรั้งอยู่ที่นี่สักสองสามวัน”
เมื่ออวิ๋นซีรับเสื้อผ้าไปแล้วก็เลิกคิ้วกล่าวกับเขา “เมื่อครู่นี้ที่ดื่มยาไป ทำให้ข้ามีเหงื่อออกมาก ตอนนี้ข้าอยากจะอาบน้ำชำระกายเสียหน่อย ท่านช่วยออกไปก่อนได้หรือไม่? ” ชายหนุ่มนำชุดใหม่มาให้พอดิบพอดีเลย หากให้พูดตามจริง สำหรับอาภรณ์นั้นจะเป็แพรพรรณชั้นดีหรือไม่นางก็หาได้ใส่ใจ เพียงแต่ไม่คุ้นชินกับการที่ต้องสวมเสื้อผ้าของผู้อื่น ถึงกระนั้นเสื้อผ้าเหล่านี้ก็เป็จวินเหยียนที่ตระเตรียมไว้ให้สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ ทั้งหมดล้วนเป็แบบเรียบง่าย สวมใส่สบายและไม่ดูรุ่มร่ามอีกด้วย
จวินเหยียนกวาดตามองนางั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้า “รูปร่างผอมแห้งของเ้ามีอันใดน่ามองกัน มีความจำเป็ต้องไล่กันเชียวหรือ? ”
“ท่าน” อวิ๋นซีเขวี้ยงห่อผ้าใส่เขาด้วยความเกรี้ยวกราด “ท่านมันสารเลว”
จวินเหยียนรับห่อผ้ามา อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “หากข้าสารเลว เช่นนั้นเ้าก็คือฮูหยินคนสารเลว อย่าลืมนะ ตอนนี้เ้าเป็ภรรยาของข้า” เมื่อนึกถึงคนอื่นที่คิดไปว่าพวกเขาเป็สามีภรรยากัน เขาก็อดโค้งริมฝีปากขึ้นไม่ได้ สามีภรรยา ความรู้สึกเช่นนี้ไม่เลวเลยจริงๆ
อวิ๋นซีกวาดตามองเขาอย่างเ็า ก่อนจะเดินเข้าไปแย่งห่อผ้ากลับมา แล้วไล่เขาออกไป เมื่อนางอาบน้ำชำระกายเสร็จก็ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เสียใหม่ จากนั้นจึงเปิดประตูห้อง เดินออกไปยังลานด้านนอก ในตอนนั้นจวินเหยียนกำลังช่วยโจวต้าฆ่ากระต่ายป่าอยู่ การเคลื่อนไหวที่ชำนิชำนาญนี้ของเขา เมื่อพิศไปแล้วยังอาจเรียกได้ว่า รวดเร็วเสียยิ่งกว่าโจวต้าอีก
ชั่วขณะนั้น จู่ๆ นางก็นึกถึงโอวหยางเทียนหัวขึ้นมา เขาเป็คนที่ไม่มีความสามารถในการดำรงชีวิต เป็คนในลักษณะที่ต้องมีใครช่วยยกสำรับขึ้นวางบนโต๊ะให้ถึงจะกินได้ ทั้งๆ ที่จวินเหยียนและเทียนหัวต่างก็เป็องค์ชายเหมือนกัน และหากให้พูดถึงสถานะ จวินเหยียนย่อมต้องสูงส่งกว่า ทว่าคนคนนี้กลับทำได้ทุกอย่างต่างจากเทียนหัวอย่างลิบลับ
ความแตกต่างระหว่างสองพี่น้องนี้มีไม่น้อยเลยจริงๆ ทว่าไม่รู้ด้วยเหตุใด นางกลับยิ่งรู้สึกว่าขอแค่ให้จวินเหยียนได้กลับไปยังเมืองหลวงอีกครั้ง คนผู้นี้จักต้องสร้างความตระหนกให้โอวหยางเทียนหัวได้อย่างแน่นอน เนื่องด้วยบุคคลที่ไม่ว่าด้านใดก็ล้วนโดดเด่นเสียยิ่งกว่าโอวหยางเทียนหัว หากให้ต้องกลบฝังไว้ที่นี่ นางก็รู้สึกว่าช่างน่าเสียดายเกินไป ดังนั้น จึงตั้งใจจะช่วยเขารีบเปลี่ยนแปลงหานโจวให้ได้โดยเร็ว และเมื่อถึงตอนนั้นเขาก็จะสามารถกลับไปยังเมืองหลวงแล้วช่วยสร้างปัญหาให้ท่านที่กำลังประทับอยู่ในจวนรัชทายาทผู้นั้นได้อย่างไรเล่า
“อาซี ท่านแต่งกายเช่นนี้งดงามมากจริงๆ สมแล้วที่เป็นายหญิงแห่งตระกูลเศรษฐี ช่างแตกต่างกับสตรีในป่าในเขาเช่นเรายิ่งนัก” ภรรยาโจวต้ามองอวิ๋นซีด้วยสายตาอิจฉา ทว่าในสายตาคู่นั้นนอกจากความอิจฉาแล้ว กลับมองไม่เห็นความริษยาแม้เพียงนิด
เพราะเหตุนี้ ความรู้สึกดีๆ ที่อวิ๋นซีมีให้ภรรยาโจวต้าผู้นี้จึงยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นางยิ้มแย้มแล้วกล่าวตอบ “พี่สะใภ้กล่าวชมข้าเกินไปแล้วเ้าค่ะ ตัวท่านต่างหากที่เป็สตรีที่สวยนอกฉลาดใน [2] ” นางมองไปรอบทิศ ถึงแม้ที่นี่จะเป็บ้านดินหยาบๆ ทว่าบ้านทั้งหลังล้วนถูกเก็บกวาดอย่างเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน กระทั่งไก่ก็ยังถูกเลี้ยงไว้ในเล้าอย่างที่ไม่ต้องกลัวเลยว่า วันใดมันจะบินหนีไป
ยิ่งกว่านั้น ห้องที่อวิ๋นซีพักอยู่นั้น แม้จะถูกสร้างขึ้นอย่างหยาบๆ แต่กลับไม่มีแม้กลิ่นไม่พึงประสงค์ อีกทั้งตลอดสองวันมานี้ที่บนหน้าต่างยังมีดอกไม้ป่าแขวนประดับไว้อีกด้วย แค่ดูก็รู้ว่านี่ต้องเป็ผลงานของภรรยาโจวต้าอย่างแน่นอน คนอื่นมักพูดว่า หากอยากจะรู้ว่าสตรีผู้นั้นมีความสามารถหรือไม่ก็แค่ดูว่าในบ้านของนางมีการเก็บกวาดอย่างสะอาดสะอ้านหรือไม่ เพียงเท่านี้ก็พอจะรู้แล้ว ดังนั้น ในสายตาของอวิ๋นซี ภรรยาโจวต้านั้นเป็สตรีที่สวยนอกฉลาดใน
“จริงด้วยเ้าค่ะพี่สะใภ้ แล้วของที่พวกเราขุดกลับมาเล่า? ”
เมื่อภรรยาโจวต้าได้ยินก็ยิ้ม จากนั้นจึงชี้นิ้วไปที่หวงเสินเ่าั้ที่ถูกล้างทำความสะอาดแล้ว และกำลังผึ่งแดดอยู่บนก้อนหินที่อยู่ตรงกลางลานบ้าน “ข้าเห็นว่าพวกมันสกปรก จึงอยากช่วยท่านล้างให้สะอาด”
อวิ๋นซียิ้มพยักหน้า ขณะที่ภรรยาโจวต้าไม่รอช้ารีบถามต่อ “อาซี ของเหล่านี้คืออะไรหรือ? ”
อวิ๋นซียิ้มแล้วจึงหยิบหวงเสินออกมาก้านหนึ่ง “พี่สะใภ้ นี่มันเป็เงินทั้งนั้นเลยนะเ้าคะ” เมื่อพูดจบ นางก็ให้ภรรยาโจวต้าช่วยนำหวงเสินทั้งหมดเข้าไปในครัว จากนั้นก็ใช้กระทะนึ่งหวงเสินเ่าั้จนสุก
ตอนที่อวิ๋นซีคั่วหวงเสินอยู่นั้น ภรรยาโจวต้าก็ได้ยืนดูอยู่ข้างกายนาง และช่วยเป็ลูกมือด้วย เมื่ออวิ๋นซีเห็นท่าทางที่ดูสนอกสนใจของอีกฝ่ายก็อดไม่ได้ให้ต้องยิ้มออกมาแล้วกล่าว “นี่คือหวงเสินเ้าค่ะ เป็สมุนไพรชนิดหนึ่ง”
“สมุนไพร? ” ภรรยาโจวต้าอดประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้ “ดอกไม้เหล่านี้ที่ฝั่งเขาเสี่ยวอ้าวนั้นมีมากมาย ท่านบอกว่า พวกมันเป็สมุนไพร เช่นนั้นก็แปลว่า สิ่งเหล่านี้สามารถนำไปแลกเป็เงินได้อย่างนั้นหรือ? ”
อวิ๋นซีมองภรรยาโจวต้า อีกฝ่ายช่างเป็สตรีที่เฉลียวฉลาดจริงๆ นางแค่พูดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น คนก็สามารถคิดไปถึงเื่ทำเงินได้แล้ว “ถูกต้องเ้าค่ะ ขอแค่ต้องผัดหวงเสินเหล่านี้จนสุก จากนั้นก็นำไปตากให้แห้ง เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถนำไปขายที่โรงยาได้แล้ว ที่สำคัญกว่านั้นราคาของมันก็หาใช่ถูกๆ ”
จวินเหยียนหยุดยืนอยู่หน้าประตูครู่หนึ่ง ทันทีที่ได้ยินคำพูดของนาง ริมฝีปากก็อดโค้งขึ้นเป็รอยยิ้มไม่ได้แล้วจึงเดินเข้าไปหา “มิน่าเล่าเ้าถึงได้บอกว่า นี่เป็เงินทั้งสิ้น” เขาทายได้แล้ว สตรีผู้นี้ตั้งใจจะให้ชาวหมู่บ้านสกุลโจวขึ้นเขาไปเด็ดสมุนไพร เพื่อนำไปแลกเป็เงิน
อวิ๋นซีพยักหน้า “ใช่แล้ว หวงเสินชั้นเลิศเช่นนี้พบได้น้อยมาก อีกทั้งที่มีขายอยู่ตามโรงยาในตอนนี้ก็ล้วนเป็จำพวกที่มีอายุไม่กี่ปี ดังนั้น ต้นที่มีอายุเจ็ดแปดปีขึ้นไปย่อมเสาะหาได้ยากมาก แต่ข้ากลับพบว่า บริเวณรอบข้างหมู่บ้านสกุลโจวนี้มีอยู่ไม่น้อยเลย หากว่าสามารถนำมาแปรรูปให้พร้อมใช้งาน แล้วส่งขายให้โรงยา...คงจะได้ราคาดีมากเชียวล่ะ”
ภรรยาโจวต้าถามต่อ “อาซี ท่านคิดจะขุดสมุนไพรเหล่านี้ขึ้นมาแปรรูปหรือ? ”
อวิ๋นซีได้ยินก็แย้มยิ้มส่ายศีรษะ “มิใช่ข้าหรอกเ้าค่ะ แต่เป็พวกท่าน ชาวหมู่บ้านสกุลโจวต่างหากเล่า”
———————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] เอ้อร์(二)เอ้อร์ในภาษาจีนหมายถึง สอง
[2] สวยนอกฉลาดใน(秀外慧中)หมายถึง คนที่มีรูปลักษณ์ภายนอกสวยงาม สติปัญญาภายในก็เฉลียวฉลาด